อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 5/5 วันที่ 15 ก.พ. 56
ขอโทษป้าปรางเค้าซะ ส่วนเราก็ต้องขอโทษหลานที่ใช้อารมย์รุนแรงกับเด็ก” ปรางทิพย์แค้น แล้วต่างคนก็ต่างขอโทษกัน ปรงทองพูดต่อ “เรื่องที่หล่อนขอชั้นน่ะ เดี๋ยวชั้นจะจัดการให้”ปรางค์ทิพย์ยิ้มออก
“จริงหรือคะคุณยาย ปรางค์กราบขอบพระคุณค่ะ”
ปรางค์ทิพย์กราบปรงทองแล้วแอบยิ้ม ปรงทองหนักใจ ปฐวีมองปรางทิพย์แล้วส่ายหน้า ก่อนจะโอบกอดหลานเอาไว้
ปฐวีเดินจูงมือเมรินมาที่สวนหลังบ้าน
“เป็นไงบ้างจ๊ะน้องเมย์เจ็บมากไหมคะ เจ็บตรงไหนบอกมาเดี๋ยวน้าวีเป่าให้นะคะ”
“ไม่เจ็บกายค่ะ แต่เสียใจมากกว่า” เมรินบอก
“เมย์ทำผิด เมย์ยอมรับ แต่ป้าปรางค์พูดจาหยาบคายกับคุณแม่ก่อน ทำไมไม่มีใครลงโทษ หรือว่าเป็นเด็กต้องผิดเสมอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ป้าปรางขอโทษเราแล้วไง”
“แต่ไม่ขอโทษคุณแม่ เมว่ามันไม่ถูก”
“อย่าคิดอย่างงั้นน้องเมย์ ที่ป้าปรางขอโทษเราก็พอแล้ว เราเป็นเด็กต้องมีความเคารพผู้ใหญ่”
“แล้วถ้าผู้ใหญทำตัวไม่น่าเคารพล่ะคะ เราควรจะเคารพหรือเปล่า”
“ถามแบบนี้ตอบยากแฮะ มาน้าวีดูแผลให้ เจ็บตรงไหนบ้าง”
ปฐวียกแขนเมรินขึ้นดูก็เห็นเป็นรอยแดง ปฐวีเป่าแผล เมรินมอง
“เพี๊ยง หายนะ”
เมรินมองขำๆ “หมอที่ไหนเค้ารักษากันแบบนี้คะ”
“ก็น้าวีนี่แหละ รักษากับน้องเมย์คนเดียวเท่านั้น หายหรือยังคะ”
เมรินเขินจึงเมินไปทางอื่น “หายแล้วค่ะ”
ปฐวีมองเมรินที่เขินแบบเอ็นดู
รถเมธีวิ่งเข้ามาจอด เมธีลงจากรถ สายแก้วรีบเดินมารับกระเป๋าจากเมธี
“น้องเมย์กลับมาหรือยังนี่” เมธีถาม
“กลับมาแล้วค่ะ อยู่ที่สวนหลังบ้าน คุณวีกำลังดูแผลให้ค่ะ”
“ดูแผลหรือ น้องเมย์เป็นอะไร ทำไมมีแผล”
สายแก้วอึกอัก “...เอ่อ...คือว่า...”
เมธีมองสายแก้วอย่างหงุดหงิดแล้วพุ่งเข้าบ้านไป
“เกิดเรื่องแน่งานนี้ ทำไงดีล่ะทีนี้”
สายแก้วร้อนรน
ประภัสสรนั่งดมยาดมและซับน้ำตาอยู่ เมธีเดินเข้ามา
“ไหน น้องเมย์เป็นอะไร คุณภัส”
“คุณเมธี น้องเมย์ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ฟกช้ำนิดหน่อย”
“ฟกช้ำ ทำไมถึงฟกช้ำ ใครทำอะไรลูกหรือ”
ประภัสสรอึกอัก “คือ วันนี้พี่ปรางค์เค้า มีเรื่องกับภัสนิดหน่อย แล้วน้องเมย์ไปต่อว่า พี่ปรางค์เลยลงโทษน้องเมย์ค่ะ”
“คุณภัส คุณปล่อยให้คุณปรางค์มาทำร้ายน้องเมย์ได้ยังไง มันจะมากไปแล้วนะ ทำไมคุณไม่ปกป้องลูกมัวทำอะไรอยู่”
ประภัสสรหงุดหงิดทันที “นี่คุณโทษภัสหรือคะ แล้วคุณล่ะค่ะ คุณอยู่ที่ไหน เวลาที่ลูกมีปัญหา”
“มันจะมากไปแล้ว คุณปรางค์ ทำร้ายผม ผมทนได้ แต่อย่ามาทำร้ายลูกผม ผมไม่ยอม”
เมธีผลุนผลันจะไป แต่ประภัสสรดึงมือไว้
“คุณจะไปไหนคะ อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะมันจบไปแล้วภัสขอร้อง ภัสเหนื่อยเหลือเกิน”
เมธีกับประภัสสรมองหน้ากันแล้วเมินใส่กัน
ปฐวีนั่งคุยกับเมริน สายแก้ววิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณวีขา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“อะไรกันสายแก้ว” ปฐวีถาม
“คุณเมธีค่ะ พอรู้เรื่องคุณเมย์ คุณเมธีก็โกรธใหญ่เลย”
ปฐวีถอนหายใจ “พี่เมธีรู้เรื่องแล้วเหรอ บ้านแตกแน่”
“งั้นเราเข้าไปดูดีกว่าค่ะ คุณแม่คงไม่ยอมให้คุณพ่อไปทำอะไรป้าปรางค์แน่” เมรินบอก
“ทำไมน้องเมย์มั่นใจขนาดนั้น” ปฐวีถาม
“ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน”
“สายแก้วว่า คุณวีเข้าไปดูหน่อยดีมั๊ยคะ สายแก้วใจคอไม่ดีเล๊ย”
“ไปเข้าไปดูกันเถอะ” เมรินชวน
เมรินลุกขึ้นเดินเข้าบ้านไป ปฐวีมองหน้าเมรินอย่างแปลกใจแล้วรีบเดินตามไป
ประภัสสรนั่งร้องไห้ เมธียืนหงุดหงิด
“ใช่สิ ภัสมันไม่ดี ภัสมันไม่ได้เรื่องถึงดูแลลูกไม่ได้”
“โธ่ภัส ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย”
ปฐวี และเมริน เดินเข้ามายืนมองประภัสสรกับเมธีทะเลาะกัน เมรินหันไปมองหน้าปฐวี แล้วรีบวิ่งไปหาเมธี
“คุณพ่อขา กลับมาแล้วหรือคะ คิดถึงจังเลย”
เมธีรีบคว้าตัวเมรินมาอุ้มแล้วสำรวจตัวลูกสาวอย่างรวดเร็ว
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่าบอกพ่อมา เดี๋ยวพ่อจะไปคุยกับป้าปรางค์”
เมรินส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เรื่องเล็ก คุณพ่อมาเหนื่อยๆไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ แล้วมาทานข้าวกันนะคะ น้องเมย์หิ๊ว หิว วันนี้คุณแม่ทำของโปรดที่คุณพ่อชอบด้วยละคะ”
เมธีมองเมรินคุยจ๋อยๆ ก็เริ่มสงบลง
“ก็ได้ลูก รอพ่อแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพ่ออาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวพร้อมกัน”
“ค่ะ เร็วๆนะคะ เมย์หิว”
“จ๊ะ ไม่นานหรอก”
เมธีวางเมรินลงแล้วหันไปมองหน้าประภัสสร ประภัสสรเมินหน้าแล้วเดินเลี่ยงไป เมธีถอนหายใจยาวแล้วเดินไป
“โห..น้องเมย์หลานน้าวีนี่สุดยอดจริงๆ” ปฐวีชมเชย
เมรินยิ้มให้ปฐวี ปฐวีมองหลานอย่างชื่นชม
กลางดึก ปฐวีกำลังเสริชหาข้อมูลเรื่องอาการป่วยของตันหยงเป็นภาษาอังกฤษ
“มีแต่เรื่องวิญญาณ จะเกี่ยวกับคุณได้ยังไงนะ คุณตันหยง”
ปฐวีหยุดพักแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่าง
ปฐวีนึกถึงภาพตันหยงที่สนามบิน นึกถึงตอนที่ตันหยงเถียงเถียงกับไกด์ นึกถึงเมรินที่คุยกับเขาอย่างฉาดฉานแล้วปฐวีก็ยิ้มขำ
เขานึกถึงตันหยงที่ร้องไห้ขับรถเฉี่ยวหน้าโรงแรม นึกถึงตอนที่เมรินแก้สถานการณ์พ่อกับแม่ทะเลาะกัน
ปฐวียิ้มขำๆ แล้วก็สะบัดหัว
“นี่เราเป็นอะไรไป คิดพัวพันกันไปหมด”
ปฐวียิ้มอย่างมีความสุข
ประภัสสรนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจก เมธีเดินเข้ามากอดประภัสสรทางด้านหลังแล้วพูดนุ่มๆ
“คุณภัสครับ ผมขอโทษนะที่พูดรุนแรงไปหน่อย ผมโกรธเลยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ไม่ได้ตั้งใจที่จะว่าคุณดูแลลูกไม่ดี”
ประภัสสรหน้าเฉย เธอลุกขึ้นเดินเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดเมธี เมธีหน้าเสีย
“เป็นความผิดของภัสเอง ภัสดูแลลูกไม่ดีพอ” ประภัสสรบอก
“โธ่คุณภัส ไม่เอาน่า ผมขอโทษ”
“ถ้าคุณอยู่ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นใช่มั๊ยคะ”
เมธีเดินจะเข้าไปหาประภัสสรอีกครั้ง แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมธีชะงัก ประภัสสรเมินหน้าหนี เมธีถอนหายใจยาวก่อนจะกดรับโทรศัพท์
“มีเรื่องอะไร ...”
ประภัสสรเชิดหน้าเดินไปนั่งที่เตียง เมธีมองตามอย่างหนักใจ
“ได้ๆ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้นะครับ” เมธีกดวางสาย “ภัสครับ ผมต้องรีบไปก่อน”
“งานด่วนใช่มั๊ยคะ”
“ครับ ลูกค้าอยากคุยเรื่องแบบ ไม่รู้จะมีปัญหาอะไรนักหนา จะวางโครงสร้างพรุ่งนี้แล้ว”
“ไปเถอะ ภัสเข้าใจทุกอย่าง จริงอย่างที่พี่ปรางค์พูด ภัสมันโง่ไม่ทันใครเค้า”
เมธีชะงัก “นี่คุณภัส คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เมื่อไรคุณจะเชื่อผมมากกว่าคนอื่นซะที”
“คนอื่นของคุณ คือพี่สาวภัสนะคะ และเป็นห่วงภัสมาตลอด ไม่เหมือนคุณที่เอาแต่เรื่องงานมาเป็นข้ออ้างตลอด คุณไม่เคยมีเวลาให้ภัสกับลูกเลย งานๆ ทุกอย่างงานต้องมาก่อนเสมอ”
“ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าคุณปรางค์ไม่เคยหวังดีกับครอบครัวเราเลย คุณก็ไม่เคยเชื่อผมเลยสักครั้ง หนักแน่นหน่อยสิครับคุณภัส”
“นี่คุณหาว่าชั้นหูเบาเหรอคะ ถ้าคุณเห็นว่างานมันดีกว่าชั้นกับลูก คุณก็ไปอยู่กับงานของคุณเลย ไม่ต้องมาแคร์ชั้น ไปเลยจะไปไหนก็ไป”
เมธีชะงัก “คุณไล่ผมหรือภัส”
ประภัสสรพูดไม่ออก
เมธีผลุนผลันออกจากห้องไป ประภัสสรผวาจะตาม
“คุณเมธี ...”
แล้วประภัสสรก็นั่งร้องไห้
เมธีกางแบบแล้วปรึกษางานกับลูกค้า เมธีอธิบายแผนผังให้ลูกค้าฟัง เมธีชี้อธิบายตามโมเดลรูปตึก ลูกค้าพยักหน้าพอใจ เมธีเก็บเอกสารบนโต๊ะ
“ผมต้องขอโทษที่โทรตามคุณมาด่วน บอสจะกลับญี่ปุ่นวันนี้ ผมต้องให้ข้อมูล ขอโทษนะครับ” ลูกค้าบอก
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผม”
“ผมขอเชิญคุณเมธี ไปที่คลับเป็นการขอโทษนะครับ เจ้านายผมพอใจผลงานของคุณมาก”
เมธีอ้ำอึ้ง “ผม”
“อย่าปฏิเสธเลยนะครับ เจ้านายผมพอใจกับการทำงานของคุณมาก ท่านอยากตอบแทนคุณเมธีตามธรรมเนียม”
เมธีจำใจ “ก็ได้ครับ ขอผมเก็บของก่อน”
ลูกค้าตบบ่าเมธีอย่างพอใจ เมธีมีสีหน้าหนักใจ
ที่โต๊ะของเมธีในคลับ ทุกคนชูแก้วเหล้าชนกัน
ลูกค้าบอก “ดื่มเพื่อโครงการของเรา”
ทุกคนดื่ม เมธีจิบไปนิดนึงแล้ววางแก้ว เมธีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองแล้วเก็บใส่กระเป๋า เขามองไปที่เวทีเห็นฉัตรพรกำลังร้องเพลง เมธีนั่งมองด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ประภัสสรนอนร้องไห้อยู่บนเตียง เธอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เมธีมองประภัสสรอย่างผิดหวัง แล้วหันเดินออกจากห้องไป
“ภัสขอโทษ...”
ประภัสสรน้ำตาไหลพราก
พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้า พระสงฆ์กำลังรับบาตรที่หน้าบ้านปรงทอง ปรงทองและประภัสสรใส่บาตรจนเสร็จ
“เป็นไงแม่ภัส ทำไมเช้านี้ตาบวมๆ เมื่อคืนนี้นอนบ้างหรือเปล่า”
“ค่ะ ภัสปวดหัวนิดหน่อย”
ปรงทองมองหน้าประภัสสรแล้วส่ายหน้า เมธีขับรถมาจอด เมธีเดินลงจากรถแล้วยกมือไหว้ปรงทอง ประภัสสรเห็นเมธีก็ทำเมิน
“งานยุ่งล่ะสิ ไปทานข้าวเช้าด้วยกันนะ พ่อเมธี แม่ภัส” ปรงทองชวน
“ครับคุณย่า”
ปรงทองเดินเข้าไป ประภัสสรจะตาม เมธีรีบดึงมือไว้
“เดี๋ยวก่อนสิคุณภัส ผมอยากคุยกับคุณ”
“แต่ภัสไม่มีเรื่องคุยกับคุณ ปล่อยค่ะ ภัสจะไปหาคุณย่า”
ปรางค์ทิพย์ที่ยืนมองทั้งคู่อยู่พูดขึ้น
“เพิ่งกลับเข้าบ้านเหรอคะเนี่ย อยากรู้จังที่ทำงานมีอะไรดีนะ ถึงได้ติดอกติดใจ จนลืมบ้านลืมลูกลืมเมีย น่าสงสารแม่ภัสจัง”
“ที่ทำงานผมไม่มีอะไรดีหรอกครับ มีแต่งาน ที่ผมต้องรับผิดชอบ” เมธีบอก
“งั้นหรือ ชั้นก็แค่ถามดู สงสารแต่แม่ภัสที่ต้องทนอดตาหลับขับตานอนเฝ้ารอผัวที่รัก เมื่อไหร่จะกลับมา นั่งคอยหา แต่คอยแล้วไม่เห็น”
“คุณปรางค์ ผมอยากคุยกับภรรยาผม คุณปรางค์อย่ายุ่งดีกว่า” เมธีว่า
ปรางค์ทิพย์โมโหที่เมธีพูดแบบนั้น “ชั้นไม่อยากจะยุ่งด้วยหรอก แต่บังเอิญ เมียของเธอก็เป็นน้องสาวของชั้น” ปรางค์ทิพย์พูดกับประภัสสร “เธอจะเชื่อผัวก็ตามใจนะ ชั้นไม่ยุ่งด้วยหรอก”
“คุณภัส นี่คุณไม่เชื่อผมหรือ”
ประภัสสรนิ่งไม่ตอบแล้วเมินหน้า
“รู้มั๊ย งานหนักแค่ไหน ผมทนได้ ไม่เคยท้อ แต่สิ่งเดียวที่ผมทนไม่ได้ก็คือ คุณไม่เคยเชื่อมั่นในตัวผมเลย จะมีผัวคนไหนจะทนอยู่กับภรรยาที่ไม่เคยไว้เนื้อเชื่อใจในตัวสามีแม้แต่น้อยได้”
เมธีเดินออกไป ประภัสสรผวาจะตาม แต่ปรางค์ทิพย์ดึงมือไว้
“หล่อนต้องใจแข็งเข้าไว้นะแม่ภัส เห็นไหมละ พอจี้ใจดำเข้าหน่อยก็ปึงปัง ทำเป็นโกรธ เอาแต่งานมาบังหน้า ร้ายจริงๆ”
ประภัสสรทรุดทำท่าจะเป็นลม ปรางค์ทิพย์รับไว้
“เร็วใครก็ได้มาช่วยแม่ภัสหน่อย แม่ภัสจะเป็นลม”
ปรางค์ทิพย์ตะโกนให้คนช่วยแต่แอบยิ้มสะใจ
ปฐวีถือแฟ้มเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาล พอถึงหน้าห้องของตันหยงเขาก็หยุดชะงัก ปฐวียืนลังเลก่อนจะตัดสินใจค่อยๆผลักประตูเข้าไป
พิรามนั่งกุมมือตันหยงอยู่ในห้อง
“หยงที่แล้วผม ผมเป็นคนผิดเอง ผมขอรับโทษทั้งหมด ขอให้ผมได้มีโอกาสอีกสักครั้งนะ ให้ผมได้ดูแลคุณในฐานะคู่หมั้นเถอะนะครับ”
ปฐวียืนตะลึงอยู่ที่หน้าประตู
ปฐวียืนอึ้ง พิรามหันมาเห็นปฐวีก็ลุกขึ้นยืน
“คุณหมอ มาตรวจหยงหรือครับ” พิรามถาม
ปฐวีอึกอัก “ผมเป็นที่ปรึกษาเคสของคุณตันหยงครับ แค่แวะมาดูเท่านั้น เอ่อ ..ผมหมอปฐวีครับ” ปฐวียื่นมือให้จับ
“ผมชื่อพิรามครับ เป็นคู่หมั้นของตันหยง”
ปฐวียิ้มแต่แอบเศร้า
พิรามมองตันหยง “หมอครับ หยงจะมีโอกาศฟื้นขึ้นมาเป็นปกติไหมครับ”
“เคสคุณตันหยง ทางโรงพยาบาลกำลังหาขั้นตอนการรักษาอยู่ครับอาจจะต้องใช้เวลาอีกซักระยะ เพราะมีความแตกต่างจากเคสอื่นที่ควรจะฟื้นแล้ว เรากำลังพยายามกันอย่างเต็มที่ครับ”
พิรามรู้สึกปวดใจ “ตอนที่เธอเป็นปกตีดี ผมแทบไม่มีเวลาได้คุยกับเธอเลยตอนนี้สิ่งที่ผมพูดไป ไม่แน่ใจว่าเธอจะรับรู้รึเปล่า”
ปฐวีมองตันหยง “คุณตันหยงต้องรับรู้ได้แน่นอนครับ”
“ขอบคุณนะครับ ที่หมอช่วยดูแลคู่หมั้นผมเป็นอย่างดี”
“นั่นเป็นหน้าที่ของหมอทุกคนอยู่แล้วครับ”
พิรามยิ้มให้ปฐวีแล้วหันไปมองตันหยงอย่างมีความหวัง ปฐวียิ้มเศร้าเพราะรู้สึกเจ็บ
ปฐวีเดินเข้ามาที่ริมสระน้ำ เขาคลายปมเน็คไทแล้วทรุดลงนั่งริมสระน้ำ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย เรานี่บ้าหรือเปล่า แอบชอบผู้หญิงที่ไม่รู้จักและเค้ายังมีคู่หมั้นอยู่แล้วอีก”
ปฐวีส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะตัวเอง เมรินเดินเข้ามาจากทางด้านหลังแต่ปฐวีไม่เห็น
“บ้ารึเปล่าเนี่ย..” ปฐวียังบ่น
เมรินยืนมองอยู่
“น้าวีเป็นอะไร พูดคนเดียวด้วย”
ปฐวีสะดุ้งพอเห็นเมรินปฐวีก็ยิ้มเขิน
“อ้าวน้องเมย์ ทำไมป่านนี้ยังไม่นอน”
“น้าวียังไม่ตอบเลย น้าวีบ่นเรื่องอะไรอยู่คะ”
ปฐวีเขิน “น้าวีกำลังคิดถึงผู้หญิงคนนึง”
เมรินชะงัก
“ผู้หญิงคนนึง” เมรินคิด “ครูบี๋”
ปฐวีมองแล้วส่ายหน้า
เมรินคิดใหม่ “คุณหมอหนึ่ง”
ปฐวีมองหลานสาวแล้วส่ายหัว
เมรินงงเพราะคิดไม่ออก “งั้นใครคะ”
ปฐวีมองหลานยิ้มๆ
ปฐวีเอานิ้วแตะจมูกเมริน “ก็คิดถึงสาวคนนี้ไง”
เมรินยิ้มขำ
“แล้วเราทำไมยังไม่นอน” ปฐวีถาม
เมรินถอนใจ “นอนไม่หลับค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่คงงอนกันอีกแล้วทำไมคนรักกันต้องเป็นแบบนี้ หรือผู้ชายเชื่อไม่ได้ซักคน”
“อ้าว ทำไมเหมาแบบนั้นล่ะ น้าวีไม่เกี่ยวด้วยนะ แล้วน้องเมย์พูดถึงหนุ่มคนไหนเนี่ย น้องนนท์หรือเปล่าน๊า”
เมรินค้อน ปฐวียิ้มขำ
ปฐวีดึงเมรินเข้ามาใกล้ “น้าวีจะบอกอะไรให้ เรื่องของคุณพ่อคุณแม่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เค้าต้องหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง น้องเมย์ยังเด็ก อย่าเอามาใส่ใจเลย”
อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 5/5 วันที่ 15 ก.พ. 56
พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตรพรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager