อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 7 วันที่ 15 ก.พ. 56
ถึงนวลเจ้าจะอยู่ไกลได้เห็นหน้าเป็นบุญตาได้ชมสมใจหนอ”
ขุนพิทักษ์มอง รำพึงยิ้มสวย ริมฝีปากอวบอิ่มดูเย้ายวนมีเสน่ห์
ขุนพิทักษ์เหงื่อยิ่งแตก กระสับกระส่ายอย่างอึดอัด และได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นดัง เร่งเร้า
“ยิ้มของเจ้าเป็นขวัญใจใคร่พนอ
อยากเคลียคลออิงแอบแนบชิดกัน
แต่วันนี้พี่คงได้แค่มองเจ้า
หัวใจร้าวดิ้นเร่าเท่าอาสัญ
หากจะช่วยให้พี่รอดคงชีวัน
เพียงดวงจันทร์ช่วยโยนผ้ามาแทนใจ”
ขุนพิทักษ์ได้ยินเสียงรำพึงเป็นเสียงก้องเหมือนยั่วเย้าให้ขุนพิทักษ์สติจะขาดเต็มที
“ด้วยกลัวว่าบาปนี้จะมีมาก..
รำพึงค่อย ๆ เลื่อนมือวางบนมือของขุนพิทักษ์ มองส่งสายตาให้อย่างยั่วยวน ขุนพิทักษ์เหมือนโดนกระตุ้นอย่างรุนแรงจนไม่อาจควบคุมตนเองได้
“ถ้าผ้าน้องชูให้พี่มีชีวัน
แพรเรียกขวัญคืนสู่พี่คงดีใจ”
รำพึงค่อย ๆไล้มือขึ้นช้า ๆ จากปลายนิ้วไล่ขึ้นไปที่ต้นแขนแล้วเลื่อนมาที่อกอย่างแผ่วเบา ขุนพิทักษ์จับมือรำพึง หมับ! เหมือนจะห้าม
รำพึงมองอย่างหวั่นๆ ว่าจะไม่ได้ผล แต่ขุนพิทักษ์กลับผลักดันให้รำพึงนอนลงไปบนเตียง รำพึงยิ้มอย่างสาสมใจ
จวงยืนแอบฟังยิ้มกริ่ม ก่อนจะนึกถึงคำสั่งของรำพึง
“เอ็งไปดักรอคุณพ่อที่ประตูเมืองแล้วรีบพามาที่เรือน”
“แล้วถ้าบ่าวไม่เจอท่านพระยาล่ะเจ้าคะ”
“คุณพ่อยืนยันว่าจะกลับเย็นวันนี้ เอ็งอย่าให้พลาดเด็ดขาด!”
จวงยิ้มอย่างพอใจแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
ที่ประตูเมือง จวงมายืนดักรอพระยาเทวราชอย่างกระวนกระวาย
“ป่านนี้ยังไม่มาอีก เดี๋ยวก็ไม่ทันเวลาพอดี”
รถม้าพาพระยาเทวราชกับทหารอีกสองสามคนผ่านประตูเมืองเข้ามา จวงดีใจรีบวิ่งเข้าไปขวางทันที
“ท่านเจ้าค่ะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ คุณรำพึง”
พระยาเทวราชตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
จวงทำท่าอึกอักอย่างลำบากใจมาก
“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ภายในห้อง รำพึงใช้ผ้าแพรปิดอกนั่งอยู่บนเตียงมองขุนพิทักษ์ที่หลับเปลือยอกอยู่ข้างๆ อย่างสมใจ
ขุนพิทักษ์ขยับตัวตื่น รำพึงสะอึกสะอื้นขึ้นมาทันที ขุนพิทักษ์หันมองเห็นรำพึงที่นั่งร้องไห้
“น้องรำพึง”
ขุนพิทักษ์ลุกขึ้นแล้วมองตัวเองเห็นว่า ตัวเองอยู่ในสภาพที่ไม่ใส่เสื้อผ้า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น น้องรำพึง”
ทันใดนั้นประตูเปิดผาง! เข้ามาพร้อมกับพระยาเทวราชในอาการโกรธก้าวเข้ามาในห้อง
“ขุนพิทักษ์!”
ขุนพิทักษ์ตกใจมาก
“ท่านพระยา กระผม...เอ่อ...”
รำพึงร้องให้น้ำตาหยดอย่างแนบเนียน
“คุณพ่อ!”
ขุนพิทักษ์อึ้งสุดขีดกับสถานการณ์ที่เจออยู่ตรงหน้า
พระยาเทวราชยืนอยู่อย่างเคร่งเครียด ขุนพิทักษ์แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ต่างคนต่างนั่งเงียบ รำพึงนั่งอยู่ด้วยแต่ทำเป็นสะอื้นเบาๆ ปาดน้ำตา ราวกับเสียใจมากมาย พระยาเทวราชมองขุนพิทักษ์อย่างไม่พอใจ
“ท่านขุนจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้”
ขุนพิทักษ์สบตากับรำพึงอย่างลำบากใจเหลือเกิน
รำพึงพูดปนสะอื้นแทรก
“คุณพ่อคะ...เรื่องนี้ลูกก็มีส่วนผิด เพราะลูกปล่อยให้ความรักเป็นใหญ่ ถึงทำให้คุณพ่อต้องเสียใจเช่นนี้”
พระยาเทวราชข่มอารมณ์สุดๆ
“ท่านขุนต้องจัดการทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีโดยเร็วที่สุด!”
ขุนพิทักษ์อึ้ง รำพึงมองแล้วแอบยิ้มอย่างสาแก่ใจ
ขุนพิทักษ์เดินมาที่ท่าน้ำอย่างเงียบผิดปกติ รำพึงเดินตามมา
“คุณพี่คะ”
ขุนพิทักษ์ชะงักหันมา รำพึงจับมือข้างหนึ่งของขุนพิทักษ์หงายแล้ววางมือตัวเองบนมือขุนพิทักษ์
“เกียรติและศักดิ์ศรีของน้องวางอยู่ในมือของคุณพี่แล้ว น้องหวังว่าคุณพี่จะเมตตาน้อง”
รำพึงยิ้มอย่างอ้อนวอน ฝ่ายขุนพิทักษ์มองรำพึงอย่างพิจารณา
“น้องหายจากอาการปวดหัวแล้วใช่ไหม”
รำพึงอึ้งไปเล็กน้อย
“เอ่อ...ค่ะ”
“พี่ร้อนใจเมื่อรู้ว่าน้องป่วย และมาหาด้วยความห่วงใย แต่ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วมันเป็นกับดัก!”
รำพึงตกใจ
“คุณพี่...”
“พี่พร้อมที่จะดูแลน้องทุกเมื่อ...” คำพูดนั้นทำให้รำพึงยิ้ม
“แต่มันควรจะมาพร้อมกับความเต็มใจของเราทั้งสองคน แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็สุดปัญญา”
รำพึงหน้าเสีย ขุนพิทักษ์ปลดมือของรำพึงออกอย่างนุ่มนวลที่สุด ทั้งคู่ยืนมองหน้ากันชั่วขณะ ขุนพิทักษ์ตัดสินใจออกเดินโดยไม่มีแม้คำร่ำลา
รำพึงสายตามุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
“ถ้าน้องไม่ได้ตัวคุณพี่...น้องจะไม่มีวันเลิกรา !”
รำพึงเดินขึ้นมาบนเรือนก็ชะงักที่เห็นพระยาเทวราชยืนอยู่ รำพึงหวั่นๆ แต่ตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“คุณพ่อ...ลูก”
ไม่ทันขาดคำ พระยาเทวราชก็ตบหน้ารำพึงฉาดใหญ่จนรำพึงถึงกับเซเกือบจะล้ม
“ทำตัวเป็นหญิงใจง่ายเช่นนี้ คิดหรือว่าขุนพิทักษ์จะยกขันหมากมาสู่ขอแก”
“ลูกเชื่อว่าคุณพี่จะต้องมาสู่ขอลูกแน่”
“ยังมีหน้ามาพูด สารเลว!”
“ลูกคิดอยู่แล้วว่ายังไงคุณพ่อก็ต้องโทษลูก ในสายตาคุณพ่อ...ลูกไม่เคยดี ไม่เคยมีความสำคัญที่คุณพ่อสนใจก็มีแต่เกียรติยศชื่อเสียงของคุณพ่อเอง”
“รำพึง!”
พระยาเทวราชโกรธง้างมือจะตบอีก แต่เห็นสายตารำพึงที่จ้องมองมาด้วยความเสียใจในความต่ำต้อยไร้ค่าของตนเอง พระยาเทวราชชะงักอึ้งลดมือลง
“ถ้าขุนพิทักษ์ไม่รับผิดชอบ แกจะต้องทุกข์ทรมานแบกความอับอายไปชั่วชีวิต”
รำพึงมองตามพระยาเทวราชที่เดินเข้าห้องไปอย่างหัวเสีย
“คุณพี่จะต้องมาขอลูก ต้องมา”
ในเวลากลางคืน ชุ่มเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินขึ้นมาบนเรือนทาส ทันทีที่ชุ่มปิดประตูเรือน ขุนพิทักษ์เข้ารวบกอดร่างชุ่ม ชุ่มตกใจ
“ท่านขุน! ท่านไม่ควรทำแบบนี้นะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์กอดชุ่มวางคางบนไหล่ของชุ่ม
“ให้ข้าอยู่นิ่งๆ แบบนี้สักพักได้ไหม”
ชุ่มรู้สึกได้ว่าขุนพิทักษ์มีเรื่องไม่สบายใจ
“ท่านขุน...มีเรื่องอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์กอดชุ่มแน่นขึ้น
“ข้ารักเอ็งนะชุ่ม”
ชุ่มไม่เซ้าซี้กอดปลอบพลางลูบหลังเบาๆ ปลอบโยนให้ขุนพิทักษ์สบายใจทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ขุนพิทักษ์สีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
เช้าวันใหม่ คุณหญิงมณีเดินออกมาจากห้องเจอกับแจ่มที่รอรับใช้ ขุนพิทักษ์เดินขึ้นมาบนเรือน
“พิทักษ์...เพิ่งกลับมาเหรอลูก”
ขุนพิทักษ์หลบตา
“ลูกขอไปพักนะครับคุณแม่”
คุณหญิงมณีรับรู้ ขุนพิทักษ์เดินเลี่ยงเข้าไปที่ห้องตนเอง แจ่มมองตามจนเห็นขุนพิทักษ์เข้าห้องไป
“คุณหญิงเจ้าคะ พวกบ่าวมันว่าท่านขุนกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเจ้าค่ะ แต่ไปค้างอยู่กับ...”
คุณหญิงมณียกมือขึ้นให้หยุดพูด แจ่มชะงัก
“เอ็งไปเตรียมสำรับไว้ให้ลูกข้า”
“เจ้าค่ะ”
แจ่มออกไป คุณหญิงมณีมองไปทางห้องขุนพิทักษ์สีหน้าเครียด
รำพึงนั่งหวีผมอย่างมีความสุข จวงเข้ามาในห้อง รำพึงหันขวับมาอย่างกระตือรือร้น
“คุณพี่พาคุณป้ามาแล้วใช่ไหม”
จวงสีหน้าหวั่นๆ
“ไม่มีวี่แววเลยเจ้าค่ะ”
รำพึงสีหน้าหงุดหงิด
บนเรือน คุณหญิงมณีมองไปทางห้องขุนพิทักษ์ ชุ่มกับแจ่มนั่งรอรับใช้
“สายป่านนี้แล้ว ทำไมพิทักษ์ยังไม่ออกไปทำงานอีก”
ชุ่มนั่งฟังเก็บข้อมูล
“ชุ่ม เอ็งเข้าไปดูลูกข้าสิว่าเป็นยังไงบ้าง”
ชุ่มออกไป คุณหญิงมณีมองตาม
ชุ่มเข้ามาในห้องเห็นขุนพิทักษ์นั่งเครียดอยู่ที่เตียง
“ท่านขุน...เป็นอะไรเจ้าคะ”
“ข้าปวดหัว”
ชุ่มมองด้วยความห่วงใย แล้วเดินเข้าไปใช้นิ้วโป้งกดที่ขมับแล้วนวดเบาๆ
“แม่ข้าสอนว่าทำแบบนี้จะหายปวดหัว”
“อืม” ขุนพิทักษ์ผ่อนคลายขึ้น
“ถ้าดีขึ้นแล้ว...ไปทำงานนะเจ้าคะ”
“หืม...”
“คุณหญิงท่านเป็นห่วงท่านขุนนะเจ้าคะ กังวลว่าท่านขุนจะไม่ไปทำงาน ข้าอยากให้คุณท่านสบายใจเจ้าค่ะ ท่านขุนก็คิดเหมือนข้าใช่ไหมเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์มองชุ่ม รู้ดีว่าที่ชุ่มพูดอยากจะขอให้ตนเองไปทำงาน ขุนพิทักษ์ตัดสินใจ
ในเวลาต่อมา ขุนพิทักษ์เดินลงมาจากเรือนกับคุณหญิงมณี ชุ่มกับแจ่มยืนรออยู่ด้านล่าง สีหน้าชุ่มยิ้มแย้ม
ขุนพิทักษ์ไหว้คุณหญิงมณี
“ลูกไปทำงานนะขอรับ”
“เสร็จงานแล้วก็รีบมานะ แม่จะรอทานข้าว”
“ขอรับคุณแม่ ทานที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่ากับทานที่บ้านแล้ว” ขุนพิทักษ์มองชุ่มด้วยสายตาวิบวับ
ขุนพิทักษ์เดินออกไปทางท่าน้ำ ชุ่มมองสายตายิ้มอย่างมีความสุข แจ่มหันมาเห็นชุ่มยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เอ็งยิ้มอะไรวะชุ่ม”
ชุ่มยังยิ้มมองตามขุนพิทักษ์ไป ชุ่มไม่ตอบ จนแจ่มต้องเรียกเสียงดัง
“นังชุ่ม!”
ชุ่มตกใจ
“อะไรจ๊ะน้าแจ่ม”
“ข้าถามว่าเอ็งยิ้มอะไร”
ชุ่มตอบไม่ถูก
“ข้า...”
คุณหญิงมณีมองออก
“เอ็งดีใจที่ลูกข้ายอมไปทำงานใช่ไหม”
ชุ่มยิ้มอย่างยอมรับ แต่ตอบเลี่ยงไปว่า
“บ่าวดีใจที่เห็นคุณหญิงสบายใจเจ้าค่ะ”
ชุ่มเห็นคุณหญิงมณีกับแจ่มมองอย่างรอว่าจะพูดอะไรต่อ
“บ่าวขอไปทำงานที่ครัวก่อนนะเจ้าคะ”
ชุ่มรีบก้มตัวเดินผ่านคุณหญิงออกไป คุณหญิงมองตามอย่างเอ็นดู
ในเวลาต่อมา ขุนพิทักษ์กำลังจะเดินเข้าไปในกรมทหาร และเจอกับขุนไวที่มาจากอีกด้านหนึ่ง ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากัน
“ทำไมเอ็งถึงยังอยู่ที่นี่”
“แล้วทำไมข้าถึงจะอยู่ไม่ได้”
“เพราะเอ็งแพ้ข้า เอ็งก็ต้องไปอย่างไอ้ขี้แพ้”
ขุนไวหน้านิ่งแต่มือกำแน่นอย่างแค้น
“ข้าอยากทำตามสัจจะ แต่ข้ายังไปตอนนี้ไม่ได้”
ขุนพิทักษ์ชะงักไป
“เอ็งหมายความว่ายังไง”
“ขุนพิทักษ์”
ทั้งคู่หันไปเห็นท่านเจ้ากรมเดินเข้ามาจึงหยุดเรื่องความแค้นระหว่างกันไว้ก่อน
ขุนไวกับขุนพิทักษ์ไหว้
“ท่านเจ้ากรม”
ท่านเจ้ากรมนั่งอยู่ที่เก้าอี้และหันมาพูดกับขุนพิทักษ์
“มาทำงานได้แล้วรึ”
“กระผมไม่อยากให้ขุนไวให้ต้องทำงานแทนนานนักขอรับ”
ขุนพิทักษ์มองไปทางขุนไวประมาณว่าหมดหน้าที่ควรไปได้แล้ว แต่ขุนไวสู้ต่อ
“งานที่ท่านเจ้ากรมได้สั่งให้กระผมจัดการเรื่องเบี้ยของทหาร กระผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะขอรับ”
“ดี! ช่วงที่ท่านขุนเจ็บ ขุนไวช่วยจัดการงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ท่านขุนก็เพิ่งฟื้นตัว ฉันคิดว่าจะให้ขุนไวมาเป็นผู้ช่วยฉันอีกคนจนกว่าท่านจะหายดี”
“แต่” ขุนพิทักษ์อึ้งพยายามจะแย้ง
“ฉันตัดสินใจแล้ว ประกาศให้ทุกคนรู้ในวันนี้นะ”
“กระผมสัญญาว่าจะอยู่ทำงานรับใช้ท่านอย่างสุดความสามารถขอรับ”
ขุนพิทักษ์อึ้งที่โดนมัดมืดชก
“ขุนพิทักษ์...งานด่วนที่ฉันอยากให้ท่านทำ คืออีกสองวันฉันจะทำบุญที่กรม ฉันอยากจะรบกวนคุณหญิงมณีให้ช่วยมาเป็นแม่งาน”
“คุณแม่กระผมคงยินดีมากขอรับ”
“ฉันอยากจะนิมนต์หลวงพ่อมั่น”
“เรื่องนี้กระผมจะจัดการให้เองขอรับ กระผมเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ”
ท่านเจ้ากรมยิ้มพอใจ
“ฉันยินดีนะที่เห็นพวกท่านช่วยกันแข็งขันอย่างนี้”
สองหนุ่มเขม่นมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ในเวลาเย็น จวงเข้ามาที่ด้านหน้ากรมทหารเพื่อมองหาขุนพิทักษ์ บริเวณนั้น พ่อค้าผ้าที่กำลังตั้งวางหาบผ้าสวย ๆ สีอ่อนงดงามใกล้เคียงกับผ้าไหม มีเหล่าคุณหญิงคุณนายยืนดูอย่างสนใจ
ขุนพิทักษ์เดินออกมาจากในกรม และกำลังจะกลับ พ่อค้าหยิบผ้าขึ้นมายื่นให้คุณหญิงคุณนายชม
“ผ้าผืนนี้มาจากเมืองจีนนะขอรับ เนื้อละเอียดสีสวยมาก มีแค่ไม่กี่ผืนนะขอรับ”
อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 7 วันที่ 15 ก.พ. 56
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียาละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager