@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 12 วันที่ 27 ก.พ. 56


อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 12 วันที่ 27 ก.พ. 56

“แม่ปรางค์!! แกพูดอะไรของแก” ปรงทองตกใจ
ปรางค์ทิพย์ร้องไห้
“ใช่ค่ะ ปรางค์รักเมธีมาตลอด ตั้งแต่วันแรก ที่เมธีเข้ามาอยู่ในบ้านจนกระทั่งเมธีแต่งงานกับแม่ภัส ปรางค์เสียใจจนทนอยู่ที่นี่ไม่ได้เลยแต่งงานกับคุณสรร เพื่อให้พ้นๆไปจากบ้านนี้”
ประภัสสรจับมือกับเมธี ประภัสสรสงสารปรางค์ทิพย์ส่วนเมธีสลดใจ

“แต่มีใครรู้เรื่องนี้ไหมคะ มีใครเข้าใจและเห็นใจปรางค์บ้าง คุณย่าไม่เคยเข้าใจปรางค์ ไม่เคยรู้ ว่าปรางค์เจ็บปวดยังไง ยิ่งปรางค์รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ ปรางค์ยิ่งต้องพยายามเข้มแข็งเท่านั้น และวันที่ปรางค์ทำใจ ย้ายครอบครัวกลับมาได้ ปรางค์หวังว่าคุณยาย จะเป็นที่พึ่งของครอบครัวปรางค์ ของลูกปรางค์ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จากวันที่มีน้องเมย์”


ปฐวีหลบหน้าทุกคนเพราะรู้สึกปวดใจอยู่คนเดียว
“คุณยายไม่เหลียวแลลูกปรางค์เลย”
ปรงทองอึ้งเพราะคิดไม่ถึงในที่สุดก็พูดออกมาได้ว่า
“แม่ปรางค์ แกกำลังเข้าใจชั้นผิด ชั้นมีความห่วงใยให้ต่างกัน แต่ชั้นมีความรักให้ทุกคนเท่ากัน ชั้นเห็นว่าแม่ภัส หรือแม้แต่เจ้าเมย์ เป็นคนหัวอ่อน อ่อนแอ ในขณะที่แก และแม่แก้วแม่ขวัญ ทั้งเก่งทั้งกล้า เอาตัวรอดได้ ชั้นนึกชื่นชมมาตลอด แต่ไม่ใช่ชั้นไม่รัก ไม่ห่วงแก”
ปรางค์ทิพย์ร้องไห้ ทุกคนสลด
ปรงทองพูดต่อ “ชั้นไม่รู้ว่าแกคิดแบบนี้มาตลอด คงเป็นความผิดชั้นเอง ที่ชั้นเข้าใจผิดชั้นไม่เคยถามความรู้สึกของแก ชั้นมีส่วนผิดที่ทำให้แกเป็นแบบนี้ แม่ปรางค์ ..” ปรงทองโกรธตัวเอง “ชั้นผิดเอง”
ปรางค์ทิพย์ลงไปกอดเข่าปรงทองแล้วร้องไห้ ปรงทองมองแล้วลูบหัว ประภัสสรร้องไห้ ทุกคนสลดใจ

เมรินนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พยาบาลรักสิกากับยมนาชวนเมรินคุย
“โชคดีนะ ที่คุณหมอวี กลับบ้านไปช่วยไว้ทัน” ยมนาบอก
“น่ากลัวจังเลยเนอะ โชคดีที่น้องเมย์ไม่เป็นอะไร” รักสิกาเสริม
“หมอวีคงอัดขโมยซะน่วม เหมือนในละครเลย ใช่ไหมคะน้องเมย์”
“เป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ น้องเมย์ ฟังแล้วตื่นเต้นจังเลย”
ทั้งสองหยุดพูดรอฟังเมริน เมรินมองหน้าทั้งสองอย่างเซ็งๆ
“ค่ะ เป็นแบบนั้นเลย”
ทั้งสองสาวกรี๊ดกร๊าดเบาๆ ด้วยความดีใจ เมรินลงไปนอนหลับตา
“อ้าว น้องเมย์ .... หลับซะแล้ว”
“งั้นไปกินข้าวกันก่อนเถอะ หิวแล้ว” รักสิกาบอก
เมรินลืมตาขึ้นมองตามสองสาวออกไป


เมรินเดินเข้าห้องตันหยงไปแล้วก็ชะงักที่เห็นพิรามกำลังจะอ่านหนังสือให้ตันหยงฟัง พิรามชูหนังสือให้ตันหยงดูแล้วยิ้ม แล้วพิรามก็เริ่มอ่าน เมรินเศร้าแต่ก็เดินเข้าไปในห้อง พิรามหันมาเห็นเข้าก็ชะงัก
“หนู หนูมาทำไม”
เมรินเดินไปนั่ง
“หนูอยากฟัง หนูขอนั่งฟังด้วยคนได้ไหมคะ” เมรินบอก
พิรามงง
“นี่เราไม่โกรธกันแล้วใช่มั้ย” พิรามถาม
เมรินนิ่งไม่ตอบ พิรามเลยลงมืออ่านหนังสือให้ตันหยงฟัง เมรินนั่งเหม่อด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย


พิรามพักจากการอ่านหนังสือ เขาเอาหนังสือลงแล้วหันมามองเมรินก่อนจะยิ้มให้
เมรินถอนหายใจ “คุณมาเฝ้าอยู่ทุกวันแบบนี้ ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”
พิรามนิ่งคิดแล้วยิ้มให้ “การใช้เวลาทำเพื่อคนที่เรารัก มันทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อ แล้วหนูล่ะ ไม่สบายเป็นอะไร”
เมรินไม่ตอบแต่ยิ้มเศร้า
สุดนภาเปิดประตูพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน
พิรามหันไปเห็น “คุณบี๋”
“น้องเมย์ ครูบี๋ไปหาที่ห้องไม่เจอ นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่”
“น้องเมย์มาขอฟังนิยายด้วย” พิรามพูดกับเมริน “ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยครับ น้องเมย์ เราคุยกันดีแล้ว”
พิรามยิ้มให้เมริน เมรินยิ้มเศร้าๆ แล้วหันไปมองหน้าสุดนภา สุดนภามองแล้วถอนหายใจโล่งอก


เมรินกับสุดนภาเดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“นี่แสดงว่า แกให้อภัยคุณพิรามได้แล้ว ใช่มั้ยหยง”
“ชั้นจะทำอะไรได้มากกว่านี้หรือบี๋”
“แกทำถูกแล้วละหยง”
เมรินยิ้มเศร้า สุดนภากับเมรินเดินไปด้วยกันเงียบๆ


ฉัตรพรกำลังถูกตำรวจรวบตัว ตำรวจใส่กุญแจมือฉัตรพร ฉัตรพรร้องกรี๊ดๆ ในขณะเดินไปขึ้นรถตำรวจ ชัยเห็นตำรวจจึงกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์หนีไปอีกทาง


ชัยกับขวดนั่งซึมอยู่ในบ้านร้าง ชัยโมโหจึงถีบของ
“พวกมันโยนความผิดให้พี่กู กูต้องกลับไปล้างแค้น”
“แล้วมึงจะไปทำอะไรได้” ขวดว่า
“กูทำได้ แต่มึงต้องช่วยกู”
ขวดยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
ชัยแค้น

เมรินนั่งซึมอยู่บนเตียง
รักสิกาเข้ามาถาม “น้องเมย์ อยากได้การ์ตูนไว้อ่านเล่นมั้ยคะ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”
“ไม่ค่ะ”
ยมนาถามต่อ “หรือว่าจะเอาตุ๊กตา ก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่เล่นแล้ว”
รักสิกากับยมนามองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
“แล้วน้องเมย์อยากได้อะไรล่ะคะ” รักสิกาถาม
“น้องเมย์อยากอยู่เงียบๆค่ะ”
รักสิกากับยมนามองหน้ากันอย่างงงๆ
“งั้นพี่ออกไปก่อนนะคะ”
รักสิกากับยมนาเดินออกไป เมรินถอนหายใจเฮือก เธอนึกถึงตอนที่พิรามกำลังอ่านหนังสือให้ตันหยงฟังในห้อง
“ชั้นให้อภัยคุณแล้วพิราม แต่ทำไม..” เมรินส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “ทำไมในหัวชั้นถึงมีแต่น้าวีแล้วทำไมชั้นจะต้องแคร์ ในเมื่อตั้งแต่เค้ารู้ความจริง เค้าก็ไม่แคร์ชั้นอีกเลย” เมรินโกรธ “เค้ารักหลานเค้า เค้าไม่ได้รักเธอนะตันหยง !!”

ปฐวียืนลังเลอยู่หน้าห้องเมริน เขาทำท่าจะผลักประตูแต่แล้วก็หดมือกลับ ปฐวีส่ายหน้าก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในห้อง

เมรินยืนมองออกไปด้านนอกระเบียงห้อง ปฐวีเดินเข้ามา เมรินหันกลับมามองเห็นปฐวีเธอก็ปาดน้ำตา
“คุณทำอะไรน่ะ” ปฐวีถาม
ตันหยงมองปฐวีนิ่ง “ชั้นไม่คิดจะโดดลงไปหรอก เพราะชั้นรู้ว่าคุณเป็นห่วงน้องเมย์”
ปฐวีเบือนหน้าหนี ตันหยงเชิดหน้า
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าชั้นจะทำ ชั้นคงทำไปตั้งนานแล้ว”
“ตั้งแต่วันที่คุณคิดจะโดดลงจากบันไดใช่มั้ย”
ตันหยงหันขวับมามองปฐวี แล้วภาพตอนที่ตันหยงก้าวพลาดลงจากบันไดแต่ปฐวีรับไว้ทันก็ย้อนกลับมา
“แต่ชั้นก็ไม่ได้ทำ เพราะชั้นรู้ว่า ถ้าน้องเมย์เป็นอะไรไป คุณภัสคงทนอยู่ไม่ได้”
“ขอบคุณที่คุณเป็นห่วงครอบครัวผม”
ปฐวีพูดโดยไม่มองหน้า ตันหยงมองปฐวีอย่างตัดพ้อ
เสียงหนึ่งฤทัยดังขึ้น “วีมาอยู่ที่นี่เอง”
ตันหยงกับปฐวีหันไปมอง หนึ่งฤทัยเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับตุ๊กตาหมีในมือ
“น้องเมย์คะ น้าหนึ่งมีของมาฝากน้องเมย์ด้วยนะคะ”
หนึ่งฤทัยส่งตุ๊กตาให้เมริน เมรินยิ้มรับแล้วส่งให้ปฐวี
“เค้าให้หลานคุณ ไม่ใช่ชั้น”
ปฐวีมองตุ๊กตาแล้วรับไว้ ตันหยงเดินเชิดออกไปจากห้อง ปฐวีชำเลืองมองตาม หนึ่งฤทัยมองปฐวีอย่างงงๆ

นาวินกับสุดนภานั่งดื่มกาแฟในร้านอาหาร นาวินกินอย่างเจริญอาหารมาก ส่วนสุดนภามองนาวินอย่างขวางหูขวางตา
“นี่คุณ คุณว่าเรื่องนี้มันจะจบแบบไหน” สุดนภาถาม
นาวินกินด้วยความอร่อย “เรื่องไหน”
สุดนภาหยิก “ก็เรื่องหยงน่ะสิถามได้ มัวแต่กิน น่าโมโห คนกำลังกลุ้มๆอยู่”
“อ้าว คนกินได้ก็บ่น เฮ้อ...แล้วคุณอยากให้มันจบแบบไหนล่ะ”
“หมอวีต้องเป็นคนเลือก”
นาวินอึ้ง
“อ้าว ทำไมต้องเป็นเพื่อนผมเลือก ทำไมไม่ให้เพื่อนคุณเป็นคนเลือก”
สุดนภาถอนใจ “เราเถียงกันไป ก็เท่านั้นแหล่ะ ไม่ว่าใครจะเป็นคนเลือกก็ต้องมีคนเสียใจ แล้วคนๆนั้น ก็คือหมอวี”
นาวินกำลังจะจ้วงขนมกินต่อแต่ก็ชะงักมองหน้าสุดนภา สุดนภาทำหน้าจริงจังมาก

ปฐวีเดินใช้ความคิดมาเรื่อยๆ นาวินเดินมองหาปฐวีมาตามทาง พอเห็นปฐวี นาวินก็พุ่งเข้ามาหาทันที
“ไอ้วี”
ปฐวีเงยหน้ามอง
“ชั้นอยากรู้ว่า เมื่อถึงวันที่แกต้องเลือก ให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่แกจะเลือกคุณตันหยง” นาวินพูดเน้น “หรือคุณตันหยง ในร่างน้องเมย์”
ปฐวีอึ้ง
สุดนภาวิ่งเข้ามา พอเห็นนาวินยืนอยู่กับปฐวี สุดนภาก็วิ่งมาลากแขนนาวินออกไปทันที
“ชั้นว่าแล้ว คุณนี่เก็บความลับไม่อยู่จริงๆ มันใช่เวลามั้ยเนี่ย ไปเลย ไปกับชั้นเดี๋ยวนี้เลย” สุดนภาพูดกับปฐวี “ขอโทษนะคะ อย่าไปฟังตานี่เพ้อเจ้อ เลยค่ะ ช๊อคโกแลตซี๊ดคงขึ้นสมองค่ะ”
สุดนภาลากนาวินออกไป ปฐวีมองตามแล้วหันหน้าเพื่อหนีเจ็บปวด

ปฐวีเดินมานั่งที่โต๊ะแล้วรู้สึกปวดหัวจึงกุมขมับ หนึ่งฤทัยเดินเข้ามามองปฐวีเงียบๆ
“วีเป็นอะไรคะ”
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ”
“หนึ่งว่าช่วงนี้วีเครียดเกินไปแล้ว หนึ่งไม่รู้ว่าวียังห่วงเรื่องอะไรอีก บอกหนึ่งได้มั้ยว่าวีเครียดเรื่องอะไร”
“ผมก็บอกไม่ถูกครับ มันวุ่นวายไปหมด”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าวียังไม่พร้อมจะบอก พร้อมเมื่อไหร่ หนึ่งยินดีรับฟังนะคะ ดีกว่าเก็บไว้คนเดียว”
ปฐวีถอนใจ หนึ่งฤทัยลอบสังเกต
“ยิ้มให้หนึ่งหน่อยสิคะ นิดนึงนะคะ”
ปฐวีมองหน้าหนึ่งฤทัยแล้วฝืนยิ้ม หนึ่งฤทัยยิ้มอย่างโล่งใจแล้ว จับมือปฐวีไว้

ปรางค์ทิพย์นั่งเหม่ออย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่ในบ้าน เสกสรรที่นั่งอยู่ไม่ห่างแอบเงยหน้ามองอย่างเงียบๆ ปรางค์ทิพย์กับเสกสรรนั่งคุยกัน เด็กถือกระเป๋าเดินผ่าน เสกสรรลุกขึ้นยืน
เสกสรรเดินถือกระเป๋าไปขึ้นรถ โดยมีเด็กถือกระเป๋าใบใหญ่นำหน้า ปรงแก้วกับปรงขวัญ วิ่งมาเกาะขาเสกสรร เสกสรรนั่งลงกอดและจูบลาลูกสาวก่อนจะขึ้นรถ แล้วรถก็แล่นออกไป
ปรงแก้วกับปรงขวัญร้องไห้ บุญศรีกอดปรงแก้วปรงขวัญไว้ ปรางค์ทิพย์นั่งมองภาพถ่ายครอบครัวตอนที่มีความสุขแล้วก็ร้องไห้หนัก

ปฐวีกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับเมธีที่อยู่ที่บ้าน
“เดี๋ยววันนี้พี่จะพาภัสไปรับน้องเมย์กลับบ้าน คงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยวี”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมพาน้องเมย์ไปส่งเอง พี่เมธีอยู่เป็นเพื่อนพี่ภัสเถอะครับ วันนี้ผมคงกลับเร็ว”
“ได้ งั้นพี่ขอบใจมากนะวี”
“ครับ”
ปฐวีกดปิดโทรศัพท์แล้วนั่งคิดเงียบๆ

เมรินยืนมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ปฐวีเดินเข้ามามองเงียบๆ พยาบาลออกมาจากอีกห้องที่อยู่ติดกัน
“เก็บของเสร็จแล้วค่ะ”
เมรินหันไปมองปฐวี ปฐวีถอนใจเพราะรู้สึกตัว
“ยาก็จัดเรียบร้อยแล้วนะคะ พร้อมกลับบ้านได้เลยค่ะ” ยมนาบอก
“ขอบคุณมาก ที่เหลือผมจัดการเอง”
รักสิกากับยมนามองปฐวีที่หน้านิ่งอย่างจ๋อยๆ แล้วออกจากห้องไป ปฐวีเดินไปหาเมริน
“คุณเมธีกับคุณภัสไม่มาเหรอคะ” ตันหยงถาม
“ผมรับปากพี่เมธีไว้แล้ว จะไปส่งคุณที่บ้านเอง”
ปฐวีเดินเข้าห้องคอนเนคติ้งไป ตันหยงหันไปมองปฐวีจากทางด้านหลัง
“ใช่สิ เค้าคงเป็นห่วงหลานเค้า” ตันหยงคิดในใจ
เมรินเมินหน้าแล้วก็จะร้องไห้

รถปฐวีแล่นไป ปฐวีกับตันหยงนั่งกันมาเงียบๆ ตันหยงชำเลืองมองอย่างตัดพ้อ ตันหยงเมินหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วตันหยงก็ห่อตัวเพราะความหนาว ปฐวีสังเกตเห็นจึงเอื้อมมือไปหรี่แอร์ ตันหยงหันไปมอง ปฐวีขับรถต่อ ตันหยงเมินหน้าแล้วนั่งเงียบไปซักพัก
ปฐวีเอ่ยถาม “แอร์ยังเย็นอยู่ไหม”
“ไม่ค่ะ”
ตันหยงตอบโดยไม่มองหน้า ปฐวีแอบมองตันหยงแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไร ตันหยงหันมาสบตาปฐวีแล้วรอลุ้นให้ปฐวีพูด
ตันหยงคิดในใจ “คุณอยากพูดอะไรกับชั้น ก็พูดออกมาสิ คุณวี”
ปฐวีมองแล้วถอนหายใจแต่ไม่พูด เขาหันไปขับรถต่ออย่างตั้งใจ ตันหยงจ้องหน้าปฐวีอยู่นานก่อนจะเมินหน้าออกด้วยความเสียใจ แล้วต่างคนก็ต่างเมินหน้านั่งเงียบๆ

ปรงทองนั่งปลอบใจปรางค์ทิพย์ ปรางค์ทิพย์นิ่งซึม
“ทำใจซะเถอะนะแม่ปรางค์ ถือว่าเธอสองคนทำบุญร่วมกันมาแค่นี้”
ปรางค์ทิพย์น้ำตาร่วงก่อนจะพยักหน้า “ค่ะ คุณยาย”
“อย่าคิดอะไรมากนะลูกเอ๊ย ยังไงเจ้าก็ยังมี ครอบครัว ทุกคนให้อภัย และพร้อมจะเป็นกำลังใจให้เจ้าเสมอ”
ปรางค์ทิพย์ก้มลงกราบปรงทอง
“ขอบพระคุณคุณยายที่เมตตาปรางค์นะคะ”

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 12 วันที่ 27 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56
ที่มา manager