อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 11/3 วันที่ 28 ก.พ. 56
“เจ้าค่ะทูนหัวของบ่าว”จวงยิ้มเยาะแจ่มเดินไปหน้าตากวนๆ
“หืม อีคางคกรับใช้ มันน่าตบนัก ฮึ้ย เราไม่น่าหลงกลนังจวงมันเลยนะเจ้าคะ ไม่งั้นป่านนี้ท่านขุนอาจหายกลับมาเป็นปกติแล้ว เอ๊ะ..หรือว่าน้ำมนต์จะไม่ได้ผลเจ้าคะ”
คุณหญิงถอนใจอย่างเสียดายในโอกาส
บริเวณกุฏิหลวงตามั่น คุณหญิงมณีพนมมือคุยกับหลวงตาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“หลวงพ่อช่วยด้วยเถอะเจ้าค่ะ ท่าทางของที่แม่รำพึงทำใส่พ่อพิทักษ์จะแรงมาก น้ำมนต์ถึงทำอะไรไม่ได้”
“พลังอำนาจพระพุทธคุณอยู่เหนือสิ่งอื่นใดไม่มีอะไรมาเทียบได้”
“งั้นก็หมายความว่า ท่านขุนโดนทำของใส่กลับไปอีกเหรอเจ้าคะ”
หลวงตานิ่ง คุณหญิงมณีร้อนใจ
“แล้วอย่างนี้อิฉันควรจัดการอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ตอนนี้ตัวกับใจของท่านขุนแยกกันอยู่ ต้องตามหาใจเขาให้เจอ หาทางให้ใจของเขากลับมาแล้วสติก็จะเกิดกับตัว”
“ใจของพ่อพิทักษ์แล้วอิฉันจะไปหาที่ไหน”
“พ่อแม่เป็นผู้สร้างกาย ปู่ ย่า ตา ยายเป็นผู้สร้างจิตวิญญาณ บรรพบุรุษจะเป็นผู้ชี้ทาง และจะคอยปกป้องคุ้มภัย”
หลวงตามั่นพูดจบแค่นั้นก็หลับตาลง คุณหญิงมณีได้ปริศนาที่ต้องหาคำตอบ
บริเวณเงียบๆในเรือนคุณหญิงมณี จวงตะลึง ตกใจ
“หา ! คุณรำพึงจะให้จวงไปเติมของที่ป่าช้าตอนนี้ เอ่อ..ทำไมคุณรำพึงไม่ไปเองล่ะเจ้าคะ”
“คุณพี่ติดข้าแจ ถ้าข้าหายไปคุณพี่ต้องอยู่ไม่สุขแน่”
“แต่จวงกลัวผีนี่เจ้าคะ”
“เอ็งมัวแต่กลัว แล้วถ้าของในตัวคุณพี่หมดเพราะฤทธิ์น้ำมนต์ของนังคุณหญิง เอ็งกับข้าก็คงจะ...”
จวงแทรกทันที
“หัวหลุดออกจากบ่า”
“รู้แล้วก็ดี”
รำพึงยัดกระปุกเลือดใส่มือจวง
“นี่เลือดแมวดำ เอาไปจัดการเทใส่หุ่นราณีกำหนัด ส่วนข้าจะบริกรรมคาถาอยู่ที่นี่”
รำพึงเดินขึ้นเรือนไป
“หัวโกร๋นแน่อีจวง ฮือๆ”
จวงเดินกอดกระปุกเลือดไปยังป่าช้า สายตาสอดส่องไปรอบๆด้วยความหวาดหวั่น
“ถ้าอยากกินเลือดก็อย่ามาหลอกมาหลอนกันนะจ๊ะ”
เท้าของใครบางคนเดินตามจวงอยู่ห่างๆ จวงได้ยินเสียงเดินก็หยุดชะงักเพราะคิดว่าผี
“เอาแล้วไง...ใกล้ป่าช้าปุ๊บ ออกอาละวาดปั๊บ ฮือๆ”
จวงรีบเดินเร็ว เท้าใครคนนั้นเดินตาม จวงหันขวับไปมองแต่ไม่เห็นใคร
เท้าใครคนนั้นคือ แจ่มที่กำลังมองหาจวง
“นังจวงหายไปไหนแล้ววะ เร็วฉิบ”
แจ่มมองหาจวง ที่หลังต้นไม้จวงแอบดูอยู่
“ว่าแล้วเชียว ผีที่ไหนจะตีนหนักขนาดนี้”
ในเวลาต่อมา แจ่มรายงานคุณหญิงมณี
“นังจวงมันเดินไปทางป่าช้าเจ้าค่ะ แต่จู่ๆ มันก็หายไปเจ้าค่ะ”
“มันเห็นเอ็งหรือเปล่า”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“ดี อย่าให้มันรู้ตัว คอยตามดูมันไว้ หาทางรู้ให้ได้ว่ารำพึงทำเสน่ห์ใส่พ่อพิทักษ์ยังไง เราจะได้หาทางทำลายมัน”
คุณหญิงมณีดวงตามุ่งมั่น
บริเวณศาลาเรือนไทย รำพึงตกใจ
“นังแจ่มตามเอ็งไป”
ขุนพิทักษ์นอนหลับอยู่บนเตียง รำพึงกับจวงจึงต้องคุยกันเงียบๆ
“เจ้าค่ะ คุณหญิงต้องสั่งนังแจ่มให้สะกดรอยตามจวงแน่ๆ เจ้าค่ะ มิน่า... เมื่อเย็นตอนอยู่ในครัว จวงเห็นนังแจ่มเอาแต่มองจวง หนอย...คิดจะสอดแนมกันล่ะสิ ว่าคุณรำพึงทำของไว้ที่ไหน”
รำพึงสายตาเหี้ยมบอก
“นังคุณหญิงมันจะยุ่งเรื่องของข้ามากเกินไปแล้ว เห็นทีจะปล่อยไว้ไม่ได้!”
ในเวลากลางคืน ชุ่มนั่งเศร้าอยู่ จังหวะนั้น ประตูห้องขังเปิดออก ชุ่มตกใจ ชุ่มมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร ชุ่มร้องถาม
“ใครน่ะ”
ไม่มีเสียงตอบ เสียงเดียวที่ชุ่มได้ยินคือเสียงร้องของขุนพิทักษ์เหมือนถูกทรมาน บวกเสียงโซ่ตรวนกระทบกัน
“โอ้ย! ปล่อยข้า ปล่อยข้า ปล่อย โอ๊ย”
เสียงขุนพิทักษ์ดังขึ้นพร้อมๆกับมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
“ท่านขุน!”
เสียงร้องอย่างทุกข์ทรมาน ชุ่มพยายามพังกรงขังจนประตูเปิดออกให้ได้
บริเวณกลางป่า ชุ่มวิ่งมายืนอยู่กลางป่าหมอกหนาทึบ ชุ่มยังได้ยินเสียงร้องของขุนพิทักษ์อย่างต่อเนื่อง
“ท่านขุนอยู่ไหนเจ้าคะ...ท่านขุน”
หมอกควันจางลง ภาพที่เห็นตรงหน้า คือภาพขุนพิทักษ์ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน ที่ขา แขน และคอ ดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น ชุ่มวิ่งเข้าไปหา
“ท่านขุน!”
แต่ชุ่มต้องชะงักเมื่อโซ่ที่ล่ามคอขุนพิทักษ์ถูกกระชากตรึงคอให้ทรมาน
“อ๊าก!”
รำพึงในชุดสีแดงเลือด ถือโซ่ที่ล่ามคอขุนพิทักษ์อยู่ในมือ รำพึงตวัดสายตาคมกริบ เลือดเย็น ก่อนบริกรรมคาถา
“ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู”
รำพึงกระตุกโซ่ที่ล่ามคอขุนพิทักษ์อีกครั้ง ขุนพิทักษ์ต้องคลานตามรำพึงด้วยความเจ็บปวด
ชุ่มร้องห้ามรำพึง
“คุณรำพึง พอเถอะเจ้าค่ะ อย่าทำร้ายท่านขุนอีกเลย”
ชุ่มวิ่งเข้าจะไปช่วย แต่ต้องกระเด้งออกมา เพราะถูกแรงผลักของพลังบางอย่าง ชุ่มเห็นสัมภเวสีเป็นควันสีดำเข้าบดบังขุนพิทักษ์และรำพึงอยู่
รำพึงหัวเราะอย่างสะใจ ผสมปนเปกับเสียงโอดครวญ รำพึงยังกระชากโซ่ที่คอขุนพิทักษ์ต่อไป
“คุณพี่เป็นของข้า เป็นของของข้า”
ชุ่มวิ่งเข้าไปอีกแต่ก็ต้องกระเด็นเพราะกลุ่มควันสีดำ ชุ่มตะโกนบอก
“ท่านขุน... คุณรำพึงปล่อยท่านขุนเถอะเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์หันไปมองชุ่มด้วยแววตาเจ็บปวด
“ชุ่มข้ารักเอ็ง”
“ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์ยื่นมือทีมีโซ่ตรวนไปหาชุ่มที่ยื่นมือไปหาขุนพิทักษ์เช่นกัน แต่จังหวะที่มือใกล้จะสัมผัสถึงกัน รำพึงก็กระตุกโซ่อีกครั้งจนมือขุนพิทักษ์ปัดไป สิ่งที่ชุ่มคว้าได้กลับเป็น กริช!
ฉับพลัน... ขุนพิทักษ์หายไป แต่รำพึงกลับพุ่งเข้ามาคร่อมบีบคอชุ่ม
“เอ็งต้องตาย เอ็งต้องตาย”
ชุ่มดิ้นหนี สายตาชุ่มตวัดไปที่กริชในมือ แสงกริชเรืองรอง ชุ่มตัดสินใจใช้กริชแทงเข้าไปที่หัวใจรำพึง รำพึงร้องกรี๊ด! เสียงดัง
ภายในห้องขัง ชุ่มสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝัน นั่งหอบเหนื่อยทบทวนความฝัน
“ท่านขุน!”
ชุ่มมองที่มือตนที่ได้สัมผัสกริช
“กริชของท่านขุน!”
ภายในห้องหอ กล่องกริชร่วงลงพื้น กริชหลุดออกมาจากกล่อง ขุนพิทักษ์กับรำพึงตกใจตื่น
“อะไรเหรอคะคุณพี่”
ขุนพิทักษ์ลุกลงมาจากเตียงเดินไปที่กล่องกริชที่ตกอยู่ที่พื้น
“กริชประจำตระกูลของพี่ ตกมาได้ยังไง”
“ไว้ฟ้าสาง...น้องจะจัดการนังจวงให้เจ้าค่ะ แค่เก็บข้าวเก็บของยังไม่เรียบร้อยมันน่านัก!”
ขุนพิทักษ์หยิบกริชจะเก็บเข้ากล่อง ทันทีที่ขุนพิทักษ์หยิบกริช ภาพในหัวของขุนพิทักษ์ก็ปรากฏขึ้น
พระยาเทวราชเคยบอกว่า
“กริชนี่เป็นของบรรพบุรุษที่ตกทอดกันมา นับตั้งแต่นี้มันจะเป็นของลูก”
“เจ้าคุณพ่อ”
ทันใดนั้น ขุนพิทักษ์ก็เริ่มมีอาการปวดหัวขึ้นมาทันที จนรำพึงแปลกใจ
“คุณพี่!”
เสียงพระยาสุรเดชดังก้องเข้ามาในหัวพิทักษ์อีกครั้ง
“ลูกต้องดำรงตนเป็นคนดี เพื่อลมหายใจสุดท้ายของพ่อ สัญญากับพ่อ”
“ลูกสัญญา!”
เสียงฟ้าฟาดเปรี้ยง
ขุนพิทักษ์ปวดหัวอย่างรุนแรง ตัวกระตุก ในมือกุมกริชแน่น ขุนพิทักษ์ทรุดลงไปนั่งเอาอีกมือกุมหัวร้อง รำพึงตกใจรีบลงมาจากเตียง พุ่งไปหาขุนพิทักษ์
“คุณพี่เป็นอะไรไปคะ คุณพี่”
“พี่ปวดหัว..โอ้ย!”
รำพึงแปลกใจที่ขุนพิทักษ์มีอาการแบบนี้
“ทำไมคุณพี่เป็นแบบนี้ไปได้ เมื่อกี้ยังดีดีอยู่เลย”
รำพึงพยายามจะประคองขุนพิทักษ์ที่ยังร้องอย่างต่อเนื่อง มือที่กำกริชยกมากุมหัว รำพึงตวัดสายตามองไปที่กริช
“หรือว่า”
รำพึงตัดสินใจดึงกริชออกจากมือ ขุนพิทักษ์สงบลงเหมือนปลิดทิ้ง
“หายแล้ว...ไม่ปวดแล้ว”
รำพึงกำกริชไว้แน่น แต่แสร้งทำเปลี่ยนเรื่อง
“โถ... คนดีของน้อง คุณพี่คงทำงานเหนื่อยเกินไป จนเอากลับมาปวดหัวที่เรือนไปนอนต่อเถอะ...นะคะ”
รำพึงตวัดตาไปมองกริชในมือ
“เดี๋ยวกริชนี่น้องจะเก็บให้เอง”
ขุนพิทักษ์เดินไปนอนที่เตียงอย่างว่าง่าย รำพึงมองกริชในมืออย่างระแวง
เช้าวันใหม่ ที่บริเวณห้องขัง คุณหญิงมณีถามชุ่มด้วยความประหลาดใจ
“เอ็งฝันถึงกริชประจำตระกูลของข้า”
“เจ้าค่ะ”
“มันจะเป็นลางบอกเหตุอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ คุณหญิง ยิ่งฝันตอนฟ้าใกล้สางแบบนี้โบราณว่าแม่นนักแม่นหนานะเจ้าคะ” แจ่มว่า
“บ่าวอยากออกไปช่วยคุณหญิงเหลือเกินเจ้าค่ะ” ชุ่มบอก
“นังชุ่ม...เอ็งถูกจองจำอย่างนี้ ยังมีแก่ใจจะมาช่วยข้า”
“เจ็บใจคุณรำพึงจริงๆ ดันเก็บกุญแจห้องขังไว้ซะเอง ไม่งั้นป่านนี้คุณหญิงท่านปล่อยเอ็งไปนานแล้วนังชุ่ม”
“คุณหญิงเจ้าคะ บ่าวเชื่อว่าท่านเจ้าคุณคงอยากบอกอะไรสักอย่าง หรือว่ามันจะเป็นทางที่เราจะช่วยท่านขุนได้เจ้าคะ”
คุณหญิงมณีคิดตามคำชุ่ม แล้วก็นึกถึงคำพูดหลวงตามั่น
“พ่อแม่เป็นผู้สร้างกาย ปู่ ย่า ตา ยายเป็นผู้สร้างจิตวิญญาณ บรรพบุรุษจะเป็นผู้ชี้ทาง และจะคอยปกป้องคุ้มภัย”
คุณหญิงพยักหน้า
“ข้าคงต้องไปพึ่งหลวงพ่ออีกครั้ง!”
ภายในกุฎิ คุณหญิงมณีกราบหลวงตามั่น
“ที่หลวงพ่อเคยให้ปริศนาธรรมอิฉันไว้ หมายความถึงกริชนี่หรือเปล่าเจ้าคะ กริชจะช่วยถอนคุณไสยได้ใช่มั้ยเจ้าคะหลวงพ่อ”
“ของต่ำของชั่วจะชนะของดีของสะอาดไปไม่ได้”
แจ่มยิ้มดีใจ
“แบบนี้ถ้าได้กริชมาท่านขุนก็ต้องหายใช่มั้ยเจ้าคะ”
“เมื่อเห็นทางดับทุกข์ก็ต้องหาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ เมื่อหาของดีของสะอาดได้แล้วก็ต้องหาของชั่วของต่ำให้เจอ เมื่อเราได้รู้แจ้งถึงของสองสิ่งนี้ ไฟกิเลสจึงจะดับลงได้”
“เจ้าค่ะ อิฉันต้องหาให้เจอให้ได้เจ้าค่ะ อิฉันจะไม่ปล่อยให้ลูกต้องทุกข์ทรมานไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แบบนี้”
สมที่นั่งอยู่ด้านนอกได้ยินสิ่งที่คุณหญิงพูด
“กระผมขอช่วยคุณหญิงอีกแรงนึงนะขอรับ”
คุณหญิงกับแจ่มหันมองสม
ในเวลาต่อมา ประตูห้องหอเปิดผลัวะ! คุณหญิงมณีกับแจ่มพุ่งเข้ามาในห้อง
“พ่อพิทักษ์เก็บกริชไว้ในห้องนี้ รีบหาเร็วนังแจ่ม”
“เจ้าค่ะคุณหญิง”
แจ่มรีบค้นตามคำสั่ง คุณหญิงเองมณีก็ช่วยหาจนเจอกล่องกริช คุณหญิงดีใจ
“อยู่นี่เอง”
แจ่มดีใจรีบเข้ามาใกล้คุณหญิง
“หึ้ย... เปิดเลยเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีเปิดกล่อง พบแต่ความว่างเปล่า
“อ้าว...ไม่มีเจ้าค่ะ”
“มันต้องมีสินังแจ่ม ลูกข้าจะเอาไปไหนได้”
จังหวะที่ทั้งสองคนกำลังง่วนอยู่กับการหากริช ประตูห้องถูกเปิดออก
“คุณแม่หาอะไรอยู่เหรอคะ” รำพึงถาม
คุณหญิงมณีกับแจ่มหันขวับ เห็นรำพึงกับขุนพิทักษ์เดินเข้ามา
“ตายละวา งานนี้”
ขุนพิทักษ์สายตากร้าวถาม
“นังแจ่ม เอ็งเข้ามาทำอะไรในห้องข้า”
แจ่มกลัวลนลาน พูดอึกอัก
“เอ่อ...คือ...คือว่า”
“แม่กับนังแจ่มเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องไปหรือเปล่า”
“ใช่เจ้าค่ะ...แจ่มมาช่วยคุณหญิงท่านตรวจดูความเรียบร้อย” แจ่มพูดเสริม
“ทำไม หรือว่าแม่เข้ามาไม่ได้”
รำพึงหน้าแสยะแบบไม่อยากจะเชื่อ เลยชงใส่
“รำพึงกลัวแต่ว่าคุณแม่จะมาตรวจหาของชั่ว ของต่ำที่คุณแม่เชื่อว่ารำพึงทำใส่คุณพี่มากกว่ากระมังคะ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับรำพึงเลยนะคะคุณพี่ ความเชื่อของคุณแม่จะทำให้รำพึงกลายเป็นจำเลยในสายตาคุณพี่อีกแล้ว”
คุณหญิงมณีมองรำพึงอย่างคนรู้ทัน
“ถ้าแม่รำพึงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับของโสมมพวกนั้น แล้วจะกลัวไปทำไม”
รำพึงทำสำออย
“ดูสิคะคุณพี่ คุณแม่หาเรื่องปรักปรำน้องไม่จบไม่สิ้น”
อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 11/3 วันที่ 28 ก.พ. 56
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียาละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager