@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 7/3 วันที่ 16 ก.พ. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 7/3 วันที่ 16 ก.พ. 56

คุณหญิงมณียิ้มอย่างไม่เต็มที่นักรู้ว่ากำลังจะเป็นเรื่อง
“ไม่ใช่ฝีมือป้าจัดหรอกจ๊ะ”
“แล้วใครจัดคะ”
ชุ่มถือพานดอกไม้เข้ามา ในชุดผ้านุ่งสวยงามที่ขุนพิทักษ์ซื้อให้ ทุกคนอึ้ง ขุนพิทักษ์เดินไปรับพานดอกไม้จากชุ่มแล้วยิ้มให้ชุ่มอย่างพอใจ จวงตาโต รีบกระซิบรำพึง
“คุณรำพึงเจ้าคะ ผ้าที่นังชุ่มมันสวมอยู่ เป็นผ้าผืนที่ท่านขุนซื้อนี่เจ้าคะ”
“เอ็งแน่ใจรึ”

“แน่ใจเจ้าคะ สวยงามขนาดนั้นบ่าวจำได้แม่นเจ้าค่ะ”
รำพึงหันมองขุนพิทักษ์อย่างแค้น ขุนไวมองท่าทีรำพึงที่ไม่พอใจขุนพิทักษ์ ขุนไวช้ำใจ



ด้านหลังที่ว่าการ ชุ่มเดินออกมา บริเวณนั้นห่างจากบริเวณที่จัดงานพอสมควร
“นังชุ่ม!”
ชุ่มชะงักหันมา จวงเดินเข้ามาท่าทางปองร้ายมาก
“เอ็งจงใจจะหักหน้าข้าใช่ไหม” รำพึงถาม
“บ่าวไม่เคยคิดแบบนั้นนะเจ้าคะ”
จวงพูดแทรกทันที
“แล้วที่เอ็งมาเสนอหน้า สวมผ้าที่ท่านขุนซื้อให้คุณรำพึงมันคิดแบบไหนหะ! เอ็งคงจะขอผ้าจากท่านขุน แย่งผ้าของคุณรำพึง”
“ไม่ใช่นะ ผ้านี่ท่านขุนให้ข้า ข้าไม่ได้ขอ”
“ดูสิเจ้าคะคุณรำพึง มันกำลังจะบอกว่าท่านขุนทั้งรักทั้งหลงมันถึงได้ซื้อผ้ามีค่าขนาดนี้ให้ ข้าจะบอกให้นะว่าน้ำหน้าอย่างเอ็งสู้คุณรำพึงของข้าไม่ได้สักอย่าง เมียทาสอย่างเอ็งหรือจะสู้เมีย...”
“ชุ่ม!”
ทุกคนตกใจหันไป ขุนพิทักษ์เดินเข้ามาบอกกับชุ่ม
“คุณแม่ท่านเรียกหาอยู่ ไปดูสิว่าท่านจะใช้ให้ทำอะไร”
“เจ้าค่ะ”
ชุ่มรีบออกไป
“น้องรำพึงจะเข้าไปพร้อมพี่เลยไหม”
รำพึงส่งสายไปทางจวงให้ออกไป
“คุณพี่คะ”
จวงรู้หน้าที่รีบเดินเลี่ยงออกไปทันที
“ทำไมคุณพี่ถึงเงียบหายไป...คุณพ่อถามน้อง น้องไม่รู้ว่าจะตอบคุณพ่อยังไง”
“พี่เพิ่งหายเจ็บ อีกอย่างเพิ่งเข้ามารายงานตัวรับงานราชการ พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยซะก่อน พี่ขอเวลาอีกหน่อยนะ”
ขุนพิทักษ์พูดพลางปลดมือรำพึงอย่างนุ่มนวล
“คุณพี่...”
ขุนพิทักษ์เดินกลับเข้างานไป รำพึงหันไปอีกทางเจอขุนไวที่เดินเข้ามา
“เห็นแล้วใช่ไหมว่าไอ้พิทักษ์มันไม่ได้จริงใจกับน้อง ถ้ามันคิดถึงน้องสักนิด มันคงไม่พาเมียทาสของมันมาออกงานอย่างนี้”
รำพึงยิ่งโกรธ

ผ่านเวลาไป บริเวณหน้าตึก ทุกคนทยอยออกไปจากงาน ขุนพิทักษ์ คุณหญิงมณีออกมา มีแจ่มกับชุ่มเดินตามมา คุณหญิงมณีพูดกับแจ่มและชุ่ม
“เดี๋ยวเอ็งรอให้แขกกลับไปให้หมดก่อน แล้วก็จัดการเก็บของทั้งหมดให้เรียบร้อยนะ”
แจ่มกับชุ่มรับคำ
“เจ้าค่ะ”
พระยาเทวราชกับรำพึง และจวงเดินออกมา คุณหญิงมณีเห็นก็ส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี
“วันนี้อาหารรสชาติเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ฝีมือคุณหญิงดีไม่เคยเปลี่ยน”
“ขนมของหลานรำพึงก็รสชาติดีมากนะ ถ้าวันไหนหลานรำพึงไปที่เรือนของป้า...”
ไม่ทันขาดคำ พระยาเทวราชก็พูดแทรกขึ้น
“คงไม่งามนักที่จะให้รำพึงเทียวไปเทียวมาที่เรือนคุณหญิง”

รำพึงพยายามขอร้อง
“เจ้าคุณพ่อคะ”
“ท่านเจ้าคุณคะ หากดิฉันทำอะไรผิดพลาดต่อท่าน...ท่านเอ่ยกับดิฉันเถอะนะคะ เพราะดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ว่าที่ท่านมึนตึงกับดิฉันเพราะเหตุใด”
“นี่ขุนพิทักษ์ไม่ได้คุยกับคุณหญิงหรอกรึ”
“เรื่องอะไรคะ”
พระยาเทวราชมองขุนพิทักษ์ด้วยความโกรธ
“รำพึง กลับ!”
พระยาเทวราชเดินไปอย่างโมโห คุณหญิงมณีมองตามงุนงง ขุนพิทักษ์มองคุณหญิงมณีอย่างรู้ว่า เรื่องเข้าตัวแน่แล้ว คุณหญิงหันมาหา
“พิทักษ์!”
“กลับเรือนนะขอรับ คุณแม่ เรื่องข้าวของ วันพรุ่งค่อยให้แจ่มมาจัดการ”
ขุนพิทักษ์ประคองคุณหญิงมณีออกไป แจ่มหันไปพูดกับชุ่ม
“ดูเหมือนท่านพระยาเทวราชไม่พอใจท่านขุน มองท่านขุนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เอ็งรู้ไหม นังชุ่ม”
ชุ่มส่ายหน้า
“ไม่รู้จ๊ะ...”
แจ่มรีบตามไป ชุ่มเดินตามไปอย่างกังวล

หลวงตามั่นนั่งอยู่ในเรือ เรือแล่นไปตามกระแสน้ำ ขุนไวนั่งอยู่ที่หัวเรือ หลวงตามั่นมองไปที่ขุนไวก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ เข้าสมาธิ
ขุนไวที่กำลังฟันดาบกับโจรป่า สีหน้าขุนไวดูสับสนแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด ขุนไวเหมือนตัดสินใจในฉับพลันแล้วฟันดาบไปเบื้องหน้า จนเลือดกระเซ็นใส่กระจายไปทั่วใบหน้าของขุนไวที่ดูโหดเหี้ยมและเลือดเย็น
ขุนไวจับเอามือจับที่ขาหลวงตา หลวงตาลืมตา
“ถึงวัดแล้วขอรับหลวงตา”
เรือมาจอดเทียบที่ท่าน้ำหน้าวัด
“นิมนต์ขอรับ”
หลวงตามั่นมองขุนไวไม่ยอมขยับ จนขุนไวชะงักมองหลวงตาว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าไว...การเป็นคนดีนั้นยาก แต่เมื่อได้ทำแล้ว ความดีนั้นจะส่งผลย้อนคืนมาสู่ตัวเราเป็นร้อยเท่าพันทวี ความชั่วก็เช่นกันเมื่อถลำลงไปแล้วยากจะถอยกลับ และเมื่อมันย้อนกลับมาก็จะเป็นร้อยเท่าพันทวีเช่นกัน”
ขุนไวมองอึ้ง ๆ แล้วตอบอย่างทิฐิแต่ไม่ก้าวร้าว
“วันนี้กระผมได้พบทางที่เหมาะสมสำหรับตนเองแล้ว”
“เจ้าไว...”
“กระผมขึ้นไปรอรับบนท่านะขอรับ”
ขุนไวขึ้นจากเรือ หลวงตามั่นมองตามขุนไวอย่างเป็นห่วง

ในเวลาเย็น ขุนพิทักษ์เข้ามาในห้อง คุณหญิงมณีตามเข้ามา
“ลูกมีเรื่องอะไรกับท่านพระยา เรื่องหนูรำพึงใช่ไหม”
“คุณแม่ขอรับ...ลูกขอยังไม่พูดเรื่องนี้ตอนนี้ได้ไหมขอรับ”
“วันนี้ไม่พูด สักวันก็ต้องพูด ไม่มีใครเลี่ยงความจริงได้หรอกนะ”
“ลูกไม่เคยคิดเลี่ยงหนี เพียงแต่ลูกยังไม่พร้อม มีความจริงบางอย่างที่ลูกเพิ่งได้ทราบ และมีเหตุการณ์บางอย่างที่ลูกเองไม่สามารถยอมรับได้ ขอเวลาลูกอีกสักนิดนะขอรับคุณแม่”
คุณหญิงมณีพยักหน้าบอก
“แม่ไม่รู้ว่าลูกได้พบเจออะไร แต่จำไว้นะว่าแม่จะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ”
ขุนพิทักษ์กอดคุณหญิงมณี
“ขอบคุณขอรับ”
คุณหญิงมณีกอดลูกด้วยความห่วงใย สีหน้าขุนพิทักษ์เครียดมาก

ภายในห้องพระเวลากลางคืน คุณหญิงมณีนั่งสวดมนต์อยู่ ชุ่มยกน้ำชาร้อนเข้ามาในห้องสวดมนต์แล้วคลานเข่ามานั่งดูอยู่ห่าง ๆ เสียงพร่ำสวดมนต์ของคุณหญิงชัดถ้อยชัดคำ
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ”
ชุ่มนั่งมองอย่างสนใจ คุณหญิงมณีท่องนะโมรอบที่สอง ชุ่มก็ยกมือขึ้นมาพยายามจะพึมพำตามคุณหญิง
ชุ่มพึมพำหลับตา สวดมนต์ บางถ้อยคำตกหล่นเนื่องจากไม่คุ้นเคยและอ่านหนังสือไม่ออก
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต..”
คุณหญิงได้ยินหันมาตามเสียง เห็นชุ่มพยายามจะสวดมนต์คิ้วขมวดเพราะนึกบทสวดมนต์ต่อไม่ออก
“...อะระหะโต”
คุณหญิงมณียิ้ม
“อะระหะโต สัมมาสัมพุทธธัสสะ”
ชุ่มยิ้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“สัมมาสัมพุทธธัสสะ”

เมื่อชุ่มลืมตาก็ตกใจนิด ๆ ที่เห็นว่าคุณหญิงมองตนเองอยู่
บริเวณหน้าห้อง ขุนพิทักษ์เดินเข้ามาก็ชะงักที่ได้ยินเสียงคุณหญิงมณีคุยกับชุ่ม
“อยากสวดมนต์ไหม”
ชุ่มยิ้มแล้วบอก
“อยากเจ้าค่ะ เขาว่าสวดมนต์แล้วได้บุญ บ่าวอยากได้บุญเจ้าค่ะ”
“งั้นสวดตามฉันนะ...มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ”
“มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตตายะ...”
“ไม่ใช่ ต้องสวดว่า รักขะณัตถายะ”
“เจ้าค่ะ รักขะณัตถายะ”
คุณหญิงมณียิ้มบอก
“ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะสีลานิยาจามะ”
ชุ่มท่องตาม คุณหญิงมณีมองอย่างเอ็นดู ยิ้มพอใจ ขุนพิทักษ์พลอยยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย

ในเวลากลางคืน ที่เรือน พระยาเทวราชตบรำพึง จนรำพึงลงไปทรุดกับพื้น จวงสะดุ้งมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไป
“ไอ้พิทักษ์มันไม่ได้ไยดีแกสักนิด แล้วนี่ถ้ามันไม่มาสู่ขอ จะทำยังไง”
รำพึงมองพระยาเทวราชด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ชื่อเสียงเกียรติยศของชั้นต้องย่อยยับ ถึงตอนนั้นชั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
รำพึงเงยหน้ามองได้ความคิดจากคำพูดพระยาเทวราช
พระยาเทวราชยิ่งมองยิ่งแค้นแต่ต้องชะงักเมื่อสบตาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูก
“โธ่เว้ย!”
พระยาเทวราชเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างหัวเสีย
จวงรีบเข้ามาประคองรำพึง
“คุณของบ่าว เจ็บมากไหมเจ้าคะ”
รำพึงแค้น
“คุณพ่อจะต้องทำให้ข้าได้แต่งงานกับคุณพี่”
“โธ่...ท่านพระยาจะทำอย่างนั้นได้ยังไงเจ้าคะ ท่านโกรธคุณรำพึงกับท่านขุนขนาดนี้”
รำพึงหันขวับมาทางจวง
“ต้องได้!”
จวงมองรำพึงเห็นว่า รำพึงสายตาร้ายกาจ จวงหวั่นๆ
“คุณรำพึงจะให้บ่าวทำอะไรเจ้าคะ”

เช้าวันใหม่ จวงใช้ผ้าโพกหัวปิดบังหน้าตาเข้ามาที่ตลาด จวงมองเล็งเห็นแม่ค้าขายผักคนหนึ่งที่กำลังคุยเสียงดังอยู่กับพ่อค้าที่ขายดาบที่อยู่ข้าง ๆ จวงยิ้มแล้วรีบเดินเข้าไปทำเป็นเลือก ๆ ผักแล้วส่งผักให้
“แม่ค้า...รู้จักคนที่ชื่อท่านขุนพิทักษ์ไหมจ๊ะ”
แม่ค้าพูดด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น
“ลูกชายพระยาสุรเดชไมตรีไง ถามทำไม”
พ่อค้าดาบแผงข้างๆ ก็หันมามองอย่างสนใจฟัง
“ข้าได้ยินมาว่าท่านขุนพิทักษ์คนนี้แอบขึ้นเรือนเข้าหาคุณรำพึง ลูกสาวพระยาเทวราช ข้าก็เลยอยากรู้ว่าท่านเป็นใครน่ะ”
แม่ค้ายิ่งตาโตอย่างอยากรู้มาก
“จริงรึ”
“ก็พวกบ่าวที่เรือนนั้นมันพูดกันให้ขรม ว่าท่านพระยาเห็นกับตาท่านเองเลยนะ ผักของข้าได้หรือยัง”
แม่ค้าส่งผักให้ จวงส่งอัฐให้ แล้วลุกขึ้นเดินออก สวนกับชาวบ้านที่เดินเข้ามาเลือกผัก และทหารที่เดินมาดูแผงดาบข้าง ๆ
“นี่เอ็งรู้เรื่องลูกสาวพระยาเทวราชโดนท่านขุนพิทักษ์เข้าหาหรือยัง”
ชาวบ้านฟังอย่างสนใจ ทหารพลอยฟังไปด้วย พ่อค้าดาบขยับไปคุยกับแม่ค้าผ้าที่อยู่ถัดไป ทุกคนฟังและหันไปคุยต่อ ๆ กัน ไม่ช้าทุกคนในตลาดก็ค่อยๆ เมาท์กระจายกันเป็นวงใหญ่
จวงยืนมองผลงานตนเองอย่างพอใจ

ที่กรมทหาร เวลากลางวัน ขุนไวกับขุนพิทักษ์อยู่ต่อหน้าท่านเจ้ากรมที่สีหน้ายิ้มแย้มพอใจ
“ชั้นพอใจงานเมื่อวานมากนะ มันทำให้ฉันเห็นว่าท่านขุนทั้งสองทำงานร่วมกันได้”
ขุนไวกับขุนพิทักษ์เหลือบมองกันด้วยท่าทีเป็นอริเต็มที่แต่พยายามรักษากริยา
“ฉันไม่รู้ว่าเมื่อก่อนท่านขุนทั้งสองมีเรื่องอันใดต่อกัน แต่วันนี้ฉันอยากให้ท่านทำงานร่วมกัน คงจะไม่ขัดข้องใช่ไหม”
ขุนไวตอบทันที
“ไม่ขัดข้องขอรับ”
“กระผมพร้อมทำงานเพื่อแผ่นดินโดยไม่เกี่ยงงอนขอรับ” ขุนพิทักษ์บอก
“ดี...ตอนนี้ที่ชายป่าตะวันออกเป็นที่ซ่องสุมของพวกโจรป่า มีชาวบ้านหลายคนที่โดนปล้นฆ่า ฉันต้องการให้ท่านทั้งสองจัดการปราบพวกมันซะเพื่อความสงบของชาวบ้าน อีกทั้งขุนพิทักษ์ก็โดนพวกมันทำร้ายบาดเจ็บ ฉันจึงเห็นว่าไม่ควรรอช้า ก่อนที่จะมีผู้คนล้มตายไปมากกว่านี้”
“กระผมจะปราบพวกมันเองขอรับ แล้วจะจับพวกมันมาเค้นให้รู้ว่าจงใจทำร้ายกระผมด้วยเรื่องอันใด ถ้ามีผู้สั่งการ กระผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันผู้นั้นเป็นใคร” ขุนพิทักษ์บอก
ขุนไวเริ่มกังวลกลัวเรื่องตัวเองจ้างโจรป่าจะเปิดเผย

ขุนไวเดินออกมาแล้วชะงักที่ได้ยินเสียงจากกลุ่มทหาร
“ท่านขุนพิทักษ์น่ะรึ ย่องเข้าหาคุณรำพึง” ทหารคนที่หนึ่งว่า
“เขาพูดกันให้ทั่วตลาด คราวนี้ท่านพระยาเทวราชคงจะได้ท่านขุนพิทักษ์เป็นเขยแน่ๆ” ทหารอีกคนบอก
“พวกเอ็งพูดอะไรกัน!”

พวกทหารตกใจหันมา ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ท่านขุนไว! คือ...”
ขุนไวมองอย่างเอาเรื่องมาก ทหารมองกันอย่างหวั่นๆ
ในเวลาเย็น ขุนไวกำลังจะเดินไปที่เรือนพระยาเทวราช จู่ๆ พวกโจรป่าออกมาขวางในระหว่างทาง ขุนไวชักดาบขึ้นพร้อมป้องกันตัวทันที

“พวกข้าเอง”
ขุนไวตกใจมองซ้ายมองขวา
“พวกเอ็งมาที่นี่ทำไม”
“ข้ามารับค่าจ้าง...”
“ค่าจ้างอะไร ข้าจ่ายเอ็งไปหมดแล้ว”
“ใช่ แต่ข้าอยากได้เพิ่ม”
ขุนไวโกรธ
“ข้าไม่จ่าย”
“ท่านจะไม่จ่ายก็ได้นะ แต่ขุนพิทักษ์คงจะยอมจ่าย ขุนพิทักษ์คงอยากรู้ว่าใครที่สั่งให้พวกข้าไปรุมทำร้าย แล้วถ้าทางการรู้ว่า เป็นท่านที่จ้างพวกข้า...”
ขุนไวหน้าเครียดมากจ้องพวกโจรป่าที่มองตอบอย่างยืนยันว่าทำแน่ ขุนไวจำต้องหยิบถุงอัฐโยนให้พวกโจรป่า โจรป่ามองถุงเงินอย่างพอใจ พูดพลางหัวเราะ
“ท่านนี่มีน้ำใจจริง ๆ แล้วพวกข้าจะมาเยี่ยมท่านอีกนะ”
ขุนไวกำหมัดแน่นมองด้วยความแค้น โจรป่าส่งสายตากวนประสาท หัวเราะอย่างสะใจแล้วพากันเดินออกไป
“ข้าจะไม่ยอมอยู่ในกำมือพวกเอ็ง ไอ้โจรชั่ว!”

บนเรือนพระยาเทวราช เวลาเย็น รำพึงนั่งร้อยมาลัย จู่ ๆ จวงก็วิ่งขึ้นมาหน้าตาตื่น พร้อมกับบรรดาบ่าวไพร่ ที่รีบเข้ามานั่งรอสีหน้าหวาดกลัว
“พวกเอ็งเป็นอะไรกันถึงต้องได้หน้าตาตื่นกันมาแบบนี้”
พระยาเทวราชขึ้นเรือนมาอย่างหัวเสีย
“พวกเอ็งมากันครบแล้วใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ” จวงบอก
“บอกข้ามาสิว่าใครหน้าไหนมันไปปล่อยข่าว”
จวงสะดุ้ง บ่าวไพร่คนอื่นๆ ต่างหันมองกันเลิ่กลั่ก
“ข้าถามว่าใคร!”
“เขาลือกันเรื่องอะไรเจ้าคะ บ่าวไม่ทราบจริงๆ เจ้าค่ะ”

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 7/3 วันที่ 16 ก.พ. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager