@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 9 วันที่ 19 ก.พ. 56


อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 9 วันที่ 19 ก.พ. 56

“รำพึง เจ้ามาทำไมที่นี่ จะมาหาเรื่องอะไรอีก”
ขุนพิทักษ์พยายามยันตัวขึ้น แต่รำพึงโถมเข้าไปหา ลูบไล้ไปที่ซอกคอและใบหน้าของขุนพิทักษ์
“อย่ามองเมียในแง่ร้ายแบบนี้สิเจ้าคะ น้องก็แค่เป็นห่วงอยากลงมาดูแลคุณพี่บ้าง”
รำพึงขยับตัวให้หน้าขุนพิทักษ์ที่ใกล้เนินอกของรำพึง ปรอทกำลังจะทะลุจุดแตก
“กลับไปซะ”
ขุนพิทักษ์ผลักรำพึงออก รำพึงเซไปก่อนจะลุกขึ้นยืน

“คุณพี่อยากให้น้องกลับจริงๆเหรอคะ”
รำพึงดึงผ้าสไบตกลงไปกองที่พื้น เผยเนินเนื้ออันเปลือยเปล่า ไฟราคะยิ่งโหมเข้าหาขุนพิทักษ์ที่อึ้งตะลึงอยู่
“รำพึง”



รำพึงก้มลงหน้าใกล้ขุนพิทักษ์ กระซิบข้างหู
“เถอะค่ะคุณพี่ ปลดปล่อยมันออกมา น้องจะดับร้อนให้คุณพี่เอง”
รำพึงจูบเข้าไปที่ใบหูขุนพิทักษ์ที่ความอดทนสุดท้ายของขุนพิทักษ์ขาดผึง...แรงราคะชนะสัมปชัญญะทั้งปวง
ขุนพิทักษ์กระชากรำพึงมาซุกไซร้อย่างหมดแรงต้านทาน เกมนี้รำพึงชนะอย่างขาดลอย


ชุ่มวิ่งตรงมาที่หน้าเตาเพื่อดูแกงส้มมะรุม แต่กลับเจอจวง
“ของอยู่บนเรือน ข้าจัดการงานที่คุณรำพึงสั่งเรียบร้อยแล้ว”
“เหรอ แล้วนี่รีบแจ้นกลับมาที่ครัวทำไมล่ะ”
“ข้าจะทำอะไร มันก็เรื่องของข้า”
“ปากดีให้ตลอดเถ๊อะนังชุ่ม เดี๋ยวน้ำตาจะตกในไม่รู้ตัว”
ชุ่มเอะใจ รีบไปดูแกงในหม้อ แต่แกงกลับหมดเกลี้ยง ชุ่มเปิดฝาหม้อโน่นหม้อนี่ดู จวงหัวเราะ
“แกงส้มมะรุมเหรอ ป่านนี้ท่านขุนคงอร่อยอยู่กับทูนหัวของข้า” จวงพูดพลางทำปากซี้ด
“เอ็งพูดอะไรของเอ็ง”
จวงเข้าจิกหัวชุ่ม
“อยากรู้มั้ยล่ะ เดี๋ยวข้าจะพาเอ็งไปดูให้เห็นกับตา มานี่”
“ปล่อยข้า”
“ข้าจะพาอีกาอย่างเอ็งไปดูของดีไง จะได้ไม่โง่ดักดานคิดว่าตัวเองเป็นหงส์อยู่แบบนี้”
จวงจิกหัวลากชุ่มออกไป

ประตูในเรือนทาสเปิดผลั๊วะ! จวงจิกหัวชุ่มลากเข้ามา
“ดูซะให้เต็มตา”
ภาพตรงหน้าคือร่างที่นอนเปลือยกอดกัน ขุนพิทักษ์นอนสลบไสล รำพึงหันมามองชุ่ม ก่อนลุกขึ้นหอมแก้มขุนพิทักษ์ ภาพที่เห็นราวกับจะเฉือนหัวใจชุ่ม ออกเป็นเสี่ยงๆ
“ขอบใจมากนะนังชุ่มที่เอ็งให้ข้าร่วมหลับนอนกับผัวของข้าในเรือนของเอ็ง”
ชุ่มน้ำตาตก
“ร้องไห้ ทนดูไม่ได้งั้นเหรอ ที่ผัวข้านอนกับข้า ไม่ใช่เอ็ง”
“ข้าไม่เคยคิดแบบนั้น”
รำพึงพูดเสียงกร้าว
“ไม่คิดแต่ทำ...สำออยจนผัวข้าหลงเอ็งจนโงหัวไม่ขึ้น”
ขุนพิทักษ์สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
“จำใส่กระโหลกโง่ๆของเอ็งไว้ด้วยว่า ถ้าข้าอยากได้อะไรข้าต้องได้ เพราะข้าเป็นเมียแต่ง ข้ากับผัวจะเล่นรักกันที่ไหนก็ได้ในเรือนนี้ แม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนของเอ็ง ถ้าข้าเป็นเอ็งข้าคงไสหัวตัวเองออกไปจากเรือนนี้แล้วล่ะนังชุ่ม ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ยังจะหน้าด้านอยู่อยู่ได้”
“นังหน้าด้าน!” จวงตอกย้ำ
ชุ่มร้องไห้หนัก ขุนพิทักษ์รวบรวมสติได้ยันตัวขึ้นมามองรอบกายเห็นรำพึงอยู่ข้างๆ ภาพตรงหน้าคือชุ่มที่กำลังมองเขา
“ชุ่ม”
“ทำไมท่านขุนทำแบบนี้”
ชุ่มผลักจากจวงแล้ววิ่งหนีออกไป
“ชุ่มฟังข้าก่อน”
ขุนพิทักษ์ตะโกนเรียกฃุ่มและลุกจะตาม แต่รำพึงดึงไว้
“จะไปไหนล่ะคะคุณพี่ เมื่อกี้ยังนอนกอดน้องแน่นจนแทบหายใจไม่ออกอยู่เลย”
“เจ้าทำอะไรกับข้า”
“แหม...เรื่องแบบนี้ คงไม่ต้องให้น้องบอกหรอกนะคะ”
“ยาชั้นต่ำนั่นอีกแล้วใช่มั้ย”
“คุณพี่จะมาโทษน้องได้ยังไง อาหารมื้อนี่ก็ฝีมือนังชุ่มมัน ถ้าจะโทษก็ต้องโทษมันสิคะ มันอาจจะใส่ยาหวังจะให้คุณพี่ติดใจในรสรักของมันก็ได้”
“ชุ่มไม่ทำแน่ ความเลวแบบนี้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่ทำได้”
ขุนพิทักษ์มองรำพึงอย่างรังเกียจ รำพึงแม้จะโกรธแต่ก็สะใจในชัยชนะครั้งนี้
ชุ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ริมน้ำ ขุนพิทักษ์เดิมตามมาเห็น
“ชุ่ม”
ชุ่มหันมาเห็นลุกขึ้นจะวิ่งหนี แต่ขุนพิทักษ์จับไว้
“ชุ่ม ฟังข้าก่อน”
“ข้าไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นไ
“ข้าปล่อยเอ็งไม่ได้ ถ้าเอ็งยังไม่ได้ฟังคำอธิบายของข้า”
“ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ ทาสอย่างข้าผิดเองที่อาจเอื้อมไปรักคนอย่างท่านขุน ทั้งๆที่ข้าควรจะอยู่ในที่ของข้า ข้าไม่น่ามาที่นี่เลย ข้าไม่ควรได้รู้จัก ไม่ควรได้พบเจอกับท่านเลย”
“เอ็งโกรธข้าใช่มั้ยที่ข้ากับรำพึง”
ชุ่มพรั่งพรู
“ใครจะทนได้ที่เห็นตำตาว่าชายที่รักนอนกับหญิงอื่นในเรือนของตน ใจมันเจ็บทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไร แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์จับชุ่มมากอด
ชุ่มตัดสินใจ
“ข้าขอไปจากที่นี่ ไปจากชีวิตของท่านขุน”
ขุนพิทักษ์ตกใจ ก่อนผละตัวชุ่มออกมาจากอ้อมกอด
“ปล่อยข้าไปเถอะเจ้าค่ะ แล้วทุกอย่างมันก็จะจบ ปล่อยให้ข้าไปตามทางของข้าเถอะเจ้าค่ะ”
“ข้าจะไม่ยอมให้เอ็งไปไหนเป็นอันขาด ข้าขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหัวใจเอ็ง รำพึงวางยาข้า ข้าขอร้องอย่าหนีข้าไปไหน อยู่กับข้านะ ข้ารักเจ้า รักเจ้าคนเดียว”
ขุนพิทักษ์กระชับกอดชุ่ม ทั้งสองกอดกันทั้งน้ำตา

รำพึงหัวเราะอย่างสะใจอยู่ในห้องหอ
“ดูสิว่านังชุ่มมันจะยังกล้าเสนอหน้าอยู่ในเรือนอีกมั้ย”
ประตูเปิดดังปัง! จวงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ทูนหัวของบ่าวเจ้าขา แย่แล้วเจ้าค่ะ”
“อะไรกันนังจวง..ทำอย่างกับว่ามีใครตาย”
“มีเจ้าค่ะ คุณรำพึงไปดูเองเถอะเจ้าค่ะ”
รำพึงสงสัยในกิริยาของจวง จึงออกจากห้องไป
“โอ้ย...ต้องมีใครตายแน่ๆ”
จวงรีบแจ้นตามออกไป

บนเรือนคุณหญิงมณี ขุนพิทักษ์ประคองชุ่มอยู่บนเรือน มีบ่าวไพร่ขนของ เก็บกวาดเป็นการใหญ่
“นี่มันอะไรกัน พ่อพิทักษ์”
“ต่อไปนี้ชุ่มจะขึ้นมานอนบนเรือนนี้กับลูกขอรับ”
แจ่มร้อง “หา”
“ทำแบบนี้ไม่สมควรนะพ่อพิทักษ์ ลูกควรจะเกรงใจหนูรำพึง..เมียของลูกบ้าง”
“แต่ชุ่มก็เป็นเมียของลูก”
“ท่านขุนเจ้าคะ อย่าทำแบบนี้เลยนะเจ้าคะ”
“ถ้าเจ้าไม่อยู่บนนี้ เจ้าก็ไปอยู่กับข้าข้างนอก ไม่กลับมาเรือนนี้อีก”
“พ่อพิทักษ์”
คุณหญิงมณีลมใส่ แจ่มและชุ่มเข้าประคอง พิทักษ์ทำใจแข็ง เสียงรำพึงกร้าวขึ้นมา
“ทำแบบนี้มันหยามกันเกินไปแล้วนะคะคุณพี่ เมียอยู่บนเรือนหัวโด่ แต่กลับเอาทาสขึ้นมากกบนนี้ น้องไม่ยอม”
“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องรอคำยินยอมของเจ้า”
“คุณพี่!”
“หนูรำพึง ใจเย็นๆค่อยๆพูดกันก่อนนะลูก”
“เย็นไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะคุณแม่ นี่คุณพี่เห็นรำพึงเป็นตัวอะไรถึงทำกันได้ถึงขนาดนี้”
“ข้าเห็นเจ้าเป็นตัวอันตรายไง ข้าถึงต้องเอาชุ่มมาไว้ใกล้ตัว ใกล้ตาข้า จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของใครง่ายๆ”
รำพึงอาละวาดจะพุ่งเข้าหาชุ่ม พิทักษ์ยื้อไว้
“ไม่ยอม ข้าไม่ยอม อีชุ่มจะอยู่บนเรือนไม่ได้ทำแบบนี้”
จวงจะช่วย แต่แจ่มชี้หน้าไว้ รำพึงลั่น
“ข้าจะฟ้องเจ้าคุณพ่อว่า อ้ายอีหน้าไหนมันกลั่นแกล้งข้าบ้าง!”
คุณหญิงมณีสุดทนบอกเสียงเข้ม
“พอได้แล้ว หนูรำพึง เป็นผู้ดีก็ต้องรู้จักสำรวมกิริยา”
“แต่คุณแม่ต้องเฉดหัวนังทาสนี่ไปอยู่ที่เรือนทาสเหมือนเดิมนะเจ้าคะ”
“บ่าวจะกลับไปอยู่ที่เรือนทาสเจ้าค่ะคุณหญิง” ชุ่มบอก
ขุนพิทักษ์สีหน้าอ้อนวอน
“คุณแม่ขอรับ”
คุณหญิงมณีนิ่งไปสักครู่ ก่อนตัดสินใจ
“แม่อนุญาตให้ชุ่มอยู่บนเรือนนี้ได้”
รำพึงและชุ่มร้อง “คุณแม่ / คุณหญิง” ขึ้นพร้อมกัน

“แต่พ่อพิทักษ์ต้องแบ่งวันให้เวลากับเมียทั้งสองคนให้ชัดเจน และเสมอภาคกัน”
“รำพึงไม่ยอม!”
“ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น แจ่มพาข้ากลับข้าห้อง”
“เจ้าค่ะคุณหญิง”
แจ่มประคองคุณหญิงเข้าห้องไป รำพึงมองทั้งชุ่มทั้งขุนพักษ์ด้วยความแค้นอย่างไม่วางตา แล้วรำพึงกรีดเสียงดัง
“ทูนหัวของบ่าวเจ้าขา ถอยก่อนเถอะเจ้าค่ะ เห็นทีศึกครั้งนี้จะเอาชนะได้ยาก”
รำพึงมองชุ่มและพิทักษ์แล้วบอก
“ข้าจะฟ้องเจ้าคุณพ่อ!”
รำพึงสะบัดตูดไป มีจวงตามติดๆ ชุ่มได้แต่ถอนใจ
“ท่านขุน ท่านจะเดือดร้อน แล้วอีกอย่างก็สงสารคุณหญิงท่าน”
“แต่คนอย่างรำพึงต้องโดนดัดหลังซะบ้างจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าชีวิตใคร”
ขุนพิทักษ์มองชุ่มด้วยแววตาสุดรัก แต่ชุ่มแววตาเป็นกังวล กับสงครามที่จะเจอข้างหน้า

ในเวลาต่อมา รำพึงเปิดประตูเข้ามาในห้องกอแล้วกรี๊ด
“แอร๊ยๆๆๆๆ อีชุ่ม ข้าอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ”
“ไหงมันออกมาเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเจ้าคะ ทูนหัวของบ่าว..ไหนคุณรำพึงบอกว่าจะใช้ผงม้าเสพนางเฉดหัวนังชุ่มออกจากเรือนไงเจ้าคะ ทำไมตอนนี้กลายเป็นเสร็จนังชุ่มมันซะแล้ว”
รำพึงตบจวงหน้าหัน
“หุบปากของเอ็งได้แล้วนังจวง คุณพี่ทำกับข้าแบบนี้ ข้าก็จะบี้ให้เละกันไปข้าง...คนอย่างข้า ถึงชั่วก็จะชั่วให้ถึงที่สุด คอยดู”
รำพึงโกรธจัดกำมือแน่น

วันใหม่ ณ ที่ว่าการ พระยาเทวราชเปิดซองจดหมายออกและตั้งใจอ่าน
“งานเนี้ยคงเหนื่อยหน่อยนะท่านเจ้าคุณ เดินทางไปตรวจการไกลถึงหัวเมืองด้านเหนือ คงใช้เวลานานกว่าจะได้กลับ” เพื่อนพระยาเทวราชบอก
“ท่านเจ้าคุณไม่ต้องห่วง กระผมชินซะแล้ว”
“จริงๆถ้าท่านขุนไวยังอยู่คงจะผ่อนแรงท่านเจ้าคุณไปได้เยอะ อยู่ๆก็ได้รับจดหมายย้ายตัวไปนอกเมือง มันน่าเสียดายจริง ๆ”
พระยาเทวราชสะดุดกึกกับชื่อขุนไว
“คนหนุ่มก็ต้องหาประสบการณ์ไปเรื่อย ต่อไปเขาจะได้แข็งแรงน่ะขอรับ เพื่อข้าราชการ ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะท่านเจ้าคุณ”
เพื่อนพระยาเดินไป พระยาเทวราชหันไปถามลูกน้อง
“เรื่องขุนไวจัดการเรียบร้อยใช่มั้ย”
“เอ่อ...ขอรับ ส่งตัวไปเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ดี แล้วทางลูกข้ามีข่าวอะไรบ้าง”
“ข่าวไม่ค่อยสู้ดีขอรับ”
“เรื่องอะไร”
“บ่าวไพร่มันลือกันหนาหูว่าท่านขุนพิทักษ์เอาเมียทาสขึ้นไปอยู่บนเรือน ดู จะทั้งรักทั้งหลงมากกว่าคุณรำพึงอีกขอรับ”
พระยาเทวราชร้อนใจหนักที่ลูกสาวไม่ได้ดั่งใจ

พระยาเทวราชตบโต๊ะใส่หน้ารำพึง
“อยู่ไกลข้ายังก่อเรื่องให้ข้าร้อนหู”
รำพึงน้ำตาตก
“ลูกเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าคุณพ่อ แต่ทำไมเจ้าคุณพ่อถึงต้องต่อว่าลูกให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกล่ะเจ้าคะ”
“ก็ต้นเหตุมันเกิดจากเจ้า เป็นเมียภาษาอะไร ให้ผัวยกหญิงอื่นขึ้นแซงหน้า”
“ลูกก็ทำดีที่สุดที่คนเป็นเมียพึงจะทำได้ ลูกคงต้องเรียนถามเจ้าคุณพ่อมากกว่าเจ้าค่ะ ว่าทำไมผู้ชายถึงไม่รู้จักพอ มีเมียหนึ่งแต่ก็ยังอยากจะมี สอง สาม สี่”
พระยาเทวราชโกรธ ตบหน้ารำพึง จวงรีบเข้ามาประคองรำพึง
“อย่ามาปากดีใส่ข้า ผัวคนเดียวยังเอาไม่อยู่ แล้วชาตินี้จะทำอะไรได้ ที่สำคัญถ้าชื่อเจ้าเสีย มันก็เน่ามาถึงข้าได้ อย่าให้ข้าอับอายเพราะความโง่เง่าของเจ้าหน่อยเลย”
“ชื่อเสียงของเจ้าคุณพ่อสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ลูกคงไม่อาจแตะต้องชื่อเสียงของเจ้าคุณพ่อได้”
“รู้ก็ดี เพราะถ้าไม่มีชื่อเสียงนี้ไว้อุ้มชูเจ้า เจ้ามันก็ไม่ต่างจากหมาข้างถนน กำพืดต่ำไม่ต่างจากแม่ของเจ้า”

พระยาเทวราชลุกออกไปเลย จวงลูบเนื้อตัวรำพึงด้วยความเป็นห่วง รำพึงเจ็บแค้น น้ำตาตกที่ไม่มีใครรักสักคน
บริเวณกระท่อมชายป่า ขุนไวกอดเข้าที่ด้านหลังของรำพึง
“พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
รำพึงแสร้งหันมาน้ำตาริน
“คุณพี่”
“ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรน้อง หรือว่าไอ้พิทักษ์”
รำพึงส่ายหน้า
“เจ้าคุณพ่อค่ะ เจ้าคุณพ่อบังคับจิตใจน้อง น้องขอตายดีกว่าถ้าจะต้องทำตามคำสั่งครั้งนี้ของเจ้าคุณพ่อ”
“ท่านเจ้าคุณสั่งให้น้องทำอะไร”
“เจ้าคุณพ่อ สั่งให้น้องมีลูกกับไอ้ขุนพิทักษ์ ที่สำคัญ น้องต้องตั้งท้องทันทีที่เจ้าคุณพ่อกลับจากการตรวจราชการที่หัวเมืองเหนือ”
ขุนไวโกรธจัดกำหมัดแน่น กัดกรามสั่น รำพึงจัดหนักเข้าไปอีก
“น้องจะทำได้ยังไง ในเมื่อผู้ชายเพียงคนเดียวที่น้องรักและอยากจะมีลูกด้วยคือคุณพี่คนเดียวเท่านั้น เจ้าคุณพ่อสั่งแบบนี้ เหมือนสั่งให้น้องไปตายชัดๆ”
“มันจะมากเกินไปแล้วพระยาเทวราช”
รำพึงเป่าหูต่อ
“เจ้าคุณพ่อทำเหมือนน้องไม่ใช่คน ทำเหมือนน้องเป็นเดรัจฉานที่อยากจะให้สมสู่กับใคร เมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่ใจของท่าน น้องมันน่ารังเกียจที่สุด”
ขุนไวกอดรำพึงไว้แน่น
“ไม่จริง น้องรำพึงเป็นที่รักของพี่ นับจากนี้พี่จะไม่ให้น้องต้องรู้สึกแบบนี้อีกต่อไป พี่จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาบังคับน้องได้อีก พี่สาบาน”
ขุนไวหมายมาดในชีวิตของพระยาเทวราช รำพึงน้ำตาเปื้อนแก้ม แต่หน้าเปื้อนยิ้มที่แผนการเป่าหูสำเร็จ


บริเวณชายป่าริมน้ำ เวลากลางคืน ลูกน้องขุนไวยื่นซองเงินให้โจรป่า
“นี่ค่าจ้างงวดแรก งานนี้ถ้าทำสำเร็จ รับรองพวกเอ็งรวยแน่ รับค่าจ้างงวดหน้าหลังจากงานเสร็จที่เดิม”
“อยู่กับท่านขุนไวนี่มันสบายจริงๆ รับรองว่าพวกข้าจะเกาะท่าน ไม่ไปไหนไปจนตาย” โจรป่าคนแรกบอก
โจรทั้งสามคนหัวเราะเยาะใส่หน้าขุนไว ก่อนจะเดินจากไป

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 9 วันที่ 19 ก.พ. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager