@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13 วันที่ 29 ก.พ. 56


อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13 วันที่ 29 ก.พ. 56

“เป็นห่วง อยากจะถามเรื่องแก ไปถึงไหนแล้ว คุยกับคุณตันหยงหรือยัง”
ปฐวีตอบทันที “ยัง”
“จะมัวรออะไรวะ”
“แล้วแกล่ะ ง้อคุณบี๋สำเร็จแล้วหรือ” ปฐวีย้อนถาม
“แกไม่ต้องมายอกย้อนชั้น ถ้าชั้นลงมือ มั่นใจได้เลยว่าสำเร็จแน่นอน แล้วถ้าแกไม่กล้า ก็เชิญอกหักไปคนเดียวเลย ไอ้คุณหมอปฐวี เดี๋ยวกระผมจะส่งผลงานของกระผมไปให้ดู”
ปฐวีวางโทรศัพท์แล้วส่ายหน้า

สุดนภากำลังดูแลเด็กๆ อยู่กลางสนาน นาวินมายืนแอบดูก่อนจะส่งสัญญาณให้เด็กๆ นนท์เห็นก็ยิ้มรับแล้วส่งสัญญาณให้เพื่อนๆต่อ เด็กๆเริ่มแปรขบวนแล้วเต้นแฟลชม๊อบ สุดนภายืนงง


เด็กๆเต้นจนจบ สุดนภายืนเขินท่ามกลางเด็กๆ นนท์วิ่งไปหานาวิน นาวินเดินถือช่อดอกไม้มาหา สุดนภาทำหน้าเขิน
“ทำอะไรของคุณ ไม่อายบ้างหรือ”
“ก็นิดนึง แต่อยากให้คุณยกโทษให้มากกว่า”
“จะบ้าหรือ คุณไม่อายชั้นอาย”
“งั้นยกโทษให้ก่อนสิ น่านะ นะๆๆๆๆ”
สุดนภาเขิน “ก็ได้ พอแล้ว”
สุดนภารับช่อดอกไม้ไป นาวินยิ้มให้สัญญาณกับนนท์ นนท์ร้องเฮแล้ววิ่งมาตีมือกับนาวิน สุดนภายืนเขิน นาวินยิ้มภูมิใจมาก

ปฐวีดูวีดีโอนั้นจากจอมือถือแล้วก็ยิ้มขำ
“ไอ้วิน แกนี่มันบ้าจริงๆ”
ปฐวีปิดโทรศัพท์แล้วนิ่งคิด
“แต่ชั้นตัดสินใจแล้ว”
ปฐวีถอนใจแล้วนั่งทำงานต่อ
ทุกคนนั่งอยู่พร้อมหน้าในบ้านตันหยง
บุหงาพูด “แม่เองก็ไม่ขัดข้อง พิรามก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถที่จะดูแลลูกสาวของเราได้ พิราม แม่ฝากหยงด้วยนะลูก”
“ดูแลลูกสาวผมให้ดี เหมือนกับที่ผมดูแล นะพิราม” พินิจกำชับ
“ครับ ผมสัญญา”
พิรามหันไปยิ้มพร้อมกับจับมือตันหยง ตันหยงยิ้มตอบแบบเศร้าๆ

ปฐวีขับรถกลับบ้านคนเดียวพร้อมกับนั่งคิดไป เสียงนาวินดังขึ้นในหัว ปฐวีสะบัดหัวแล้วเปิดเพลงในรถ เสียงปรงทองที่ว่า “ให้โอกาสตัวเองบ้าง” ดังขึ้นในหัวอีก
ปฐวีคิดแล้วตัดสินใจหักหัวรถเปลี่ยนเส้นทาง

ปฐวีขับรถมาจอดที่ฝั่งตรงข้ามบ้านตันหยง เขามองเข้าไปในบ้านอยู่สักพักจนจะออกรถ แต่ปฐวีเห็นตันหยงเดินออกมา ปฐวีเปิดประตูเดินข้ามถนนไปหน้าบ้านแต่แล้วก็ต้องหยุดกึก เพราะพิรามเดินตามมา
“ผมอยากให้ถึงวันแต่งงานของเราเร็วๆจัง ผมไม่อยากห่างคุณแม้แต่นาทีเดียว” พิรามบอก
“อีกไม่นานหรอกค่ะพิราม”
ตันหยงทำท่าจะเดินเข้าบ้านแต่พิรามดึงมือตันหยงไว้ ตันหยงมองหน้าพิราม พิรามดึงมือตันหยงเข้ามากอดไว้แล้วก้มไปหาตันหยง
ปฐวีเห็นพิรามก้มลงไปจูบตันหยง ปฐวีหันหลังกลับแล้วเดินไปขึ้นรถของตัวเองทันที เขาเข้าไปนั่งในรถเพื่อระงับความรู้สึกก่อนจะขับรถออกไป
ตันหยงเบี่ยงตัวดันพิรามออก พิรามชะงัก
“อย่าทำอย่างนี้ค่ะ มันไม่เหมาะ”
“หยง คุณไม่รักผมแล้วเหรอ”
ตันหยงมีสีหน้าสับสน พิรามมองอย่างเข้าใจ
“ผมขอโทษ ผมรอหยงฟื้นมาเกือบปี และไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมก็จะรอ ขอแค่คุณกลับมารักผมเหมือนเดิม”
พิรามสบตาตันหยง ตันหยงหลบตาเพราะกลัวพิรามรู้ความในใจ

ปฐวีขับรถมาเรื่อยๆ โดยพยายามระงับความรู้สึกและความคุมอารมณ์ ปฐวีเร่งเครื่อง รถวิ่งไปอย่างเร็ว
นาวินกับปฐวีนั่งอยู่ในคลับ ปฐวีนั่งเงียบ นาวินมองอย่างเป็นห่วง
“นี่วี แกไม่อยากพูดอะไรบ้างหรือ” นาวินถาม
“พูดอะไร แกชวนชั้นมา แกอยากพูดอะไร”
“ไม่พูดก็ได้ ดื่มดีกว่า”
สาวสวยคนหนึ่งเดินมาส่งสายตาให้นาวินกับปฐวี
“โน่น เจ้าวี เค้าส่งสายตาให้แก”
ปฐวีไม่สนใจ “เชิญแกตามสบาย ระวังครูบี๋หน่อยแล้วกัน”
“โธ่เว๊ย..ไอ้วี ไปบวชเลยไป๊”
นาวินทำท่าเซ็งปฐวี ปฐวีทำหน้าเฉย

เวลาผ่านไป ปฐวีมานั่งเศร้าอยู่ริมสระน้ำคนเดียว

ประภัสสรที่นั่งอยู่ในบ้านขยับตัวอย่างอึดอัด ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามาช่วยเอาหมอนหนุนหลังให้
“ขอบคุณนะคะพี่ปรางค์ ดูพี่ปรางค์สดใสขึ้นนะคะ”
“คงอย่างนั้นแหละ คงเพราะพี่ได้ไปปฏิบัติธรรม เลยทำให้พี่เข้าใจชีวิตมากขึ้น” ปรางค์ทิพย์บอก “พี่ซื้อมะพร้าวอ่อนมาให้เธอเยอะเลย ลองชิมดูก่อน” ปรางค์ทิพย์เรียกบุญศรี
บุญศรีเอามะพร้าวมาให้
“ขอบคุณค่ะพี่ปรางค์”
“คนท้องเค้าบอกให้ทานน้ำมะพร้าวเยอะๆ เด็กออกมาผิวพรรณจะสะอาดสะอ้าน”
ประภัสสรดื่มน้ำมะพร้าว
“ทั้งหวานทั้งหอมเลยค่ะ”
“พี่มีเรื่องจะปรึกษา ช่วงนี้พี่เห็นวีดูซึมๆนะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“พี่ปรางค์คิดเหมือนภัสเลย ภัสดีใจนะคะ ที่พี่ปรางค์เป็นห่วงวี”
“ภัส พี่สำนึกตัวแล้ว ท้ายที่สุด พี่ก็เหลือแต่พี่น้องเท่านั้นแหละ”
ปรางค์ทิพย์กับประภัสสรจับมือกัน

ปฐวีกับหนึ่งฤทัยเดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“นี่วีพูดจริงหรือเปล่าคะ เรื่องจะไปเป็นแพทย์อาสา”
“จริงครับ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลมีหมอมาช่วยหลายท่าน ความจริงผมคิดไว้นานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสซักที”
“ดีสิคะ หนึ่งก็อยากไปเหมือนกัน คิดไว้ตั้งแต่เรียนจบ จนป่านนี้ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย”
ปฐวียิ้มอย่างอุ่นใจ หนึ่งฤทัยยิ้มให้


ปรงทองนั่งคุยกับปฐวีอยู่ในบ้าน
“ย่าตามใจเจ้านะ ถ้าอยากไปก็ไปเถิด เห็นบ่นมาหลายปีแล้วนี่”
“คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมอจากมูลนิธิของคุณย่าทำงานได้ดีมาก”
“เรื่องนั้นย่าไม่ห่วงหรอก ย่าเป็นห่วงเจ้ามากกว่า”
ปฐวียิ้ม “ผมมีอะไรน่าห่วงหรือครับ”
“วีเอ๊ย ย่าเลี้ยงเจ้ามา ทำไมย่าจะดูเจ้าไม่ออก หน้าตาเจ้าน่ะ เหมือนคนคิดไม่ตก เอาเป็นว่าเจ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็ค่อยบอกให้ย่าฟังนะ”
ปรงทองมองปฐวียิ้มๆ ปฐวีนิ่ง

สุดนภากับตันหยงนั่งคุยกันอยู่ที่บ้านตันหยง
“แกคิดดีแล้วหรือ หยง ชั้นเป็นห่วงแกนะ”
ตันหยงขำ “ชั้นจะแต่งงาน ไม่ได้ป่วย ไม่ต้องเป็นห่วงชั้นหรอก”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ แต่งงานนี่มันทั้งชีวิตเลยนะแก”
ตันหยงเศร้าลงไปเล็กน้อย “เราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง ชั้นต้องรีบเตรียมตัว แต่คงเป็นงานเล็กๆ เพราะพิรามจะเดินทางเดือนหน้า”
“จะรีบไปไหนเนี่ย”
สุดนภางอน ตันหยงง้อ
“ชั้นรู้ว่าแกเป็นห่วงชั้นบี๋ ขอบใจมาก แต่ชั้นจะแต่งงานนะ ชั้นกำลังจะมีความสุข แกต้องดีใจกับชั้นสิบี๋”
สุดนภาถอนหายใจ “ถ้าแกตัดสินใจแล้ว ชั้นก็เคารพการตัดสินใจของแก ขอให้โชคดีนะ หยง”
สุดนภากอดตันหยงไว้ ตันหยงเศร้า


นาวินขับรถเข้ามาจอดหน้าคอนโดของสุดนภา
นาวินกับสุดนภาที่นั่งมาด้วยพูดพร้อมกัน “นี่คุณ”
ทั้งคู่ชะงัก
“เชิญคุณพูดก่อน” นาวินบอก
“นี่เราจะไม่ทำอะไรกันเลยหรือ” สุดนภาถาม
“เรื่องอะไร”
“อย่ามาทำกวนนะ เดี๋ยวหยิกเนื้อขาดเลย”
“คุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ เพื่อนคุณจะแต่งงาน เพื่อนผมก็ต้องอกหักไปตามระเบียบ”
“แต่ชั้นรู้ หยงไม่ได้รักพิรามอีกแล้ว คนที่เค้ารักคือหมอวี”
“แล้วยังไง ถ้าไม่รักแล้วแต่งงานทำไม”
“ชั้นสงสารหยง แล้วก็สงสารหมอวีด้วย คุณต้องช่วยทำอะไรซักอย่างนะ ชั้นขอร้อง”
นาวินเล่นตัว “ไม่เอา ไม่อยากยุ่ง”
สุดนภามองค้อนนาวิน นาวินทำไม่รู้ไม่ชี้
ปฐวีเดินมาที่จอดรถ เขาเห็นนาวินยืนพิงรถรออยู่
“แกว่างหรือไงวะเจ้าวิน”
“ไม่ว่างหรอก แต่รับงานเค้ามาแล้วก็ต้องทำ”
ปฐวียิ้มขำ “ไม่อยากเชื่อ ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปขนาดนี้”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง แกจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอ แกควรจะคิดทำอะไรบ้าง”
“คิดไปเป็นแพทย์อาสาแล้วไง”
“เออ ดี อย่างน้อยก็คิด โอ๊ย...... ขัดใจ แล้วจะไปเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้า”
นาวินตัดสินใจบอก “งั้นแกคงไม่ได้อยู่ วันที่คุณตันหยงจะแต่งงาน” นาวินพูดลอยๆ “เดือนหน้า”
ปฐวีพยักหน้ายิ้มๆ นาวินส่ายหัวด้วยความเซ็งเพื่อน

ปฐวีนั่งเซ็งอยู่ในห้องตัวเอง
เสียงนาวินดังขึ้นในหัว “...งั้นแกก็คงไม่ได้อยู่ วันที่คุณตันหยงจะแต่งงาน เดือนหน้า”

วันต่อมา ปฐวีนั่งทำงานที่โต๊ะทำงาน จริญทิพย์มองเห็นปฐวีทำแต่งาน แต่จริญทิพย์อยากคุยด้วย
ปฐวีมาเยี่ยมคนไข้ที่มีผ้าพันแผลที่ศรีษะ
“อย่าลุกเดินมากนะครับ ช่วงนี้ต้องพักให้มากๆ”
ปฐวีหยิบกระเป๋าเสื้อผ้ามาจัดเสื้อผ้าลงไป

ณ ตัวเมืองเล็กๆ ก่อนขึ้นดอย ปฐวีเดินสะพายเป้ผ่านร้านค้าเล็กๆ ปฐวีนั่งรอรถ รถแล่นมาจอด ปฐวีเดินขึ้นรถ
ปฐวีนั่งอยู่ด้านหลังรถสองแถวพร้อมกับมองดูทิวทัศน์สองข้างทาง
ปฐวีลงจากรถสองแถวแล้วโบกมือให้คนขับ รถวิ่งจากไป
ปฐวีเดินไปดูป้ายแล้วเดินไปตามป้าย สองข้างทางเป็นชนบท เจ้าหน้าที่เดินมารับปฐวี ปฐวียิ้มและสวัสดีพูดคุยกันก่อนที่จะเดินตามเจ้าหน้าที่ไป

ชาวบ้านเดินนำปฐวีเข้ามาในบ้าน
“คุณหมอพักที่นี่นะครับ ขาดเหลืออะไรบอกผมนะครับ”
ปฐวีมองรอบๆตัว แล้วยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
ชาวบ้านส่งตะเกียงน้ำมันให้ปฐวี
“ที่นี่ไฟดับตั้งแต่สองทุ่มครับ หลังจากนั้นต้องใช้นี่ ลำบากหน่อยครับ”
ปฐวีรับตะเกียงมา “ครับ ผมอยู่ได้”
ชาวบ้านเดินออกไป
ปฐวีวางตะเกียงไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปเปิดหน้าต่าง ทำให้เห็นบรรยากาศชนบท ปฐวีสูดลมหายใจก่อนจะรื้อข้าวของออกมาวาง แล้วเดินออกมายืนมองวิวภายนอก

ปฐวีหยิบไดอารี่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วเริ่มเขียนบันทึก ปฐวีนึกถึงผู้คนที่นี่กำลังยิ้ม
ตันหยงที่อยู่ในห้องนอนหยิบแผ่นซีดีขึ้นมา
“ขอบคุณนะบี๋”
ตันหยงใส่แผ่นซีดีเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อดูรูปที่ไปเที่ยวทะเลกัน ภาพปฐวีกับเมริน 4-5 ภาพปรากฏขึ้นมา ตันหยงเลื่อนไปจนเห็นภาพเดี่ยวปฐวียิ้มแย้ม ตันหยงน้ำตาไหล

วันต่อมา ปฐวีทำการรักษาผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียง เขาตรวจการหายใจ วัดชีพจร
ปฐวีเขียนใบส่งยาให้ชาวบ้าน ก่อนจะส่งใบสั่งยาให้ ชาวบ้านยกมือไหว้ปฐวี ปฐวีรีบรับไหว้
ปฐวีเก็บข้าวของเดินกลับมาที่พัก เขามองไปรอบๆตัวอย่างเหงาๆ
ปฐวีนั่งบันทึกไดอารี่ใต้แสงตะเกียง เขามองดาวแล้วยิ้ม
คนไข้มานั่งรอรับการรักษาอาการเริ่มหนักขึ้นจนต้องพยุงปีกเข้ามา ปฐวีรีบสั่งให้ผู้ช่วยพยุงเข้าไปนอนที่เตียง
หลายวันผ่านไป ไดอารี่พลิกหน้าไปเรื่อยๆ ปฐวีตรวจแผลให้คนไข้จนเสร็จเรียบร้อย

กลางดึก ปฐวียืนคิดอะไรเงียบๆ ริมหน้าต่าง แล้วเขาก็หยิบไดอารี่ขึ้นมาเปิดดู ปฐวีลงมือเขียนไดอารี่ เขาก้มหน้าวาดรูปหน้าตันหยงในไดอารี่ ปฐวีวาดรูปหน้านิ่ง

ตันหยงนั่งเหม่อมองกระเป๋าเดินทางที่เปิดหงายอยู่บนเตียง บุหงาเดินถือชุดสูทสำหรับใส่เดินทางเข้ามา
“ลูกจ๊ะ ชุดสำหรับใส่เดินทางมาแล้วนะ เก๋ มากเหมาะกับลูกเลย”
บุหงามองตันหยงก็เห็นตันหยงเหม่อ บุหงาถอนหายใจ
“หยง ลูกเป็นอะไรไป ทำไมดูไม่เหมือนคนกำลังจะแต่งงานเลย มีอะไรบอกแม่ซิลูก”
“สงสัยหยงคงจะเหนื่อยน่ะค่ะ” ตันหยงบอก
“ไม่จริงหรอก หนูมีเรื่องในใจใช่มั้ย”
ตันหยงนิ่งไม่ตอบ บุหงาถอนหายใจ
“ตอนเกิดเรื่องหนู แม่เองก็ทำใจให้อภัยพิรามไม่ได้ แต่สุดท้าย พอเวลาผ่านไป พิรามก็พิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นว่าเค้ารักและพร้อมจะดูแลลูกของแม่ได้ พิรามเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมนะลูก เพียงแต่เค้าผิดพลาดไป ลูกควรจะให้อภัยเค้านะ”

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13 วันที่ 29 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56
ที่มา manager