อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13/2 วันที่ 1 มี.ค. 56
กับแม่เห็นว่าเค้ารักและพร้อมจะดูแลลูกของแม่ได้ พิรามเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมนะลูก เพียงแต่เค้าผิดพลาดไป ลูกควรจะให้อภัยเค้านะ”“หยงให้อภัยพิรามแล้วค่ะ คุณแม่” ตันหยงบอก
“งั้นลูกจะเศร้าไปทำไมล่ะ ยิ้มหน่อยสิจ๊ะ ว่าที่เจ้าสาว”
ตันหยงฝืนยิ้ม
“นั่นสิ ต้องอย่างนั้น แม่อยากให้หนูมีความสุขรู้มั้ย”
ตันหยงกอดแม่ไว้แต่ก็ยังยิ้มเศร้า
ปฐวีกำลังรักษาคนไข้ที่อนามัย
“คุณป้าต้องทานยาตามที่หมอสั่ง จนหมดนะครับ ถ้ายังมีอาการปวดหัวอาเจียน ให้รีบมาหาหมอทันที”
“คนต่อไปเชิญครับ”
หนึ่งฤทัยเดินเข้ามา ปฐวีหันไปเห็นก็ยิ้มให้
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”
ปฐวียิ้มดีใจ “มีเยอะเลยครับ”
ปฐวียิ้มให้หนึ่งฤทัย หนึ่งฤทัยวางกระเป๋าแล้วลงมือทำงานทันที เธอเดินไปหาพยาบาล แล้วถาม ปฐวีมองหนึ่งฤทัยแล้วยิ้ม
หนึ่งฤทัยถามพยาบาลว่าคนไข้ที่นอนบนเตียงด้านหน้าเป็นอะไร พยาบาลตอบ หนึ่งฤทัยพยักหน้า ปฐวีกำลังตรวจอาการคนไข้ หนึ่งฤทัยช่วยจดบันทึก ทั้งคู่ปรึกษากัน
หนึ่งฤทัยกับปฐวีเดินคุยกันมาตามทางเดินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“วีหายมานานมากเลยนะคะ ไม่คิดถึงกรุงเทพบ้างหรือคะ”
“ที่นี่อากาศดี ผู้คนก็น่ารัก อยู่แล้วมีความสุขครับ”
“แหม วีพูดเหมือนจะอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างนั้นแหละ”
ปฐวียิ้มเศร้า ทั้งคู่เดินต่อไป
ทั้งคู่เดินมาจนถึงที่พักของหนึ่งฤทัย
“ถึงที่พักของคุณแล้วครับ หนึ่งพักได้นะครับ”
“ได้สิคะ แล้ววีพักที่ไหนล่ะคะ”
“ของผมพักที่อยู่บ้านพักทางด้านโน้นครับ ต้องการอะไรก็บอกผม หนึ่งพักผ่อนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ยังมีงานรอเราอยู่เยอะ”
ปฐวียิ้มให้ หนึ่งฤทัยยิ้มสู้งานก่อนจะมองตามปฐวีไปด้วยความรัก
สุดนภามองการ์ดบนโต๊ะ
“น่ารักทุกแบบเลย เลือกไม่ถูกเลย”
สุดนภาหันไปมองตันหยง ตันหยงนั่งมองการ์ดในมือใจลอย
“นี่หยง แกลอยไปถึงไหนแล้ว กลับมาฟังชั้นก่อนดีมั้ย”
“ชั้นฟังอยู่”
“ถามจริงเหอะ นี่แกตั้งใจแต่งงานหรือเปล่า”
“งานอาทิตย์หน้าแล้ว แกอย่าถามแบบนี้อีกเลย” ตันหยงบอก
ตันหยงวางการ์ดลงแล้วเดินไปนั่งเศร้า สุดนภามองตามแล้วถอนหายใจ
บุหงากับพินิจแอบฟังอยู่ที่หน้าห้อง บุหงาดึงมือพินิจถอยออกมา
“คุณว่าลูกเราแปลกๆมั้ย” บุหงาถาม
“ใช่ ดูซึมๆเหม่อ เศร้าๆไม่เหมือนกับคนกำลังจะเป็นเจ้าสาวเลย” พินิจว่า
“ชั้นไม่สบายใจเลย”
สุดนภาเดินเซ้าซี้ถามตันหยง
“แกแน่ใจนะหยง มีอะไรบอกชั้นมา ชั้นยินดีช่วยแกเต็มที่”
“ไม่มี ชั้นไม่ได้เป็นอะไร”
บุหงาเดินเข้ามา
สุดนภากับตันหยงหันไปเห็น “คุณแม่”
“แม่มีเรื่องคุยกับหยง”
“งั้น บี๋ขอตัวก่อนนะคะคุณแม่ ไปก่อนนะหยง”
สุดนภาไหว้ลาบุหงาแล้วเดินออกไป
“หยง แม่ขอถามอีกที ลูกรักพิรามหรือเปล่า”
ตันหยงอึ้งและไม่ตอบ บุหงามองอย่างสังเกต
“ถ้าลูกแต่งงานกับพิรามเพราะความดีของเค้าละก็ แม่ไม่อยากให้ลูกทำแบบนั้น”
“คุณแม่คะ หยง...”
“แม่อยากให้ลูกของแม่แต่งงานเพราะความรัก แม่มีลูกคนเดียวเท่านั้น แม่อยากให้ลูกมีความสุขที่สุด”
ตันหยงโผเข้ากอดบุหงาแล้วร้องไห้ บุหงาแปลกใจกับอาการของตันหยง
ปฐวีนั่งผิงไฟอยู่หน้าบ้านพักตอนกลางคืน
วันต่อมา สุดนภายืนสอนอยู่หน้าห้อง นักเรียนอ่านหนังสือกันเสียงดัง นาวินยืนมองการเรียนการสอนของสุดนภาแล้วยิ้มพอใจ
เวลาผ่านไป นาวินลุกขึ้นยืนอธิบายในที่ประชุมอย่างจริงจัง บรรดาครูที่ประชุมอยู่พยักหน้าเห็นด้วย
สุดนภากับนาวินนั่งกินอาหารอยู่ด้วยกัน สุดนภาเขี่ยอาหารแต่ไม่กิน นาวินมองอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรของคุณ ป่วยหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่า แต่ชั้นไม่สบายใจ สงสารเพื่อน”
“ใคร คุณตันหยงน่ะหรือ สงสารเค้าทำไม เค้าจะแต่งงานนะไม่ได้รับโทษประหาร”
“นี่คุณ พูดดีๆหน่อยได้มั้ย”
“นี่ดีแล้ว รู้มั้ย เจ้าวีเพื่อนผมน่ะ ตอนนี้เนรเทศตัวเองไปอยู่ซะไกลพรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมมัน อยากไปทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผมไหม”
“พอแค่นี้แหล่ะ ชั้นไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว อาทิตย์หน้าก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้ว ชั้นต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะจ๊ะ อยากทำอะไรก็เชิญเถอะ”
นาวินค้อน “พึ่งพาไม่ได้เล้ย คนใจดำ ไปคนเดียวก็ได้ เดี๋ยวไปหาเพื่อนเอาข้างหน้า”
สุดนภาหยิกหมับ นาวินสะดุ้งโหยง
“อยากตายใช่มะ”
นาวินหัวเราะขำ สุดนภางอน
สุดนภาเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในห้องตันหยง ตันหยงเดินตามมา
“ชั้นขี้เกียจตื่นแต่เช้า มาค้างกับแกดีกว่า จะได้นอนนานอีกหน่อย นี่พรุ่งนี้เค้าจะเอาชุดมาให้แกลองที่บ้านใช่มั้ย” ตันหยงถาม
“ใช่ แล้วนี่แกมาอยู่กับชั้นแล้ว คุณนาวินล่ะ ไม่บ่นหรือ”
“จะบ่นเรื่องอะไร เค้าก็ไปหาเพื่อนเค้าสิ”
“ใครหรือ”
“ก็หมอวีไง แกไม่รู้หรือ เค้าไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นเดือนแล้ว”
ตันหยงรับฟังอย่างสงบ สุดนภาแอบสังเกตสีหน้าเพื่อน
ตันหยงนั่งมองชุดแต่งงานที่แขวนอยู่ตรงหน้า สุดนภามองแล้วยิ้ม
“แกใส่ชุดนี้ต้องสวยหยดแน่เลย หยง” สุดนภาบอก
ตันหยงยิ้มเศร้าๆ
“เดี๋ยวชั้นช่วยแกลองชุดนะ มา ลุกเร็ว”
ตันหยงขยับตัวลุกขึ้น
ตันหยงที่อยู่ในชุดแต่งงานเดินออกมา สุดนภาเดินตามหลังคอยดูแลชายกระโปรงของสุดนภาด้านหลัง พิรามในชุดเจ้าบ่าวหันมาเห็นตันหยง
“ตันหยง คุณสวยมาก”
ตันหยงยิ้มเศร้า
บุหงากับสุดนภามองตันหยงอย่างปลื้มๆ
บุหงาเอ่ยชม “ลูกแม่สวยจริงๆ”
“ลองใส่รองเท้านะครับ เดี๋ยวผมช่วย”
พิรามก้มตัวลงใส่รองเท้าให้ตันหยงก่อนจะเงยขึ้นมายิ้มให้ ตันหยงยิ้มตอบ บุหงายิ้มปลื้ม แต่สุดนภายิ้มเจื่อนๆ
วันใหม่ ชาวบ้านหามคนเจ็บที่มีเลือดท่วมเข้ามาที่อนามัย
“หมอ หมอ ช่วยหน่อย ลูกผมรถเครื่องมันล้ม”
หนึ่งฤทัยกับปฐวีรีบทิ้งคนไข้ตรงหน้าแล้ววิ่งมาดู ทั้งสองเห็นคนไข้เลือดท่วม
ปฐวีรีบดูแผล “หมอหนึ่งเตรียมห้ามเลือดด่วนเลย”
“ค่ะ” หนึ่งฤทัยสั่งผู้ช่วย “พาเข้าไปในห้องก่อน ทำความสะอาดบาดแผลก่อนเลยเร็วเข้า”
หนึ่งฤทัยเดินหายไป ปฐวีจะเดินตามไปแต่ชาวบ้านรีบดึงมือไว้
“ลูกผมจะตายมั้ยหมอ”
“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวหมอดูแลให้ คุณไปนั่งรอตรง โน้นก่อนเถอะครับ”
ปฐวีเดินไป ชาวบ้านเดินไปนั่งรอด้วยสีหน้าวิตก
นาวินเดินมองพร้อมกับกางแผนที่ดูอย่างงงๆ
“แหมไอ้วี เลือกที่ซะเหมาะเชียวนะ ทำไมไม่ไปอยู่ต่างดาวให้รู้แล้วรู้รอดวะ”
นาวินถามชาวบ้าน
“ผมจะไปที่สถานีอนามัยนี่ อีกไกลมั้ยครับ”
“ต้องรอรถตรงนั้น แล้วขึ้นเขาไปโน่น”
นาวินพยักหน้าด้วยความสยองก่อนจะออกเดินต่อ
ปฐวีเดินออกมากับชาวบ้านที่พาลูกมารักษา
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมอเย็บแผลให้แล้ว อย่าลืมทานยาแก้อักเสบ แล้วมาล้างแผลทุกวันนะครับ”
“ขอบใจหมอมาก แหม ไอ้ลูกเวรมันหน้าตบกระบาลให้แยก ขี่รถเครื่องดันไม่ยอมใส่หมวก ถ้าไม่ได้หมอมีหวังเรียบร้อยแล้ว”
ปฐวีมองตามชาวบ้านที่ประคองลูกชายไปแล้วยิ้มทั้งๆ ที่เหนื่อย นาวินเดินมายืนมอง หน้ามุ่ย ปฐวีเห็นเพื่อนก็ดีใจจึงร้องทัก ปฐวีร่าเริง
“เฮ้ย มาถูกได้ไงวะเนี่ย”
“เกือบหลงไปนอกโลกแล้ว แกก็ช่างเลือกที่จริงๆนะ เฮ้ย กว่าจะมาถึง เดินทางตั้งค่อนวัน มีอะไรให้กินบ้างวะ หิวจะแย่”
“อะไรกัน เห็นหน้าก็ร้องกิน สงสัยติดคุณบี๋มา”
“ไม่ต้องมาพูดถึงคุณบี๋เลย พูดแล้วคิดถึง”
“นายไปนั่งรอก่อน ชั้นมีคนไข้ต้องรักษาอีก”
ปฐวีเดินเข้าไป นาวินมองตามแล้วส่ายหน้า
“ไม่น่าเลย มาเยี่ยมมันทำไมวะเนี่ย” นาวินเหนื่อยจึงบ่นไปเรื่อย
หนึ่งฤทัยกำลังวุ่นวายกับการรักษาคนไข้ นาวินเดินเข้ามา หนึ่งฤทัยหันไปเห็น
“คุณนาวิน มาถึงที่นี่เชียวนะคะ”
“ผมตามมาเยี่ยมเจ้าวีน่ะครับ ไม่นึกว่าจะเจอหมอหนึ่งที่นี่ รู้งี๊ไม่ต้องมาหรอก” นาวินแซว
หนึ่งฤทัยหัวเราะแล้วหันไปพูดกับปฐวี
“วีคะ ช่วยดูคนไข้รายนี้ด้วยค่ะ คนไข้มีอาการปวดหัว ได้กลิ่นไหม้ตลอดเวลา....หนึ่งไม่แน่ใจเป็นอาการทางสมองหรือเปล่า”
ปฐวีรีบเดินเข้าไปดูคนไข้โดยทิ้งนาวินไว้
“เฮ้ย เดี๋ยวมา”
นาวินมองเซ็งๆ
“แล้วจะให้ชั้นทำยังไงล่ะเนี่ย เฮ้อ ดันเป็นส่วนเกินอีก”
นาวินมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ลง
ปฐวีกับหนึ่งฤทัยยืนคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปฐวีลงมือตรวจอาการคนไข้อย่างละเอียด นาวินนั่งมองนี่โน่นอย่างเซ็งๆ แล้วล้วงขนมในกระเป๋าออกมานั่งกิน
เวลาผ่านไป นาวินนั่งตาปรือ รอบๆตัวมีถุงขนมเปล่าๆ เต็มไปหมด
นาวินนั่งกินข้าว ปฐวีกับหนึ่งฤทัยยังตรวจคนไข้วุ่น
นาวินนั่งมองคนไข้ประคองกันเดินออกมา นาวินทนไม่ได้จึงเข้าไปประคองคนไข้และลุกขึ้นไปช่วยหยิบโน่นทำนี่
คนไข้กลับไปจนเกือบหมด นาวินนั่งหมดแรง ปฐวียืนขำเพื่อน
“โหย ไม่อยากเชื่อ เมืองไทยจะขาดแคลนหมอขนาดนี้ ก่อนแกจะมานี่ เค้ารักษาด้วยหมอผีหรือไง ถึงได้ป่วยกันมากมายเหลือเกิน” นาวินบ่น
“ปัญหาเดิมๆ งบประมาณไม่พอสร้างโรงพยาบาล ถ้ามีโรงพยาบาลชั้นจะมาเป็นหมออาสาทำไมวะ”
“แกเก่งนะ อยู่สภาพนี้ได้”
หนึ่งฤทัยหันมายิ้มให้ปฐวี ปฐวียิ้มตอบ
“ชาวบ้านที่นี่เก่งกว่าเราเยอะ” ปฐวีบอก
นาวินพยักหน้าแล้วมองไปทั่วๆ ด้วยความรู้สึกว่าเขาอยู่ไม่ได้
ปฐวีนั่งเขียนบันทึกอยู่ นาวินนั่งเช็คไอแพด จู่ๆ ไฟฟ้าก็ดับลง นาวินโวยวาย
“เฮ้ย..ไฟดับได้ไงวะ ทำไงเนี่ย”
ปฐวีจุดตะเกียง
“โทษที ชั้นลืมบอกแกไปว่าที่นี่มีไฟแค่สองทุ่ม”
“อ้าว แล้วแกทำอะไรวะ ไฟไม่มี โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี โอ๊ย แค่วันเดียวชั้นก็แทบบ้าแล้วนะเนี่ย”
“ก็อยู่มาตั้งเดือนแล้วไม่เห็นเป็นไรนี่”
ปฐวีก้มลงเขียนบันทึกต่อ นาวินมองปฐวีแล้วพูดลอยๆ
“อาทิตย์หน้า คุณตันหยงจะแต่งงานแล้ว” นาวินบอก
ปฐวีชะงักเล็กน้อย “แกมาตั้งไกลเพื่อจะมาบอกชั้นแค่นี้น่ะหรือ” ปฐวีจะเขียนต่อแต่ก็หงุดหงิดเล็กน้อย
“หนอยแน่ะ ทำเป็นไม่สนใจ ไอ้หมอปากแข็ง เค้าจะแต่งงานอยู่แล้วนะโว้ย”
อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13/2 วันที่ 1 มี.ค. 56
พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตรพรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56
ที่มา manager