@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 7 วันที่ 12 ก.พ. 56

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 7 วันที่ 12 ก.พ. 56

พะนอฤดีเต้นผ่างด้วยแรงหึง เฟื่องวลียั่วหนักขึ้นจนเฟื่องฟ้าเดินมาห้ามเพราะกลัวเสียภาพพจน์ พะนอฤดีฮึดฮัดทนไม่ไหว ลากนารีวรรณกลับเข้าร้านอย่างหงุดหงิด เฟื่องวลีมองตามด้วยความสะใจ...ใครที่มันกล้าตั้งตัวเป็นคู่แข่งต้องเจอแบบนี้

บ่ายวันเดียวกันนั้น...สุรินทร์ออกจากที่กบดานมาสุ่มรอสุบรรณที่โรงแรมหรู เห็นชายหนุ่มประชุมเรื่องงาน การกุศลกับหม่อมภาณี ภุชคินทร์ เจ้าประกายคำ เฟื่องฟ้า และเฟื่องวลี มีอำนาจและบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งเฝ้าไม่ห่าง ภุชคินทร์กับสุบรรณเขม่นกันอยู่ในทีแต่เก็บอาการ เฟื่องฟ้าสังเกตตลอด คิดเองว่าสองหนุ่มฮึดฮัดใส่กันเพราะเฟื่องวลี

เจ้าประกายคำแจกรายละเอียดงาน สุบรรณไม่ได้สนใจเพราะมัวมองรอยช้ำแปลกๆบนแขนภุชคินทร์ นักการเมืองหนุ่มจ้องเพลินแล้วสะดุ้งเมื่อได้ยินหม่อมภาณีถามความเห็นเรื่องการแสดง เขาอึ้งไปนิดแล้วเสถามถึงการแสดงของเจ้าอุรคา เจ้าประกายคำยิ้มตาพราวแล้วบอกว่าเป็นความลับ สุรินทร์ตาโตเพราะถือเป็นโอกาสดีจะล้างแค้นพญานาคสาว สุบรรณนิ่งไปแล้วถามถึงการแสดงของภุชคินทร์ ราชนิกุลหนุ่มตอกกลับเสียงเรียบ


“คงไม่ครับ แต่ผมตั้งใจรอชมการแสดงของเจ้า อุรคา เผื่อเธอจะเซอร์ไพรส์ให้ผมร่วมแสดงด้วย”

“งั้นผมจะตั้งใจเป็นผู้ชมที่ดี ผมไม่ชอบแสดงแต่ชอบชีวิตในความเป็นจริง และผมก็มักมีอะไรมาเซอร์ไพรส์คนอยู่เสมอๆ ไม่แน่...บางทีคุณชายอาจต้องเป็นฝ่ายเซอร์ไพรส์เสียเอง”

เฟื่องฟ้าหน้าเสียเพราะสองหนุ่มไม่มีท่าทีสนใจลูกสาว ต่างจากคนอื่นที่ไม่รู้ความนัย ตื่นเต้นและอยากให้ถึงวันงานเร็วๆ ภุชคินทร์กับสุบรรณจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครแต่ไม่มีใครสังเกต อำนาจเหลือบมองผ้าม่านที่พลิ้วไหวอย่างสงสัย ทันใดนั้น...สุรินทร์เคลื่อนตัวออกจากตรงนั้น สุบรรณกับอำนาจรีบตามไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

อำนาจตามมาถึงหน้าโรงแรมและยิงกราดแบบกะให้โดนสักนัด สุรินทร์อาศัยความเร็วหนีรอดไปอย่างหวุดหวิด รปภ.โรงแรมจะตามแต่สุบรรณห้ามไว้ บอกว่าไม่อยากเป็นเรื่องใหญ่ อำนาจคิดว่าอดีตคู่หูคงหาโอกาสเล่นงานเจ้านายหนุ่มกับเจ้าอุรคาที่งานการกุศล สุบรรณตาวาวอย่างโกรธจัด ประกาศกร้าวจะจัดการอดีตลูกน้องให้ได้ สุรินทร์มองจากมุมลับตาด้วยความเคียดแค้น พึมพำเสียงเบาแต่ดุดัน...อย่างพวกแกจะทำอะไรฉันได้!

เฟื่องวลีกลับถึงบ้านคืนนั้นอย่างหงุดหงิด ขัดใจไม่หายที่ภุชคินทร์กับสุบรรณไม่มองเธอแม้แต่น้อย สนใจแต่เรื่องของเจ้าอุรคาจนน่าหมั่นไส้ เฟื่องฟ้านิ่งไปนิดแล้วเบิกตาโพลง คิดเอาเองว่าราชนิกุลสาวทำเสน่ห์ให้สอง หนุ่มหลงหัวปักหัวปํา สองแม่ลูกมองหน้ากันเครียดๆ คิดหนักเพื่อหาวิธีแก้มนต์ของเจ้าอุรคา

เวลาเดียวกันที่บ้านพันเอกนรินทร์...ไพศิษฐ์กับนาถสุดาพูดถึงเรื่องที่ริมโขงด้วยความสงสัย ครุ่นคิดอย่างหนักถึงความจริงที่อธิบายปรากฏการณ์ประหลาด ผู้กองหนุ่มปักใจว่าเจ้าอุรคาไม่ใช่คนธรรมดา

“จากการสันนิษฐาน นายชายน่าจะเป็นศูนย์กลางของคำตอบ เพราะทุกคนที่แวดล้อมนายชาย ไม่เว้นแม้แต่เราจะต้องเจอเรื่องลี้ลับที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้สักคน”

“รวมทั้งการที่เจ้าอุรคาหาทางให้ไม้แกะสลักชิ้นนี้ให้มาอยู่กับนาถ”

สองหนุ่มสาวจนปัญญาจะหาคำตอบ พันเอกนรินทร์ที่แอบฟังอยู่ตลอด เดินออกมาและพูดเสียงอ่อน

“ในจักรวาลมีสิ่งที่เราไม่รู้และพิสูจน์ไม่ได้อีก เยอะแยะ แม้มันจะมีอยู่จริง”

“แต่ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่มีใครเชื่อเรานะครับ”

“บางสิ่งจะเชื่อหรือไม่ มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น ที่สำคัญ...เขาไม่ได้ต้องการให้เราพิสูจน์เพื่อเชื่อหรือไม่เชื่อ”

นาถสุดาเปรยว่าเหมือนเรื่องเกี่ยวกับพญานาค อดีตนายทหารยิ้มรับ บอกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีแล้วขึ้นบ้าน นาถสุดาตีความคำพูดพ่อว่ารอยเท้าพญานาคทั้งหมดเป็นของจริง ไพศิษฐ์อึ้งไปอึดใจ ประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วถอนหายใจหนักหน่วง สันนิษฐานว่าเจ้าอุรคาอาจเป็นพญานาคแต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ผู้กองหนุ่มเป็นห่วงแฟนสาวยื่นคำขาดให้ถอยห่างจากเจ้าอุรคา นาถสุดาไม่ค่อยเชื่อแต่ไม่อยากค้านเพราะท่าทีแฟนหนุ่มดูจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ooooooo

พันเอกนรินทร์ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ลูกสาวกับแฟนหนุ่มคาใจ นึกรู้ด้วยญาณพิเศษว่าเจ้าอุรคาอาจมีแผนบางอย่างในงานการกุศล อดีตนายทหารถอดจิตไปหาเธอที่เฮือน เตือนเป็นนัยๆถึงการแสดงของหญิงสาว

“ผู้ที่มีชาติกำเนิดสูงจะนำคุณมาให้ ไม่เหมือนผู้ที่มาจากภูมิต่ำ ที่จะนำแต่โทษมาให้ฝ่ายเดียว”

เจ้าอุรคาถึงกับทึ่ง เพราะความหมายที่ส่งมาเหมือนรู้เท่าทันความคิดเธอ พันเอกนรินทร์ดูออกว่าหญิงสาวเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“มนุษย์โลกที่ท่านปรากฏกายให้เห็นคงได้รับสิ่งดีงามจากท่าน ผมมาร่วมยินดี และขอรบกวนเวลาเพียงเท่านี้”

ร่างโปร่งใสของอดีตนายทหารหายไปแล้ว ยมนาปรากฏตัวและเปรยด้วยน้ำเสียงชื่นชม

“ผู้มีจิตสูง แม้มาเตือนยังมาเฉกกัลยาณมิตร สิ่งที่เจ้าจะทำควรมีขอบเขต หากเจ้าคือผู้มีชาติกำเนิดสูง”

“ผู้ที่มีชาติกำเนิดสูงเช่นข้า...นาคเทวีอุรคา ทุกอย่างที่ทำต้องสูงส่งแน่นอนยมนา”

เจ้าอุรคายิ้มรับ มั่นใจว่าความตั้งใจของตนเป็นเรื่องถูกต้อง ยมนามองอย่างไม่ไว้ใจ กลัวสหายรักก่อเรื่องอีก

และแล้ววันงานการกุศลก็มาถึง...บรรยากาศครึกครื้นไปด้วยผู้คนในสังคมชั้นสูง แต่ละคนแต่งกายสวยงามหรูหรา นารีวรรณเข้างานพร้อมกับพะนอฤดีที่ทุ่มทุนซื้อบัตรหลายพันบาทเพื่อมาเจอภุชคินทร์ชายหนุ่มในฝัน สวนกับเฟื่องวลีและเฟื่องฟ้าที่มองมาอย่างเหยียดหยาม สองคู่ปรับปะทะคารมพอหอมปากหอมคอแล้วแยกย้ายเข้างาน

ภายในงาน...บรรยากาศจำลองคล้ายวิมานบนสวรรค์ ผ้าไทยสีสวยหลายผืนถูกใช้ประดับทั่วงาน สีสันสดใสทำให้งานน่าดูไม่น้อย ภุชคินทร์ยืนอยู่กับเจ้าภิงคาร ในขณะที่สุบรรณเข้างานกับอำนาจและลูกน้องจำนวนหนึ่ง สุรินทร์แฝงตัวกับแขกมองตามอย่างเย้ยหยัน ดูแคลนอดีตเจ้านายที่กลัวตายจนถึงกับขนบอดี้การ์ดมาเดินทั่วงาน ไพศิษฐ์กับนาถสุดาเข้ามาจากอีกทาง กวาดตามองรอบงานอย่างตื่นตาตื่นใจ หวังลึกๆว่าคงไม่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีก

ทันใดนั้น...เสียงฆ้องดังเป็นจังหวะ แขกในงานหันไปมองแล้วตะลึงในความงามแปลกตาของขบวนที่โดดเด่นด้วยเสลี่ยงทองคำ มีรูปปั้นพญานาคนอนขดชูคอมองทุกคนด้วยแววตาน่ากลัว สุบรรณกับภุชคินทร์รู้ว่าเป็นขบวนของเจ้าอุรคา มองหาแต่ไม่เห็นเธอ เฟื่องฟ้ามองด้วยความหมั่นไส้ คิดเองว่าราชนิกุลสาวจะแสดงเพื่อเพิ่มเสน่ห์ มองเห็นผ้าซิ่นหลังเวทีแล้วเกิดความคิดบางอย่าง บอกลูกสาวหาทางทำให้สุบรรณกับภุชคินทร์ลอดใต้ผ้าเพื่อถอนมนต์

ด้านภิงคาร...ชอบใจบรรยากาศงาน ภุชคินทร์บอกต้องยกความดีให้เจ้าอุรคาเพราะเป็นคนออกความคิดเรื่องธีมหลักของงาน สุบรรณมองหาเจ้าอุรคาด้วยความเป็นห่วง สั่งอำนาจไปอารักขาหญิงสาวเพราะตนดูแลตัวเองได้ ส่วนเฟื่องฟ้าแยกกับเฟื่องวลีเพื่อประกบสุบรรณกับภุชคินทร์ หาทางถอนเสน่ห์แต่ไม่สำเร็จเพราะสองหนุ่มไม่ให้ความ ร่วมมือแถมยังเจองูที่หลังเวที สองแม่ลูกมองตามอย่างตกใจและขัดใจ...แล้วเมื่อไหร่แผนจับชายหนุ่มจะเป็นจริง!

ooooooo

และแล้วเวลาของการแสดงก็มาถึง...เฟื่องวลีวิ่งหน้าตื่นเข้ามาที่หน้างาน บอกว่าเห็นงูที่หลังเวที เจ้าประกายคำกับหม่อมภาณีมองด้วยความไม่พอใจ ส่วนพะนอฤดีหน้าซีด นึกถึงเหตุการณ์เห็นงูในรถตัวเอง นารีวรรณมองเพื่อนรักงงๆ ข้องใจแต่ตัดสินใจเก็บไว้ก่อนเพราะได้ยินเสียงเพลงมาจากเวที

ฉากและแสงสีบนเวทีแปรเปลี่ยนเป็นท้องน้ำ แขกเหรื่อทุกคนนั่งมองนิ่งราวกับโดนสะกด นักแสดงชายหญิงแสดงจินตลีลาในชุดมรกตเหลือบฟ้าและเขียวคล้ายสีของงู ชรายุออกมาร่ายรำด้วยท่าทางงดงามอ่อนช้อยแต่ปราดเปรียว ตัวอ่อนราวกับไม่มีกระดูก ภุชคินทร์จ้องอย่างสนใจและชื่นชม ต่างจากสุบรรณที่มีท่าทางอึดอัดเหมือนเห็นงู นัยน์ตาแดงจัดของรูปปั้นพญานาคจ้องมองมาอย่างน่ากลัว เสียงดนตรีเร็วขึ้น เช่นเดียวกับลีลาการเต้น...ทันใดนั้น...รูปปั้นพญานาคก็แปรเปลี่ยนไปเป็น เจ้าอุรคา ทุกคนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ราชนิกุลสาวร่ายรำด้วยลีลาเย้ายวนใจ ก่อนที่ร่างบางจะเดินลงจากเวทีตรงมาหาภุชคินทร์และยื่นมือให้จับ

“ตามข้ามาเถิด ผู้เป็นที่รักแห่งข้า”

ภุชคินทร์ยื่นมือออกไปเหมือนละเมอ สองร่างก้าวขึ้นเวทีและคลอเคลียกันด้วยความคิดถึง สุบรรณเหมือนหลุดออกจากภวังค์ ความรู้สึกหึงหวงพลุ่งพล่านอย่างคุมไม่อยู่ ลุกพรวดและเดินขึ้นเวทีไปด้วยท่าทีคุกคาม สองหนุ่มสาวผละออกจากกัน จังหวะเดียวกับที่สุบรรณกางมือครุฑตะครุบที่ร่างของภุชคินทร์อย่างจัง ราชนิกุลหนุ่มตาเหลือกด้วยความเจ็บปวด เจ้าอุรคาตกตะลึง ไม่ต่างจากคนข้างล่างเวทีที่มองมาอย่างชื่นชมในการแสดงที่สมจริง

ขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกงาน...สุรินทร์บ่นพึมพำอย่างหัวเสียที่คลาดกับเจ้าอุรคาจนไม่สามารถล้างแค้นได้ อำนาจที่เดินตรวจตรารอบงานเห็นอดีตคู่หูก็ตั้งท่าจะยิงแต่สุรินทร์อาศัยความเร็ว กระโดดถีบอำนาจเสียหลักล้มลงแล้วหายตัวเข้าไปในงานอย่างรวดเร็ว อำนาจกับลูกน้องวิ่งตามหน้าตื่น...กลัวอดีตเพื่อนทำร้ายเจ้านายและเจ้าอุรคา

เวลาเดียวกันที่บนเวที...สุบรรณขย้ำลำคอของภุชคินทร์อย่างโกรธจัด เจ้าอุรคาร้องเสียงหลง ถลันไปห้ามแต่กลับโดนเหวี่ยงไปนอนกับพื้น ราชนิกุลสาวตัดพ้ออย่างคับแค้นใจ

“ไยต้องมาพรากความรักจากเรา แต่ข้าไม่ได้รักท่าน...ข้ารักภุชเคนทร์”

“เพราะข้ารักเจ้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์รักกัน นาคเทวีต้องเป็นของข้า ข้าจะทำลายความรักของพวกเจ้าทุกชาติไป”

พูดจบสุบรรณก็เปลี่ยนร่างเป็นพญาครุฑแต่ไม่รู้ตัว จิกเล็บลงร่างภุชคินทร์จนกระอักเลือดออกมาเป็นอัญมณีทั้งสาม ทุกคนข้างล่างมองมาด้วยความพิศวง เจ้าอุรคาประคองร่างภุชคินทร์ที่โชกไปด้วยเลือดและจ้องพญาสุบรรณอย่างโกรธแค้น ทันใดนั้น...ดาวห้าแฉกสัญลักษณ์ของนินจาถูกเขวี้ยงขึ้นมา พญาสุบรรณกลับคืนร่างมนุษย์และรับได้อย่างแม่นยำ สุรินทร์กระโจนขึ้นเวที เงื้อมือจะแทงแต่โดนสุบรรณเล่นงานจนลงไปนอนคว่ำกับพื้นด้านล่าง นักฆ่าหนุ่มมองอย่างคาดไม่ถึงแล้วหนีหายไป เสียงฆ้องปลุกทุกคนออกจากภวังค์ ภุชคินทร์นอนบนเวที โดยมีสุบรรณยืนอีกมุมหนึ่ง ส่วนเจ้าอุรคาหายไปแล้ว...ทิ้งไว้แต่รูปปั้นพญานาคนัยน์ตาสีแดง!

การแสดงสุดอลังการจบลง ผู้ชมส่งเสียงอื้ออึงด้วยความชื่นชมในความสมจริง มีเพียงไพศิษฐ์ที่มองด้วยความสงสัย พึมพำอย่างไม่เชื่อสายตาว่าทุกอย่างเหมือนจริงเกินไป หยิบดาวห้าแฉกขึ้นมามองเครียดๆ บอกนาถสุดาว่านินจาจากสำนักนินจัตสุปรากฏตัวอีกแล้ว...ท่าจะเป็นเรื่องเสมือนจริงที่ไม่ได้การเสียแล้ว

ooooooo

ทุกคนในงานปลื้มการแสดงของเจ้าอุรคาจากใจจริง ภิงคารอยากเจอราชนิกุลสาวแต่เจอชรายุแทน สาวใช้คนสนิทบอกว่าเจ้านายสาวกลับไปแล้วและดีใจมากที่ทุกคนชื่นชอบการแสดงชุดตำนานนาคเทวีมณีสวาท จบคำชรายุก็เดินหายไป ภิงคารและคนอื่นๆมองตาม อย่างสงสัยแต่ไม่จริงจังนัก ตามหาสุบรรณกับภุชคินทร์เพื่อแยกย้ายกันกลับ

เวลาเดียวกันนั้น...สุบรรณกับภุชคินทร์มองหน้ากันอย่างมึนงง แม้จะไม่อยากพูดกันแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าขึ้นมาอยู่บนเวทีได้อย่างไร แถมเจ้าอุรคายังหายตัวไปอีก ภุชคินทร์ตั้งข้อสังเกต

“ที่ผมสงสัยกว่านั้น เราสองคนเป็นใครกันแน่ เพราะผมไม่เห็นท่านเป็นท่าน”

“ผมไม่เห็นคุณชายเป็นคุณชายเหมือนกัน”

สองหนุ่มมองหน้ากันแต่ไม่ทันพูดอะไร ภิงคารและคนอื่นๆตามมาสบทบ ถามกันอื้ออึงว่าสองหนุ่มวางแผน เซอร์ไพรส์แต่ไม่ยอมบอก สองหนุ่มเหนื่อยใจแต่ไม่อยากอธิบาย แยกย้ายกันกลับด้วยความงุนงง

สุบรรณออกจากงานอย่างหงุดหงิดเพราะเกิดประหลาดและโดนสุรินทร์ลอบทำร้าย อำนาจตั้งท่าจะบอกว่าเจ้าอุรคาอาจเป็นตัวการแต่เจ้านายหนุ่มชักสีหน้าและสั่งให้กลับ สุรินทร์ที่แอบสุ่มมองอยู่ห่างๆมองตามอย่างสงสัย มั่นใจว่าคนที่ทำร้ายเขาไม่ใช่อดีตเจ้านายแต่เป็นอะไรที่มีพลังพิเศษ...ส่วนภุชคินทร์เก็บเรื่องที่เกิดขึ้นไปคิดจนนอนไม่หลับ หยิบครุฑธิการออกมาดูอย่างครุ่นคิด ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดแต่เป็นครั้งแรกที่เชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากราชนิกุลสาว...

เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีกลัวเสน่ห์ของเจ้าอุรคาจะทำให้สุบรรณกับภุชคินทร์หลุดมือ ตัดสินใจบอกเรื่องทั้งหมดให้นาถสุดา ไพศิษฐ์ นารีวรรณและพะนอฤดีรู้เพื่อหาแนวร่วมกำจัดราชนิกุลสาว ผู้กองหนุ่มยังไม่เชื่อ เฟื่องฟ้าบอกว่าเคยเห็นชรายุในร่างงูปรากฏตัวที่บ้านภิงคาร ไพศิษฐ์นิ่งไปอึดใจ ไม่ค้านเพราะเหมือนได้เงื่อนงำบางอย่างเพิ่มมากกว่า

ขณะเดียวกัน ที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคายิ้มหยันให้กับความอยากรู้ของมนุษย์ ทั้งที่กลัวเรื่องลี้ลับแต่กลับสืบหา ชรายุเปรยว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่อยากรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง เจ้าอุรคานั่งหน้าเศร้า คิดถึงภุชคินทร์จับใจ

“ไม่เว้นแม้แต่ภุชเคนทร์...เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงอยากรู้อดีตชาติและจำสิ่งที่เขาเคยตั้งสัตย์สาบานเอาไว้ได้ ว่ามันทำให้เราต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสมานานเพียงใด”

เวลาเดียวกัน ที่บึงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ...ภุชคินทร์ทอดสายตามองท้องน้ำเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด เสียงจากเพื่อนรักยังก้องในหัวว่าการแสดงเรื่องตำนานนาคเทวีมณีสวาทอาจถูกจัดขึ้นโดยเจ้าอุรคาเพราะอยากให้เขารับสารบางอย่าง ชายหนุ่มหน้าเครียด มองเห็นเงาตัวเองในน้ำ...แลคล้ายพญานาคากำลังเคลื่อนไหว!

ooooooo

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 7 วันที่ 12 ก.พ. 56

ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ