@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 4/5 วันที่ 13 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 4/5 วันที่ 13 ก.พ. 56

“ก็ใช่น่ะสิ น้องเมย์จำไม่ได้หรือ”
ปฐวีมองจ้อง เมรินเกิดไอเดียขึ้นทันที
“เมย์อยากเจอครูบี๋คะ” เมรินคิดหาเหตุ “ให้ครูบี๋มาสอนพิเศษน้องเมย์ที่บ้านได้ไม๊คะ น้องเมย์ยังไปเรียนไม่ไหว เสาร์อาทิตย์ก็ยังดี นะคะคุณแม่นะคะน้าวี นะคะคุณย่า”

ทุกคนมองหน้ากันเพราะงงๆ กับเมริน
เช้าวันใหม่ ขณะที่นาวินกำลังเซ็นเอกสารด้วยความวุ่นวาย สุดนภาเดินเข้ามาเห็นนาวินกำลังยุ่ง ก็หยุดมองแล้วทำท่าจะเดินออก



“ใจร้อนเหลือเกิ๊น รอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้” นาวินเปรย
“คุณเรียกชั้นมาพบมีเรื่องอะไรคะ”
“ก็ต้องมีธุระน่ะสิ คืองี้ ครอบครัวน้องเมย์ เค้าอยากให้คุณไปสอนพิเศษน้องเมย์ที่บ้าน เสาร์อาทิตย์ คุณจะว่ายังไง”
สุดนภายืนงงและใช้ความคิด นาวินจ้องมองเห็นสุดนภาที่กำลังใช้ความคิด แล้วเขาก็ทำท่าเคาะ
“ก๊อกๆ มีใครอยู่หรือเปล่า ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ ผมจะหาคนไปแทนให้”
“โอเค ได้ค่ะ ชั้นจะไป”
“เฮ้ย...ไม่ลังเลเลยหรือ”
“ลังเลทำไมคะ ชั้นเป็นครูก็ต้องมีหน้าที่สอนหนังสือ ไปสอนพิเศษ ได้เงิน แถมยังได้...”
“เจอไอ้หมอวีด้วยใช่มั้ย”
สุดนภายิ้มเขินแต่ไม่ตอบ เธอเดินออกไป นาวินมองตามแค้นๆ
นาวินบ่น “แหม ทำอาย เค้าให้ไปสอนหนังสือนะ ไม่ใช่ไปเป็นสะใภ้ไอ้วี....อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย”
นาวินบ่นด้วยความหึง

ไฟในห้องเมรินดับลง ประตูห้องนอนปิด เมรินลุกขึ้นเปิดไฟหัวเตียง
“พรุ่งนี้แล้วสินะ เราจะได้เจอยายบี๋ เฮ้อ จะพูดยังไงดีให้ยายบี๋รับได้ ตื่นเต้นจังเลย”
ตันหยงตื่นเต้นกระวนกระวาย สายแก้วงัวเงียขึ้นมอง
“คุณน้องเมย์ตื่นเต้นอะไรคะ”
เมรินยิ้มให้ “พี่สายแก้วรู้มั้ย ว่าคืนนี้ ชั้นมีความสุขที่สุด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่”
“เอาแล้วไง คุณน้องเมย์เป็นแบบนี้อีกแล้ว พี่สายแก้วไม่น่าถามเลย นอนต่อดีกว่า”
ตันหยงล้มตัวลงนอนหลับตายิ้มอย่างมีความหวัง

เช้าวันใหม่ เมรินนั่งกินอาหารเช้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเคี่ยวเข็ญ ประภัสสรกับสายแก้วมองด้วยความทึ่ง
“วันนี้น้องเมย์เก่งจังเลย หิวหรือคะ” สายแก้วถาม
“เปล่าหรอกค่ะ น้องเมย์จะไปรอรับครูบี๋”
เมรินกินอาหารเสร็จก็รีบลุกขึ้นไปทันที
“เมย์ไปรอครูบี๋หน้าบ้านนะคะ”
เมรินวิ่งปรู๊ดออกไปทันที ประภัสสรกับสายแก้วมองหน้ากัน
“ท่าทางน้องเมย์จะรักครูบี๋คนนี้มากนะสายแก้ว”
“นั่นสิคะ สายแก้วตกกระป๋องไปเลยค่ะคุณภัส”

เมรินยืนชะเง้อคอรอสุดนภา สักพักสุดนภาก็ขับรถเข้ามา เมรินลุกขึ้นยืนมองอย่างตื่นเต้น ประภัสสรกับสายแก้วเดินมายืนมองอย่างเอ็นดู
“บี๋ บี๋มาแล้ว” เมรินดีใจ
ประภัสสสปราม “เรียกบี๋เฉยๆไม่ได้นะคะ ต้องเรียกคุณครูบี๋”
สุดนภาลงจากรถแล้วเดินเข้ามา เธอยิ้มมองเมริน
“สวัสดีค่ะคุณแม่ สวัสดีค่ะน้องเมย์”
เมรินมองสุดนภานิ่งแล้วเดินเข้าไปกอด
สุดนภางง
“น้องเมย์ตื่นเต้นตั้งแต่รู้ว่า ครูบี๋จะมาสอน ท่าทางจะรักครูบี๋มากนะคะ” ประภัสสรเล่า
สุดนภาจับแก้มเมริน “ครูบี๋ก็รักน้องเมย์นะคะ น้องเมย์ไม่ไปโรงเรียน เพื่อนๆบ่นคิดถึงกันทุกคนเลย”
“ต้องรบกวนครูบี๋ด้วยนะคะ น้องเมย์ยังไม่พร้อมจะไปโรงเรียน คุณแม่ก็กลัวจะเรียนไม่ทัน”

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณแม่ บี๋จะดูแลน้องเมย์เป็นอย่างดีค่ะ”
เมรินนั่งจ้องสุดนภา โดยที่สุดนภายังไม่รู้ตัว เธอเดินชะเง้อมองไปข้างนอก

“คุณหมอปฐวีไปทำงานแล้วหรือคะ” สุดนภาถาม
“ยังค่ะ” เมรินตอบ
“แล้วปกติ ไปทำงานแต่เช้าทุกวันเลยหรือ”
“ค่ะ”
สุดนภาเริ่มรู้สึกตัวว่าเมรินจ้องอยู่ก็หันมายิ้มแหย
“น้องเมย์มองอะไรคะ หน้าครูบี๋มีอะไรเปื้อนหรือเปล่า”
ตันหยงคิดในใจ “บี๋ ชั้นเอง...”
เมรินอ้าปากจะพูด
เสียงปฐวีดังขึ้น “ครูบี๋ สวัสดีครับ แหม..มาแต่เช้าเลย”
ทุกคนหันไปมองปฐวีที่เดินเข้ามาในห้อง
“ค่ะ บี๋ตั้งใจมาสอนน้องเมย์ แต่เช้าเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ ครูบี๋ ผมต้องฝากครูบี๋ช่วยจัดการหลานสาวตัวดีของผมด้วยนะครับ”
สุดนภาเขินอาย ปฐวียิ้มให้ เมรินมองทั้งสองคนอย่างเซ็งๆ
ปฐวีก้มลงจับจมูกเมรินเล่น เมรินงอนๆ
“อย่าทำเหมือนเมย์เป็นเด็กๆสิคะ”
“ก็เด็กจริงๆนี่นา” ปฐวีพูดกับสุดนภา “ผมรบกวนนะครับ ถ้าน้องเมย์ดื้อละก็ จัดการได้เลย ผมอนุญาต”
ปฐวีหันมายิ้มให้เมริน เมรินงอน
“ไม่หรอกค่ะ น้องเมย์น่ารักจะตายไป ไม่ดื้อซักหน่อย ใช่มั้ยคะน้องเมย์” สุดนภาถาม
เมรินพยักหน้าไปเรื่อย แต่แอบทำหน้าเซ็ง
“น้าวีขา รีบไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสาย”
ปฐวีขำหลาน
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ครูบี๋”
ปฐวีคว้าตัวเมรินอุ้มลอยขึ้นมาหอมแก้มอย่างแรง เมรินอึ้งแล้วทำหน้าอายๆ แต่สุดนภามองปฐวีอย่างชื่นชม
“ตั้งใจเรียนน้องเมย์ น้าวีไปก่อน”
ปฐวีปล่อยเมรินลงพื้นแล้วเดินไป เมรินเช็ดแก้มพัลวัน พอหันไปมองสุดนภาเมรินก็ไม่เห็น เพราะสุดนภาเดินตามไปส่งปฐวีที่หน้าห้อง
“ยายบี๋ ทิ้งเพื่อนซะอย่างนั้น”


สุดนภายืนคุยกับปฐวีพร้อมกับยิ้มอ่อนหวานให้เขา
“ฝากด้วยนะครับครูบี๋”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ คุณวี”
ปฐวีเดินไป สุดนภายืนโบกมือให้พอหันกลับมาก็เห็นเมรินยืนกอดอกมองอยู่ สุดนภายิ้มเขิน
“ไปค่ะน้องเมย์ เราไปเรียนกันได้แล้ว”
สุดนภาลากมือเมรินเดินไป


สุดนภาเปิดหนังสือการสอน เมรินจ้องตาเป๋ง สุดนภาพูดไป หยิบหนังสือมาอธิบายไป แต่เมรินไม่สนใจฟัง
ตันหยงคิดในใจ “ยัยบี๋จะช็อคไม๊นะ ถ้ารู้ความจริง แล้วเราจะเริ่มต้นยังไงดีนะ”
“เอาล่ะค่ะ น้องเมย์ลองทำดูนะคะ”
เมรินถอนหายใจแล้วตัดสินใจเรียก
“บี๋...”
สุดนภาชะงัก
“แกฟังชั้นนะ ชั้นไม่ใช่น้องเมย์ ชั้นคือตันหยงเพื่อนแก”
สุดนภาอึ้ง “ทำไมน้องเมย์พูดแบบนี้ล่ะคะ ไม่เอานะคะ พูดเล่นแบบนี้ไม่ดีแล้วน้องเมย์ มารู้จักเพื่อนครูได้ยังไง”
“ไม่ใช่รู้จัก แต่ชั้นนี่แหล่ะตันหยงเพื่อนแก แกฟังชั้นดีๆนะ”
“น้องเมย์ ไม่ตลกเลยนะคะ เพื่อนครูป่วยอยู่โรงพยาบาล เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดเล่นนะคะ”
“ชั้นไม่ได้พูดเล่น ชั้นพูดจริงๆ แกจะให้ชั้นพิสูจน์ยังไง”
สุดนภาสายหน้าเครียดเพราะไม่เชื่อเมริน เมรินหยิบโจทย์เลขมามอง
“ง่ายไป เอาแบบนี้ คุณพ่อแกชื่อศุวัฒน์ คุณแม่แกชื่อวรวรรณ บ้านแกอยู่สุขุมวิท ก่อนย้ายไปสาธร แล้วแกก็ขอท่านออกไปอยู่คอนโด แต่ต้องโทรหาท่านทุกวัน ตอนเรียนมัธยม แกชอบพี่ป้อน เพราะเค้าเล่นดนตรีเก่งแต่พอเรียนมหาลัย แกก็เปลี่ยนใจไปชอบ พี่ธรรณ์ เพราะแกปลื้มที่เค้าเรียนเก่งและเป็นหัวหน้าชมรม แกเลี้ยงนกแก้วไว้หนึ่งตัว และมันคือนกที่ชั้นซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ก่อนชั้นไปเมืองนอก”
สุดนภาพูดต่อ “นกตัวนั้น เจ้าจีจี้ ชั้นทำมันตายไปแล้ว”
ตันหยงถอนใจ
“เอาล่ะ ที่นี้แกจะเชื่อชั้นได้รึยัง”
สุดนภามองเมรินอยู่นาน “ยัง”

สุดนภาจ้องหน้าเมรินนิ่ง เมรินพยักหน้า แล้วสุดนภาก็เป็นลมไปทันที
พอสุดนภาลืมตาขึ้นมองเห็นหน้าเมรินเป็นภาพเบลอๆ

“บี๋ ตื่นเดี๋ยวนี้ ตื่นขึ้นมาคุยกัน” ตันหยงบอก
สุดนภาสะดุ้งพรวดขึ้นมายืนหน้าตื่น
“น้องเมย์”
“ไม่ใช่น้องเมย์”
“หยง”
เมรินพยักหน้า
“ไม่จริง...ไม่จริง ชั้นต้องฝันไปแน่นอน เป็นไปไม่ได้ อย่าล้อเล่นกันแบบนี้นะ”
“ชั้นไม่ได้ล้อเล่นนะบี๋ นี่เรื่องจริง ชั้น..ตันหยง”
สุดนภาเซไปนั่งที่โต๊ะ
“นี่มันความฝัน ไม่จริง ชั้นรับไม่ได้ รับไม่ได้จริงๆ”
สุดนภาลุกพรวดพราดหยิบกระเป๋าถือตัวเองแล้ววิ่งออกจากห้องไป เมรินมองตามหน้าเศร้า

ประภัสสรกับเมรินเดินมาส่งสุดนภาที่หน้าประตูบ้าน ประภัสสรมองหน้าสุดนภาด้วยความเป็นห่วง สุดนภามองหน้าเมรินแล้วหลบตา
“ครูบี๋เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ หน้าตาซีดๆ พักก่อนดีมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ สงสัยบี๋จะเป็นไข้หวัด วันนี้บี๋ขอตัวก่อนนะคะคุณภัส”
“ค่ะ งั้นอย่าลืมไปหาหมอนะคะ”
เมรินจับมือสุดนภาไว้ สุดนภามองหน้าเมรินอย่างหวาดๆ
“พรุ่งนี้พบกันนะคะ ครูบี๋” เมรินบอก
สุดนภามองหน้าเมรินนิ่งแต่ไม่ตอบอะไรก่อนจะค่อยๆชักมือออก
“บี๋ลาค่ะคุณแม่”
สุดนภาไหว้ลาประภัสสรแล้วรีบเดินขึ้นรถไป เมรินเดินไปดักหน้า
“พรุ่งนี้แกต้องมานะ”
สุดนภาทำหน้าสยองแต่ไม่ตอบ เธอรีบเดินไปขึ้นรถ เมรินมองตามหน้าเศร้า

สุดนภาขึ้นมานั่งบนรถแล้วส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้ นี่ชั้นกำลังฝันไป” สุดนภาตีแก้มตัวเองแล้วก็นึกออก
สุดนภาหยิกตัวเองแล้วร้องจ๊าก
“เรื่องจริงหรือเนี่ย”
สุดนภาหันไปมองเมรินที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เมรินโบกมือบ๊ายบายแล้วส่งสัญญาณมือท่าประจำกลุ่ม สุดนภานึกถึงเพื่อนๆ แล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก

ปฐวีเดินออกจากห้องผ่าตัด จริญทิพย์นั่งสัปหงกรอปฐวี ปฐวีเดินมาสะกิด จริญทิพย์ลืมตาขึ้นมาเห็นปฐวีก็ตื่นเต้น
“คุณวี นี่เลยเวลาแล้ว คุณวีจะทานอะไรดีคะเดี๋ยวทิพย์จะจัดมาให้ค่ะ”
ปฐวีมองนาฬิกา “ไม่ต้องดีกว่า บ่ายนี้ผมมีประชุมต่อ”
“ไม่ได้สิคะ ถึงเวลาไม่ทานอาหาร เดี๋ยวป่วยไป จะมีใครไปรักษาคนป่วย ทิพย์ยอมไม่ได้”
จริญทิพย์ทำท่าเป็นห่วงปฐวีอย่างจริงจัง ปฐวียิ้มเอาใจ
“ก็ได้ครับ คุณทิพย์ คุณทิพย์นี่ช่างเป็นเลขาที่แสนดี ห่วงใยผมไปซะทุกเรื่อง” ปฐวีพูดล้อ “ถ้าไม่มีคุณทิพย์ผมจะอยู่ได้ยังไงละเนี่ย”
จริญทิพย์ยิ้มปลื้ม
“ปากหวานใส่ทิพย์อีกแล้ว ....”
หนึ่งฤทัยเดินมา
“หมอวีคะ พอมีเวลามั้ย หนึ่งมีเรื่องอยากปรึกษา”
“ได้ครับ แต่บ่ายผมมีประชุมต่อ”
“ไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวหนึ่งก็ต้องเข้าประชุมด้วยเหมือนกัน งั้นทานข้าวด้วยกันนะคะ”
“ก็ได้ งั้นคุณทิพย์ไม่ต้องแล้วนะครับ เดี๋ยวผมไปทานกับหมอหนึ่ง อ้อ ช่วยเตรียมแฟ้มประชุมตอนบ่ายให้ผมด้วยนะครับ”
หนึ่งฤทัยกับปฐวีเดินคู่กันไป
“อ้าว คุณหมอวีนะ ได้ใหม่แล้วลืมเก่านะคะเนี่ย”
จริญทิพย์ทำหน้าเซ็งๆ

หนึ่งฤทัยกับปฐวีนั่งกินข้าวในห้องอาหารของโรงพยาบาล
“หนึ่งอยากบรีฟให้หมอวีฟังเรื่อง เคสคุณตันหยงน่ะค่ะ อาการเธอไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”
“ผมลองค้นข้อมูลทุกทาง เรื่องนี้ไม่ค่อยมีบันทึกไว้เท่าไหร่ เจอแต่เรื่องไสยศาสตร์” ปฐวีส่ายหัว
“หนึ่งเข้าใจค่ะ มันผิดหลักการที่เราเคยเรียนมา แล้วก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือด้วย”
“บ่ายนี้ผมลองเรียกประชุมคณะแพทย์แล้วครับ เราอาจจะได้แนวคิดอะไรใหม่ๆบ้าง”
หนึ่งฤทัยหัวเราะ “หนึ่งทราบแล้วค่ะ คุณหมอวีคงลืมไปแล้วว่า คุณตันหยงเป็นคนไข้ของหนึ่งนะคะ”
ปฐวียิ้มเขิน “จริงสินะ ผมนี่แย่จริงๆเลย”
“แหม...ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ของคนไข้ทราบ คงจะดีใจที่วีใส่ใจคุณตันหยงขนาดนี้ วีนี่เป็นหมอที่ทุ่มเทจริงๆนะคะ”
ปฐวียิ้มหลบตาแต่ไม่ได้ตอบอะไร
“แล้วนี่น้องเมย์เป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็ปกติดีทุกอย่างน่ะครับ เพียงแต่บางครั้งอาจจะพูดจาเกินเด็กไปหน่อย”
“ เด็กสมัยนี้ก็แบบนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ โตเร็วจนเราตามไม่ทัน”
“หรือครับ บางทีผมก็รู้สึกแปลกๆ คงยังไม่ชิน”
“เออจริงสิ ไว้ว่างๆหนึ่งจะขอไปเยี่ยมน้องเมย์บ้างนะคะแล้วท่านประธานเป็นยังไงบ้างคะ ท่านสบายดีใช่ไหมคะ”
“ครับคุณย่าสบายดี บ่นถึงหนึ่งบ่อยๆ บอกให้ชวนหมอหนึ่งมาทานข้าวด้วย ถ้าหนึ่งว่างวันไหน เชิญนะครับ”
หนึ่งฤทัยดีใจ
“ค่ะ หนึ่งได้เพิ่งสูตรขนมมา ว่าจะลองทำไปให้ท่านประธานกับน้องเมย์ชิมพอดีค่ะ”
“หนึ่งนี่ชอบทำขนมจริงๆ อย่าพึ่งทิ้งผมไปเปิดร้านนะครับ”
“วีก็...แพทย์น่ะ เป็นอาชีพที่รักของหนึ่งเลยนะคะ หนึ่งไม่ทิ้งวีไปไหนหรอกค่ะ”

ปฐวีมองหนึ่งฤทัยยิ้มๆ หนึ่งฤทัยเขินแต่ก็แอบองปฐวีอย่างชื่นชม
สุดนภาเดินพูดคนเดียวไปมาอยู่ในห้องพัก

“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ นั่นมันน้องเมย์ชัดๆ โอ๊ย..อยากจะบ้าตาย”
สุดนภาทรุดตัวลงนั่งกุมขมับแล้วก็เด้งตัวขึ้นมาคว้าขวดยาพาราฯ เทแล้วกินเข้าไปสองเม็ด ก่อนจะล้มตัวลงนอน สักพักเธอก็เด้งตัวขึ้นมาอีก
“แล้วถ้า ตันหยงอยู่ในร่างน้องเมย์ แล้วใครอยู่ในร่างตันหยงล่ะ”
สุดนภาคิดหนัก

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 4/5 วันที่ 13 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager