@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 5 วันที่ 9 ก.พ. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 5 วันที่ 9 ก.พ. 56

“คุณพ่อมาดูขุนไวซ้อมแบบนี้ถ้าคุณพี่พิทักษ์รู้เข้า”
รำพึงยังพูดไม่จบ พระยาเทวราชเริ่มผิดหู และอารมณ์เสียทันที
“ถ้าข้าจะมีใครสักคนมาเป็นเขย ผู้นั้นจะต้องมาเชิดหน้าชูตาให้กับวงศ์ตระกูล ไม่ใช่มาฉุดให้ตกต่ำ”
รำพึงสงบปากลงทันที ไม่กล้าเถียง พระยาเทวราชพูดเบา ๆ ให้รำพึงได้ยินคนเดียว
“ข้าเคยพลาดทำให้วงศ์ตระกูลต้องปะปนกับเลือดทาสมาแล้วครั้งหนึ่ง”

รำพึงอึ้งสะเทือนใจที่โดนด่า
“ครั้งนี้ข้าจะต้องได้เลือดดีไม่เหมือนที่แล้วมา เจ้าเป็นลูกก็มีหน้าที่ล้างอายชดใช้ให้กับพ่อ!”
รำพึงพูดไม่ออก พระยาเทวราชเดินไปหาขุนไว รำพึงมือกำแน่นอย่างเก็บกด



“คุณรำพึงเจ้าคะ”
รำพึงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
“ข้าจะต้องเป็นอิสระ ชีวิตข้า ข้าต้องเลือกเอง!”
จวงมองรำพึงที่ดูเคืองแค้นอย่างหวั่นๆ

ฝ่ายขุนพิทักษ์ ซ้อมมวยกับสม เจอสมรุกไล่ ขุนพิทักษ์ตั้งรับๆๆ แล้วหาจังหวะตอบโต้คืน สายตาท่านขุนเหลือบมองชุ่มตลอด ชุ่มเองก็มองมาทั้งคู่ต่างสบตากัน ชุ่มยิ้มให้
สมยกมือขึ้นกันแล้วพลิกตัวเข้าวงในตีศอกเข้าหน้าขุนพิทักษ์ดังพลั่ก! จนท่านขุนหงายหลังไป
“ท่านขุน!”
ชุ่มลืมตัวเข้าไปดูแล และประคองขุนพิทักษ์ ถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์มึนศอก แต่ชอบใจที่รู้ว่าชุ่มมาคอยประคอง แต่สมขัดใจ

“เอ็งถอยไปนังชุ่ม ข้าดูเอง”
ขุนพิทักษ์ตะโกนบอกเสียงดัง

“ไอ้สม! เอ็งไปเอาที่ประคบมา”
“แต่...” สมอิดออด
“ไปสิโว้ย!”
สมจำต้องออกไป
“ท่านขุน เจ็บมากไหมเจ้าคะ”
“เจ็บ...”
“พี่สมช้าจริง เดี๋ยวข้าจะรีบไปเอายามาให้นะเจ้าคะ” (จะลุก)
ชุ่มทำท่าจะลุก แต่ขุนพิทักษ์ ดึงไว้
“ไม่ต้อง!”
ขุนพิทักษ์ จับมือชุ่มมาวางแนบตรงแก้มที่ช้ำ
“แค่นี้ข้าก็หายเจ็บแล้ว”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์ แล้วยิ้มเขินๆ แล้วรีบดึงมือออก
ขุนพิทักษ์ หน้าจ๋อย
“เฮ้อ...งานนี้คงแพ้ไอ้ขุนไวแน่”
“แต่ข้าเชื่อว่าท่านขุนจะชนะเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ยิ้มบอก
“ถ้าเอ็งเชื่อเช่นนั้น ข้าจะชนะให้เอ็งดู”
ขุนพิทักษ์ กระชับมือชุ่มดังเป็นสัญญาต่อกัน ชุ่มยิ้ม ขุนพิทักษ์ ยิ้มตอบ

ทางด้าน ขุนไวพิชิตพลจัดท่าหนุมานถวายแหวนใส่คู่ซ้อม จนคู่ซ้อมลงไปกองกับพื้น รำพึงมองแต่เก็บกิริยาหน้านิ่ง พระยาเทวราชปรบมืออย่างพอใจ ขุนไว เข้ามานั่งพัก
“ฝีมือท่านขุนไม่เบาเลยทีเดียว คงกำชัยชนะได้ไม่ยาก”
“กระผมไม่อยากประมาทขอรับ ต้องหมั่นฝึกเพื่อ...”
ขุนไว มองรำพึงด้วยสายตาอย่างมีความหมาย
รำพึงยิ้มรับนิด ๆ อย่างพอใจที่ขุนไวดูจะหัวปักหัวปำกับเสน่ห์ตนเองเหลือเกิน
“กระผมขอเชิญท่านพระยาอยู่ร่วมรับประทานอาหารเย็นนะขอรับ”
“คุณพ่อคะ ลูกรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากจะขอกลับไปพักที่เรือนน่ะค่ะ”
“น้องเป็นอะไรมากรึเปล่า พักบนเรือนพี่ก่อนก็ได้นะ”
“เกรงว่าจะไม่เหมาะมั้งคะ ถ้าใครรู้เข้าคงเสียชื่อถึงคุณพ่อ”
พระยาเทวราชโดนจี้ใจดำ
“ถ้าอย่างนั้น ข้ากลับก่อนดีกว่า”
ขุนไว ผิดหวังนิด ๆ แต่พยายามเก็บอาการ
“ขอรับ”
พระยาเทวราชกับรำพึงเดินออกไปทางท่าเรือ
พระยาเทวราชเห็นหมื่นประจักษ์เข้ามาจากอีกทางหนึ่ง
หมื่นประจักษ์ตรงเข้าไปหา ขุนไวหันกลับมาเห็นหมื่นประจักษ์ก็แปลกใจ
“หมื่นประจักษ์ ท่านเจ้ากรมมีงานให้ข้ารับใช้เหรอ เจ้าถึงต้องมาถึงเรือนข้า”
“กระผมมีเรื่องที่ท่านขุนน่าจะสนใจ”
ขุนไว มองอย่างสงสัยว่าเรื่องอะไร

ขุนไว สีหน้าแปลกใจมาก
“โกง!?”
หมื่นประจักษ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“กระผมแค่จะช่วยให้ท่านขุนได้ตำแหน่งผู้ช่วยกรมได้ง่ายขึ้นต่างหาก กระผมทราบว่าท่านขุนมีที่ดินมากกว่าห้าร้อยไร่ ข้าต้องการเพียงแค่หนึ่งในสาม”
ขุนไวหน้าตึงขึ้นทันที
“แต่นั่นเป็นทรัพย์สมบัติของพระยาพิศาล คุณพ่อของข้า ข้าจะรักษาไว้ไม่ให้สูญไปกับเรื่องแบบนี้”
“คิดอีกทีไหมขอรับท่านขุน ท่านขุนก็ทราบว่ากระผมเป็นคนสนิทของท่านเจ้ากรม จะให้กระผมพูดส่งเสริมมันก็คงไม่ยาก”
“ไม่จำเป็น ถ้าข้าจะได้ตำแหน่งก็ต้องเป็นเพราะความสามารถของข้าเอง ไม่ใช่เพราะลมปากของใคร”
หมื่นประจักษ์ไม่พอใจจึงใสไฟต่อ
“กระผมอยากจะเรียนให้ท่านขุนทราบเอาไว้ ว่าท่านเจ้ากรมสนิทสนมกับพระยาสุรเดชไมตรีดั่งพี่น้อง ท่านขุนลองคิดสิขอรับว่า ท่านเจ้ากรมจะเลือกใครระหว่างลูกชายของลูกน้องคนสนิท หรือว่าท่านขุนไม่มีศาลอย่างท่าน!”
เพียงจบคำ ตีนขุนไวก็เตะปากหมื่นประจักษ์จนหงายหลังดังโครม! เลือดกลบปาก
“ถ้าข้าชนะขุนพิทักษ์อย่างเด็ดขาด คงไม่มีความลำเอียงใดๆ จะส่งผลต่อการแข่งขันในครั้งนี้ได้”
หมื่นประจักษ์มองขุนไวอย่างเดือดดาล
“ท่านจะต้องเสียใจ!”

หมื่นประจักษ์โกรธมากแล้วเดินออกไป ขุนไวเชิดหน้าอย่างหยิ่งในศักดิ์ศรี
ที่บริเวณลานหน้าเรือนคุณหญิง ขุนพิทักษ์ซ้อมเตะต้นกล้วยอย่างแรง เตะๆๆ จนต้นกล้วยหักคาตีน นั่นแหละขุนพิทักษ์ถึงยอมหยุด

“ไอ้สม มาดวลกับข้า!”
สมตั้งท่าเดินเข้ามาในลาน ชุ่มที่ดูอยู่รีบห้าม
“ท่านขุนเจ้าคะ พักเถอะเจ้าคะ ซ้อมมาทั้งวันแล้ว ไม่งั้นพรุ่งนี้จะไม่มีแรงไปสู้นะเจ้าคะ”
“ไอ้สม! เอ็งก็ไปพักได้แล้ว”
สมมองเหมือนไม่อยากไป เพราะไม่อยากปล่อยชุ่มไว้กับขุนพิทักษ์ เพียงลำพังสองต่อสอง
“ไปสิวะ!”
สมจำต้องเดินไป ชุ่มเก็บของจำพวกพวกขันน้ำ ยาที่เตรียมไว้ ขุนพิทักษ์ เดินเข้ามาหา
“ชุ่ม...พรุ่งนี้เอ็งจะไปดูข้าประลองไหม”
ชุ่มยิ้มแล้วบอก
“ข้าจะรอฟังข่าวดีอยู่ที่เรือนนะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ มองด้วยสายตามีความหมาย
“ข้าสัญญา”
สองคนมองยิ้มกันอย่างมีความสุข

เช้าวันใหม่ ภายในห้องขุนพิทักษ์ไมตรี ท่านขุนหยิบกริชขึ้นมามอง

ภายในห้องเก็บโลงศพพระยาสุรเดช คุณหญิงมณีจุดธูปบอก
“คุณพี่คะ...คุ้มครองลูกด้วยนะคะ”
ขุนพิทักษ์ นำกริชเหน็บติดตัวไว้

บริเวณลานประลอง ขุนพิทักษ์ไมตรีกับขุนไวพิชิตพลอยู่ในศาลาที่เตรียมไว้รับรอง แยกส่วนต่างหากจากผู้เข้ามาร่วมงาน
มีศาลาที่จัดไว้ให้ท่านเจ้ากรมคนใหม่ คุณหญิงมณีและพระยาเทวราชรวมถึงคณะกรรมการคนอื่นๆนั่งด้วย
รำพึงแต่งตัวสวย งามสง่าคอยเดินเคียงข้างคุณหญิงมณีที่ออกหน้ารับแขกเหรื่อต่างๆ ที่มาในงาน
“เหนื่อยไหมคะคุณป้า”
“นิดหน่อยจ๊ะ แต่ในเมื่อเรารับอาสาเป็นแม่งานแล้วก็ต้องทำหน้าที่ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ หนูรำพึงล่ะเหนื่อยไหม”
“ไม่เลยค่ะ รำพึงภูมิใจที่ได้ช่วยงานคุณป้า”
คุณหญิงมณียิ้ม “จ๊ะ”
รำพึงเดินเข้าไปต้อนรับแขก
คุณหญิงมณีมองรำพึงอย่างพินิจ
“ช่างแตกต่างกันนัก”
บริเวณท่าน้ำ เรือนคุณหญิงมณี ชุ่มกำลังนั่งซักผ้าอยู่ริมน้ำ

ที่ลานประลอง ท่านเจ้ากรมมาดูขุนพิทักษ์ และขุนไว ที่เตรียมตัวพร้อมแข่งขัน
“ดูจากหน่วยก้านแล้ว...เดาไม่ออกเลยว่าผู้ใดจะคว้าชัยในครั้งนี้”
พระเทวราชยิ้มรับบอก
“ขอรับ”
เจ้ากรมหัวเราะและหันไปพูดกับรำพึง
“ถ้าให้เดาเล่นๆ หนูว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
รำพึงได้ทีบอก
“ท่านขุนพิทักษ์ที่มีพ่อเป็นถึงพระยาสุรเดชไมตรี น่าจะเป็นผู้ที่มีภาษีดีกว่านะเจ้าคะ ทั้งเรื่องกำลัง และสติปัญญา ท่านขุนพิทักษ์ย่อมไม่เป็นสองรองใครเป็นแน่เจ้าค่ะ”
พระยาเทวราชหันขวับมองรำพึงว่า ออกหน้าออกตามากไป แต่คุณหญิงมณีมองอย่างขอบใจ
“แม่หนูนี่เข้าใจพูด แต่ฉันได้ยินว่าขุนไวพิชิตพล ก็ต่อสู้ด้วยกำลังของตัวเองมาตลอด จนมียศฐาบรรดาศักดิ์ได้อย่างทุกวันนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นคู่แข่งที่เอาชนะได้ง่ายๆนะ” เจ้ากรมบอก
พระยาเทวราชรีบตัดบท
“ใครจะเป็นผู้ชนะ เราไว้ดูตอนที่ทั้งคู่ประลองกันดีกว่าขอรับ”
รำพึงนิ่งไป
“เริ่มแล้วนั่นไง”
ทั้งสองขุนต่างเดินออกมาจากคนละด้านเพื่อเตรียมตัว ในสภาพพร้อมสู้ ทั้งคู่ต่างมองมาทางรำพึง
รำพึงส่งสายตาให้ขุนพิทักษ์ เมื่อเห็นขุนไว มองมา รำพึงก็ยิ้มให้ ทำให้ขุนไวใจชื้นขึ้น
ทั้งคู่จ้องหน้ากันราวกับจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง

ในใจชุ่มมัวแต่นึกเป็นห่วงขุนพิทักษ์ จนทำหินขัดตัวตกน้ำ ชุ่มมองอย่างหงุดหงิด ก่อนตัดสินใจวิ่งไปลานประลองทันที
เวลาในการประลองกำลังจะมาถึง กรรมการก้าวออกมากลางลาน เริ่มพิธี

“เชิญทั้งสองฝ่ายที่กลางลานประลอง”
ท่านขุนทั้งสองต่างก้าวออกมายืนประจันหน้ากันอย่างเตรียมพร้อม คุณหญิงมณีมีสีหน้าเป็นกังวล รำพึงพยายามเข้าไปปลอบใจ
“คุณป้าอย่าเป็นกังวลเลยค่ะ... คุณพี่พิทักษ์ก็ต้องคว้าชัยในการประลองครั้งนี้เป็นแน่”
คุณหญิงมณีถอนใจ
“แต่ถึงยังไง ป้าก็อดห่วงพ่อพิทักษ์ไม่ได้อยู่ดี เรื่องเดิมพันนั่น”
ทั้งสองขุนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ ต่างก็คุยข่มกัน
“เอ็งเตรียมไสหัวออกไปจากเมืองนี้ได้เลย” ขุนไว บอก
“ฮึ อย่าปากดี ไอ้หมาวัด!”
ทุกคนใจจดจ่อกับการรอคอยเวลาประลองที่กำลังจะมาถึง
ชุ่มที่วิ่งเข้ามาถึงก็รีบลัดเลาะแอบหาทางเข้าไปดูให้ใกล้ที่สุด แต่เจอทหารที่เฝ้าทางเข้า ยกดาบขึ้นกันไม่ให้เข้า ชุ่มถอยออกมาแล้ววิ่งออกไปทางอื่น
ชุ่มลัดเลาะไปอยู่ที่หลังต้นไม้ด้านหลังที่นั่งของบรรดาแขกเหรื่อ หาทางชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วงขุนพิทักษ์ ชุ่มยกมือท่วมหัวบอก
“สาธุ!ขอให้ท่านขุนพิทักษ์ เอาชนะท่านขุนไวโดยไม่บาดเจ็บใดๆด้วยเถิด”
กรรมการตีฆ้องใหญ่ ตุ้ม!
ท่านขุนทั้งสองต่างเข้าแลกหมัด ขุนพิทักษ์รุกไล่ ขุนไวตั้งรับซ้ายขวา อย่างไม่น้อยหน้ากว่ากัน
บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายต่างส่งเสียงฮือฮากับฝีมือที่ทัดเทียมกันเป็นกำลังใจให้ท่านขุนทั้งสองฝ่าย
รำพึงมองอย่างพอใจ ชุ่มประสานมือกันบีบแน่นลุ้นด้วยความเป็นห่วง

ขุนไว เตะกวาดขาจนขุนพิทักษ์ จนล้ม ครั้นขุนไว จะกระทืบซ้ำ แต่ขุนพิทักษ์ ก็กลิ้งตัวหลบแล้วรีบขึ้นมาตั้งหลัก ขุนไว ยังตามรุกเตะ ๆ ๆ จนอีกฝ่ายได้แต่ผลักออก ตั้งรับอย่างเดียว
คุณหญิงมณี รำพึง ชุ่มต่างมองที่ขุนพิทักษ์ลุ้นเอาใจช่วย
ขุนพิทักษ์ ตัดสินใจถีบโคนขาด้านในจนขุนไว เสียหลักจะล้มแล้วก้าวตามแล้วถีบเข้าท้องจนขุนไว จนผงะไปแต่ยังพอยืนได้อยู่ พิทักษ์ถีบเข้าที่ลำตัวจนขุนไว เซไป
บรรดาแขกเหรื่อแทบจะหยุดหายใจด้วยความลุ้น
ขุนพิทักษ์สืบเท้าเข้าหา ขุนไว ก็พุ่งเข้าต่อยซ้าย ขวา ต้อนขุนพิทักษ์ ฝ่ายขุนพิทักษ์ปัดแล้วเข้าล็อกขุนไว แล้วดัน ๆ ๆ ขุนไวพยายามจะผลักออกไปให้ห่างเพื่อหาจังหวะตั้งหลัก ขุนไวเหวี่ยง ขุนพิทักษ์เซไปตามแรงเหวี่ยงจนหลุดจากลานประลองพุ่งไปทางพุ่มไม้ที่ชุ่มซ่อนอยู่ใกล้ๆ ชุ่มหันมองตกใจ

อีกมุมหนึ่ง กลุ่มคนดูต่างลุกขึ้นมองตามอย่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายหลังพุ่มไม้ ขุนพิทักษ์ กำลังจะลุกขึ้น แต่ขุนไว ที่ตามเข้ามาชกจนขุนพิทักษ์ลงไปกองที่พื้น ขุนพิทักษ์มึนจัดพยายามจะตั้งสติ
ขุนไว เหยียบอกขุนพิทักษ์
“ไงล่ะ สายเลือดพระยา ครั้งนี้คนทั้งเมืองจะต้องเห็นเอ็งต้องกราบแทบเท้าเด็กวัดอย่างข้า!”
ขุนพิทักษ์ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ แล้วเห็นก้อนหินที่อยู่ไม่ห่างนักเขาตัดสินใจคว้าหิน เป็นจังหวะเดียวกับที่ขุนไว ก้มลงมาล็อกคอลากขุนพิทักษ์ออกไป
ทันใดนั้น ขุนพิทักษ์ ใช้หินกระแทกเข้าที่หน้าผากขุนไว เต็มแรง โป๊ก!
ชุ่มตกใจที่เห็นขุนพิทักษ์ทำเช่นนั้นเต็มตา!
ขุนไวผงะ หัวแตกเลือดอาบ เซถอยไปตั้งหลัง
ขุนพิทักษ์ ลุกขึ้นแล้วถีบขุนไว ถลาออกไปที่ลานประลอง ขุนพิทักษ์พุ่งตามออกไป ขุนไวยังมึนเดินถอยเปะปะเข้ามา และยังตั้งสติไม่ได้
ขุนพิทักษ์ตามเข้ามาแล้วต่อยๆ ๆ ซ้ำ แม้ขุนไวพยายามจะต่อยแต่เจอขุนพิทักษ์กันแล้วปัดออก ขุนไวเสียหลักล้มลงไปกับพื้น แต่ยังพยายามทรงตัวอยู่ในท่าคุกเข่า ขุนไวจะก้าวลุกแต่ขุนพิทักษ์ พุ่งเข้าไปเหยียบขาขุนไวไว้ ส่งตัวเองขึ้นแล้วตีศอกลงกลางศีรษะขุนไว จนขุนไวล้มหงายหลังลงไปลุกไม่ขึ้น ขุนพิทักษ์ต่อยหน้าอีกฝ่ายที่หมดทางปัดป้อง จนหน้าขุนไวเปรอะทั้งเลือดจากแผลที่แตกและเลือดกำเดาปนน่าสยอง ขุนพิทักษ์เงื้อหมัดสุดท้ายเต็มแรงหมายจะต่อยทิ้งทวน ทุกคนตกใจ คุณหญิงมณีร้องปรามลูกชายเสียงดังลั่น
“พ่อพิทักษ์!”
ชุ่มตกใจ มือแทบจะปิดหน้าด้วยอาการลุ้นสุดขีด
คนอื่นๆ พากันมองด้วยความหวาดเสียว คิดว่าขุนไว ตายแน่ แต่ขุนพิทักษ์กลับค้างหมัดห่างจากใบหน้าขุนไว ไม่ถึงคืบ

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 5 วันที่ 9 ก.พ. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager