@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7/2 วันที่ 17 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7/2 วันที่ 17 ก.พ. 56

แฟนซักคน หนึ่งก็หวังว่าเค้าจะรักและดูแลหนึ่งอย่างนี้บ้าง”
ปฐวียิ้มเศร้า
“คุณตันหยงโชคดีที่มีคู่หมั้นแบบนี้นะคะ วีว่าไหม”
หนึ่งฤทัยมองหน้าปฐวีแล้วยิ้ม ปฐวีก้มหน้ามองแก้วกาแฟแล้วแอบเศร้า

หนึ่งฤทัยกับปฐวีเดินคุยกันมา พิรามเดินสวนมา



“หนึ่งทำวีเข้าประชุมสายรึเปล่าเนี่ย”
ปฐวียังไม่ทันได้พูด พิรามก็ทักขึ้น
“คุณหมอหนึ่ง เจอกันอีกแล้วนะครับ” พิรามเห็นปฐวี “คุณหมอวี”
พิรามเห็นปฐวีก็ชะงัก หนึ่งฤทัยมองทั้งสองคนอย่างงงๆ
“ดีจังเลย วีคะ นี่คุณพิรามคู่หมั้นของคุณตันหยงที่หนึ่งเล่าให้ฟังไง”
“เรารู้จักกันแล้วครับ” ปฐวีบอก
“อ้าว รู้จักกันหรือคะ”
“ครับ เราเคยเจอกันแล้ว”
“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ผมมีประชุมต่อ” ปฐวีตัดบท
“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
ปฐวีเดินเลี่ยงไป หนึ่งฤทัยมองตามปฐวีไปด้วยความสงสัย

พิรามเดินคุยกับหนึ่งฤทัยมาตามทางเดิน
“คุณพิรามรู้จักกับหมอวีตอนไหนเหรอคะ หนึ่งไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“เราเคยเจอกันหลายครั้งแล้วครับ หมอวีมาเยี่ยมหยงบ่อย”
หนึ่งฤทัยชะงัก “งั้นหรือคะ”
“ล่าสุดก็เมื่อเช้านี้”
หนึ่งฤทัยรำพึง “หนึ่งไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”
พิรามกับหนึ่งฤทัยมองหน้ากันแล้วยิ้มเจื่อน

ประภัสสรนั่งอ่านจดหมายของมูลนิธิแล้วเหม่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เมธีกับประภัสสรเถียงกัน เมธีขอโทษประภัสสร
ประภัสสรเอ่ยถาม “คุณขอโทษภัสเพราะคุณไม่กลับบ้านหรือคุณมีคนอื่น”
เมธีหลบตา
ประภัสสรนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้วก็รำพึงออกมา
“คุณจะมีคนอื่นจริงๆใช่มั๊ย คุณเมธี”
ประภัสสรหน้าเศร้า
ทันใดนั้นก็มีเสียงรถวิ่งเข้ามา ประภัสสรลุกขึ้นมายืนมอง เธอเห็นลุงสายขับรถเข้ามา ประภัสสรหันไปส่องกระจกแล้วปาดน้ำตาก่อนจะรีบเดินออกไป

เมรินก้าวลงจากรถ ลุงสายถือกระเป๋าลงมาแล้วส่งให้เมริน เมรินยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
“ขอบคุณค่ะลุงสาย”
ลุงสายมองเมรินอย่างชื่นชม
ประภัสสรเดินออกมารับเมริน เมรินวิ่งไปหาประภัสสรแล้วชวนกันเดินเข้าบ้าน ปรางค์ทิพย์ยืนมองอยู่แล้วก็เปรยออกมา
“นี่แสดงว่านายเมธีมันไม่ได้กลับบ้าน ไม่งั้นมันต้องไปรับลูกสิ”
ปรางค์ทิพย์ยิ้มร้าย

ประภัสสรลูบหลังลูบไหล่เมริน
“เป็นไงคะลูก วันนี้เหนื่อยไหมคะ”
เมรินจ้องอย่างสังเกต “คุณแม่ร้องไห้อีกแล้ว”
“เปล่าหรอกลูก หนู ไปอาบน้ำแล้วลงมาทานของว่างดีกว่านะคะ” ประภัสสรพูดกับสายแก้ว “ไปสายแก้วพาน้องเมย์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป๊”
เมรินถามขึ้น “แล้วคุณพ่อกลับมารึยังคะ”
ประภัสสรเผลอพูดประชดสามี “พ่อเค้าคงไม่อยากกลับมาหาเราแล้วมั้งลูก”
ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามาได้ยินพอดีก็รีบพูด
“เป็นไงจ๊ะแม่ภัส หน้าตาไม่สบายเลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“พี่ปรางค์”
เมรินเห็นปรางค์ทิพย์ก็แอบทำหน้าเหนื่อยหน่าย
“คุณแม่ขา น้องเมย์เริ่มหิวแล้วค่ะ”
ปรางค์ทิพย์มองเมรินตาขวาง
“นี่ยัยเมย์ โรงเรียนไม่ได้สอนหรือ เวลาผู้ใหญ่คุยกันน่ะ เด็กห้ามมาสอด แล้วนี่เจอชั้น แกไม่ต้องไหว้กันแล้วใช่มั๊ย มารยาทแย่เหมือนพ่อไม่มีผิด”
เมรินหน้างอแล้วยกมือไหว้แบบไม่เต็มใจ
ประภัสสรบอกลูกสาว “น้องเมย์ขา ไปกับพี่สายแก้วก่อนนะคะ เดี๋ยวแม่คุยกับป้าปรางค์แล้วจะตามไปค่ะ”
“งั้นน้องเมย์ขอตัวไปเล่นกับเจ้าหนุงหนิงก่อนนะคะ อยู่กับเจ้าหนุงหนิง มันไม่น่าอึดอัด”
พูดจบเมรินก็มองหน้าปรางค์ทิพย์แล้วเดินออกไป
“ดู๊ ดู ปากคอลูกหล่อนนะแม่ภัส เหลือรับจริงๆ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด”
ประภัสสรหนักใจ

เมรินเดินออกมานั่งที่หน้าบ้าน
“คนอะไรก็ไม่รู้ เห็นหน้าแล้วรู้สึกอึดอัด น่าสงสารลูกผัวคุณปรางค์ คงจะประสาทกินแน่ๆ”
เมรินเห็นปฐวีขับรถเข้าบ้าน ปฐวีลงจากรถ เมรินรีบวิ่งไปหาปฐวีทันที
“น้าวี”
ปฐวีย่อตัวลงอุ้มเมรินขึ้นมาหอม
“น้าวี ไม่ค่ะ อย่าทำแบบนี้” เมรินเขิน
“ทำไมล่ะ ก็น้าวีรักของน้าวีนี่นา คิดถึงน้าวีไหม”
เมรินงอน “ไม่ค่อยเจอหน้าน้าวีเลย น้าวีมัวแต่ไปวุ่นดูแลสาวที่ไหนอยู่คะ”
“สาวคนที่อยากดูแลเค้าก็มีคนดูแลอยู่แล้ว เหลือแต่สาวน้อยคนนี้แหล่ะ”
ปฐวียิ้มร่าเริง เมรินมองปฐวีแล้วนิ่งคิดก่อนจะจ๋อย

ประภัสสรมีสีหน้าอึดอัด ส่วนปรางค์ทิพย์จ้องประภัสสรอย่างคาดคั้น
“แล้วนี่ นายเมธีต้องส่งรายงานการเงินให้คุณยายด้วยหรือเปล่า”
“เรื่องงานภัสไม่ค่อยทราบหรอกค่ะพี่ปรางค์”
“นี่หล่อนไม่รู้ อะไรซักอย่างเลยหรือ ผัวเมียกัน จะไม่รู้ได้ยังไง”
“โธ่พี่ปรางค์คะ เรื่องงานของคุณเมธี ภัสไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย”
“ที่เธอไม่ยอมบอกพี่ เพราะเธอเห็นผัวดีกว่าพี่ใช่ไหมแม่ภัส”
“ไม่ใช่นะคะพี่ปรางค์ คือ เอ่อ ภัสไม่ได้เจอคุณเมธีมาหลายวันแล้วค่ะ”
ปรางค์ทิพย์ชะงักกึก
“ผัวหล่อนไม่กลับบ้านหลายวันแล้วหรือ”
ประภัสสรนิ่งไม่ตอบ ปรางค์ทิพย์ยิ้มเยาะ
“เห็นมั๊ยล่ะ ชั้นว่าแล้วไม่มีผิด ผัวเธอน่ะมันเชื่อไม่ได้ เธอเองก็หัวอ่อนผัวพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ป่านนี้นายเมธีคงไปมีบ้านเล็กหลบอยู่แน่ๆ ชั้นละสงสารเธอกับลูกจริงจริ๊ง แม่ภัส”
ปรางค์ทิพย์แอบยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป ประภัสสรทรุดตัวลงนั่งวิตกอย่างหมดแรง

นาฬิกาติดผนังบอกเวลา 2 ทุ่ม เมธีนั่งเซ็นต์เอกสารที่โต๊ะทำงานจนเสร็จแล้วก็ปวดตา มึนหัว เขาลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับบ้าน เมธีถอนหายใจยาวแล้วก็เปลี่ยนใจนั่งลงพิงเก้าอี้เครียดหนัก

เมธีนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่คลับ เขานั่งมองนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นที่กำลังหัวเราะอย่างร่าเริง เมธีรู้สึกเครียดหลายเรื่องจึงมีหน้าตาเศร้าสร้อย ฉัตรพรที่กำลังจะขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีหันมาเห็นเมธี ฉัตรพรเดินเข้ามาหาด้วยความดีใจ
“ฉัตรดีใจจัง คิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว”
“ผมเพิ่งเลิกงาน เลยแวะมา ร้องเพลงเสร็จแล้วเหรอครับ” เมธีถาม
ฉัตรพรขำ “ยังไม่ได้ขึ้นร้องเลยค่ะ คุณรอฉัตรแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวฉัตรสั่งเครื่องดื่มให้”
“ผมแค่แวะมาฟังเพลง คุณทำงานตามสบายเถอะ”
ฉัตรพรโน้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ แล้วเดินไป
“เดี๋ยวฉัตรมาเทคแคร์นะคะ รอฉัตรนะคะ”
ฉัตรพรเดินไป เมธีรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

ปรางค์ทิพย์นั่งรอเสกสรรอยู่ที่ห้องรับแขก เสกสรรเดินลงมาในชุดทำงาน พอเห็นหน้าปรางค์ทิพย์เสกสรรก็สะดุ้ง
“คุณปรางค์”
“ชั้นมีเรื่องอยากพูดกับคุณ” ปรางค์ทิพย์บอก
เสกสรรกลืนน้ำลายแล้วปาดเหงื่อ
“เมื่อคืนหุ้นส่วนดึงผมคุยเรื่องงานจนดึก คุณอย่าเข้าใจผมผิดนะครับ”
ปรางค์ทิพย์มองหน้าเสกสรร “เรื่องนั้นชั้นไม่สนใจหรอก”
เสกสรรแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ชั้นอยากรู้เรื่องที่คุณเอาเงินไปลงทุน เป็นอย่างไรบ้างคะออเดอร์เยอะไหม กำไรต่อเดือนเท่าไร แล้วคุณทำรายงานส่งให้คุณยายบ้างรึเปล่าคะ”
“นี่คุณปรางค์ บริษัทเราเพิ่งเริ่มก่อตั้ง ยังสรุปตัวเลขอะไรไม่ได้หรอกครับ ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย ตอนนี้ผมก็วุ่นวายอยู่กับออเดอร์ลูกค้าเหนื่อยแทบตาย จะเอาเวลาไหนไปทำรายงาน เอาเป็นว่าถ้าผมว่างผมจะรีบทำส่งคุณยายก็แล้วกันนะ”
“คุณจะทำยังไงก็ตามใจเถอะ ขอแค่มีส่งคุณยาย อ้อ อีกข้อ ขอให้เหนือกว่านายเมธีกับแม่ภัสก็แล้วกัน”
เสกสรรสูดลมหายใจยาวด้วยความโล่งอกที่ปรางค์ทิพย์ไม่สนใจเรื่องส่วนตัว
“งั้นผมไปนะ”
เสกสรรเดินออกไป
ปรางค์ทิพย์เรียกไว้ “เดี๋ยว”
เสกสรรสะดุ้ง
“ทีหลังอย่ากลับให้มันดึกนักนะ”
“ผมไม่อยากกลับดึกเลยถ้าไม่จำเป็น อยากกลับมาอยู่กับคุณมากกว่า จริงๆนะไปล่ะ”
เสกสรรเดินไป ปรางค์ทิพย์มองตามจนลับตา
ปรางค์ทิพย์มองไปทางบ้านประภัสสร “ต่อไป ชั้นต้องเหนือกว่าหล่อนทุกด้านแหละ แม่ภัส”
ปรางค์ทิพย์กระหยิ่มยิ้มย่อง

สุดนภาเดินย่องเข้าไปในห้องทำงานของนาวิน เธอมองซ้ายมองขวาแล้ววางรายงานไว้ที่โต๊ะแล้วรีบย่องออกจากห้อง
เสียงนาวินดังขึ้น “จะรีบไปไหน”
สุดนภาสะดุ้งสุดตัวแล้วหันกลับมา นาวินลุกขึ้นมาจากหลังเก้าอี้
“เดี๋ยวชั้นก็หัวใจวายตายหรอก คุณไปทำอะไรตรงนั้น”
“ปากกาผมหล่น” นาวินบอก
สุดนภาแอบบ่น “คิดว่าพ้นแล้วเชียว”
“เข้ามาหาผม คิดถึงผมเหรอครับ”
สุดนภาข่มใจ “ขอตัวก่อนนะคะ ชั้นต้องสอนแล้ว”
นาวินมองนาฬิกา “เหลืออีก 5 นาที”
สุดนภาเซ็ง “ได้ มีอะไรก็รีบพูดมา”
“หน้าผมไม่หล่อเหมือนไอ้หมอวีใช่ไหม เลยไม่อยากคุยด้วย”
“เหลือ 3 นาที”
“พักกลางวันกินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”
“ไม่ เหลือ 2 นาที”
“งั้นมื้อเย็นอ่ะ”
“นี่ ทำไมนายถึงได้หน้าด้านแบบนี้นะ”
“อ้าว จริงใจ ก็หาว่าหน้าด้าน จะบอกให้นะ ว่าผู้ชายปากหวานน่ะไม่จริงใจเหมือนผมหรอก ...นี่ ผมจะพูดอะไรให้ฟัง”
สุดนภาทั้งโกรธทั้งอาย เธอมองนาฬิกา “หมดเวลา” สุดนภายิ้มหวาน “ชาตินี้คงไม่ทัน สงสัยต้องรอชาติหน้าแล้วล่ะ บ๊าย บาย”
สุดนภาเดินออกไปทันที นาวินมองตามเคืองๆ แต่ก็ยิ้มอย่างมาดมั่น

เด็กนักเรียนจับกลุ่มเดินคุยกันออกจากห้องเรียน
“นี่เธอเราอยากเก่งเหมือน้องเมย์จังเลย”
“ใช่ เรียนก็เก่ง เล่นชักเย่อก็เก่ง ได้ที่หนึ่งด้วยละ
“ไม่เห็นจะเก่งเท่าไหร่เลย เราก็ทำได้” มิ้งแทรก
“แต่ตอนกีฬาสีน้องมิ้งได้ที่สามนี่นา แคทยังได้ที่สองเลย”
มิ้งอึ้งจนพูดไม่ออก
“เลขสามก็เยอะกว่าเลขหนึ่งไม่ใช่หรือ”
เด็กทั้งสองมองหน้ากันงงๆ
เมรินกับแคทเดินมา
เด็กคนหนึ่งรีบพูด “ไปหาเมย์กันดีกว่าพวกเรา”
เด็กทั้งสองทิ้งมิ้งค์แล้ววิ่งไปหาเมรินทันที
มิ้งค์มองอย่างโกรธๆ
“หนอยแน่ะ เดี๋ยวโดนแน่”
ผองเพื่อนรุมล้อมเมรินกับแคทพร้อมทั้งชมว่าเก่งจัง ๆ แคทปลื้มมาก

เด็กๆนั่งกินข้าวในโรงอาหาร เมรินนั่งอยู่ท่ามกลางผองเพื่อน นาวินเดินมาชะเง้อดูเด็กๆ นาวินเห็นเมรินก็ทำเป็นเดินมาทัก
“เป็นยังไงบ้างเด็กๆ อาหารอร่อยมั๊ย”
“ของหวาน ขอเปลี่ยนเป็นไอติมได้มั๊ยคะ ครูวิน” แคทถาม
“ได้สิครับ ไว้รออาทิตย์หน้านะ เดี๋ยวครูสั่งจัดเมนูให้ใหม่เลย”
“ว๊า ขอวันนี้ไม่ได้หรือคะ”
เด็กคนอื่นๆ รีบเสริม “ใช่ อยากกินวันนี้อ่ะ นะ วันนี้ นะ วันนี้”
นาวินปาดเหงื่อแล้วรีบจูงมือเมรินเดินออกมา

นาวินย่อตัวลงนั่งคุยกับเมริน
“น้องเมย์ น้าวินมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ เรื่องครูบี๋น่ะ” นาวินบอก
ตันหยงคิดในใจ “ว่าแล้วเชียว เอาจริงหรือนี่”
เมรินทำใสซื่อ “ครูบี๋ทำไมหรือคะ”
นาวินก้มลงกระซิบข้างหูเมริน เมรินขำแต่พยายามกลั้นไว้
“น่านะ ขอร้อง ช่วยน้าวินหน่อยนะ”
“ก็ได้ค่ะ แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไร”
นาวินทำหน้าจริงจัง ส่วนเมรินยิ้มเจ้าเล่ห์

นักเรียนทุกคนนั่งกินไอติมกันอย่างเอร็ดอร่อย เมรินยืนยิ้มด้วยความภูมิใจ นาวินยืนหน้าเซ็งเพราะเสียรู้เมริน
“น้องเมย์นะน้องเมย์ เล่นซะหมดตัวเลยเรา”
นาวินหันมองเมริน เมรินมองเด็กๆ กินไอติมด้วยความปลื้มใจ

เมรินเดินคุยกับแคทกระหนุงกระหนิงเข้ามาในห้อง
“ไอติมอร่อยมั๊ยล่ะ”
“น้องเมย์ทำได้ไงน่ะ ยอดเลย”
“เรื่องเล็ก พวกชอบหลอกเด็ก ต้องโดนแบบนี้แหละ”
เมรินนั่งลงที่โต๊ะแล้วเปิดลิ้นชัก กบตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากลิ้นชักมาที่เก้าอี้ แคทกรี๊ด
“กบ ๆ น้องแคทกลัวกบ”


อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7/2 วันที่ 17 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager