อ่านละคร เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 1 วันที่ 13 พ.ค. 57
“มัน...ไอ้คนที่มันวิ่งตัดหน้ารถเมียผม มันอยู่ที่ไหน”...นาคินทร์มาที่เตียงปานตะวันซึ่งเธอก็อาการหนักไม่เบา มีผ้าพันศีรษะ มีสายน้ำเกลือและอุปกรณ์ระโยง ระยาง พยาบาลซึ่งกำลังปรับสายน้ำเกลืออยู่ เข้าใจว่าเขาเป็นญาติคนเจ็บจึงเปรย
“ญาติของคุณโชคดีมากค่ะ นี่ขนาดเมามากด้วยนะคะ อีกฝั่งนึงสิคะ โชคร้าย ได้ยินว่าเพิ่งแต่งงานหมาดๆ เลย” นาคินทร์พึมพำยังไม่ทันข้ามคืน “โถ...น่าสงสาร เอ่อ มีอะไรกดออดเรียกได้นะคะ ดิฉันขอตัวก่อน” พยาบาล เดินออกไป
ooooooo
สามปีต่อมา รปภ.บริษัท เคทีเค คอร์เปอเรชั่น ปราดเข้าตะเบ๊ะเมื่อรถประธานแล่นมาจอด นาคินทร์ในมาดนักธุรกิจหล่อเนี้ยบ หน้าขรึมลงจากรถเดินเข้าตึก...
มอลลี่พนักงานจอมสอดรู้สอดเห็นรีบทาปากรอรับ ลูกกอล์ฟเพื่อนคู่หูแกล้งตบโต๊ะเปรี้ยง เธอสะดุ้งลิปปาดขึ้นไปถึงแก้ม ลูกกอล์ฟหัวเราะร่า มอลลี่โกรธวิ่งไล่ตีเพื่อน ชนเข้ากับจามจุรี หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอ็ดตะโรนี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น ทั้งสองยิ้มแหยๆ ปาริฉัตรเลขานาคินทร์เข้ามาปรามให้รักษาความสงบกันหน่อย เจ้านายมาถึงแล้ว มอลลี่แหวกลับ
“แหมๆๆๆน้องฉัตรขา บริษัทนะคะไม่ใช่ค่ายทหาร แล้วท่านประธานก็เพิ่งจะลงรถตะกี้เอง แหมๆๆ ปลายปีกะจะเอาโล่เลขาดีเด่นให้ได้ใช่ไหม...อ๊ะๆ รึว่าอยากจะได้มากกว่านั้น”
ปาริฉัตรถลึงตาใส่เถียงกันไปมา จามจุรีเอ็ดอีกครั้งเพราะนาคินทร์เดินมาถึงแล้ว ทุกคนยืนสงบ รอทักทายเจ้านาย เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย จามจุรีรีบรายงานตามคำสั่งของนัครินทร์
นาคินทร์โทร.ไปโวยวายน้องชาย “นัค...แกเป็นบ้าอะไรถึงจะให้ฉันสัมภาษณ์เลขาให้แก ฉันเป็นประธานบริษัท ฉันมีงานทำล้นมือ ไม่ใช่งานสัมภาษณ์เลขาบ้าๆนี่”
“ใจเย็นพี่ เดี๋ยวนี้ขี้โมโหหนักขึ้นทุกวันนะ”
“แกต่างหากที่ไม่เอาไหนหนักขึ้นทุกวัน ลุกขึ้นจากเตียง มาทำงานเดี๋ยวนี้”
นัครินทร์โอดครวญ “พี่คินทร์โหดอ่ะ...ผมอยู่หัวหิน ผมกลับไม่ทันจริงๆ พี่สัมภาษณ์ให้ผมหน่อยน้า”
นาคินทร์จะให้จามจุรีจัดการแทน นัครินทร์ไม่ยอม “ไม่นะพี่นะ คราวก่อนคุณจามจุรีก็เลือกยัยป้าอ้วนดำมาให้ผมทีนึงแล้ว ผมไม่เอานะพี่...พี่คินทร์แหละที่รู้ใจผมที่สุด ขาว สวย หมวยเซ็กซ์ เอ็กซ์อึ๋มและรู้งานนะพี่ ผมเชื่อสายตาพี่คินทร์” แถมย้ำถ้าได้ดั่งใจ ตนจะตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ทำให้ผิดหวัง
“ฉันหวังอะไรแกได้ด้วยเหรอเนี่ย” นัครินทร์รับปาก ย้ำสเปกที่ต้องการ นาคินทร์อ่อนใจ
ปาริฉัตรเห็นสองสาวนั่งรอการสัมภาษณ์ ก็วางท่าข่มไว้ก่อน ว่าวันนี้ท่านประธานให้เกียรติสัมภาษณ์เอง แต่จะได้เป็นเลขารองประธาน เพราะเลขาท่านประธานคือตน แล้วนึกได้ยังขาดอีกหนึ่งคน ไม่ทันไรประกายเดือนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเพราะไปนั่งรอผิดชั้น ความสวยของประกายเดือนทำให้ปาริฉัตรไม่ชอบขี้หน้า ไม่ฟัง เหตุผล หาว่ามาสายไม่สมควรทำงานเป็นเลขา ว่าแล้วก็โยนแฟ้มเธอลงถังขยะ ประกายเดือนงง
ในห้องทำงาน นาคินทร์อ่านรายชื่อผู้ที่ต้อง สัมภาษณ์ สะดุดตาที่นามสกุลของประกายเดือน คือพันภพ...เขารีบกดอินเตอร์คอมบอกปาริฉัตรให้พาประกายเดือนเข้ามาสัมภาษณ์เพียงคนเดียว ทุกคนได้ยิน ชัดเจน ประกายเดือนยิ้มเย้ยปาริฉัตร แล้วปรายตาทำนองให้เก็บแฟ้มขึ้นมา
“ตราบใดที่ท่านประธานยังไม่ได้เลือก ก็อย่าเพิ่งซ่า” ปาริฉัตรจ้องหน้าเข่นเขี้ยว
ประกายเดือนยักไหล่ มอลลี่กับลูกกอล์ฟแอบดูด้วยความสอดรู้สอดเห็น...ประกายเดือนเดินเข้ามานั่งตรงหน้านาคินทร์ เขามองเธออย่างพินิจก่อนจะเอ่ยว่า นัครินทร์ติดธุระ ตนจึงต้องสัมภาษณ์แทน เขาอ่านเอกสารเห็นว่าเธอเรียนได้เกียรตินิยมอันดับสอง เคยทำงานเป็นเลขาให้บริษัทใหญ่ จึงถามทำไมถึงลาออก เธอตอบว่า ไม่ศรัทธาหัวหน้า นาคินทร์พอใจที่เธอตอบตรงดี แล้วเลยหยั่งเชิงถามเธอยังมีพี่สาว เธอบอกว่ามีพี่สาวเป็นพยาบาลพิเศษอย่างภูมิใจ
นาคินทร์นึกถึงชื่อปานตะวันที่เป็นคนทำให้คนรักเขาตายอย่างเคียดแค้น “ตกลงผมรับคุณเข้าทำงานในตำแหน่งเลขารองประธาน เงินเดือน 35,000 ตามที่เรียกมา และถ้าผ่านโปรฯจะเพิ่มให้เป็น 40,000” เธอตาโพลงตื่นเต้นดีใจมาก นาคินทร์กดเรียกปาริฉัตรมาพาประกาย-เดือนไปหาจามจุรีแล้วแจ้งนัครินทร์ด้วย ปาริฉัตรรับคำอย่างไม่พอใจ...นาคินทร์เข่นเขี้ยวแววตามุ่งมั่น
“พี่รอวันนี้มานานแล้ว พี่สัญญานะครับ ว่าพี่จะแก้แค้นให้กนก ให้สาสมที่สุด”
ooooooo
ประกายเดือนกลับห้องเช่า ลงมือทำอาหารไว้ฉลองกับพี่สาว แต่ด้วยความที่ทำไม่ค่อยเป็น ผักบุ้งไฟแดงของเธอจึงไฟลุกพรึ่บขึ้นในกระทะ ปานตะวันกลับมาพอดี เอาน้ำสาดดับไฟได้ทัน ป้าห้องข้างๆ ตะโกนมาจะเผาบ้านเผาเมืองกันหรือ ประกายเดือนโกรธสวนกลับ
“ทีแกทอดปลาเค็มล่ะอีป้า พวกฉันยังไม่ว่าสักคำ แล้วไม่ต้องมาไล่หรอกเว้ย ฉันไปแน่ แต่ก่อนไปขอเผาผีแกก่อน”
ปานตะวันเอ็ดน้องสาวให้พอได้แล้ว อดทนอีกหน่อย ตนทำงานอีกสักพักจะหาที่อยู่ใหม่ให้ ประกายเดือนรีบบอกว่า ไม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว ตนขอดูแลครอบครัวบ้าง เพราะตนได้งานใหม่เงินเดือนสูง พอปานตะวันรู้ว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ดีใจไปกับน้องด้วย ป้าข้างบ้านตะโกนด่ามาอีก หาว่าเสียงดังหนวกหู ประกายเดือนจะโวยกลับแต่พี่สาวปราม...ปานตะวันชักหวั่นใจงานอะไรทำไมถึงให้เงินเดือนสูง เป็นเฒ่าหัวงูหรือเปล่า ประกาย-เดือนขำกิ๊ก
“บ้า...ไอ้เฒ่าที่ไหน หล่อมากๆ หล่อขั้นเทพ หล่อไม่ปรึกษาใคร หล่อเลือดกำเดาไหล”
ปานตะวันว่าเยอะไปแล้ว ประกายเดือนว่าจริงๆถ้าได้เห็นจะต้องพูดเหมือนกัน และยังยืนยันว่า เจ้านายใหม่ไม่มีทีท่าเจ้าชู้แม้แต่น้อย ปานตะวันถอนใจ
“ใครจะยังไงก็ช่างเขา น้องสาวพี่อย่าโดนรังแกเหมือนเจ้านายคนก่อนก็พอ”
“ไอ้ฝรั่งลามกนั่นน่ะเหรอ...หึ้ย...นึกแล้วยังขยะแขยง แต่สำหรับท่านประธานเนี่ย นิดนึงก็ได้นะ” ประกายเดือนทำท่าเพ้อ ปานตะวันตีเพียะ “โอ๊ย! ตีอีกละ ก็มันจริงนี่ตะวัน โห หล่อรวยซะปานนั้น แต่ตะวันสบายใจได้ ไม่มีสัญญาณตอบรับใส่เค้าซักนิด...เซ็ง”
“จริงเหรอ พี่ค่อยสบายใจ”
ประกายเดือนไม่ลืมย้ำว่าต่อไปจะเป็นคนดูแลครอบครัว และจะพาออกไปจากรูหนูนี่ ปานตะวันน้ำตารื้น ปลื้มใจกับน้องที่เลี้ยงมากับมือ ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป...
ด้านนาคินทร์กลับมาบ้าน บอกพยาบาลที่ดูแล น้องสาวพิการของตนว่าให้ทำงานถึงสิ้นเดือน พร้อมเซ็นเช็คเงินให้ก้อนหนึ่ง ปรานีจึงพอใจยอมออกไปแต่โดยดี นารถนรินทร์แปลกใจที่พี่ชายไล่ปรานีออก นาคินทร์อ้างว่า เห็นเธอบ่นไม่ชอบปรานีบ่อยๆ จึงจัดการให้
“ช่วยไม่ได้ค่ะ น้องสาวคนเล็กและคนเดียวของบ้าน แถมโดนสปอยมาตั้งแต่เกิด”
นาคินทร์โยกหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู นารถนรินทร์ถามแล้วใครจะมาเป็นพยาบาลใหม่อีก จะทนตนได้นานแค่ไหน เขายิ้มอย่างมีเลศนัย
คืนนั้น สาวิตรีทำขนมเค้กมาให้สามีและลูกๆทาน เธอเป็นคุณแม่ที่ไม่สนใจออกงานสังคม ใจดี ชอบดูแลบ้านทำอาหารให้ลูกๆทาน แต่วันนี้ไม่มีใครยอมทานขนมเค้กของเธอ ต่างหาว่าดึกแล้วไม่ควรทานของหวาน พอดีอัครินทร์กลับมาท่าทางเหนื่อยๆ สาวิตรีจึงให้ทานขนม แต่เขาขอเป็นอาหารมื้อหนัก สาวิตรีรีบเข้าครัวไปจัดการให้ทันที นัครินทร์แซวน้องว่าอ้อนแม่เป็นลูกแหง่ อัครินทร์ปฏิเสธไม่ได้อ้อน แต่เหนื่อยและหิวจริง มีผ่าตัดทั้งวัน นาคินทร์ชมว่าขยัน นัครินทร์รีบปรามอย่าเริ่มเดี๋ยวตัวเองโดนพ่อเทศนาอีก ทวยเทพได้ยินจึงเริ่มเสียเลย
“ได้ข่าวว่าทิ้งงานทิ้งการมัวแต่ไปจีบสาว”
“นั่นไง...เดี๋ยวสิครับพ่อ ผมก็รอพี่คินทร์อยู่นี่ไง ตกลงหาเลขาให้ผมได้ยัง ผมจะได้เริ่มทำงานซะที ก็คนมันไม่มีเลขา แล้วจะให้ทำงานได้ยังไงล่ะ...ใช่ป่ะ”
“เหรอ...” ทวยเทพและนารถนรินทร์ร้องพร้อมกัน
นัครินทร์ฉุดนาคินทร์ออกไปถามไถ่ว่าได้เลขาตามที่ตนต้องการหรือเปล่า นาคินทร์จึงแกล้งบอกว่าได้ แล้ว สูง 150 กว่าๆ น้ำหนัก 60 หน้าตาเรียบๆ อายุประมาณ 50...นัครินทร์แทบทรุด เอาป้าบุญธรรมมาให้ตนหรืออย่างไร นาคินทร์แอบขำ ย้ำหาเลขาไม่ใช่หาพริตตี้ แล้วถ้าพรุ่งนี้ไม่ไปทำงานจะตัดเงินเดือน ตัดบัตรเครดิต นัครินทร์เคืองเดินยัวะๆออกไป...นาคินทร์เปลี่ยนจากยิ้มเป็นหน้านิ่ง คำรามในคอ “แกเลือกเองไม่ได้หรอก ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนเลือก และฉันเลือกแล้ว เลขาคนใหม่ของแกจะต้องเป็นน้องสาวของผู้หญิงที่ชื่อ ปานตะวัน พันภพ เท่านั้น”
ooooooo
เช้าวันใหม่ นัครินทร์ขับรถเข้ามาในบริษัทพอดีประกายเดือนมาทำงานสายรีบวิ่งตัดหน้ารถ เขาต้องเบรกชะโงกหน้ามาโวยวาย อยากตายหรือ...แต่พอเห็นหญิงสาวเงยหน้าจากการก้มหัวขอโทษ ก็ตะลึง...อย่าเพิ่งตาย ไม่ควรตาย...เสียดายของ
นัครินทร์ทิ้งรถวิ่งตาม ทันเจอกับประกายเดือนในลิฟต์ เธอเข้าใจว่าเขาเป็นพนักงานมาสายเหมือนกัน ต่างเอื้อมมือกดลิฟต์พร้อมกัน ประกายเดือนชักมือกลับ เริ่มอึดอัดกับสายตาเจ้าชู้ของนัครินทร์ เขาชวนคุยแล้วเผลอบ่นถึงเลขาคนใหม่ให้ฟังว่าเป็นยายป้าอ้วนดำ แถมยังเตี้ยเหมือนแหนมป้าย่น ถ้าสวยอย่างนี้ก็คงจะดี ประกายเดือนฟังแล้วเคืองๆ
“ฉันว่าการเป็นเลขาที่ดี มันไม่น่าจะวัดกันที่รูปร่างหน้าตาอย่างเดียว แต่ความสามารถน่าจะมาก่อน ขาวสวยหมวยอึ๋มแต่สมองโบ๋จะมีประโยชน์อะไร คุณป้าเขาอาจเก่งมีประสบการณ์การทำงานมามาก คุณไม่คิดอย่างนี้บ้างเหรอคะ รึว่าคิดไม่เป็น”
นัครินทร์สะอึก ยิ้มแหะๆ คิดในใจปากดีแบบนี้ ไม่รู้ว่าไผเป็นไผเสียแล้ว ไม่เกินคืนนี้เสร็จเราแน่...ตรงข้ามกับประกายเดือนที่คิดในใจเช่นกันว่า น้ำหน้าอย่างนี้ อย่ามาเจอเลขาจอมซนแสนสวยอย่างตนแล้วกัน...พอลิฟต์เปิดออก เสียงสาวโดนัทกำลังเม้งอยู่แถวหน้าห้องทำงาน นัครินทร์รีบหลบวูบ...ปาริฉัตรเข้ามาโวยประกาย-เดือนวันแรกก็มาสายและบอกว่าท่านประธานเรียกพบ ประกายเดือนงงๆ ไม่รอดสายตามอลลี่กับลูกกอล์ฟที่เอามาเม้าท์กันเมามัน
นาคินทร์ยิ้มทักทาย ไม่รอช้า หยิบรูปน้องสาวพิการออกมาให้ดู แต่เกริ่นว่า พยาบาลที่ดูแลเธอลาออก ได้ยินว่าพี่สาวประกายเดือนเป็นพยาบาล ตนอยากจะจ้างมาดูแลน้องสาว ประกายเดือนคิดว่าเป็นงานที่ดี จึงรับปากจะนัดพี่สาวมาคุยกับเขา เผอิญเย็นนี้ตนนัดไปดูคอนโดใหม่กัน นาคินทร์แปลกใจ ประกายเดือนขยายความ
“ค่ะ...เดือน เอ๊ย ดิฉันได้งานที่นี่ก็เลยตั้งใจจะหาที่อยู่ใหม่ให้ตะวันได้อยู่สบายกว่าเดิม”
นาคินทร์ชื่นชม ประกายเดือนบอกว่าจะโทร.ไปถามพี่สาวดู นาคินทร์พยักหน้าก่อนจะบอกให้เธอเรียกแทนตัวว่าเดือนน่ะดีแล้ว...ให้บังเอิญ ที่ปานตะวันไปดูแลคุณยายท่านหนึ่งที่บ้าน แต่ท่านเอาแต่ใจมาก หาเรื่องจนเธอโดนไล่ออกจนได้ อ้างว่าเธอคุยโทรศัพท์เวลางาน...ปานตะวันนั่งเซ็ง อาร์ตโทร.เข้ามาหาอีก เพื่อจะขอคืนดี ปานตะวันโวยเพราะเป็นเหตุให้เธอโดนไล่ออก สักพัก ประกายเดือนโทร.เข้ามา เธอคิดว่าเป็นอาร์ตจึงโวย ประกายเดือนร้องบอก
“เขาเองไม่ใช่ไอ้พี่อาร์ต เขาบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าคุยกับมัน อย่ารับโทรศัพท์มัน ตะวันก็ใจอ่อนอยู่ได้ ใจอ่อนทำไมผู้ชายห่วยๆ...ช่างเถอะ” ว่าแล้วประกาย-เดือนก็คุยธุระ...ปานตะวันตกใจไม่คิดอยากทำงานกับเจ้านายน้องสาว
นัครินทร์เข้ามาบ่นกับนาคินทร์ว่า ป่านนี้แล้วเลขาป้าย่นยังไม่มาทำงาน ตนก็จะออกไปทำธุระบ้าง นาคินทร์ดักคอไม่ต้องเลย เพราะตนได้จัดการธุระเขาเรียบร้อยแล้ว นัครินทร์ตกใจรีบไปเปิดม่านดู เห็นสาวโดนัทของเขากำลังถูก รปภ.หิ้วปีกออกไป เขาโอดโอยพี่ชายทำแบบนี้ได้อย่างไร ตนเพิ่งรู้จักสาวคนนี้เมื่อคืนเอง
“ก็ช่างแก แต่ตอนนี้คนที่แกควรจะต้องรู้จักมากกว่าใคร ก็คือ...เลขาคนใหม่ของแก”
นัครินทร์เบ้หน้าไม่อยากเจอเลขาป้าย่น ทันใด ประกายเดือนเคาะประตูเปิดเข้ามา เขาตะลึง ประกายเดือนถามท่านประธานมีอะไรให้รับใช้ นัครินทร์โวยทันที
“พนักงานใหม่ พี่คินทร์รู้จักด้วยเหรอฮะ โห...ทีงี้ไม่เอามาเป็นเลขาผม ไปเอายัยป้าแก่อ้วนดำ แหนมป้าย่นมาให้ทำงานกับผมทำไมก็ไม่รู้”
ประกายเดือนอุทาน “นี่หมายความว่า...”
นัครินทร์บ่นว่าที่ตนเล่าให้ฟังในลิฟท์น่ะ ท่านประธานเป็นคนเลือกมาให้ ตนตายเสียดีกว่าต้องมีเลขาเป็นยายแหนมป้าย่น ประกายเดือนสวน ตนต่างหากที่อยากตายมากกว่า นาคินทร์เฉลยว่าประกายเดือนนั่นแหละที่เป็นเลขาใหม่ นัครินทร์ร้องเฮ้ย...ดีใจออกนอกหน้า ชายหนุ่มยื่นมือทำความรู้จักแต่หญิงสาวชะงักยกมือสวัสดีแทน เขารีบบอก
“เรียกผมว่าคุณนัคก็พอ ไม่ต้องท่านรงท่านรอง มันดูเครียด ดูห่างเหิน”
“ห่างๆหน่อยก็ดี...เปล่าค่ะ ดิฉันว่าไม่ค่อยดีมั้งคะ เดี๋ยวใครจะว่าเอา”
นัครินทร์ยิ้มใครจะกล้าว่า นาคินทร์ตัดบทถามน้องชาย ตกลงจะเปลี่ยนเลขาใหม่อีกไหม นัครินทร์ สวนทันควัน “เปลี่ยนก็บ้าแล้วพี่ นี่ก็สายมากแล้ว ผมพาเลขาผมไปทำงานได้รึยังฮะ”
นาคินทร์ผายมือขำๆ แต่อดเรียกประกายเดือนถามเรื่องพี่สาวเธอว่าอย่างไร เธออึกอักก่อนจะบอกไปว่าไม่มีปัญหา ประกายเดือนเดินตามนัครินทร์ออกไป... นาคินทร์เข่นเขี้ยว
“3 ปีที่ผ่านมา มันนานเหลือเกินกนก แต่ในที่สุด วันนั้นมันก็มาถึง วันที่คนผิดจะต้องรับผิด จะต้องถูกลงโทษ พี่คินทร์จะไม่ปล่อยให้มันและใครก็ตามที่มันรัก ได้อยู่อย่างมีความสุขบนความทุกข์ของเราอีกต่อไปพี่คินทร์ให้สัญญา” สีหน้านาคินทร์มุ่งมั่นดูน่ากลัว
ooooooo
ปานตะวันต้องเสียงานไปหนึ่งจ๊อบ เดินกลับบ้านก็เจอคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์เฉี่ยว ชี้หน้าแล้วทำท่าปาดคอขู่ เธองงว่ามันอะไรกัน
ประกายเดือนร้อนใจที่ปานตะวันไม่ตอบตกลงมาเสียที จึงโทร.กลับไปหาอีกครั้ง เธอปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจเจ้านายน้องสาว ประกายเดือนนั่งบ่น...ตายแน่ รับปากนาคินทร์ไปแล้ว นัครินทร์มาได้ยิน เข้ามายืนเท้าโต๊ะ เปรยอย่างหมาหยอกไก่...อย่าเพิ่งตายเลย น่าเสียดาย ประกายเดือนตกใจอุทาน ไอ้บ้า...ออกไป เขาโวยถึงกับด่ากันเลยหรือ
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะท่านรอง ดิฉัน...ดิฉัน...บ้าจี้น่ะค่ะ”
นัครินทร์ไม่อยากจะเชื่อ สายตาอดมองเลยไปที่ทรวงอกหญิงสาวไม่ได้ พอเธอรู้สึกตัวต้องคว้าอะไรมากอดอกไว้ ชายหนุ่มชวนทานข้าวกลางวัน แต่ละที่ที่บอกมาชานเมืองทั้งนั้น เธอจึงถามจะกลับมาทันนัดเย็นนี้ไหม เพราะตนมีนัดกับท่านประธาน เขายิ้มแหยๆ ไม่กล้าให้ผิดนัด
“ว่าแต่ท่านประธานนัดคุณเรื่องอะไร...”
ประกายเดือนทำท่าจะกดโทรศัพท์ไปถามให้ นัครินทร์โวยไม่ต้อง แล้วเดินฮึดฮัดกลับเข้าห้อง ประกายเดือนยิ้มขำๆไม่รู้ไผเป็นไผ แล้วมากลุ้มใจต่อจะ บอกนาคินทร์อย่างไรดี...นัครินทร์นั่งบ่นในห้องตั้งแต่ กนกวลีตาย นาคินทร์ไม่เคยเดทกับใคร ทำไมต้องมาเริ่มกับคนของตน
ตกเย็น ปาริฉัตรหอบแฟ้มงานเข้ามาให้นาคินทร์ เพราะเขามักอยู่ทำงานจนค่ำ แต่วันนี้เขากลับบอกว่ามีนัด สั่งให้บอกคนรถเตรียมรถ เขาจะขับเองและให้บอกประกายเดือนไปรอข้างล่างด้วย ปาริฉัตรกำลังตกใจ นาคินทร์เปลี่ยนใจ
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวผมเดินไปรับเขาที่หน้าห้องเจ้านัคเอง”
ปาริฉัตรยิ่งเหวอ วิ่งตามไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่รอดสายตาความอยากรู้ของมอลลี่กับลูกกอล์ฟไปได้ จามจุรีเอ็ดทั้งสองคนแต่ก็อดตามดูด้วยไม่ได้... นัครินทร์กำลังชวนประกายเดือนเลิกงานไปหาข้าวทานด้วยกัน เธอแย้งว่ามีนัดกับท่านประธาน นัครินทร์โวยพี่ชายทำไม่ถูก นาคินทร์เดินเข้ามา บอกว่าตนกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด แล้วหันไปบอกปาริฉัตรช่วยงานนัครินทร์แทน ประกายเดือนแอบยิ้มเย้ยก่อนจะเดินตามนาคินทร์ไป
มอลลี่กระซิบลูกกอล์ฟให้ดูหน้าเลขากินแห้ว จามจุรีเอ็ด “สมรศรี...”
มอลลี่สะดุ้งที่โดนเรียกชื่อเก่าแสนเชย “มอลลี่ก็ได้ค่า...”
นาคินทร์รู้ว่าปานตะวันยังไม่นัดมา จึงให้ประกายเดือนพาไปพบที่บ้านเสียเลย ประกายเดือนนั่งตัวลีบในรถหรูของเจ้านาย ทั้งตื่นเต้นทั้งหวาดกลัวกับความเร็ว เขาเหลียวมองแล้วถาม
“ไม่สบายใจอะไรครับ”
“เอ่อ...ปะเปล่าค่ะ...จะดีเหรอคะที่ท่านประธานจะไปพบตะวันที่บ้าน”
“ดีสิครับ สบายๆ กันเองดี”
“เอ่อ...แต่...คือ...คือบ้าน เอ๊ย ห้องเช่าเราสองคนมัน มันเล็กยังกะรูหนูน่ะค่ะ”
“แล้วไงครับ...”
“เกรงใจท่านประธานน่ะค่ะ ไว้วันหลังเดือนค่อยนัดตะวันให้อีกที นัดไปทานข้างนอกก็ได้ ดีไหมคะ”
“ไม่ดีหรอก เจอกันวันนี้ ดีที่สุดแล้ว”
อ่านละคร เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 1 วันที่ 13 พ.ค. 57
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น บทประพันธ์โดย Shaynaละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น ผลิตโดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น โดยผู้จัด อรพรรณ (พานทอง)วัชรพล
ละครเรื่อง เสน่หา สัญญาแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 ทางไทยทีวีช่อง 3
ละครเรื่อง เสน่หา สัญญาแค้น...เริ่มออกอากาศตอนแรก 21 พ.ค.57ต่อจากละครเรื่อง อย่าลืมฉัน
ที่มา ไทยรัฐ