@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 6/5 วันที่ 16 ก.พ. 56


อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 6/5 วันที่ 16 ก.พ. 56

“อาจจะอะไรคะ” สุดนภาถาม “ผ่าตัดสมองให้เก่งขึ้นน่ะหรือ เหลวไหล มันมีแต่ในการ์ตูนวิทยาศาสตร์เท่านั้น ถ้ามีจริง ชั้นจะให้คุณผู้บริหารไปทำเป็นคนแรกเลย”
เสียงนาวินดังขึ้น “ให้ผมไปทำอะไรครับ คุณบี๋”
ทุกคนหันขวับไปมอง นาวินยืนยิ้มเผล่ สุดนภาแทบกัดลิ้นตัวเอง
“นินทาอะไรผมอยู่” นาวินถาม
“คุณมีอะไรให้นินทาล่ะคะ คิดไปเองหรือเปล่า” สุดนภาย้อน
“ผมแค่รู้สึก....”

“...ชั้นขอตัวค่ะ เพราะชั้นเริ่มรู้สึกแล้ว”
สุดนภาเดินไปหน้าประตู นาวินเดินตาม
“รู้สึกอะไร ประทับใจในตัวผมใช่มะ”
สุดนภายิ้มหวาน “ไม่ใช่ค่ะ รู้สึกเบื่อต่างหาก”
สุดนภาเดินไป นาวินมองตาม
นาวินเลียนเสียงสุดนภา “รู้สึกเบื่อต่างหาก เชอะ”
นาวินหันไปเห็นครูคนอื่นกำลังยืนมอง นาวินรู้สึกตัว
“มองทำไมล่ะครับ”
ครูที่มองนาวินหลบตา นาวินรู้สึกเสียฟอร์ม



เมรินยืนอยู่ท่ามกลางผองเพื่อน เพื่อนทุกคนมองเมรินอย่างชื่นชม สุดนภาเดินเข้ามาแล้วตรงไปหาเมริน
“หยง ชั้นมีเรื่องจะพูดกับแก”
เด็กทุกคนมองหน้าสุดนภางงๆ สุดนภานึกได้ก็เปลี่ยนคำพูด
“น้องเมย์คะ มากับครูบี๋หน่อยเร็ว มาค่ะ”
สุดนภาลากแขนเมรินไป เด็กทุกคนมองตามอย่างงงๆ

สุดนภาลากเมรินเดินออกมา เธอมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าปลอดคนก็ถอนหายใจใหญ่
“แกเป็นอะไรไป เห็นปีศาจสองหัวหรือ” เมรินถาม
สุดนภาแกล้งหัวเราะ “ไม่ขำนะ หยง นี่แกรู้ตัวหรือเปล่าแกกำลังทำอะไร”
“อ้าว ชั้นก็เป็นตัวเองอยู่ไง แกไม่เห็นหรือ”
สุดนภาจริงจัง “ไม่ตลกนะแก รู้มั๊ยบรรดาครูเค้าเม้าธ์ ให้แซดว่าแกไปผ่าตัดสมองมา”
“ว๊า...ชั้นไม่อยากผ่าตัดสมองซะหน่อย ไปผ่าอัพไซด์ดีกว่ามั๊ย”
“หยง แกอย่าล้อชั้นเล่นนะ ชั้นซีเรียสนะจะบอกให้ หรือแกอยากจะให้เค้าพาแกไปออกงานวัด”
สุดนภางอน เมรินง้อ
“ชั้นแค่เบื่อเลยอยากหาอะไรเล่นสนุกๆบ้าง แกลองมานั่งเฉยๆ รวมกับเด็กอย่างชั้นบ้างสิ แกจะได้เข้าใจหัวอกชั้น”
“ชั้นเข้าใจ แต่แกอย่าลืมนะทุกคนรับรู้ว่า แกเป็นแค่น้องเมย์ เด็กเล็กๆคนหนึ่ง ไม่ใช่ตันหยง เพราะฉะนั้นหาเรื่องแก้เบื่อให้เหมาะกับสถานะภาพดีกว่ามั๊ย”
“แล้วชั้นต้องทำยังไงล่ะ ชั้นไม่อยากทนอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว” เมรินบอก
สุดนภากับเมรินถอนหายใจด้วยความกลุ้มใจ

ปฐวีวางดอกไม้ไว้ข้างหมอนของตันหยงในห้องพักที่โรงพยาบาล
“ถ้าวันนั้นผมตามคุณไป คุณคงไม่เป็นแบบนี้”
ปฐวีเอื้อมมือจะไปแตะตันหยงแต่แล้วก็ชะงักเปลี่ยนใจไม่แตะ
“ผมจะพยายามรักษา และดูแลคุณอย่างสุดความสามารถ คุณตันหยง”
พินิจกับบุหงาเปิดประตูเข้ามาได้ยินประโยคท้ายของปฐวีพอดี
“ขอบคุณมากครับคุณหมอวี ที่ดูแลเอาใจใส่ตันหยงป็นอย่างดี” พินิจพูด
ปฐวีสะดุ้ง “ครับผม เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ปฐวีเดินออกไปจากห้อง พินิจกับบุหงามองตามปฐวีด้วยความชื่นชม

ปฐวีเดินออกมาจากห้องตันหยงแล้วถอนหายใจ
“นี่เราทำเกินหน้าที่หมอหรือเปล่านี่”
ปฐวีส่ายหน้าแล้วเดินออกไปโดยสวนกับหนึ่งฤทัยที่เดินผ่านมา
“อ้าววี มาเยี่ยมใครหรือคะ”
ปฐวีอึกอัก “เยี่ยมคนไข้มาครับ หนึ่งล่ะครับ มาดูคุณตันหยงหรือ”
“ค่ะ หนึ่งมาตรวจตามปกติ”
“ตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน”
ปฐวีเดินไป หนึ่งฤทัยมองตามแล้วยิ้มก่อนจะเดินไปห้องตันหยง

หนึ่งฤทัยตรวจอาการของตันหยง พินิจกับบุหงายืนดูอยู่อีกมุมหนึ่ง
“อาการคงทีนะคะ” หนึ่งฤทัยรายงาน
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ ทั้งหมอวีทั้งคุณหมอหนึ่ง หมั่นมาเยี่ยมลูกสาวของดิชั้น ทั้งที่หมอวีก็ไม่ใช่เจ้าของไข้”
หนึ่งฤทัยชะงัก “หมอวีมาเยี่ยมคุณตันหยงด้วยหรือคะ”
“ครับ มาเกือบทุกวันเลย” พินิจบอก
“นี่ถ้าพิรามดีกับตันหยงเหมือนหมอวี ตันหยงคงไม่ต้องมาพบชะตากรรมแบบนี้หรอก” บุหงาตัดพ้อ
“เอาน่าคุณ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย ใครอยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ละ”
“ผู้ชายคนนึงเป็นผู้สร้าง อีกคนกลับเป็นผู้ทำลาย ให้มันได้อย่างนี้สิ”
หนึ่งฤทัยนิ่งเพราะคิดหนัก

ปฐวีนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลเรื่องรักษาตันหยง ภาพเอ็กซเรย์สแกนสมองของตันหยงปรากฏที่หน้าจอ หนึ่งฤทัยเดินเข้ามาที่ห้องทำงานของปฐวีก็เห็นปฐวีคร่ำเคร่งกับงาน
“วีคะ”
ปฐวีเพิ่งเห็น “อ้าวหนึ่ง ขอโทษทีครับ พอดีงานยังไม่เสร็จ”
“หนึ่งจะไปทานข้าว เลยแวะมาชวน แล้ววีทำอะไรอยู่คะ”
“ผมกำลังทบทวนเคสคุณตันหยง ว่าเราพลาดอะไรหรือเปล่า ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นอีก”
หนึ่งฤทัยมองปฐวีอย่างสังเกต
“นี่ผมพยายามเปรียบเทียบกับกรณีอื่น แต่ก็ไม่มีกรณีใกล้เคียงเลย”
“หนึ่งว่า วีคร่ำเคร่งกับเคสนี้เกินไปหรือเปล่าคะ”
ปฐวีจริงจัง “ผมเป็นหมอ เห็นคนไข้เป็นแบบนี้ผมจะสบายใจได้ยังไง”
ปฐวีมีสีหน้าเคร่งเครียด หนึ่งฤทัยแอบโล่งใจ
“วีทุ่มเทเพื่อคนไข้จริงๆ หนึ่งรู้สึกอายจัง คุณตันหยงเป็นเคสของหนึ่งแท้ๆ หนึ่งยังทุ่มเทไม่ถึงครึ่งของวีเลย”
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิคุณเลย”
“หนึ่งเข้าใจคุณค่ะ จะว่าไปคุณตันหยงไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าจะพิการ หรือระบบประสาทเสียหายเลยนะคะ น่าแปลกจัง”
“ผมก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน”
“เอาอย่างนี้ งั้นเรามาหาข้อมูลช่วยคุณตันหยงกันนะคะ”
หนึ่งฤทัยนั่งลงหยิบแฟ้มตันหยงขึ้นมาอ่านซ้ำ ปฐวีมองหนึ่งฤทัยอย่างขอบใจ
เวลาผ่านไป ทั้งสองคนหยิบแฟ้มและพูดคุยหาสาเหตุ ทั้งกางภาพซีทีสแกน ชี้และคุยกันไปเรื่อยๆ

เวลาเลิกเรียน สุดนภานั่งมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าปฐวีใกล้มารับเมรินแล้ว สุดนภารีบเปิดกระเป๋าออกมาเสริมสวย เมรินมองสุดนภาอย่างแปลกใจ
“บี๋แกทำอะไรของแกเนี่ย”
“ก็เติมหน้านิดเดียวเอง”
เมรินส่ายหน้า “แกนี่ท่าจะเป็นเอามาก”
นาวินยืนพิงประตูมองสุดนภา
“จะสวยไปไหนครับเนี่ย”
“เรื่องของชั้น หมดเวลาทำงานแล้ว นี่เป็นเวลาส่วนตัว”
สุดนภาไม่สนใจนาวิน สุดนภาดึงแขนเมรินออกไปจากห้อง
“รู้นะ คิดอะไรอยู่” นาวินว่า
นาวินเดินตามสุดนภาไป

สุดนภาเดินออกมาเห็นประภัสสรก็ชะงักไป
“วันนี้น้องเมย์เป็นยังไงบ้างคะ คุณครูบี๋” ประภัสสรถาม
“วันนี้คุณภัสมารับน้องเมย์เองเลยหรือคะ” สุดนภาถาม
สุดนภาชะเง้อมองไปด้านหลังประภัสสร
“ค่ะ ครูบี๋มองหาใครหรือคะ”
สุดนภาผิดหวัง “อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ”
เมรินบ่น “ทำไมน้าวีไม่มารับน้องเมย์คะ”
“วันนี้น้าวีงานยุ่งค่ะ”
“ปกติลุงแก้วมีหน้าที่รับส่งคุณหนูอยู่แล้วนะครับ ลืมลุงแก้วแล้วเหรอครับ” ลุงแก้วถาม
“ขอตัวก่อนนะคะ ครูบี๋ ไปค่ะน้องเมย์สวัสดีครูบี๋ก่อน”
เมรินมองหน้าสุดนภาแล้วยกมือไหว้อย่างไม่เต็มใจ ประภัสสรพาเมรินเดินไป สุดนภาทำท่าจ๋อย
นาวินเยาะเย้ย “แบบนี้รึเปล่านะ ที่เค้าเรียกว่าสวยเสียเปล่าอ่ะ เสียเวลา”
สุดนภาหันมามองนาวินแล้วยิ้มหวานก่อนจะเตะหน้าแข้งนาวินไป 1 ที
“โอ๊ย เจ็บนะคุณ นี่คุณเป็นครูหรือนักมวยกันแน่เนี่ย ไหนว่าไม่ชอบใช้ความรุนแรงไง”
“นี่มันเลิกงานแล้ว”
สุดนภาเดินไป นาวินคลำขาตัวเองด้วยความเจ็บ

ประภัสสรกับเมรินเดินเข้าบ้าน สายแก้วถือกระเป๋าตาม ประภัสสรเดินแล้วเซเหมือนจะเป็นลม สายแก้วจึงรีบเข้าไปประคอง
“ตายจริง คุณภัสไม่สบายแน่เลย หน้าซีดเชียว”
“ชั้นไม่เป็นไรหรอก สายแก้ว หายแล้วจ๊ะ”
สายแก้วพาประภัสสรไปนั่งพัก
เมรินมองอย่างสังเกต “คุณแม่มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ”
ประภัสสรอึกอัก “แม่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ๊ะ เมื่อคืนแม่คงนอนไม่ค่อยหลับน่ะลูก”
“คุณแม่คิดมากเรื่องคุณพ่อใช่ไหมคะ”
ประภัสสรอึ้งและไม่ยอมสบตาเมริน แต่หันไปพูดกับสายแก้ว
“สายแก้ว พาน้องเมย์ไปอาบน้ำดีกว่าแล้วจะได้ลงมาทานข้าวกัน”
เมรินมองประภัสสรนิ่งแล้วถอนหายใจยาวก่อนจะเดินตามสายแก้วไป ประภัสสรมองตามลูกแล้วยิ้มเศร้า

เมธีกำลังประชุมเครียด เมธีอ่านแล้วชี้ถามคนโน้นคนนี้ คนร่วมประชุมตอบ
“โครงการนี้ ผมทุ่มสุดตัว อย่าให้มีข้อผิดพลาดนะทุกคน” เมธีบอก
ทุกคนพยักหน้าอย่างจริงจัง
เมธีมีสีหน้าจริงจังมาก

ประภัสสรนั่งมองโทรศัพท์
ประภัสสรถอนหายใจ “จนป่านนี้คุณยังไม่คิดจะโทรกลับมาหาภัสอีกหรือ”
ประภัสสรมองโทรศัพท์แล้วเริ่มนั่งเศร้า

เมธีนั่งเซ็นต์เอกสารกองสูงจนเสร็จ แล้วเขาก็ลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ทำท่าจะกดโทรออก ลูกน้องเมธีเดินถือแฟ้มมาส่งให้อีกชุด
“อ้าว ยังไม่หมดอีกหรือ”
“ชุดสุดท้ายแล้วครับ เพิ่งพิมพ์เสร็จ ขอโทษนะครับนาย ทำให้นายกลับบ้านช้า”
“ไม่เป็นไร มานี่เลย”
เมธีเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเริ่มเซ็นต์เอกสารต่อ

เมธีเดินเข้ามาในบ้าน ประภัสสรนั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วยสีหน้าเครียด พอเห็นประภัสสรนั่งนิ่งเมธีก็ชะงักก่อนตัดสินใจทัก
“คุณภัส”
“กลับมาแล้วหรือคะ”
เมธีหลบตา “น้องเมย์ล่ะกลับมาหรือยัง”
“กลับแล้วค่ะ”
ประภัสสรจ้องหน้าเมธี เมธีอึดอัด
“วันนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน”
“ค่ะ ภัสทราบว่าคุณเหนื่อย คุณจะไม่บอกภัสหน่อยหรือคะ ว่าเมื่อคืนคุณไปไหนมา”
“ภัส” เมธีหลบตา “เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกัน”
“คุณขอโทษภัสเรื่องอะไรคะ เรื่องคุณไม่กลับบ้านหรือคุณมีคนอื่นคะ”
เมธีอึ้ง ประภัสสรมองหน้าเมธีอย่างตัดพ้อ
“คุณตอบภัสไม่ได้ใช่มั๊ย”
ประภัสสรน้ำตาร่วงก่อนจะเดินขึ้นข้างบนไป เมธีรีบวิ่งตาม

ประภัสสรวิ่งเข้าห้องนอนแล้วปิดประตู เมธีวิ่งตามมา
“ภัส เดี๋ยวก่อน คุณฟังผมก่อน”
เมธีมาหยุดยืนที่หน้าห้องแล้วเงื้อมือจะเคาะประตูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่เคาะ
“ภัส ผมขอโทษ”

ประภัสสรยืนพิงประตูร้องไห้แต่ใจหวังว่าเมธีจะเคาะ แต่ก็ไม่มีเสียงเคาะประตู
ประภัสสรทรุดลงนั่งพิงประตูเศร้า

เมธีเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เห็นเมรินนั่งอยู่บนเตียง
“น้องเมย์ พ่อเข้าไปได้มั๊ยคะ” เมธีถาม
“เชิญค่ะ”
เมธีเดินเข้ามานั่งที่เตียง
“คุณพ่อไม่สบายใจ”
“คุณแม่งอนพ่อน่ะ น้องเมย์ล่ะ โกรธพ่อไม๊”
“เมย์ไม่โกรธหรอกค่ะ” เมรินถอนหายใจ “แต่คุณพ่อทำอะไรให้คุณแม่งอนล่ะคะ”
เมธียิ้มเศร้า “พ่อผิดเอง พ่อไม่รู้จะพูดกับแม่ยังไง”
“ชีวิตคู่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆใช่มั๊ยคะ”
เมธีนิ่งคิด “ชีวิตคู่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันไม่ได้ใช้ความรักอย่างเดียว มันต้องมีมากกว่านั้น แต่พ่อก็เข้าใจคุณแม่”
“ถ้าเข้าใจแล้วทำไมยังมีปัญหาล่ะคะ หรือว่า แค่นี้ยังไม่พอ”
เมธีหันไปมองห้องภรรยาหน้าเครียด เมรินคิดถึงเรื่องตัวเอง

รถของปฐวีวิ่งเข้ามาในบ้าน ปฐวีก้าวลงจากรถ เมรินวิ่งโลดออกมาหา
“น้าวี กลับมาแล้ว”
ปฐวีหันมายิ้มให้เมริน เขาเปิดประตูให้หนึ่งฤทัยลงจากรถมายืนคู่กับเขา เมรินชะงัก
“มาสวัสดีหมอหนึ่งก่อนเร็วเข้า” ปฐวีบอก
“ไงจ๊ะ น้องเมย์ หายดีแล้วใช่มั๊ย” หนึ่งฤทัยถาม
เมรินเดินมายกมือไหว้หนึ่งฤทัยแล้วเมิน
“ไป เดี๋ยวไปกราบคุณย่ากันนะคะ” ปฐวีชวน
“อย่าดีกว่าค่ะ น้าวีมีแขก” เมรินงอน
“โธ่อย่าเรียกแบบนั้นสิคะ เรียกน้าหนึ่งเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ” หนึ่งฤทัยบอก
ปฐวีจับมือเมริน เมรินแกะออก
“น้องเมย์ขอตัวก่อนนะคะ”
เมรินเดินไป ปฐวีกับหนึ่งฤทัยมองหน้ากันแบบงงๆ

เมรินเดินกระฟัดกระเฟียดมา หนุงหนิงรีบกระดิกหางต้อนรับ
“น้าวีมีแขก หมอหนึ่งไงล่ะ หนุงหนิงรู้จักมั๊ย”
หนุงหนิงกระดิกหางรับ
“ขืนชั้นไปนั่งอยู่ด้วย ชั้นก็คงจะกลายเป็นส่วนเกิน”
เมรินเศร้าๆซึมๆ

หนึ่งฤทัยกราบที่ตักปรงทอง
“ท่านประธานแข็งแรงดีนะคะ” หนึ่งฤทัยถาม
“ก็ตามประสาคนแก่นั่นแหละ หมอหนึ่ง แหมไม่ได้เจอกันซะนานเลย ขอบใจมากนะที่ใส่ใจคนแก่ ฝากของมาให้ประจำ” ปรงทองบอก

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 6/5 วันที่ 16 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager