@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3 วันที่ 8 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3 วันที่ 8 ก.พ. 56

“ทานอะไรได้หรือยัง โธ่ถังเอ๊ย.. เจ็บขนาดนั้นสงสัยกลับมาคราวนี้คงผอมเหลือแต่กระดูก ขนาดไม่เจ็บไม่ป่วย ยังไม่ค่อยจะทานอะไรเล๊ย...” ป้าแก้วเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ คุณเมย์น่ะแข็งแรงดี” สายแก้วบอก
ลุงสายกับป้าแก้วชะงักมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหู บุญศรีรีบเงี่ยหูฟัง
“เอ็งพูดอะไรของเอ็ง นางสายแก้ว”

“จริงนะแม่ คุณเมย์แข็งแรงดูไม่เหมือนคนเจ็บเลย แล้วก็ทานเก่งว่าเดิมสามเท่าได้มั๊ง”
ลุงสายยกมือไหว้ท่วมหัว “สาธุ หมดห่วงไปที คุณหนูไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้ เอ็งก็ทำของโปรดคุณหนูส่งไปให้สิ อย่าลืมซะล่ะ”
สายแก้วค้อน “หือ ของโปรด คุณน้องเมย์ไม่ชอบทานโจ๊กแล้ว แม่ยังไม่รู้เลย เออแม่...ชั้นรู้สึกว่าคุณน้องเมย์เจ็บคราวนี้ ดูประหลาดนะ”


“ประหลาดยังไงของเอ็ง” ป้าแก้วถาม
“ดูคุณเมย์พูดจาชัดเจนฉาดฉานขึ้น ไม่ขี้อ้อน ขี้อายเหมือนเมื่อก่อน ดูเผินๆเหมือนเป็นผู้ใหญ่เลยแม่”
“จะบ้าหรือ เด็กยังไงก็เป็นเด็กวันยันค่ำนั่นแหละ มีแต่เอ็งเท่านั้นแหละ นังสายแก้ว เด็กในร่างคนโต”
“จริงนะ แม่ไม่เชื่อชั้นหรือ” สายแก้วย้อนถาม
“จะอะไรก็ช่าง เอ็งมาช่วยข้าเตรียมของไว้สำหรับคุณหนูวันพรุ่งนี้แล้วกัน”
บุญศรีกระแอม “แล้วนมก่อนนอนของคุณๆของชั้นล่ะป้าแก้ว กินวันนี้นะ”
“อ้าว คิดว่าเตรียมเสร็จแล้ว รอเดี๋ยวนะแม่บุญศรี”
ป้าแก้วรีบดึงมือสายแก้วไปช่วย บุญศรีมองตาม

บุญศรีกำลังรายงานเรื่องของเมรินให้ปรางค์ทิพย์ฟัง
“ศรีได้ยินมากะหูนะคะคุณปราง นังสายแก้วน่ะปลื้มซะไม่มี ว่าคุณเมย์น่ะฉลาดขึ้น พูดจาฉาดฉานขึ้น”
“ไม่มีทางหรอก ปัญญาอ่อนอย่างนังเมย์น่ะหรือ ขี้ขลาดก็เท่านั้น เป็นไปไม่ได้หรอก” ปรางค์ทิพย์
“ศรีก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ตอนดีๆยังสู้คุณแก้วคุณขวัญของศรีไม่ได้เลย แล้วตกบันไดสูงขนาดนั้น จะกลับมาฉลาดได้ยังไง”
“พอแล้ว ไร้สาระเสียเวลาฟัง จะไปไหนก็ไปไป๊”
บุญศรีหน้าจ๋อย “เออ...แล้วคุณปรางค์จะไปเยี่ยมคุณเมย์หรือเปล่าค่ะ”
“จะไปทำไม ก็แห่แหนกันไปหมดบ้านแล้วไม่ใช่หรือ ชั้นยังไม่มีอารมณ์หรอก ...หล่อนไปได้แล้ว”
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
บุญศรีเดินไป
“ไปทำไมให้เสียเวลา ทำไมไม่คอหักตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
ปรางค์ทิพย์ทำสีหน้าร้าย

ตันหยงนอนร้องไห้กระซิกกระซิก
“แม่จ๋า หยงคิดถึงแม่จังเลย”
ปฐวีที่นอนเฝ้าอยู่เงี่ยหูฟัง
“ต้องมากลายเป็นเด็กแบบนี้ เพราะคุณคนเดียว พิราม” ตันหยงบ่นต่อ
ตันหยงทุบหมอนด้วยความแค้นใจ ปฐวีเห็นเมรินร้องไห้ก็รีบลุกขึ้นมากอดเมรินไว้
“เป็นอะไรไป น้องเมย์ ฝันร้ายหรือ”
“ชั้นไม่เป็นไร”
ตันหยงรีบชักผ้าห่มคลุมโปง ปฐวีเปิดผ้าห่มออกแล้วดึงตัวเธอขึ้นมากอดไว้
“บอกน้าก็ได้นะ น้าไม่บอกใครหรอก คนดีของน้า”
ตันหยงดิ้นสุดตัว “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย”
ปฐวีงงแต่ก็ยิ่งกอดแน่นเข้าไปใหญ่
“น้องเมย์เป็นอะไรไป นี่น้าวีนะ”
ตันหยงชะงักพอนึกได้เธอก็นิ่ง

“ปล่อยก่อนค่ะ น้องเมย์อึดอัด”
ปฐวีงงแต่ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ตันหยงรีบเขยิบตัวออกห่าง ปฐวียิ่งงงหนัก

“อะไรกัน เดี๋ยวนี้กอดก็ไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้...ถ้าจะให้ดี ไม่ควรโดนตัวกันด้วยซ้ำ”
ปฐวีทำท่ารับทราบ แล้วขโมยหอมแก้มตันหยง 1 ครั้ง
“น้าวีบ้า”
ตันหยงรีบเอาหมอนมาบังไว้ ปฐวีหัวเราะขำ จู่ๆตันหยงก็ร้องกรี๊ด ปฐวีสะดุ้ง
“เป็นอะไรไป ตัวอะไรกัดหรือเปล่าคะน้องเมย์”
ตันหยงชี้หน้าปฐวี “เราเจอกันที่สนามบิน จำได้มั้ยคะ”
“ใช่สิ ก็น้องเมย์ไปรับน้าไงล่ะ เรายังหอมกันเลยไง จำได้มั้ยแบบนี้”
ปฐวีปรี่เข้ามาจะจับตันหยงหอมแก้ม
“หอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวา หอมโหนก จมูกปุ๊กปิ๊ก เอาหนวดถูกัน”
ตันหยงรีบเอาหมอนมาขวางไว้
“พอแล้วค่ะ พอแล้ว จำได้แล้ว”
ปฐวีหัวเราะขำแล้วเดินไปนอน ตันหยงถอนหายใจเฮือก
“โอ๊ย..ตายจริง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังเราช้ำแน่เลย บ้าจริงๆ”
ตันหยงเอามือถูแก้มด้วยความอายแล้วรีบล้มตัวนอนคลุมโปง

วันใหม่ ประภัสสรกับสายแก้วกำลังจะหอบข้าวของไปเยี่ยมเมรินที่โรงพยาบาล
“ไปบอกลุงสายให้เตรียมรถให้ชั้นที” ประภัสสรสั่ง
“ค่ะคุณผู้หญิง”
สายแก้วเดินสวนกับเมธีที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“จะไปโรงพยาบาลหรือ” เมธีถาม
ประภัสสรมองเมธีแล้วเมิน
“ค่ะ คุณเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนดีกว่า ชั้นให้ไปตามลุงแก้วแล้ว” ประภัสสรบอก
“ไม่ต้องหรอก ผมรีบกลับมาเพราะอยากไปเยี่ยมลูกพร้อมกับคุณ ไปด้วยกัน”
เมธีไม่ฟังเสียง เขาหันไปคว้าของฝากบนโต๊ะแล้วเดินออกไป ประภัสสรมองตามแล้วถอนหายใจยาว

ตันหยงนั่งกอดอกหน้าบึ้งอยู่บนเตียง โดยมียมนาพยาบาลสาวที่หลงรักปฐวีพยายามเอาอกเอาใจ
“น้องเมย์ นอนสบายหรือเปล่าค่ะ น้าปรับเตียงให้ดีกว่า จะได้สบายขึ้น”
ยมนารีบไปไขเตียงให้เอนลง
ตันหยงห้าม “ไม่ต้องหรอกค่ะ หยงเอ๊ย..เมย์กำลังสบายแล้ว”
รสิกาเดินเข้ามาพร้อมตุ๊กตาหมีในมือ
“เป็นยังไงคะ น้องเมย์ น้าเอาตุ๊กตาหมีมาให้ หมอวีบอกว่าน้องเมย์ชอบตุ๊กตาหมี”
ตันหยงถอนหายใจยาว “ขอบคุณค่ะ วางไว้ด้านโน้นเลย”
ตันหยงผายมือไปด้านข้างบนโต๊ะที่มีตุ๊กตาที่คนเอามาเยี่ยมไข้วางเรียงรายเต็มไปหมด รสิกาหน้าเจื่อน ยมนาหัวเราะ จริณทิพย์เดินเข้ามาในห้อง รสิกากับยมนารีบเข้าสู่โหมดเรียบร้อยทันที
“อ้าว แม่รักยม มาทำอะไรกันล่ะนี่ ไม่มีคนไข้ต้องดูแลหรือ”
“มีค่ะ น้องเมย์ไงคะ หมอวีบอกให้ดูแลเป็นพิเศษ” รสิกาบอก
“ยมเลยเข้ามาดูว่า รสิกาต้องให้ช่วยหรือเปล่า” ยมนาเสริม
“ถ้าเสร็จเรื่องของหล่อนแล้วก็ไปได้”
รสิกากับยมนามองหน้ากันแล้วเชิดออกไป
“ขอบคุณนะคะ คุณพี่ หมอวีไปไหนล่ะคะ” ตันหยงถาม
“แหม..น่ารักจริง..จริ๊ง เรียนทิพย์ว่าพี่ด้วย คือ คุณหมอวีคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องเมย์อยู่ค่ะ พี่ทิพย์มีของมาฝากด้วยนะคะ”
จริณทิพย์ ส่งตุ๊กตาหมีให้ตันหยงอีกตัว ตันหยงรับมาอย่างเซ็งๆ จริณทิพย์ภูมิใจมาก

ปฐวี ประภัสสรและเมธีนั่งคุยกัน ปฐวีอ่านชาร์ทของเมริน
“ผมตรวจอย่างละเอียดแล้วนะครับ น้องเมย์ปกติดีทุกอย่างยกเว้น บางเรื่อง น้องเมย์อาจจะยังจำได้ไม่ดีนัก”
“ดีจ๊ะ งั้นเราพาน้องเมย์กลับไปพักฟื้นที่บ้านดีกว่านะ” ประภัสสรบอก
“แต่พี่คิดว่า อยู่โรงพยาบาลก่อนก็ไม่เสียหายนะ คุณสร ใกล้หมอกว่า” เมธีแย้ง
“ทำไมคะ คุณพูดแบบนี้ หมายความว่า สรดูแลลูกไม่ดีจนทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
“เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย”
ประภัสสรทำท่าจะทะเลาะกับเมธี ปฐวีรีบห้าม
“อย่าเพิ่งเถียงกันเลยครับ เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมจะลองดูความพร้อมของน้องเมย์อีกครั้ง นะครับ”
ประภัสสรเมินเมธี “แล้วแต่วีก็แล้วกันจ๊ะ”
ปฐวีมองหน้าเมธี เมธีแอบถอนหายใจหนัก

ปฐวี ประภัสสร และเมธีมายืนห้อมล้อมเมริน
“ไม่ค่ะ น้องเมย์ยังไม่อยากกลับบ้าน” ตันหยงตอบ
ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“ทำไมล่ะ น้องเมย์ปกติดีทุกอย่างแล้วนี่นา จะอยู่ต่อทำไม” ปฐวีถาม
“พ่อว่า เรากลับไปพักฟื้นที่บ้านดีกว่า ป่านนี้เจ้าหนุงหนิงคิดถึงน้องเมย์แย่แล้ว” เมธีบอก
“แต่เมยังไม่อยากกลับนี่ค่ะ ให้เจ้าแมวหนุงหนิงน่ะรอไปก่อนแล้วกัน”
“น้องเมย์ อย่าล้อเล่นน่า เจ้าหนุงหนิงเป็นหมา ไม่ใช่แมว” ปฐวีบอก
“ตายจริง ...หมาอะไรชื่อหนุงหนิง ใครตั้งให้เนี่ย” ตันหยงคิดในใจ
“แหมน้าวีก็ เมย์ล้อเล่นต่างหาก” ตันหยงรีบแก้ “สรุปว่า เมย์ยังไม่อยากกลับค่ะ เมย์อยากอยู่โรงพยาบาลต่อ นะคะ โตขึ้น เมย์จะได้เป็นหมอเหมือนน้าวี”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างเหวอๆ
“เป็นหมอเนี่ยนะ ล้อน้าเล่นใช่มั้ย”
“วี พี่ทนไม่ไหวแล้ว พี่จะพาน้องเมย์กลับบ้าน พี่จะไม่ยอมให้ลูกห่างตัวพี่อีกแล้ว” ประภัสสรบอก
“ไม่นะ คุณแม่ เมย์ยังไม่อยากกลับบ้าน”
เมรินร้องโวยวาย ปฐวีมองเมรินอย่างหนักใจ

เมรินนั่งหน้าหงิกอยู่ในรถเข็นโดยอุ้มตุ๊กตามาด้วย เมธีเข็นรถมาที่หน้าโรงพยาบาล
“ชั้นไม่อยากกลับบ้าน” ตันหยงบอก
“ต้องกลับ เดี๋ยวเย็นนี้เจอกัน” ปฐวีสรุป
รถของเมธีวิ่งเข้ามาจอดด้านหน้า เมธีรีบเดินลงมารับเมริน
“มาค่ะน้องเมย์ พ่ออุ้มเอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เมย์เดินเองได้”
เมธีชะงักมองเมรินอย่างแปลกใจ ประภัสสรรีบเข้ามาจับมือเมรินไว้
“ไปค่ะน้องเมย์”
“เดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะ น้าจะไปทานข้าวด้วย” ปฐวีบอก
ตันหยงสะบัดน้ำเสียง “ตามใจสิคะ”
ปฐวีชิงหอมแก้มเมรินฟอดหนึ่ง เมรินมองค้อนแล้วเช็ดแก้ม ปฐวีหัวเราะขำ ทันใดนั้นบุหงากับพินิจก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาล ตันหยงเห็นก็ตะลึง

“คุณพ่อ คุณแม่”
ตันหยงรีบตะกายลงจากรถเข็นอย่างรวดเร็ว แต่รีบร้อนจนล้มลงหัวเข่ากระแทกพื้น ปฐวีรีบดึงตัวเธอไว้

“น้องเมย์เป็นอะไรไป”
ตันหยงร้องตะโกนลั่น “คุณพ่อ คุณแม่ รอด้วยค่ะ”
พินิจกับบุหงาหันมามองเมรินแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู เมธีกับประภัสสรเดินเข้ามาทางด้านหลังพินิจกับบุหงา พอเห็นเมรินประภัสสรและเมธีก็รีบวิ่งไปหาทันที
“น้องเมย์เป็นอะไรคะลูก”
“เจ็บมากหรือเปล่าลูก” เมธีถาม
ตันหยงพยายามจะลุกขึ้นวิ่งไปหาบุหงากับพินิจแต่เจ็บขาเลยต้องนั่งลงอีก ปฐวีรีบอุ้มเมรินขึ้นทันที ตันหยงพยายามดิ้นก่อนจะหันไปมองทางพินิจและบุหงาที่เดินลับตัวไปแล้ว
“คุณแม่ขา...คุณแม่”
ประภัสสรรีบรับเมรินจากปฐวีมากอดไว้แนบอก
“ลูกจ๋าแม่อยู่นี่ อย่าร้องนะคะ โธ่ขวัญเอ๊ย..ขวัญมา เจ็บมากมั้ยลูก”
ตันหยงน้ำตาไหลอย่างเงียบๆ เธอมองตามพินิจและบุหงาจนลับตา ส่วนปฐวีมองเมรินอย่างเป็นห่วง

พิรามยืนตัดสินใจอยู่หน้าห้องพักของตันหยงพร้อมดอกไม้ในมือ เขาคิดหนักก่อนตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ เอ่อ ตันหยงเป็นยังไงบ้างครับ” พิรามถาม
“ยังไม่รู้สึกตัวเลยลูก”
พิรามทั้งเครียดทั้งเสียใจและรู้สึกผิดอย่างมาก จนบุหงาต้องปลอบ
“แต่หมอก็บอกว่า อาการของตันหยงพ้นขีดอันตรายแล้ว แม่ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะฟื้น”
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ ผม.... ผมขอโทษ”
พินิจถาม “ขอโทษทำไมกัน”
“มันไม่ใช่ความผิดของพิรามหรอกลูก” บุหงาบอก
“... เพราะผมเองครับ หยงถึงได้เป็นแบบนี้”
พินิจกับบุหงามองหน้ากันอย่างงงๆ เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่พิรามพูด

ตันหยง ปฐวี ประภัสสร และเมธี นั่งเงียบๆอยู่ในรถ ทั้งสามแอบมองเมรินเป็นระยะๆ แต่ตันหยงก็นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
ตันหยงคิด “ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงมาที่ ร.พ. หรือเราอยู่ที่นั่น เราต้องหาทางกลับไปที่โ รงพยาบาล” คิดเสร็จตันหยงก็ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำยังไง
ปฐวีนั่งมองเมรินอย่างสังเกต
“น้องเมย์จ๋า เรากำลังจะกลับบ้านของเราแล้วนะคะ” ประภัสสรบอก
ตันหยงเมินหน้าไม่พูดไม่จา
“ไม่ใช่บ้านของชั้นซะหน่อย” ตันหยงคิด
“น้องเมย์คะ ทำไมไม่พูดกับแม่เลย แม่ใจไม่ดีนะลูก”
ตันหยงถอนหายใจ “..เจ็บขาค่ะ”
“ตายจริง เดี๋ยวกลับบ้านไปแม่ทายาให้นะคะ”
ตันหยงไม่ตอบแต่หลับตานิ่ง ประภัสสรเริ่มวิตก
ประภัสสรกระซิบ “วี น้องเมย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย”
“คงไม่มีอะไรหรอกครับพี่ภัส” ปฐวีบอก
“วีคิดแบบนั้นหรือพี่เป็นห่วงจังเลย”
“อย่าเพิ่งวิตกเลยคุณภัส ลูกคงแค่เหนื่อยเท่านั้นแหละ” เมธีบอก
“ครับพี่ภัส อย่าเพิ่งวิตกเลย รอดูอาการไปก่อนนะครับ”
ตันหยงหลับตานิ่ง

รถวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านประภัสสร ทุกคนลงจากรถ ตันหยงก้าวลงมามองไปรอบๆบริเวณกว้างใหญ่แล้วคิด
“ตายล่ะ ชั้นต้องมีญาติเพิ่มอีกกี่คนกันเนี่ย”
“ไงคะน้องเมย์ ถึงบ้านแล้ว จำได้รึยัง” ปฐวีถาม
“จะจำได้ยังไง พึ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก” ตันหยงคิด
ทุกคนรอฟัง
ตันหยงส่ายหน้าก่อนพูดว่า “.....จำไม่ได้ค่ะ”
ประภัสสรหน้าเสีย ปฐวีรีบจับมือประภัสสรเป็นเชิงปลอบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเจอเพื่อนซี้ น้องเมย์ต้องจำได้แน่นอน”
ปฐวียิ้มอย่างหมายมาด

ป้าแก้วรีบมาจับไม้จับมือเมริน เมรินงงๆ แต่ยอมให้จับโดยดี
“โธ่ทูนหัวของป้าแก้ว แม่คุณเอ๊ย....ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่าคะ”
“ยายแก้วนี่ บ่นเป็นยายแก่ไปได้ คุณหนูต้องหายแล้วสิถึงกลับบ้านได้” ลุงสายว่า
“ค่ะ หายดีแล้ว” ตันหยงตอบ
ปฐวีมองตันหยงแล้วนึกได้
“สายแก้ว ไปพาเพื่อนซี้น้องเมย์มาทีซิ ดูซิว่าน้องเมย์จะจำได้มั้ย”
“ค่ะคุณวี”
ลุงสายรีบเดินไป
ตันหยงถาม “เพื่อนซี้ ใครกันคะ”
“เดี๋ยวก็รู้” ปฐวีบอก

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3 วันที่ 8 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager