อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 4/6 วันที่ 13 ก.พ. 56
“แล้วถ้า ตันหยงอยู่ในร่างน้องเมย์ แล้วใครอยู่ในร่างตันหยงล่ะ”สุดนภาคิดหนัก
“หรือว่าจะเป็นน้องเมย์ อ๊ะ แล้วถ้าเป็นน้องเมย์ ทำไมไม่ฟื้นล่ะ ประหลาดจริง”
สุดนภาเริ่มวิตก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สุดนภาสะดุ้งเฮือกมองโทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็นนาวินดทรเข้ามา สุดนภาถอนหายใจยาว
“จะโทรจิกอะไรกันนักกันหนา ชาติที่แล้วเป็นอีกาปากเหล็กหรือยังไงเนี่ย”
สุดนภากดรับด้วยความเซ็ง
นาวินคุยโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“เป็นไงคุณบี๋ ไปสอนน้องเมย์มาเป็นยังไงบ้าง”
“แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไม”
“อ้าว ผมอยากรู้ว่าคุณ ทำงานเป็นยังไงบ้าง ติดขัดอะไรบ้างรึเปล่า”
สุดนภาโมโหแต่พยายามระงับอารมณ์ “เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหา”
“ยังไง ไม่มีรายละเอียดเลย ขอรายละเอียดหน่อยสิคร๊าบ ว่าไปเจอใครบ้าง แล้วเป็นยังไง”
สุดนภาหงุดหงิด “อะไรของคุณ นี่มันเวลาพักของชั้นนะ ทำไมชั้นจะต้องรายงานด้วย”
“อ้าว ก็น้องเมย์เป็นนักเรียน คุณก็เป็นครู ผมเป็นผู้บริหารก็ต้องรับผิดชอบ ตามข้อมูลสิครับ คุณบี๋”
“โอ๊ยยยย..... อย่าพึ่งมาซักอะไรตอนนี้ได้มั้ย คงยิ่งเครียดๆอยู่ด้วยแค่นี้นะ”
นาวินสะดุ้งมองโทรศัพท์อย่างงงๆ
“อะไรของเค้าเนี่ย วี๊ดเกินเหตุหรือเปล่า”
“โอ๊ย นี่มันวันอะไรกันเนี่ย” สุดนภาล้มตัวลงนอนหมดแรง แล้วก็เด้งขึ้นมาอีก “ตายจริง ถ้าน้องเมย์ไม่ได้โกหกล่ะ แล้วหยง.. โอ๊ยๆๆ ทำไงดี”
สุดนภาหน้าเครียด
จริญทิพย์เก็บแฟ้มออกไปจนเหลือปฐวีอยู่กับหนึ่งฤทัยที่กำลังลุก
“หมอวียังวิตกเรื่องคุณตันหยงอยู่หรือคะ” หนึ่งฤทัยถาม
“เอ่อ..ก็นิดหน่อยครับ หมอทุกคนก็ลงความเห็นว่าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทำไมคุณตันหยงถึงยังไม่ฟื้น”
“คงต้องรอดูไปอีกซักพัก ถึงจะสรุปอาการได้ คุณหมอวีอย่าเพิ่งวิตกเลยนะคะ”
“ครับ ผมนี่แย่จังเลย ชอบเอาเรื่องงานมาคิดเรื่อย”
“เป็นเพราะหมอวีจริงจังกับงานต่างหาก”
“ขอบคุณนะครับที่คุณเข้าใจผมเสมอ”
ปฐวีจอดรถแล้วลงจากรถมาเปิดประตูให้หนึ่งฤทัย ทั้งสองยืนคุยกันข้างรถ
หนึ่งฤทัยยิ้มเขิน “ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรครับ …… หนึ่งครับ”
ปฐวีเห็นแมงมุมตัวเล็กๆ เกาะที่ไหล่หนึ่งฤทัย
“คะ”
ปฐวีเดินเข้าไปใกล้ หนึ่งฤทัยทั้งงงทั้งเขิน ปฐวีค่อยๆเอามือกำแมลงที่ไหล่ของหนึ่งฤทัยแล้วปาทิ้งเบาๆ
“แมลงมันเกาะไหล่หนึ่ง เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ ขับรถดีๆนะคะ หนึ่งเป็นห่วง”
หนึ่งฤทัยเดินไป ปฐวีเปิดประตูขึ้นรถ หนึ่งฤทัยหันมามอง ปฐวีนั่งในรถ หนึ่งฤทัยเดินไปแล้วหันมามองอีก ปฐวีโบกมือให้ หนึ่งฤทัยโบกมือตอบ ปฐวีมองหนึ่งฤทัยแล้วยิ้ม
ปฐวีหันไปแล้วคิดถึงตันหยงที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล
ดาวกระจ่างเต็มท้องฟ้า เมรินนั่งมองท้องฟ้าริมสระว่ายน้ำ เธอสูดลมหายใจโล่งอก
“ได้อยู่คนเดียวแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” ตันหยงคิดแล้วเปรย “พรุ่งนี้แกจะมาหาชั้นรึเปล่านะบี๋ แกอย่าพึ่งทิ้งชั้นไปนะ”
ตันหยงมองท้องฟ้าก่อนจะยกขาชันขึ้นเท้าคางตัวเอง
“เมื่อไหร่นะชั้นจะตื่นจากความฝันซะที เมื่อไหร่ชั้นจะกลับเป็นตันหยงคนเดิมซะที”
ปฐวีเดินเข้ามาเห็นเมรินนั่งมองท้องฟ้าอยู่คนเดียวก็ยิ้มขำ ปฐวีค่อยๆย่องเข้ามาหาเมริน แล้วกอดไว้
“ไง เด็กน้อย แอบลงมาอีกแล้ว ทำไมถึงยังไม่นอน”
เมรินพยายามดิ้นแต่ก็ไม่หลุด
“น้าวีคะปล่อยก่อนได้มั้ย เมย์อึดอัด”
ปฐวีล้มตัวลงนอนที่เก้าอี้ยาวก่อนจะดึงตัวตันหยงลงไปนอนข้างๆ
“อย่าเพิ่งไป นอนดูดาวเป็นเพื่อนน้าวีก่อนนอนซักพัก”
ตันหยงคิดในใจ “ทำไมต้องนอนชิดกันขนาดนี้ด้วยนะ”
ตันหยงตันหยงก็สังเกตเห็นปฐวีถอนใจ
ตันหยงมองปฐวี “น้าวีมีเรื่องไม่สบายใจหรือคะ”
“ก็นิดหน่อย”
“เรื่องอะไรคะ”
ปฐวียิ้ม “ถ้าบอก น้องเมย์จะเข้าใจหรือ”
“ลองดูสิคะ เผื่อน้องเมย์จะเป็นที่ปรึกษาให้ได้”
ปฐวียิ้มมองเมริน เมรินยิ้มใสซื่อ ทันใดนั้นปฐวีก็นึกถึงตันหยงที่หันหน้ามายิ้มให้เขาในสนามบิน
“ช่างมันเถอะ เรื่องของผู้ใหญ่ น้องเมย์ฟังไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
ตันหยงคิดในใจ “ก็ใช่สิ เพราะชั้นติดอยู่ในร่างเด็ก ใครจะอยากคุยกับเด็กล่ะ”
เมรินทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วขยับตัวอย่างอึดอัด ปฐวีสังเกตเห็น
“อึดอัดหรือ” ปฐวีแกล้งบ่น “เดี๋ยวนี้ไม่มีใครรักน้าวีแล้ว เมื่อก่อน เด็กที่ไหนไม่รู้ ต้องให้น้าวีอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนแทบทุกคืน พอจะโตเป็นสาวก็ลืมน้าวีซะอย่างนั้น”
ตันหยงคิดในใจ “ก็บอกแล้วว่าชั้นไม่ใช่น้องเมย์ คุณไม่ฟังชั้นเอง”
“น้องเมย์ง่วงนอนแล้ว”
“งั้นน้าวีขึ้นไปส่งนะ สาวน้อย”
เมรินมองปฐวีแล้วพยักหน้า ปฐวีคว้าเมรินขึ้นอุ้มพาดบ่าเดินไป เมรินเท้าศอกกับหลังปฐวีแบบเซ็งสุดๆ
“ทำไมจะต้องอุ้มกันด้วยนะ” ตันหยงคิดหงุดหงิดในใจ
วันต่อมา ร่างตันหยงนอนอยู่บนเตียงในห้องพัก เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจเต้นปกติ ปฐวียืนกอดอกมองตันหยงนิ่งด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ทำไมคุณยังไม่ฟื้นนะ คุณตันหยง”
ปฐวียืนคิด
สุดนภาเดินจ้ำๆ มาถึงหน้าห้องตันหยง สุดนภาหยุดชะงักและมีท่าทางลังเล
“ถ้าแกอยู่ในร่างน้องเมย์ แล้วใครอยู่ในร่างแกตอนนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไง มันจะเป็นไปได้ยังไง ไม่รู้ละ เป็นไงเป็นกัน ต้องดูให้รู้”
สุดนภาสูดลมหายใจตั้งสติรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตันหยง
สุดนภาเปิดประตูพรวดเข้าไปในห้องแล้วเข้าไปเกาะเตียงตันหยง
“....มันจะเป็นไปได้ยังไง”
สุดนภาชะงักเมื่อเห็นปฐวียืนก้มหน้าอ่านชาร์ทอยู่ที่มุมห้อง
“ครูบี๋ มาเยี่ยมคุณตันหยงหรือครับ” ปฐวีถาม
“ค่ะ เอ่อบี๋ มาเยี่ยมตันหยงก่อน แล้วก็จะไปสอนน้องเมย์ที่บ้านต่อน่ะคะ”
“งั้นเย็นนี้เราอาจจะเจอกันที่บ้านนะครับ”
สุดนภาคิดในใจ “นี่ถ้าเราบอกเรื่องนี้กับหมอวี เค้าจะว่าเราบ้ามั้ยเนี่ย”
สุดนภาจ้องหน้าปฐวี ปฐวีมองตอบ
“คุณบี๋ครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ คุณหมอวีคะ คุณหมอวีเชื่อเรื่อง พวก..คนตายแล้วฟื้น หรือพวกวิญญาณ อะไรทำนองนี้มั้ยคะ”
ปฐวีงงแต่ก็ยิ้ม “ตายแล้วฟื้น ทางการแพทย์ไม่มีหรอกครับ เป็นการเข้าใจผิดส่วนเรื่องวิญญาณ น่าจะเป็นความเชื่อทางศาสนา ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ทำไมคุณบี๋ถามเรื่องนี้ล่ะครับ”
“อ๋อเปล่าหรอกค่ะ บี๋แค่สงสัย ไม่มีอะไรหรอก”
จริญทิพย์เดินเข้ามาในห้อง
“คุณหมอวีอยู่นี่เอง เรียนเชิญหมอวีที่ห้องฉุกเฉินค่ะ มีผู้ป่วยอุบัติเหตุรถยนต์ บาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะค่ะ”
“ครับๆ” ปฐวีพูดกับสุดนภา “ผมขอตัวก่อนนะครับคุณบี๋”
ปฐวีเดินไป สุดนภามองตามแล้วถอนหายใจเฮือก
“เกือบแล้วมั้ยล่ะ ขืนพูดไปมีหวัง หน้าแตกยับ”
สุดนภาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ปฐวีเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พยาบาลรีบเข้ามารายงาน
“คนไข้อุบัติเหตุรถยนต์ กระเด็นตกจากทางด่วนค่ะ”
“ขอดูเอ็กซเรย์กะโหลกด่วนเลย” ปฐวีบอก
“ฟีล์มอยู่นี่ค่ะ”
ปฐวีรับภาพเอ็กเรย์กะโหลกศรีษะมาดู
“มีเลือดออกใต้กะโหลก ต้องผ่าตัดด่วน ย้ายคนไข้ เข้าห้องผ่าตัด เตรียมเลือดไว้ให้พร้อมด้วยนะครับ แล้วคุณช่วยตามหมอกระดูกที่เข้าเวรวันนี้มาให้ผมด้วยนะครับ”
“ได้เลยค่ะ”
ปฐวีทำการผ่าตัดคนไข้ เขารับเครื่องมือจากพยาบาลแล้วเริ่มกรีดไปที่แผล เวลาผ่านไปพยาบาลซับเหงื่อให้ปฐวี เวลาผ่านไป ปฐวีส่งอุปกรณ์การผ่าตัดให้ผู้ช่วย ปฐวีเริ่มถอดถุงมือ
“ย้ายคนไข้ไปอยู่ไอซียู สังเกตอาการใกล้ชิด มีอะไรผิดปกติ รายงานผมทันทีเลยนะ”
“ค่ะหมอวี”
ปฐวีเดินออกไปจากห้อง พยาบาลกับแพทย์ผู้ช่วยมองตาม
“หมอปฐวีลงมือเอง เบาใจได้เลยเคสนี้” แพทย์ผู้ช่วยบอก
พยาบาลและแพทย์ผู้ช่วยมองตามอย่างชื่นชม
ป้าแก้วทำงานอยู่ในครัว บุญศรีนั่งรื้อถ้วยจานอยู่มุมหนึ่ง สายแก้วเดินเข้ามาในครัว
“แม่จ๋า วันนี้เตรียมของว่างเพิ่มด้วยนะแม่ ครูบี๋จะมาสอนพิเศษน้องเมย์ที่บ้าน”
“อ้าว ไม่เคยเห็นคุณเมย์ต้องเรียนพิเศษเลยนี่นา” ป้าแก้วสงสัย
“คุณหญิงท่านสั่งให้ครูมาสอนเป็นพิเศษ เห็นว่าคุณเมย์ยังไม่พร้อมไปโรงเรียนน่ะ”
“งั้นหรือ ก็ดีเหมือนกัน ไปโรงเรียนไม่ได้ ให้ครูมาสอนก็ยังดีนะ”
“แม่จัดไว้เลยนะ เดี๋ยวครูบี๋มาชั้นจะได้มาเอาไปเลย”
“เออ ไม่ต้องห่วง เอ็งจะทำอะไรก็ไปไป๊”
สายแก้วเดินไป บุญศรีทำหน้ามีลับลมคมนัย
บุญศรีนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น ปรางทิพย์ที่นั่งบนโซฟาทำสีหน้าครุ่นคิด
“ทำไมคุณยายถึงทำอย่างนี้ ปากก็ว่ายุติธรรม เชอะ เอียงเข้าน้องเมย์ตลอดเลย”
“มีครูมาสอนพิเศษ ครูเค้าอาจจะเอาแนวข้อสอบมาบอกคุณเมย์ ทีนี้คุณเมย์ต้องเรียนเก่งกว่าคุณแก้ว คุณขวัญแน่เลยคะเนี่ย” บุญศรีใส่ไฟ
“หุบปากเลย นังศรี เป็นตายยังไง ชั้นก็ยอมให้มันเก่งกว่าลูกชั้นไม่ได้หรอก” ปรางค์ทิพย์นิ่งคิด “ถ้าลูกหล่อนได้เรียน ลูกชั้นก็ต้องได้เรียน จริงมั้ยนังศรี”
“คุณปรางค์จะทำยังไงล่ะคะ”
ปรางค์ทิพย์ไม่ตอบ แต่ทำหน้าร้าย
ประภัสสรนั่งทำหน้าอึดอัด ปรางค์ทิพย์นั่งมองประภัสสร
“จริงๆพี่ก็ไม่อยากจะรบกวนอะไรหรอกนะ เห็นว่าไหนๆครูก็มาสอนน้องเมย์แล้ว พี่ก็ขอฝากลูกแก้วลูกขวัญด้วยเธอคงจะไม่ว่าอะไรหรอกนะ แม่ภัส”
“แต่ภัสเกรงใจครูบี๋น่ะคะ” ประภัสสรบอก
“จะเกรงใจทำไม ยายแก้วยายขวัญก็หลานคุณยายเหมือนกันไม่ใช่หรือ หรือว่าเธอรังเกียจลูกพี่”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะพี่ปรางค์”
“ถ้าเธอไม่รังเกียจ ลูกพี่ก็เรียนได้ใช่มั้ย แม่ภัส”
ประภัสสรอึกอัก “ก็ได้ค่ะ ภัสจะบอกครูบี๋ให้นะคะ”
“แหม..แม่ภัส เธอช่างมีน้ำใจกับพี่จริงๆนะ”
“โธ่พี่ปรางค์ เราพี่น้องกันนะคะ”
ปรางค์ทิพย์แอบยิ้มร้าย
“จริงสิ อ้าวแล้วนี่วันนี้เมธีไม่อยู่หรอกหรือ แปลกจังดีเนอะวันหยุดกลับไม่อยู่กับลูกกับเมีย หรือว่า ....”
“คุณเมธีงานยุ่งน่ะค่ะ เห็นว่าตอนนี้เริ่มโปรเจ็คใหม่ ยังไม่เข้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ”
“เค้าบอกเธอแบบนั้น เธอก็เชื่อหรือ โธ่ แม่ภัสเอ๊ย พี่เตือนเธอด้วยความหวังดีนะ ผู้ชายน่ะร้อยทั้งร้อยเหมือนกันหมดแหละ เธอต้องคุมให้อยู่อย่างพี่กับคุณสรรน่ะ พี่ชี้นกเป็นนก เชื่องซะยิ่งกว่าแมวอีก”
ประภัสสรอึดอัด “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะพี่ปรางค์ วันก่อนยังซื้อดอกไม้มาให้ภัสเลยค่ะ”
ปรางค์ทิพย์ชะงัก “นั่นยิ่งต้องระวัง ผู้ชายจะทำดีกับเมียเป็นพิเศษน่ะ เพราะต้องการทำให้เมียตายใจ เธอหัดเปิดหูเปิดตาซะบ้างนะแม่ภัส ที่พูดนี่หวังดีล้วนๆนะจ๊ะ ถ้าเป็นคนอื่น จ้างให้พี่ก็ไม่เขี่ย”
ประภัสสรเริ่มหนักใจ ปรางค์ทิพย์แอบยิ้มร้าย
พิรามนั่งทำงานอยู่คนเดียวในออฟฟิศ เขาพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อนแล้วหันไปมองรูปตันหยงที่อยู่บนโต๊ะ
“ตันหยง ผมควรจะทำยังไงดี”
พิรามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่สุดนภาคุยกับเขา
สุดนภาพูดกับพิรามในโรงพยาบาล
“.....จัดการเรื่องของคุณให้เรียบร้อย คิดว่าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมา...”
เขานึกถึงตอนที่ไปเฝ้าพัดชาที่โรงพยาบาล แล้วพัดชาพูดกับเขา
“พัดสูญเสียคุณไปไม่ได้ ให้เวลาพัดหน่อยนะคะ”
พิรามกุมขมับคิดหนัก สักพักเขาก็เงยหน้า
“ไม่ได้ หยง ผมเสียคุณไปไม่ได้”
พิรามตัดสินใจเด็ดขาด
พัดชานั่งเหม่อเศร้าอยู่ริมหน้าต่าง เสียงกริ่งดังขึ้น พัดชาผวา
“พิราม”
พัดชารีบวิ่งไปเปิดประตู พิรามยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเครียด พัดชาโผกอดพิรามไว้แน่น
“ในที่สุดคุณก็กลับมาหาพัด”
พิรามปลดมือพัดชาออก พัดชางง พิรามรามเดินเข้ามาในห้อง พัดชาเดินตามเข้ามากอด พิรามเบี่ยงตัวออก
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ใจเย็นๆค่ะ อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนดีมั้ยคะ พัดจะทำอะไรให้ทาน”
“ไม่เป็นไรหรอกพัดชา ผมคงอยู่ไม่นาน” พิรามบอก
พิรามหยิบโฉนดคอนโด พร้อมเงินสดยื่นให้พัดชา
“อะไรคะพิราม”
“โฉนดคอนโด และเช็ค เพื่อให้คุณได้ตั้งต้นชีวิตใหม่”
พัดชามองหน้าแล้วปัดออก “ไม่ พัดไม่ต้องการของพวกนี้” พัดชาปัดทิ้ง “คุณดูถูกพัด”
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะพัดชา แต่ผมไปต่อกับคุณไม่ได้จริงๆ”
พัดชาเริ่มคลั่ง “แล้วเวลาที่ผ่านมา ไม่มีค่าอะไรสำหรับคุณเลยหรือ คุณพิราม ไม่มีความหมายเลยหรือ”
“ทุกวันนี้ผมไม่ได้มีความสุขเลยผมรู้สึกผิดต่อตันหยงมาก ที่ตันหยงเป็นแบบนี้ก็เพราะผม ถึงเราอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีความสุขหรอก พัดชา”
“ผมไม่อยากทำผิดพลาดอีก .... และผมจะไม่อ่อนแอ หรืออ่อนไหวอีกผมเสียใจนะพัดชา”
พิรามเดินไป พัดชาค่อยๆทรุดตัวลงนั่งร้องไห้เงียบๆ
เมรินยืนชะเง้อรอสุดนภาอยู่ในบ้าน
“นี่แกจะมาหรือเปล่านะบี๋”
รถแท็กซี่วิ่งเข้ามาในบ้าน สุดนภาเดินลงจากรถแล้วมองเข้ามาในบ้านอย่างหวาดๆ เมรินถอนหายใจโล่งอก
“ในที่สุดแกก็มาจนได้”
สุดนภาเดินเข้ามาแบบกลัวๆกล้าๆ เมรินรีบวิ่งไปจูงมือสุดนภามานั่ง
“ชั้นดีใจนะ ที่แกมา”
สุดนภามองหน้าเมรินนิ่งแต่ยังไม่พูดอะไร
ปรางค์ทิพย์เดินจูงปรงแก้วปรงขวัญเข้ามาในห้อง ประภัสสรเดินตามาด้วยหน้าตาอึดอัด
“เอ่อ ครูบี๋คะ นี่พี่ปรางค์พาน้องแก้วน้องขวัญ มาขอเรียนกับน้องเมย์ด้วย” ประภัสสรแนะนำ
“น้องแก้วน้องขวัญ สวัสดีคุณครูสิลูก แหม เกือบจะมาไม่ทันซะแล้ว” ปรางค์ทิพย์ว่า
ปรงแก้ว ปรงขวัญยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณครู”
“เอ่อครูบี๋คะ ภัสฝากหลานเรียนด้วยสองคนนะคะ”
สุดนภางง “ได้ค่ะ ดีเลยเรียนหลายๆคนจะได้สนุก”
“เด็กสองคนนี้เก่งอยู่แล้วค่ะ ครูบี๋คงไม่ต้องเหนื่อยมานั่งจ้ำจี้จ้ำไชมากเหมือนเด็กบางคนค่ะ สบายใจได้ ฝากด้วยนะคะ” ปรางค์ทิพย์หันไปบอกประภัสสร “พี่ไปก่อนนะฝากหลานด้วยล่ะ อย่าปล่อยให้น้องเมย์มาชวนเล่นจนเสียการเรียนล่ะ”
ปรางค์ทิพย์เดินไป ประภัสสรหันมามองแล้วยิ้มอย่างเกรงใจ
“ภัสเกรงใจครูบี๋จังเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องเล็กแค่นี้เอง”
“ตั้งใจเรียนนะคะ น้องเมย์ คุณแม่ไปก่อนละ”
ประภัสสรเดินไป เมรินมองหน้าสุดนภาอย่างเซ็งๆ
ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามาในบ้าน บุญศรีรีบเข้าไปรับ
“เรียบร้อยแล้วหรือคะ คุณปรางค์”
“แน่ละสิ ลองชั้นลงมือแล้วละก็ มีหรือจะไม่เรียบร้อย”
“คุณปรางค์ของศรีเก่งเสมอค่ะ”
อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 4/6 วันที่ 13 ก.พ. 56
พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตรพรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager