@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 6 วันที่ 15 ก.พ. 56


อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 6 วันที่ 15 ก.พ. 56

ปฐวีดึงเมรินเข้ามาใกล้ “น้าวีจะบอกอะไรให้ เรื่องของคุณพ่อคุณแม่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เค้าต้องหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง น้องเมย์ยังเด็ก อย่าเอามาใส่ใจเลย”
“แล้วถ้าผู้ใหญ่แก้ไขไม่ได้ล่ะคะ ผลกระทบจะไปตกอยู่กับใคร”
ปฐวีนิ่งคิดตาม “น้องเมย์ชักจะรู้เยอะแล้วนะเนี่ย ไปนอนได้แล้ว”
เมรินค้อน “เฮ้อ เป็นเด็กก็ไม่ดีแบบนี้นั่นแหละ มีแต่คนคอยสั่งๆๆ”
เมรินเดินไป ปฐวีมองตามแล้วส่ายหน้าขำ

เมธีนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่คลับ ฉัตรพรที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีมองลงมา เมื่อร้องจบเธอก็เดินเข้ามาหา
“ฉัตรจำคุณได้นะ วันก่อนคุณก็นั่งอยู่ตรงนี้ ฉัตรขอนั่งด้วยคนนะคะ”


“คุณเมธี มีสาวมาขอนั่งด้วย ขยับหน่อยสิครับ” เพื่อนเมธีบอก
“เชิญครับ” เมธีขยับ
“กำลังคิดอะไรอยู่คะ หน้าตาเคร่งเครียดเชียว ฉัตรเติมเหล้าให้นะคะ”
“อย่าเอาใจแต่เมธีนะครับ เติบให้ผมบ้าง” เพื่อนเมธีรีบบอก
“ยินดีค่ะ มาค่ะ ฉัตรเติมให้”
“คุณเมธี หน้าตาเคร่งเครียดเชียว คิดอะไรอยู่คะ เครียดงาน หรือปัญหาที่บ้าน” ฉัตรพรถาม
เพื่อนเมธีหัวเราะ “คุณฉัตรนี่รู้จริง”
“ฉัตรเข้าใจผู้ชายที่มาเที่ยวค่ะ ส่วนใหญ่ไม่ปัญหาเรื่องงาน ก็เรื่องครอบครัว”
เมธีมองหน้าฉัตรพรแล้วเหม่อลอย “ถ้าภรรยาผม เข้าใจผมอย่างคุณก็ดีสิ”
ฉัตรพรมองจ้องแล้วยิ้ม “ถ้าอย่างงั้น เราก็ไม่ได้เจอกันสิคะ”
ฉัตรพรยิ้มอ้อนและออดอ้อน เพื่อนเมธีมอง เมธีมองฉัตรพรแล้วเริ่มยิ้มผ่อนคลายก่อนจะคุยด้วย

เมรินที่อยู่หน้าห้องนอนมองไปที่ห้องประภัสสรก็เห็นไฟยังเปิดอยู่
“คุณภัสยังไม่นอนอีก คุณเมธีคงยังไม่กลับบ้าน”
เมรินเคาะประตูห้องแล้วผลักเข้าไป

เมรินเดินเข้าไปในห้อง ประภัสสรกำลังกระวนกระวายใจ เมรินมองด้วยความสงสาร ประภัสสรหันมาเห็น
“ยังไม่นอนหรือคะ น้องเมย์”
“เมย์นอนไม่หลับค่ะ แล้วคุณแม่ล่ะคะ”
“คุณแม่รอคุณพ่ออยู่ค่ะ เดี๋ยวคงกลับ”
“ทำไมคุณแม่ไม่โทรไปหาล่ะคะ จะได้รู้ว่าคุณพ่อจะกลับรึยัง”
“โทรไปหรือ” ประภัสสรนิ่งคิด “แม่ไม่กล้าหรอก เดี๋ยวคุณพ่อจะคิดว่าแม่ก้าวก่าย แล้ว จะพาลโกรธแม่อีก”
“คุณพ่อรักคุณแม่จะตาย คุณพ่อไม่โกรธคุณแม่หรอกค่ะ น่าจะดีใจซะอีก”
ประภัสสรคิดได้ “แหม น้องเมย์ลูกแม่นี่พูดจาเป็นผู้ใหญ่จริงๆ แม่จะลองโทรดูนะ”
ประภัสสรหยิบโทรศัพท์โทรหาเมธี

เมธียกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน 2-3 คน โทรศัพท์ของเมธีหล่นอยู่บนเก้าอี้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉัตรพรมองที่หน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นชื่อประภัสสร ฉัตรพรหยิบขึ้นมารับ
“ฮัลโหล... โทรศัพท์ของคุณเมธีค่ะ”

ประภัสสรชะงักแล้วรีบกดปิดโทรศัพท์ทันที เมรินที่มองอยู่เห็นท่าทางประภัสสรแปลกไป
“เป็นอะไรคะคุณแม่”
ประภัสสรอ้ำอึ้ง “คือ..คุณพ่อ คงติดงานอยู่น่ะค่ะ”
เมรินมองประภัสสรที่กำลังตกใจ

ปรงทองนั่งนิ่งเพราะใช้ความคิดอยู่ที่โต๊ะประจำตัว มือของเธอถือซองเอกสารของเสกสรรไว้ โดยมีแม้นวาดนั่งอยู่ด้านข้าง
“คราวนี้คุณหญิงจะตัดสินใจยังไงคะ” แม้นวาดถาม
“จะทำยังไงได้ล่ะแม่วาด ต่างคนต่างก็เป็นหลานทั้งสองฝ่าย ถ้าชั้นไม่ให้คงจะแตกแยกกันเป็นแน่”
“อิชั้นว่า ฝ่ายที่จะแตกเห็นจะเป็นฝ่ายคุณปรางค์ซะมากกว่า”
“ชั้นรู้ แต่ยังไงแม่ปรางค์ก็เป็นหลานเหมือนกัน ถ้าชั้นไม่ให้ ก็จะกลายเป็นว่าชั้นไม่ยุติธรรม”
“ถึงคุณหญิงจะยุติธรรมมากแค่ไหน ยังไงก็ไม่ถูกใจคุณปรางค์อยู่ดีแหละค่ะ”
ปรงทองนิ่งคิด แม้นวาดมองปรงทองด้วยความเห็นใจ

ปฐวีนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์และคิดเรื่องรักษาตันหยงอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ปฐวีลุกขึ้นไปเปิด ปรงทองยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
“คุณย่า ....มีอะไรหรือครับ”
“ย่ามีเรื่องอยากปรึกษาวีหน่อย”
ปรงทองเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลง เธฮมองเห็นหนังสือบนโต๊ะปฐวี
“กำลังทำงานอยู่รึเปล่า”
“อ่านดูข้อมูลอะไรไปเรื่อยน่ะครับ คุณย่ามีอะไรหรือครับ”
ปรงทองยื่นซองเอกสารให้ปฐวี “วีลองอ่านดู”
ปฐวีรับมามองแล้วเปิดออกดู
“ย่าอยากขอความเห็นวีก่อน” ปรงทองบอก
ปฐวีหยิบอกมาดู
“วีเห็นว่ายังไง” ปรงทองถาม
ปฐวีเก็บเอกสารใส่ซองแล้วนิ่งคิด
“เรื่องนี้ผมแล้วแต่คุณย่าจะตัดสินใจดีกว่าครับ ผมคิดว่าคุณย่าคงมีคำตอบในใจอยู่แล้ว”
ปรงทอง ยิ้มพอใจ “ย่าอยากฟังความเห็นของเจ้าก่อน” ปรงทองมองปฐวีอย่างสังเกต “เจ้าวี มีเรื่องอะไรกวนใจรึเปล่า”
“อ๋อ .... เรื่องคนไข้อ่ะครับ”
“ย่าว่า เจ้าน่าจะหาคนมาช่วยคิด ช่วยแชร์ความรู้สึกซักคนนะ เจอหรือยัง ถ้ายัง ให้ย่าช่วยหาให้ดีมั๊ย”
ปฐวียิ้มเขิน “ขอบคุณครับคุณย่า อาจจะเจอแล้วก็ได้ครับ”
“หมอหนึ่งหรือเปล่า ก็น่ารักดีนะ”
ปฐวียิ้ม

เช้าวันใหม่ ปรงทองนั่งเป็นประธานที่โถงกลางบ้าน ประภัสสร ปฐวี และปรางค์ทิพย์นั่งฟังอยู่
“คุณยายเรียกมากันพร้อมหน้า มีอะไรหรือคะ” ปรางค์ทิพย์ถาม
“ก็เรื่องของหล่อนนั่นแหละ ชั้นอยากให้พี่น้องทุกคนรับรู้เป็นพยาน แม่แม้น” ปรงทองเรียก
แม้นวาดหยิบเช็คมาส่งให้ปรางค์ทิพย์ ปรางค์ทิพย์รับมาดูแล้วตาโต
“ปรางค์กราบขอบพระคุณคุณยายที่เมตตาปรางค์ค่ะ”
“ต่อไปจะได้เลิกตีโพยตีพายซะที ว่าชั้นน่ะลำเอียง”
“ปรางค์ไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อยค่ะ”
“ถึงหล่อนไม่พูดชั้นก็รู้ว่าหล่อนคิดอยู่ตลอดเวลาแม่ปรางค์แต่การให้ครั้งนี้ชั้นมีข้อแม้...”
ปรางค์ทิพย์ชะงักแล้วหน้าเปลี่ยนไปทันที
ปรงทอง พูดต่อ “เงินก้อนนี้ชั้นให้หล่อนไปลงทุน แต่หล่อนต้องส่งรายงานบัญชีให้กับชั้นทุกเดือน ไปให้บริษัทแม่ตรวจสอบ เข้าใจไหม”
“ทำไมล่ะคะคุณยาย” ปรางทิพย์ถาม
“หล่อนจะกลัวอะไรกับส่งบัญชี เพราะถ้ามันจะมีปัญหา รายงานการเงิน มันจะบอกล่วงหน้าได้ จะได้ช่วยกันแก้ไขทัน”
“แต่ว่า.....”
“ถ้าชั้นไม่ให้หล่อน หล่อนก็จะมารำพึงรำพันว่าชั้นไม่ยุติธรรม แต่อย่าลืมนะ ว่าหล่อนน่ะ เคยได้ไปแล้ว และหล่อนก็ทำมันสูญไปหมดแล้ว แต่ชั้นก็จะให้โอกาศหล่อนอีกครั้ง ตามข้อตกลงของชั้น หล่อนจะทำได้ไหม”
ปรางค์ทิพย์หงุดหงิด “ทำได้ค่ะ คุณยาย”
ปรางค์ทิพย์หันไปมองปฐวีกับประภัสสรอย่างหงุดหงิด ปรงทองมองปรางค์ทิพย์อย่างหนักใจ

ปรางค์ทิพย์กับประภัสสรเดินออกจากบ้านปรงทอง ปรางค์ทิพย์หงุดหงิด
“แหม..คุณยายนะคุณยาย เงินแค่นี้ก็ต้องให้ส่งรายงานด้วย ทำเหมือนไม่ไว้ใจกันเลย”
“โธ่พี่ปรางค์คะ คุณย่าท่านก็บอกแล้วว่า เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยแก้ได้”
“มันก็ไอ้ลำเอียงนั่นแหละ ทีเมธีไม่เห็นต้องส่งรายงานเลยไม่ใช่หรือ”
ประภัสสรอึกอัก “เรื่องนี้ภัสไม่ทราบจริงๆค่ะ”
“หล่อนจะไปรู้อะไรแม่ภัส เชื่อแต่ผัวจนไม่ลืมหูลืมตา ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
ปรางค์ทิพย์เดินไป ประภัสสรมองตามแล้วส่ายหน้า

ปฐวีนั่งคุยกับปรงทอง
“ย่าทำแบบนี้ เจ้ากับแม่ภัสคงไม่ว่าย่าลำเอียงนะ” ปรงทองถาม
“ครับคุณย่า ผมกับพี่ภัส ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ พี่ปรางค์ก็พี่สาวผมเป็นหลานคุณย่าเหมือนๆกัน”
ปรงทอง ยิ้ม “เจ้าไปทำงานเถอะ เสียเวลามากแล้ว”
“ครับคุณย่า”
ปฐวีกราบลาปรงทองและแม้นวาดก่อนเดินออกไป แม้นวาดมองตามไปอย่างชื่นชม
“แล้วคุณท่านจะทำยังไงต่อไปคะ” แม้นวาดถาม
“จะทำอะไรได้ล่ะแม่แม้น ก็ต้องรอดูต่อไปน่ะสิ ชั้นคิดว่าคงไม่ผิดจากที่คาดไว้หรอก”
ปรงทองยิ้มแบบปลงตก

เสกสรรแต่งตัวพร้อมจะออกจากบ้านไปตีกอล์ฟ ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามาหาอย่างร่าเริง
“ชั้นมีข่าวดีจะบอก”
เสกสรรไม่สนใจ “วันนี้ผมไปตีกอล์ฟกับท่านประธานนะ เสร็จแล้วจะไปงานเลี้ยงต่อ คงดึก ไม่ต้องรอทานข้าวนะ”
“คุณดูนี่ก่อน”
ปรางค์ทิพย์โบกเช็คตรงหน้าเสกสรร เสกสรรชะงักแล้วคว้าเช็คมาดูด้วยความตื่นเต้น
“นี่คุณทำได้ยังไงเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลย”
ปรางค์ทิพย์เชิด “บอกแล้วไง ถ้าชั้นจะทำอะไร ก็ต้องได้”
เสกสรรกอดปรางค์ทิพย์อย่างชื่นชมแล้วหอมแก้มเธอ
“คุณนี่เป็นสุดยอดภรรยาจริงๆ”
“ทีนี้คุณก็ลาออกจากบริษัทได้แล้ว ไม่ต้องไปทนเป็นลูกจ้างเค้าอีกต่อไป”
“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณปรางค์ ผมจะทำให้เงินก้อนนี้มันงอกเงย คุณกับลูกจะได้อยู่สบาย”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ คุณต้องทำให้ชั้นเหนือกว่าแม่ประภัสสรให้ได้”
เสกสรรมองเช็คแล้วยิ้ม ปรางค์ทิพย์ยิ้มมาดมั่น

หนึ่งฤทัยกำลังตรวจอาการของตันหยง โดยมีพินิจกับบุหงาคอยมองอยู่อย่างเป็นห่วง “หมอจะให้พยาบาลคอยพลิกตัวทุก 3 ชั่วโมง จะได้ไม่มีแผลกดทับ และจะมีพยายาลมาคอยทำกายภาพบำบัดให้คุณตันหยงด้วย พ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” หนึ่งฤทัยรายงาน
“ถ้าไม่เป็นอะไร ทำไมหยงถึงไม่ฟื้นล่ะลูก” บุหงาถาม
บุหงาน้ำตาร่วง พินิจมองอย่างวิตก
“ผมขอคุยกับคุณหมอเป็นการส่วนตัวหน่อยครับ” พินิจว่า
หนึ่งฤทัยพยักหน้าแล้วเดินตามพินิจไป

พินิจยืนคุยกับหนึ่งฤทัย
“ลูกผมจะมีโอกาสฟื้นขึ้นมาหรือเปล่าครับคุณหมอ”
“หมอก็ตอบไม่ได้นะคะ แต่ตอนนี้ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ เราเรียกประชุมทีมแพทย์ทุกสาขา เพื่อลงความเห็นว่าจะทำการรักษาคุณตันหยงต่อไปยังไง ใจเย็นอดทนรออีกนิดนึงนะคะ”
“ผมเป็นห่วงภรรยาผม ถ้ายังเป็นแบบนี้ ผมกลัวเธอจะทรุดซะก่อน ตันหยงเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวเรา”
“ค่ะ หมอเข้าใจ ตอนนี้หมอทุกคนช่วยกันค้นหาวิธีที่จะรักษาคุณตันหยงเต็มที่ค่ะ และเราเจอเคสที่คล้ายกับคุณตันหยง แต่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส”
“จริงหรือครับ ที่ไหนคุณหมอบอกผมด้วยนะครับ ผมจะพาเธอไปรักษาเอง”
“ตอนนี้หมอปฐวีกำลังเช็คข้อมูลในให้แน่ชัดก่อนค่ะ คงต้องอดใจรอหน่อยนะคะ คืบหน้ายังไงเราจะแจ้งให้ทราบทันที”
พินิจมองไปที่บุหงากับตันหยงแล้วถอนหายใจ
“ขอให้ลูกสาวผมฟื้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง จะให้ทำอะไรผมก็ยอม”
หนึ่งฤทัยมองพินิจอย่างเห็นใจ

พิรามกำลังเจรจากับลูกค้าชาวต่างชาติอยู่ในห้องประชุม พิรามอธิบายชาร์ตการทำงาน ลูกค้าพยักหน้าพอใจ พิรามเซ็นต์สัญญากับลูกค้าแล้วแลกสัญญากัน พิรามกับลูกค้าจับมือกัน
เวลาผ่านไป พิรามยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ร้านดอกไม้ ในออฟฟิศ
“คุณนุช ช่วยจัดการเลื่อนนัดบ่ายให้ผมด้วย วันนี้ผมมีธุระไม่เข้าบริษัท”
พิรามกดปิดโทรศัพท์แล้วหันไปมองดอกกุหลาบสวย เขายิ้มอย่างมีความหวัง

นุช เลขาคนใหม่ของพิรามวางหูโทรศัพท์แล้วหยิบสมุดนัดของพิรามขึ้นมาโทรแจ้งยกเลิกนัด พัดชาสะพายกระเป๋าเดินมาจะเปิดเข้าไปในห้องของพิราม แต่นุชรีบห้าม
“คุณพัดชาคะ คุณพิรามไม่อยู่ค่ะ”
“ไม่อยู่หรือ ไปไหนรู้มั๊ย” พัดชาถาม
“ไม่ทราบค่ะ คุณพิรามสั่งให้นุชยกเลิกนักตอนบ่าย”
“ยกเลิกนัดบ่ายหรือ” พัดชานิ่งคิด “ชั้นรู้นะ ว่าคุณอยู่ที่ไหน” พัดชากัดปากตัวเอง
พัดชาพุ่งออกไปทันที นุชมองตามแล้วส่ายหน้า

สุดนภายืนอยู่ข้างร่างของตันหยงในห้องพัก
สุดนภามอง “ชั้นมาเยี่ยมนะ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามที่มาอยู่ในร่างของเพื่อนชั้น ถ้าเป็นไปได้ ช่วยลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวกับเพื่อนชั้นหน่อยได้มั๊ย”
สุดนภาชะงักเมื่อเห็นดอกไม้เล็กๆวางไว้ข้างหมอนของตันหยง เธอหยิบขึ้นมาดูแล้วยิ้ม
“พยาบาลที่นี่น่ารักจัง มีดอกไม้มาวางไว้ด้วย”
พิรามเดินเข้ามา พอเห็นสุดนภาพิรามก็ชะงัก สุดนภาทำหน้าเฉย
“ผมมาหาหยง” พิรามบอก
สุดนภามองดอกไม้ในมือพิรามแล้วเมิน เธอวางดอกไม้ไว้ข้างหมอนตามเดิม
“ดอกไม้มีแล้ว ทีหลังไม่ต้องลำบากก็ได้”
“คุณบี๋ ผมขอโทษ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ”
“ไม่ต้องบอกชั้นหรอก ชั้นเป็นแค่เพื่อนของหยง ถ้าคุณพ่อคุณแม่เค้าอนุญาต ชั้นจะทำอะไรได้”
พิรามมองสุดนภาอย่างขอบคุณ แต่สุดนภาเมินหน้า
พิรามพูดกับตันหยง “คุณเป็นยังไงบ้าง ผมซื้อดอกกุหลาบแบบที่คุณชอบมาฝากนี่ไง”
ทันใดนั้นพัดชาก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“พิราม ที่แท้คุณก็หนีหน้าพัดมาอยู่ที่นี่เอง”
“พัดชา”
สุดนภากับพิรามมองพัดชาอย่างตกตะลึง

จริญทิพย์เดินถือแจกันดอกกล้วยไม้เข้ามาในห้อง
“มาแล้วค่ะ แหมช่วงนี้คุณหมอวีสดชื่นนะคะ สั่งดอกไม้มาทุกวันเลย”
ปฐวีมองดอกไม้ “ผมก็แค่อยากเห็นอะไรที่มันสดชื่นบ้าง”
จริญทิพย์พยายามเสนอตัวจนบังแจกัน ปฐวียิ้มขำ
“แต่จะว่าไป มีแค่คุณจริญทิพย์ผมก็สดชื่นแล้วนะครับ”
จริญทิพย์เขิน “หมอวีก๊อ ชอบเอาความจริงมาพูดเล่น ทิพย์ไปดีกว่า เดี๋ยวดอกไม้จะหมอง”
จริญทิพย์วางแจกันดอกไม้แล้วเดินออกไป ปฐวีเอนหลังพิงแจกันดอกไม้แล้วยิ้ม แล้วปฐวีก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

พัดชาเดินไปมองหน้าตันหยงบนเตียง
“พัดอยากรู้ ทำไมคุณตัดใจจากแม่นี่ไม่ได้ซะที ทั้งๆที่เค้าไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพัดชา คุณอย่ามาล่วงเกินตันหยงนะ” พิรามว่า
“พัดไม่ได้ล่วงเกิน พัดพูดความจริง แต่คุณรับมันไม่ได้ต่างหาก”
“ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ผมก็ไม่มีวันกลับไปหาคุณเด็ดขาด”
พัดชาชะงักก่อนจะโผเข้ากอดพิรามจากด้านหลัง
“อย่าค่ะ พิราม พัดขอโทษ อย่าทิ้งพัดนะคะ พัดรักคุณ”
“พัดชา ขอบคุณที่คุณรักผม แต่ผมจะไม่มีวันทำผิดกับตันหยงอีก” พิรามจับพัดชาออกมาคุยดีๆ “และคุณเปลี่ยนความรักที่ผมมีต่อตันหยงไม่ได้หรอกพัดชา ผมให้สัญญากับตัวเองแล้ว ไม่ว่าหยงจะฟื้นหรือไม่ ผมก็จะดูแลเค้าตลอดไป” พิรามมองตันหยง “ลาก่อนนะ พัดชา”
พัดชาอึ้งเพราะรู้ว่าไม่มีทางได้พิรามมาเป็นของตัวแน่ๆ จึงปิดปากร้องไห้แล้วจ้องพิรามเป็นครั้งสุดท้าย
“ได้ค่ะ ในเมื่อคุณไม่ต้องการพัดอีกแล้ว เราก็อย่าอยู่ร่วมโลกกันอีกเลย”
พิรามหันมอง “อย่าใช้ไม้นี้กับผมอีกพัดชา”
“พัดจะทำ เพื่อปล่อยคุณไป ลาก่อนค่ะ พิราม”
พัดชาวิ่งออกไปจากห้องทันที พิรามอึ้ง
“รีบตามไปดูเถอะค่ะ เดี๋ยวเธอก็ทำอะไรบ้าๆหรอก” สุดนภาบอก
พิรามส่ายหน้าแล้วรีบตามออกไป สุดนภาวิ่งตาม

ปฐวีเดินผ่านบันไดหนีไฟ พัดชาวิ่งมาชนปฐวี
“ขอโทษครับ” ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองกัน
แล้วพัดชาก็วิ่งเข้าไปทางบันไดหนีไฟ ปฐวีมองตาม
“คุณ....”
พิรามกับสุดนภาวิ่งตามมา

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 6 วันที่ 15 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager