อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 9 วันที่ 17 ก.พ. 56
เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีตามภิงคารไปวังนาเคนทร์เช้าวันถัดมา...ใส่สีตีไข่เรื่องความเกี่ยวเนื่องระหว่างเจ้าอุรคากับพญานาคอย่างมันปาก ภุชคินทร์ส่ายหน้าเอือมๆที่สองแม่ลูกไม่หยุดตั้งแง่และใส่ร้ายราชนิกุลสาว ภิงคารเห็นท่าไม่ดี บอกให้รอจนถึงงานกาล่าดินเนอร์ครั้งถัดไปของเจ้าประกายคำแล้วค่อยตัดสินเพราะเจ้าอุรคาเป็นแขกพิเศษ ถ้าหญิงสาวปรากฏตัว ข้อสันนิษฐานของสองแม่ลูกก็เป็นอันตกไป แต่ถ้าไม่ก็คงต้องสืบกันต่อและแล้วงานกาล่าดินเนอร์ก็มาถึง...แขกเหรื่อทยอยเข้างานอย่างไม่ขาดสาย ด้วยชุดแต่งกายและเครื่องประดับหรูหรา เจ้าประกายคำทำหน้าที่แม่งานอย่างไม่ขาดตก บกพร่อง โดยมีครอบครัวของภุชคินทร์กับสุบรรณยืนเกาะกลุ่มอยู่ไม่ห่าง ทุกคนมองบรรยากาศงานด้วยความชื่นชม เจ้าประกายคำปลื้มใจ ยกความดีความชอบให้เจ้าอุรคาที่ออกแบบงานทั้งหมด แถมให้เกียรติเป็นแขกพิเศษ เฟื่องวลีกับเฟื่องฟ้าตาโต แกล้งพูดถึงราชนิกุลสาวว่าโดนทำร้ายปางตายและข่าวลือหนาหูว่าไม่ใช่คน เจ้าประกายคำหันขวับแล้วตอกกลับอย่างเหลืออด
“คนที่ชอบเม้าท์ไม่น่ามีปากไว้พูดเลยนะคะ ถ้าจะพูดแต่เรื่องเสียหายให้คนอื่น ที่ดิฉันรู้มาเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเพราะหนีทัน คนที่ทำเจ้าก็ไม่รู้ว่ามาจากนรกขุมไหนถึงได้ใจร้ายใจดำ ทำได้แม้กระทั่งผู้หญิง”
“ใช่ครับเจ้า จะด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็ตาม คนที่ทำร้ายผู้หญิงได้ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลย”
สุบรรณแทรกขึ้นและหันไปมองภุชคินทร์อย่างหาเรื่อง ภิงคารเห็นบรรยากาศไม่ดี ไกล่เกลี่ยให้ทุกคนรอดู เจ้าอุรคาปรากฏตัว...จะได้ลบคำสบประมาทและคำปรามาสทั้งหลาย โดยเฉพาะเรื่องที่เธอเป็นพญานาค!
เจ้าอุรคาปรากฏตัวบนเวทีพร้อมเครื่องเพชรประจำตระกูล ท่ามกลางเสียงฮือฮาและความตื่นตะลึงของแขกทั้งงาน ท่าทางราชนิกุลสาวดูปกติ ไม่มีวี่แววเหมือนคนบาดเจ็บแม้แต่น้อย ภุชคินทร์จ้องตาไม่กะพริบแล้วเบิกตาโพลงเมื่อเห็นแหวนประดับด้วยครุฑธิการบนมือเธอ
ภุชคินทร์ผลุนผลันออกจากงานอย่างหัวเสีย หม่อมภาณี นารีวรรณและไพศิษฐ์วิ่งตามด้วยความเป็นห่วง ผู้กองหนุ่มบอกว่าเพื่อนตั้งใจมางานนี้เพื่อจับสังเกตเจ้าอุรคา หม่อมภาณีนิ่งไปอึดใจ เปรยว่าอาจเป็นเพราะครุฑธิการ เธอเองก็แปลกใจว่าอัญมณีชิ้นนี้มาอยู่ที่แหวนบนมือ ราชนิกุลสาวได้อย่างไร
ฟากเจ้าอุรคายิ้มแย้มอวดโฉมรอบงาน มีชรายุคอยตามไม่ห่าง ภิงคารถือโอกาสทักทายและแสดงความยินดีกับหญิงสาวที่ไม่ได้เป็นเหมือนข่าวลือ เช่นเดียวกับเจ้าประกายคำที่มองมาอย่างชื่นชม ต่างจากเฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีที่ชักสีหน้าด้วยความหมั่นไส้ เจ้าอุรคามองท่าทีทุกคนอย่างรู้ทัน ปรายตาไปทางสุบรรณและเปรยเสียงหยันว่าอยากหลบไปพักในที่ปลอดภัยเท่านั้น สุบรรณหน้าเสีย พูดไม่ออกเพราะรู้สึกผิด
เจ้าอุรคาออกจากงานไม่นานจากนั้น สุบรรณตามไปดักหน้าปรับความเข้าใจ แต่โดนราชนิกุลสาวตอกกลับอย่างไม่ไยดี อำนาจจะช่วยพูดแต่เจ้านายหนุ่มยั้งไว้บอกว่าอยากเคลียร์ทุกอย่างเอง ชรายุมองเจ้าอุรคาด้วยความเป็นห่วงแต่จำใจเลี่ยงออกไปเพราะเริ่มเจ็บแผลที่โดนแทง เจ้าอุรคาเดินลิ่วมาถึงลานจอดรถ สุบรรณโผล่มาขวางและส่งสายตาเว้าวอน เจ้าอุรคาไม่พอใจ พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“ท่านสุบรรณเป็นอย่างนี้เอง คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ อยากได้อะไรต้องได้ ไม่สนว่าใครจะรู้สึกยังไง”
“สำหรับเจ้าอุรคา ผมไม่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่...แต่เป็นแค่ผู้ชายที่หมดท่า ยอมทุกอย่างแม้ถูกหยามเกียรติและ ดูหมิ่นจนไร้ศักดิ์ศรี เพื่อให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักหันมามอง”
“งั้นต้องขอโทษท่านสุบรรณด้วย ที่ดิฉันรังเกียจผู้ชายไร้ศักดิ์ศรี ทำได้แม้กระทั่งคุกคามคนอื่นให้ยอมจำนนเพื่อแสดงความอหังการ์ ทั้งที่จริงแล้วมันคือความขี้ขลาด ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรืออ่อนแอของตัวเอง”
สุบรรณหน้าเจื่อน ขอโทษและแก้ตัวว่าทำไปเพราะอยากรู้เรื่องเธอมากขึ้น เจ้าอุรคาย้อนเสียงเยาะ
“อีกไม่นานหรอกท่านสุบรรณ ท่านจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วทำไมดิฉันถึงไม่เคยอยากรับไมตรีจากท่านเลย”
“มันไม่มีอะไรทั้งนั้นหรอกครับเจ้า เหตุผลเดียวเท่านั้นคือเจ้ารักคุณชายภุชคินทร์”
สุบรรณตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด เจ้าอุรคาไม่โต้ตอบ เดินจากไปโดยไม่หันมามองแม้แต่น้อย...
ขณะเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภุชคินทร์รื้อห้องกระจุยกระจายหาครุฑธิการแต่ไม่พบ คาดคั้นแม่กับน้องสาวว่าเห็นอัญมณีเจ้าปัญหาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หม่อมภาณีกับนารีวรรณอึ้งไปอึดใจ แปลกใจระคนหวาดหวั่นไม่แพ้ชายหนุ่มที่ครุฑธิการหายจากบ้านไปอยู่บนมือเจ้าอุรคาในงานกาล่า ดินเนอร์...เวลาเดียวกัน...เจ้าอุรคาจ้องครุฑธิการในมืออย่าง ครุ่นคิด เอื้อมอีกมือไปจับที่สร้อยนาคสวาทแล้วเปรยเสียงเศร้า
“แค่ได้รู้จักครุฑธิการท่านยังร้อนรนถึงเพียงนี้ ถ้าวันใดท่านรู้จักนาคสวาท ท่านจะรู้ว่าทำไมข้าถึงต้องเจ็บปวดทรมานและทำไมข้าถึงต้องตามมาเพื่อให้ท่านถอนคำสัตย์สาบาน...ภุชเคนทร์”
ooooooo
สุบรรณจมกับกองเหล้าและความขมขื่นใจที่โดนเจ้าอุรคาตัดรอน เขวี้ยงแก้วชนกระจกข้างฝาแล้วสะดุ้งเฮือก เห็นภาพตัวเองมีปีกเหมือนครุฑ ชายหนุ่มแทบหายเมา ได้ยินเสียงพ่อก้องในโสตประสาท
“ที่พ่อตั้งชื่อลูกว่าสุบรรณเพราะแปลว่าครุฑ ลูกพ่อต้องยิ่งใหญ่เหนือกว่าใครเหมือนครุฑ”
สุบรรณตัวชา เพ่งมองกระจกอีกครั้งแต่ไม่เห็นอะไร นึกถึงคำพูดเป็นนัยๆของเจ้าอุรคาที่เหมือนบอกบางอย่าง แล่นไปหาพันเอกนรินทร์ถึงบ้านด้วยความร้อนใจแต่ไม่ได้คำตอบ เพราะน้าชายไม่อาจทำผิดกฎสวรรค์ แพร่งพรายความลับดวงชะตาแต่บอกให้ลองศึกษาด้วยตัวเอง อดีตนายทหารพาหลานชายและลูกสาวไปวัดธาตุพนมในวันรุ่งขึ้น เจ้าอาวาสมองมาด้วยความเมตตาและทักทายอย่างคุ้นเคยกันดี สุบรรณแนะนำตัวเอง แสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการฝึกสมาธิ เจ้าอาวาสยิ้มรับและเปรยเสียงอ่อน
อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 9 วันที่ 17 ก.พ. 56
ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ