อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 10 วันที่ 24 ก.พ. 56
“ทำไมชายพูดแบบนี้ รู้ตัวไหมว่ากำลังถูกมนต์ครอบงำ ชายต้องเข้มแข็ง เขาไม่ใช่คนและกำลังกลืนกินชีวิตลูก”“เจ้าไม่มีทางทำร้ายผม...เจ้ารักผม ผมสัญญากับเจ้าแล้วว่าจะไม่ทิ้งเธอไปไหน เธอเป็นภรรยาผมนะครับแม่”
“แต่จะให้แม่สูญเสียลูกชายไป...แม่ไม่ยอม ชายรักเขาแต่ชายกำลังฆ่าแม่...ฆ่าตัวเอง”
นารีวรรณกอดปลอบแม่ ขอร้องพี่ชายให้เห็นใจแต่ไม่สำเร็จ ภุชคินทร์ขอโทษและผลุนผลันขึ้นห้อง ภิงคารเข้ามาทันเห็นหม่อมภาณีกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ละล่ำละลักขอร้องให้ช่วยลูกชาย
ภิงคารไม่เข้าใจ หม่อมภาณีบอกว่าเจ้าอุรคาเป็นงูผี ภิงคารกับนารีวรรณผงะ...ภุชคินทร์เจอดีเข้าแล้วจริงๆ!
เวลาเดียวกันที่ลำน้ำโขง...เจ้าอุรคารับรู้ความคิดของหม่อมภาณีด้วยสีหน้าซีดเผือด ร่ำไห้อย่างเจ็บช้ำที่โดนเข้าใจผิดและดูหมิ่นให้เป็นแค่เดรัจฉาน ยมนาปรากฏตัวและพยายามเตือนสติ
“เจ้ามิเคยฟังคำเตือนของกัลยาณมิตรเลยนะ”
“เรารู้ตั้งแต่วันนั้น หากว่าเรายุติ พญานาคผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ถูกดูแคลนว่าเป็นงูผี ทั้งที่จริงพญานาคคือผู้เพียรภาวนา รักการปฏิบัติธรรมรักษาศีล บุญของเรากำลังเสื่อมถอย เราคงได้เกิดเป็นแค่งูดินในภพต่อไป...เดรัจฉานเต็มตัว”
“ตราบที่ไม่สิ้นลม เจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองได้ เร่งสร้างความเพียรเถิดอุรคา...อย่าให้เสียภพภูมิ”
ยมนาหายไปแล้ว เจ้าอุรคายกมือไหว้ทวยเทพบนสวรรค์ ใบหน้าอิ่มเอิบเหมือนคนปล่อยวาง กลายร่างเป็นพญานาคีและลงน้ำด้วยใจสงบ ชรายุยิ้มอย่างยินดีจากอีกด้าน กลายร่างเป็นงูยักษ์และดำดิ่งตามไป
ooooooo
สุบรรณเห็นภาพตนเองไม่มีหัวจากกระจกเงาที่บ้าน สังหรณ์ใจว่าภุชคินทร์มีแผนประทุษร้ายล้างแค้น บอกอำนาจให้เฝ้าบ้าน ส่วนเขาจะไปหาเจ้าอุรคาที่เฮือน เพื่อบอกความในใจราวกับเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย
“ผมรู้ว่าบาปกรรมที่ผมเคยทำในอดีตชาติรุนแรงเกินจะให้อภัย แต่หากเกิดอะไรกับผมชาตินี้ ผมอยากให้รู้ว่าผมรักเจ้าเสมอ ไม่ว่าจะภพชาติไหน เจ้าคงรำคาญแต่นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาสบอกรัก”
สุบรรณนึกในใจอย่างคนตัดสินใจแล้ว เขาขับรถถึงหน้าเฮือนเวลาเดียวกับภุชคินทร์ที่ไม่พูดพรํ่าทำเพลงถลันไปชกหน้าสุบรรณแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ชี้หน้าและตวาดเสียงกร้าว
“เพราะคุณ...ทำให้เจ้าต้องพรางบ้าน รู้ทั้งรู้ว่าเจ้ารังเกียจ คุณยังตามมาอีก”
“ถึงเจ้ารังเกียจผม มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ เพราะมันเป็นเรื่องของผมกับเจ้า”
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อเจ้าเป็นภรรยาผม เลิกยุ่งเกี่ยวกับเจ้า ไม่งั้นจะเจ็บตัวกว่านี้”
ภุชคินทร์ชกหน้าสุบรรณอีกที สุบรรณเลือดขึ้นหน้า ความรู้สึกผิดเหือดหาย ผลักอกภุชคินทร์แล้วตะคอก
“เมียแล้วไง...ถ้าฉันชอบ ฉันจะแย่ง...เหมือนที่เคยแย่งเมื่อชาติก่อน ไอ้คุณชายภุชเคนทร์!”
จบคำก็กระชากร่างภุชคินทร์มาต่อยคว่ำกับพื้น เตะซ้ำจนราชนิกุลหนุ่มน่วมไปทั้งตัว สุบรรณถากถางเสียงเยาะ
“แกนี่มันรนหาที่จริงๆ จำไม่ได้หรือว่าชาติก่อนน่ะ ...ตอนตายแกมีสภาพยังไง”
“ถึงฉันตาย...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าอุรคาก็ไม่มีวันรักแก”
“ไม่รักก็ช่าง...เพราะฉันจะตามทำลายความรักแกทุกชาติเช่นกัน...ไอ้ภุชคินทร์”
สุบรรณเตะเสยคางภุชคินทร์ลอยละลิ่วไปนอนหมดสติแล้วหุนหันขับรถจากไป เวลาเดียวกันที่ถ้ำบาดาลใต้ลำน้ำโขง...เจ้าอุรคารับรู้เหตุการณ์ตลอด ตั้งสมาธิข่มจิตให้สงบแต่ตบะแตกเมื่อเห็นภุชคินทร์โดนซ้อมปางตาย ลืมตาโพลงและลุกพรวดออกไป...แล้วเราจะได้เห็นดีกันพญาสุบรรณ!
เจ้าอุรคาในร่างพญานาคีโผล่ขึ้นกลางลำน้ำด้วยดวงหน้าดุดัน กรีดร้องโหยหวนอย่างโกรธแค้น ในใจอาฆาตพยาบาทพญาสุบรรณจนอยากฆ่าให้ตาย ฉับพลันนั้น ...ภาพในอดีตและเสียงเตือนของยมนาว่ายวนในหัว พญานาคสาวต่อสู้กับใจตัวเอง
อย่างหนัก เหล่าพญานาคตนอื่นค่อยๆหลบเลี่ยงลอยห่าง เจ้าอุรคามองด้วยความเสียใจ รู้ว่าโดนรังเกียจแต่ไม่อาจฝืนทนให้ภุชคินทร์โดนทำร้ายฝ่ายเดียวได้ ยมนาปรากฏตัวและเตือนสติเสียงอ่อน
“พวกเขาถอยห่างจากเจ้าเพราะไม่มีใครอยาก แปดเปื้อน เจ้าคงจำได้...เจ้าทำให้พวกเขามัวหมอง”
“แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีผู้ใดเป็นมิตรกับเราเลย”
“เจ้าต้องยอมรับผลกรรมและหยุดมัน จำได้ไหม ...เจ้าบอกกับข้าว่าอย่างไรอุรคาเทวี”
เสียงตนเองที่เคยปฏิญาณจะยุติทุกอย่างเพื่อความสุขและภพภูมิความเป็นพญานาคอื้ออึงในใจ มองเห็นยอดพระธาตุพนมสูงเด่นเป็นสง่า เจ้าอุรคาเรียกสติกลับมาแล้วค่อยๆผ่อนท่าที กลายร่างเป็นพญานาคีและดำดิ่งลงน้ำด้วยใจสงบ เธอปรากฏตัวอีกครั้งที่ลานวัดธาตุพนม นั่งหลับตาบำเพ็ญเพียรข้างๆชรายุที่ลืมตามองอย่างยินดี สบตาเจ้าอาวาสและหันมองราชนิกุลสาว...หวังว่าคราวนี้จะปล่อยวางได้จริงๆ
ooooooo
ภุชคินทร์ประคองร่างที่มีแผลฟกช้ำเต็มตัวไปหาไพศิษฐ์ที่บ้าน ขอพักด้วยเพราะไม่อยากกลับวังให้แม่กับน้องสาวเป็นห่วง ผู้กองหนุ่มเตือนไม่ให้ใช้กำลังและอารมณ์ ภุชคินทร์ชักสีหน้า พูดถึงความแค้นในอดีตชาติอย่างโกรธจัด ไพศิษฐ์งงเป็นไก่ตาแตก ภุชคินทร์จึงอธิบายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ
“ปาฏิหาริย์มันเกิดกับฉันจริงๆ ฉันรู้แล้วว่าอดีตฉันคือใคร เกี่ยวกับเจ้าอุรคาและไอ้สุบรรณอย่างไร และนี่มันก็คือผลว่าทำไม ฉันต้องไปจัดการไอ้สุบรรณ!”
ไพศิษฐ์พูดไม่ออก มองท่าทางเจ็บแค้นอย่างไม่อยากเชื่อ พาเพื่อนไปพักผ่อนที่ห้องแล้วครุ่นคิด ปะติดปะต่อเหตุการณ์ทุกอย่างแล้วนิ่วหน้า...เราต้องรู้และพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับสุบรรณให้ได้!
เวลาเดียวกันที่คฤหาสน์สุบรรณ...ภาพในอดีตชาติและภาพเงาไร้หัวเมื่อเช้าทำให้ความเดือดดาลเบาบางลง สุบรรณไม่โกรธหรือกลัวความตาย รู้สึกผิดและนึกขออโหสิกรรมจากภุชคินทร์กับเจ้าอุรคา อำนาจที่ทราบเรื่องทุกอย่าง เข้ามาหาและอาสาล้างแค้นราชนิกุลหนุ่ม สุบรรณ ปฏิเสธและบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต อำนาจยังไม่ยอม
“ผมกลัวคุณชายย้อนกลับมาทำร้ายนายอีกแบบ หมาลอบกัด”
“ก็ถ้าหมาตัวนั้นจะลอบกัดฉันจริงๆ ฉันจะเตะปากมันเอง”
“ช้างยังล้มได้เพราะมด ผมไม่อยากให้นาย ประมาทศัตรู”
“ขอบใจมากอำนาจที่หวังดีกับฉัน แต่ฉันพยายามให้สติตัวเองว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”
อำนาจกลัวภุชคินทร์จะไม่ยอมจบ สุบรรณถอนใจหนักหน่วง บอกว่าหากถึงที่สุดจะยอมมือเปื้อนเลือดจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง อำนาจมองอย่างเป็นห่วง ไม่ต่างจาก เจ้านายหนุ่มที่มีท่าทางลำบากใจสุดๆ
ฟากนาถสุดากังวลเรื่องสุบรรณ เก็บทุกอย่างไปคิดจนผล็อยหลับ เห็นภาพญาติหนุ่มเปิดหีบเครื่องเพชรดูด้วยสายตาระแวดระไว ทันใดนั้น...มีชายชุดดำกระโดดข้ามหน้าต่างใช้มือแข็งแรงตวัดรัดเชือกที่ลำคอสุบรรณจนล้มไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้น นักการเมืองหนุ่มพยายามแกะเชือกออกแต่มันกลายเป็นกุญแจมือพร้อมโซ่ตรวน สุบรรณหันขวับแล้วตกตะลึง เห็นชายชุดดำคนนั้นเป็นไพศิษฐ์!
นาถสุดาสะดุ้งตื่นเช้าวันถัดมา หน้าซีดและเหงื่อ แตกพลั่ก หอบหายใจระรัวเพราะภาพความฝันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน คว้ามือถือโทร.หาญาติหนุ่ม เสียงสุบรรณงัวเงียรับสายด้วยความหงุดหงิดที่โดนปลุกแต่เช้า เบิกตาโพลงเพราะได้ยินเสียงละล่ำละลักถาม น้ำเสียงนาถสุดาเหมือนคนวิตกกังวลจนเขานึกเป็นห่วง วางสายและตัดสินใจลุกไปแต่งตัวเพื่อไปหาเธอที่ร้านขายของเก่า
เวลาเดียวกันที่บ้านพันเอกนรินทร์...นาถสุดายืน ใส่บาตรกับพ่อด้วยสีหน้าหม่นหมองเหมือนคนมีเรื่องไม่สบายใจ ปรับทุกข์กับพ่อว่าฝันถึงสุบรรณและไพศิษฐ์ในทางไม่ดี พันเอกนรินทร์นึกรู้ด้วยญาณพิเศษ ปลอบลูกไม่ให้คิดมากเพราะเป็นแค่ความฝัน นาถสุดากลัวจะเป็นลางบอกเหตุ อดีตนายทหารถอนใจเบาๆแล้วเปรยเสียงอ่อน
“คนที่มีจิตผูกพันจะเชื่อมโยงสัญญาณกรรมต่อกันได้ง่าย ถึงนาถจะกลัวแต่ถ้ามันจะเกิด มันก็ต้องเกิด”
“คุณพ่อหมายความว่ายังไง แล้วเราจะช่วยได้ ยังไงคะ”
“ช่วยไม่ได้หรอก เพราะถ้าเขามีเวรกรรมต่อกัน เขาต้องตามมาทวงกรรม”
“นาถไม่ยอมให้คุณศิษฐ์ทำร้ายพี่สุบรรณเด็ดขาด”
“เจ้ากรรมนายเวรคนนั้นอาจไม่ใช่ไพศิษฐ์หรือใช่ก็ได้ แต่ถ้าใช่...นาถก็ต้องให้อภัย เพราะเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ไม่อย่างนั้น...นาถเองที่จะผูกกรรมต่อไป และกลายเป็นกงเกวียนกำเกวียนไม่มีที่สิ้นสุด”
นาถสุดาไม่เข้าใจ หากเกิดเรื่องกับบุคคลอันเป็นที่รักจริงแล้วจะอภัยได้หรือ พันเอกนรินทร์ย้ำเสียงเรียบ
“พ่อรู้ว่ามันยากที่คนถูกกระทำจะให้อภัยคนที่กระทำง่ายๆ มันต้องจองล้างจองผลาญ จองเวรจองกรรมไงล่ะ”
นาถสุดาอึ้ง พันเอกนรินทร์มองมาด้วยสายตาปลงๆ...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม!
อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 10 วันที่ 24 ก.พ. 56
ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ