อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 8/4 วันที่ 19 ก.พ. 56
เมธียิ้มอย่างผ่อนคลายแล้วมองตามฉัตรพรไปเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉัตรพรชะงัก เมธีหน้าเครียด
“ไม่ต้องรับบ้างก็ได้ค่ะคุณเมธี เห็นคุยเรื่องงานทีไรคุณเครียดทุกที” ฉัตรพรแนะนำ
“ไม่เป็นไร”
เมธียิ้มให้แล้วกดรับโทรศัพท์ก่อนจะเดินหันหลังคุย
“วี มีอะไรหรือ”
เมธีฟังโทรศัพท์หน้าเครียดแล้วแอบหันมามองฉัตรพรเป็นระยะ ฉัตรพรรินน้ำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่เงี่ยหูฟังตลอด
“ได้ๆ ตอนนี้พี่ขับรถอยู่ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” เมธีพูดโทรศัพท์
ฉัตรพรเดินมาส่งแก้วน้ำให้เมธี
“ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนมั๊ยคะ เดี๋ยวฉัตรนวดให้”
“ผมคงอยู่ไม่ได้แล้ว”
“งั้นหรือคะ ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน”
“ไว้คราวหน้านะ”
“งั้นฉัตรเดินไปส่งนะคะ”
ฉัตรพรเดินกอดเมธีแล้วส่งไปขึ้นรถ
“ขับรถดีๆนะคะ ฉัตรรักคุณนะคะ”
เมธียิ้มให้ ฉัตรพรมองตาม
ปฐวีนั่งอยู่ริมสระน้ำ เมธีเดินเข้ามา
“วีมีเรื่องอะไรด่วนหรือ”
“ผมต้องขอโทษด้วย ถ้าผมก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่เมธีกับพี่ภัส” ปฐวีเกริ่น
“วีกำลังจะบอกอะไรพี่”
“เมื่อเช้าผมเห็นพี่เมธี”
เมธีอึ้ง
ปฐวีนึกถึงตอนที่เขานั่งกินข้าวกับหนึ่งฤทัยแล้วเห็นเมธีเดินควงแขนกับฉัตรพร ฉัตรพรทำหน้าฉอเลาะกับเมธี
ปฐวีมองหน้าเมธี
“ผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่แค่เพื่อนใช่มั๊ยครับพี่เมธี”
“พี่ไม่มีคำอธิบาย ทุกอย่างเป็นอย่างที่วีเห็น พี่ยอมรับ” เมธีบอก
“แล้วพี่ภัส ทราบเรื่องนี้ไหมครับ”
เมธีเครียด “ถ้ารู้.......เค้าคงขอหย่ากับพี่แน่”
ปฐวีอึ้ง
“วีอาจจะมองพี่ไม่ดี พี่ก็เข้าใจ และยอมรับ พี่คงเห็นแก่ตัวเกินไปที่เลือกหาความสุขเล็กๆน้อยๆ แต่ขอให้วีเข้าใจว่าพี่รักพี่สาวของวีมาก พี่รักน้องเมย์ ทั้งสองคือที่สุดในชีวิตพี่”
“แต่ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ นอกจากผม พี่อาจจะต้องสูญเสีย สิ่งที่พี่รักที่สุดไปนะครับ”
เมธีแทบสะอึก เขาเครียดจนน้ำตาซึม
“พี่เมธีครับ ผมไม่อยากให้ทุกอย่างสายจนเกินแก้นะครับ”
เมธีเงยหน้ามอง “วี..... ขอบใจ ที่เตือนสติพี่”
ปฐวีรู้สึกผิดหวังในตัวเมธี ทั้งสองยืนอยู่โดยไม่พูดจากัน
เมรินนอนหลับอยู่บนเตียง เมธีก้มลงหอมแก้มเมรินอย่างอ่อนโยน เมรินงัวเงียลืมตาขึ้น
“คุณพ่อกลับมาแล้วเหรอคะ น้องเมย์ไม่ได้เจอคุณพ่อตั้งนาน”
“พ่อขอโทษลูกด้วยนะคะ ที่พ่อละเลย ไม่ดูแลลูก พ่อนี่แย่จริงๆ”
“น้องเมย์ไม่โกรธคุณพ่อหรอกค่ะ แต่คุณแม่สิคะ คุณพ่อไปง้อคุณแม่เถอะคะ”
“พ่อก็อยากง้อ แต่แม่เค้าไม่ยอมพูดกับพ่อเลย”
“คุณพ่อก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ค่ะ ผู้หญิงน่ะใจแข็งไม่นานหรอกค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ ลูกสาวพ่อนี่เก่งจังเลย”
“ตั้งแต่คุณพ่อไม่ค่อยกลับบ้าน คุณแม่ก็ไม่มีความสุขเลย แอบร้องไห้บ่อยๆ เมย์สงสารคุณแม่ค่ะ”
เมธีนิ่งสำนึกผิด
“พ่อไม่น่าทำให้คุณแม่เสียใจเลย พ่อขอโทษ”
เมธีหน้าเศร้า เมรินมองเมธีแล้วแอบถอนหายใจ
เมธียืนมองประภัสสรที่นอนหันหลังอยู่บนเตียง ประภัสสรนอนลืมตา พอเมธีขยับเข้ามาใกล้ ประภัสสรก็แกล้งหลับ เมธีเดินไปห่มผ้าให้อย่างอ่อนโยนแล้วลงไปนั่งที่เตียงโดยหันหลังให้ประภัสสร
“ผมขอโทษ นะคุณภัส ผมผิดเอง ผมยอมรับผิดทุกอย่างผมไม่ควรทำให้คุณเสียใจ”
ประภัสสรลืมตาขึ้นแล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหล
เช้าวันใหม่ ทุกคนนั่งกันพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร ปรงทองนั่งยิ้มมอง เมธี ประภัสสร ปฐวี และเมรินนั่งกินอาหารเช้า
“วันนี้ฤกษ์ดี พ่อเมธีมาทานอาหารเช้ากับย่าได้ ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ย่าเห็นแล้วชื่นใจ”
เมธีอ้อมแอ้ม “ช่วงนี้งานผมยุ่งมากเลยครับ”
“ย่าเข้าใจ แต่พ่อเมธีเอ๊ย คนเราต้องรู้จักแบ่งเวลา เวลาไหนงาน เวลาไหนครอบครัว ลดเวลาทำงานลงบ้างเถอะ มีเงินมากมายแต่ไม่มีเวลาให้ครอบครัว จะมีความสุขได้ยังไงกัน”
เมธีแอบมองประภัสสร
“ครับคุณย่า”
“ดูสิน่าภูมิใจขนาดไหน เจ้าเมย์สอบได้ที่ 1 พ่อเมธีมัวแต่ทำงานเลยไม่ได้มาร่วมยินดีด้วยเลย”
เมธีหันมองเมรินอย่างตกใจ
“พ่อขอโทษนะลูก”
เมรินยิ้มให้เมธี
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณพ่อกลับมาทานข้าวพร้อมกัน เมย์ก็ดีใจแล้วค่ะ”
ปรงทองยิ้ม เมธีพยายามสบตาประภัสสร แต่ประภัสสรไม่ยอมมองหน้าเขา เมธีมองปฐวี แล้วถอนใจ ปฐวีสังเกตทุกคน
ที่ออฟฟิศของเมธี เมธียืนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด เมธีรู้สึกเครียด
ประภัสสรส่งแฟ้มให้ปรงทอง
“คุณย่าคะ รายงานของมูลนิธิ ภัสตรวจเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบใจมาก แล้วเรื่องทุนการศึกษาของหมอใหม่ในมูลนิธิล่ะเป็นยังไงบ้าง แม่ภัสดูให้ย่าหรือยัง”
“ภัสจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ ปลายปีนี้หมอรุ่นแรกจากทุนของมูลนิธิฯ จะมาเริ่มฝึกงานที่โรงพยาบาลของเราค่ะ”
“ดีจริง ได้ทำประโยชน์ให้คนรุ่นหลังบ้าง ตายไปก็ไม่เสียชาติเกิดจริงมั๊ยแม่ภัส”
ประภัสสรเหม่อ ปรงทองมองแล้วถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า
“แม่ภัส”
ประภัสสรสะดุ้ง “อะไรเหรอคะคุณย่า”
“นี่เรายังไม่คุยกับพ่อเมธีอีกหรือ”
ประภัสสรก้มหน้าไม่ตอบ ปรงทองถอนหายใจ
“แม่ภัสทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ผัวเมียกันมัวแต่ถือทิฐิ ไม่ยอมพูดจากัน ซักวันเถอะเราจะเสียใจ”
ประภัสสรนิ่งคิดแล้วก็เศร้า
รถพยาบาลวิ่งเข้ามาจอดหน้าห้องฉุกเฉิน คนไข้ถูกนำขึ้นเตียงแล้วเข็นเข้าไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งฤทัยเดินออกมารับคนไข้แล้วเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
หมอสัมภาษณ์คนไข้ก่อนจะสั่งให้พยาบาลเข็นคนไข้เข้าห้อง
หนึ่งฤทัยกับปฐวีเดินคุยกันอย่างเคร่งเครียดตามทางเดิน พอถึงหน้าห้อง ปฐวีก็สั่งงานหนึ่งฤทัยแล้วแยกเข้าห้องไป หนึ่งฤทัยรับคำสั่งแล้วเดินไปอีกห้อง
ในห้องผ่าตัด ปฐวีกำลังรักษาคนไข้โดยการผ่าตัดผ่านกล้อง ปฐวีเคร่งเครียด พยาบาลซับเหงื่อให้ปฐวี
ปฐวีเดินออกจากห้องผ่าตัด ญาติๆ ที่รอฟังอาการพอเห็นปฐวีเดินออกมาก็เดินเข้าไปรุมล้อมถามอาการ
“ใจเย็นๆนะครับ การผ่าตัดเรียบร้อยดี”
“จริงหรือคะ แล้วจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมมั๊ย” ญาติถาม
“ต้องให้คนไข้พักฟื้นก่อนนะครับ แล้วดูอาการอีกที”
ญาติกังวล
“ผมใช้วิธีส่องกล้องผ่าตัด แผลผ่าตัดจะเล็กกว่าวิธีการเดิมที่ต้องเปิดกะโหลก เพื่อไม่คนไข้จะบอบช้ำมาก และฟื้นตัวเร็วกว่า คาดว่า ใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน คนไข้ก็คงรู้สึกตัวน่ะครับ ผมไม่อยากให้เป็นกังวลกันมาก”
ญาติดีใจ “ขอบคุณนะคะคุณหมอ ขอบคุณค่ะ”
ปฐวียิ้มดีใจที่ญาติคนป่วยสบายใจ แล้วเขาก็เดินไป
ปฐวีเดินเข้ามาในห้องทำงาน พอเขาเห็นกระเช้าดอกไม้ และขนมก็งง จริญทิพย์เดินเข้ามาพร้อมแฟ้ม
“นี่มันอะไรกันครับ” ปฐวีถาม
“อ๋อ ญาติคนป่วยน่ะค่ะ เอามาให้คุณวี”
“ให้ทำไมครับ”
“อ้าว ก็คุณหมอรักษาญาติเค้าหายไงคะ เมื่อวานก็รายนึง วันนี้อีก”
ปฐวีไม่ได้สนใจ เขาหยิบเอกสารไปพูดไปด้วย
ปฐวีตำหนิ “ผมเคยสั่งแล้ว ว่าไม่ให้คุณทิพย์รับไว้ รักษาคนป่วยให้หายเป็นหน้าที่ของหมอทุกคน”
จริญทิพย์แหยๆ “ทิพย์ก็ปฏิเสธแข็งขันแล้วนะคะ แต่พวกเค้า ..แข็งกว่าทิพย์ แฮ่ะๆ..... มีของคุณพิรามด้วยนะคะ คู่หมั้นของคุณตันหยงไงคะ”
ปฐวีชะงักแล้วก็หน้าเครียด จริญทิพย์งง ปฐวีหงุดหงิด
“คุณปฐวีโกรธทิพย์หรือคะ ทิพย์ขอโทษนะคะ”
ปฐวียิ้มแล้วส่ายหน้า “เปล่าหรอกครับ”
จริญทิพย์นึกได้ “จริงสิ คุณหมอวัฒน์ว่างแล้วค่ะ”
“อ้าว ทำไมไม่เชิญเข้ามาเลยล่ะ”
จริญทิพย์แปลกใจกับอารมณ์ของปฐวี เธอรีบเดินไปตามหมอวัฒน์ทันที
จริญทิพย์เดินตัวปล่าวออกมาจากห้องปฐวี
“คุณหมอวีเนี่ย ไม่อยากรับก็ไม่เห็นต้องปฏิเสธเลย เอาไว้แจกพวกทิพย์ก็ได้ เป็นชั้นนะ จะรับไว้ให้หมดเลย”
สุดนภาเดินเข้ามาในบ้านประภัสสร ขณะที่นาวินเดินแบกของจนหลังแอ่นตามมา
“ทำไมต้องมาหานักเรียนถึงบ้านด้วย จะเอารางวัลครูดีเด่นหรือ” นาวินถาม
สุดนภาพรำคาญ “ไหนบอกว่าถ้าให้มาด้วยจะไม่บ่นไงล่ะ”
“ก็มันหนักนี่นา ผมสงสัยจริง.จริ๊ง มาที่นี่อยากเจอน้องเมย์หรือใครกันแน่”
สุดนภาหันขวับ นาวินชะงัก
“ถ้าพูดแบบนี้อีกครั้ง กลับบ้านไปเลยแล้วไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก”
“ก็ได้ ก็ได้ ล้อเล่น ทำไมต้องโกรธด้วย”
สุดนภาหมอความอดทนจึงหันไปศอกใส่นาวินอย่างแรง จนนาวินสะดุ้งตัวงอ
“โอ๊ย เจ็บนะคุณ”
“ดี เจ็บแล้วจะได้จำ ไม่ทำผิดซ้ำอีก”
เมรินวิ่งมากอดสุดนภา ทั้งสองคนกอดกันด้วยความดีใจ
“คิดถึงจังเลย คิดว่าจะไม่มาหาซะแล้ว” เมรินบอก
“ต้องมาสิ ชั้นก็คิดถึงแกเหมือนกัน ไป ไปหาที่นั่งคุยกันก่อน”
เมรินกับสุดนภาจูงมือกันเดินไปทิ้งนาวินไว้
นาวินงง “โอโห้ จะคิดถึงกันขนาดนั้น ไม่อยากจะเชื่อ ครูนักเรียนคู่นี้”
นาวินมองทั้งคู่แบบงงๆ
ปฐวีอธิบายฟิล์มเอ็กซเรย์ 2-3 เฟรมบนหน้าจอ วัฒน์พยักหน้ารับฟัง ปฐวีลงนั่ง
“จะเป็นไปได้มั๊ยครับ ที่หลังจากอุบัติเหตุ สมองบาดเจ็บ แล้วทำให้เด็กฉลาดขึ้น”
“เคยมีบางเคส ในต่างประเทศ แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวนะครับ เป็นคนไข้ชาย ประสบอุบัติเหตุแล้วพอฟื้นขึ้นมา กลายเป็นอัจฉริยะ มีความสามารถในการคำนวณ และทักษะทางภาษา คือพูดได้ถึง 3 ภาษาทั้งที่ไม่เคยเรียนมาก่อน แต่ตอนท้าย แพทย์ตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ตอนหลังก็เสียชีวิตไป”
“ผมตรวจดูแล้ว หลานผมก็ปรกติดีทุกอย่าง” ปฐวีบอก
ปฐวีนิ่งคิด
ปฐวีเดินออกมาส่งวัฒน์ พิรามเดินเข้ามาจากอีกทาง ปฐวีชะงัก
“คุณหมอปฐวี ผมขอเวลาซักครู่ได้มั๊ยครับ” พิรามบอก
ปฐวีงง “เอ่อ...ครับ คุณพิรามมีอะไรกับผมหรือครับ”
“ผมอยากคุยเรื่องคู่หมั้นของผม”
ปฐวีแอบหนักใจ
เมรินและสุดนภานั่งคุยกันที่เก้าอี้ในสวน
“ชั้นดีใจนะที่แกปรับตัวได้ ดูสดใสขึ้นเยอะ” สุดนภาบอก
“ชั้นจะทำอะไรได้มากกว่านี้ละ ชั้นก็ได้แต่ภาวนา ให้ชั้นตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นตัวชั้น”
สุดนภาเห็นใจ “เคยฝันถึงน้องเมย์บ้างมั๊ย”
“ไม่เคยเลย ไม่รู้เค้าไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน ....น่าสงสารนะ และยิ่งชั้นเห็นพ่อแม่น้องเมย์ เค้ามีปัญหากัน ชั้นก็อยากช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะตัวชั้นเอง..ยังเอาตัวไม่รอดเลย”
“แสดงว่าแกเริ่มผูกพันกับครอบครัวนี้แล้วนะ หยง”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้าใจ เมรินมองไปอีกทางแล้วก็หัวเราะขำที่เห็นนาวินนั่งคุยกับหนุงหนิงอยู่ไกลๆ โดยป้อนขนมให้หนุงหนิงกินด้วย สุดนภากับเมรินมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“จะว่าไปคุณนาวินนี่ก็น่ารักดีนะ แกว่าไงบี๋”
สุดนภาเขิน “น่ารักตรงไหนเนี่ย ดูสิ ปัญญาอ่อนไหมละ คุยกะหมาก็ได้”
“แกอย่าดูถูกหนุงหนิงนะบี๋ หนุงหนิงเป็นผู้ฟังที่ดีนะ เพื่อนแท้ในยามยากของชั้นเลยล่ะ”
สุดนภาเห็นใจเพื่อน “ชั้นรู้ว่าแกลำบากนะหยง แต่อดทนอีกหน่อยเถอะ ชั้นคิดว่าทุกอย่างมันคงจะมีทางคลี่คลายไปได้”
“ช่างมันเถอะบี๋ ชั้นพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด” เมรินตะโกนเรียก “หนุงหนิง มานี่เร็ว”
นาวินกำลังยื่นขนมให้หนุงหนิงกิน พอหนุงหนิงได้ยินเสียงเมริน หนุงหนิงก็วิ่งมาหาเมรินทันที สุดนภากับเมรินหัวเราะเอ็นดูหนุงหนิง
นาวินฉุน “ไอ้หมาทรยศ”
เมรินวิ่งเล่นกับหนุงหนิง
นาวินเดินเข้ามานั่งเบียดสุดนภา สุดนภาผลักนาวินจนกระเด็นไป
“ใจร้ายจัง นั่งด้วยก็ไม่ได้” นาวินตัดพ้อ
“บ้า เบียดมาได้”
สุดนภาเขิน
เมธีเดินถือกระเป๋าเอกสารเข้ามาวางที่โต๊ะในห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู แล้วนิ่งคิด ก่อนจะตัดสินใจกดปิดเครื่องแล้ววางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไป
นักร้องกำลังร้องเพลงบนเวทีในคลับ ฉัตรพรกำลังยืนกดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเครียดอยู่ข้างเวที เธอได้ยินแต่เสียง “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามรถติดต่อได้ในขณะนี้” ฉัตรพรหงุดหงิดจึงกดซ้ำๆๆๆอีกแต่ก็ไม่ติดเหมือนเดิม
ฉัตรพรฉุน “ทำไมติดต่อไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น คุณปิดโทรศัพท์ทำไมเนี่ย”
บ๋อยเดินเข้ามาหาฉัตรพร
“พี่ฉัตร จบเพลงนี้ คิวของพี่แล้วนะครับ”
ฉัตรพรตวาด “ชั้นรู้แล้วน่า”
บ๋อยงงแล้วรีบเดินเลี่ยงไป
ฉัตรพรคิด “หรือว่าคุณตั้งใจจะหลบหน้าชั้น คุณเมธี”
ฉัตรพรเครียดหนัก
เมธีกับปฐวีเดินเข้าบ้านเกือบจะพร้อมกัน เมธีนำมาก่อน เขายืนรอปฐวีจนเดินมาคู่กัน
“วี พี่อยากจะขอบใจวีนะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ทุกเรื่อง วีเตือนสติพี่ให้พี่รู้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่คืออะไร ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับพี่เมธี”
“ขอบใจมากวี ขอบใจจริงๆ”
เมธีตบไหล่ปฐวีแล้วเดินไป ปฐวีมองตามแล้วถอนหายใจ
เมธีเดินเข้าห้องประภัสสร ประภัสสรนั่งอ่านหนังสือทำไม่รู้ไม่ชี้ เมธีพยายามเดินวนเวียนให้ประภัสสรเห็น ประภัสสรอดรนทนไม่ได้จึงวางหนังสือแล้วเงยหน้ามองเมธี
ประภัสสรพูดแบบหมางเมิน “ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลย หิวจัง ภัสมีอะไรให้ผมทานบ้าง”
ประภัสสรพูดเนือยๆ “เดี๋ยวภัสจะเตรียมให้”
“ภัส อย่าโกรธผมเลยนะ”
อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 8/4 วันที่ 19 ก.พ. 56
พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตรพรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56
ที่มา manager