อ่านละคร เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 3 วันที่ 18 พ.ค. 57
นาคินทร์ยิ้มขำที่ปานตะวันพูดผิดพูดถูก “ใจเย็นๆ ครับ..ค่อยๆ พูดก็ได้ คุณตะวันเพิ่งตื่นเหรอครับ?”ปานตะวันตะปบแน่นกว่าเก่า รีบพูดตกใจ “แต่เดือนตื่นนานแล้วนะคะ ไปทำงานตั้งนานแล้วด้วย นี่เดือนยังไม่ถึงบริษัทเหรอคะ?”
นาคินทร์ยิ้ม “ถึงนานแล้วครับ แต่ผมไม่ได้มาหาคุณเดือน..ผมมาหาคุณ”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์เดินไปหาแจกัน หรืออะไรที่พอจะใส่ดอกไม้ได้ พูดไปจัดไป “เมื่อคืนผมเห็นห้องคุณไม่มีดอกไม้ ผมเลยเอาดอกไม้มาให้ ตื่นขึ้นมาคุณจะได้สดชื่น”
ปานตะวันงงสิ “เอ่อ..ค่ะ”
“หิวมั๊ยครับ?”
“คะ???”
“เพิ่งตื่น..ตื่นสายด้วย..จะต้องหิวแน่ๆ”
นาคินทร์พูดจบเดินไปที่แพนทรี ปานตะวันหายงง นึกขึ้นได้ “เดี๋ยวค่ะ..ไม่ใช่นะคะ..เดี๋ยว!!!” ปานตะวันวิ่งตามไปที่แพนทรี
ที่แพนทรี นาคินทร์กำลังก้มๆ เงยๆ เปิดลิ้นชักหาอุปกรณ์ ปานตะวันวิ่งเข้ามาพูดไป นาคินทร์ก็ทำธุระตัวเองไป
“เดี๋ยวนะคะ..ฟังฉันก่อน..ปกติฉันไม่ใช่คนนอนตื่นสายนะคะ”
นาคินทร์หยิบไข่มาชูขึ้น 2 ใบ “ไข่ดาว หรือ ออมเล็ตดีครับ”
“เพียงแต่เมื่อคืนฉัน..ฉันเหนื่อย ก็เลยเพลียแล้วก็เลยเผลอหลับ”
“ออมเล็ตนะครับ” นาคินทร์ไม่รอคำตอบ ตีไข่ใส่ถ้วย
ปานตะวันพยายามชี้แจง “ปกติฉันตื่นเช้านะคะ ตี5 ฉันก็ต้องตื่นแล้ว”
นาคินทร์ยื่นถ้วยให้ “ช่วยคน..เบาๆ นะครับ”
นาคินทร์หันไปเปิดเตา ปานตะวันเผลอรับมา คนไปพูดไป “คุณคะ..ฟังฉันก่อนสิคะ ปกติฉันตื่นตี 5”
ปานตะวันตีไข่แรงสุดฤทธิ์ นาคินทร์หันมาเห็นตกใจ “โอย..ต้องคนเบาๆ ครับ”
นาคินทร์เอามือคว้าถ้วยหมับ จับมือปานตะวันเข้าไปเต็มๆ ปานตะวันตกใจ หยุดพูด 2 คนมองกันไป-มา ปานตะวันเป็นฝ่ายดึงมือออก นาคินทร์ยิ้มๆ “ออมเล็ตคงไม่ได้แล้ว ไข่เจียวเลยมั๊ยครับ?”
ปานตะวันเสียงแข็งขึ้นมาเลย “ฉันยังไม่หิวค่ะ”
เสียงท้องปานตะวันร้องดังขึ้นมา ปานตะวันสะดุ้ง อายมาก นาคินทร์ยิ้ม “ตอนนี้คุณหิวแล้วแน่ๆ”
นาคินทร์หันไปเทไข่ใส่กะทะฟู่ว์ว์ว์ ปานตะวันแอบกลืนน้ำลาย นาคินทร์หันมามองยิ้มๆ ปานตะวันเผลอค้อน นาคินทร์ยิ้ม หันไปเจียวไข่ต่อ ปานตะวันได้กลิ่นหอมหวลชวนห้ามใจ แต่ก็แจกค้อนนาคินทร์ลับหลังไปอีกหนึ่งควับ
ที่โต๊ะอาหารบริเวณแพนทรี นาคินทร์วางจานข้าวไข่เจียวลงตรงหน้าปานตะวันที่ยังฟอร์มๆ
“ทานซะหน่อยเถอะครับ เมื่อกี๊ท้องร้องดังมาก เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ”
ปานตะวันอายมาก “ฉันยังไม่หิวจริงๆ ค่ะ”
นาคินทร์ยิ้ม “ถ้างั้นก็ช่วยชิมซักนิด ให้ผมชื่นใจที่อุตส่าห์ทำข้าวไข่เจียวให้คุณทาน..นะครับ” ปานตะวันอึ้งไป ก่อนจะค่อยๆ ตักทานคำนึง “พอใช้ได้มั้ยครับ”
ปานตะวันพยักหน้าพอรักษามารยาท นาคินทร์ยิ้ม มอง
“ต้องขอโทษนะคะ..คุณนาคินทร์..คุณมาที่นี่ คงไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อจัดดอกไม้และทำข้าวไข่เจียวให้ฉันทานแน่ๆ”
“ผมตั้งใจครับ”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ยิ้ม “ผมตั้งใจจริงๆ พอทราบจากคุณเดือนว่าคุณไม่ได้ไปทำงาน ผมก็เป็นห่วง”
ปานตะวันชะงัก “เพราะเมื่อวาน คุณก็ตัวอุ่นๆ เหมือนจะไม่สบาย”
ปานตะวันรู้สึก..นิดๆ ..มีคนห่วงใย?? จำได้??
“ผมเห็นคุณอยู่คนเดียว เพิ่งจะย้ายมาด้วย เลยกลัวว่าจะลำบาก”
ปานตะวันเสียงเบาลง “ขอบคุณมากค่ะ..แต่ฉันไม่เป็นอะไร”
นาคินทร์ยิ้ม “ได้เห็นอย่างนี้ ผมก็ดีใจครับ” ทั้งน้ำเสียงและสายตานาคินทร์จริงใจจนปานตะวันรู้สึกได้ “ยิ่งถ้าคุณทานข้าวไข่เจียวของผมหมดจาน ผมจะยิ่งดีใจมากเลย ผมไม่รบกวนคุณแล้ว”
ปานตะวันรู้สึกเสียดายนิดๆ ที่นาคินทร์จะรีบกลับ ปานตะวันลุกขึ้นเหมือนจะไปส่ง นาคินทร์แตะไหล่ 2 ข้างให้นั่งลง “ไม่เป็นไร..ทานข้าวเถอะครับ”
ปานตะวันงงตัวเอง ว่าง่ายยังกะเด็กนักเรียน นาคินทร์ก้มมาพูดใกล้ๆ หู มือสอง ข้างยังจับไหล่ปานตะวันอยู่ “อย่าลืม..ว่าผมเป็นห่วงคุณ”
ปานตะวันมองหน้า จ้องตา สองคนหน้าใกล้กันมากกกกก
“เพราะถ้าคุณเป็นอะไรไป..คงจะไม่มีใครดีพอที่จะมาดูแลยัยนารถน้องสาวของผมได้”
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ นาคินทร์สายตาจริงใจ ยิ้มให้ แล้วค่อยๆ เดินจากไป ปานตะวัน นั่งนิ่งอึ้งคิดอยู่ตรงนั้น ก่อนจะตัดสินใจหันไปเรียกนาคินทร์ “เดี๋ยวก่อนค่ะ”
นาคินทร์ชะงัก สีหน้ายิ้ม สายตาวิบวับอย่างพึงพอใจที่สุด ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาสีหน้ายิ้ม แต่สายตาซื่อใส นาคินทร์จ้องตาแป๋ว “ครับ”
ปานตะวันอึกอัก “เอ่อ..คือว่า”
นาคินทร์เดินกลับมามองตาใกล้ๆ “มีอะไรเหรอครับคุณตะวัน”
ปานตะวันโดนจ้องตาจนต้องหลบ “เอ่อ..คือ..ฉันรู้สึกเกรงใจมากที่ต้องมารบกวนคุณแบบนี้”
นาคินทร์ยิ้ม มองตาไม่กะพริบ “ผมเต็มใจให้คุณรบกวนครับ”
ปานตะวันตวัดสายตาขึ้นมองอย่างพยายามจับพิรุธ แต่สายตานาคินทร์ใสซื่อ จริงใจสุดๆ นาคินทร์พูดอย่างเข้าใจ “ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คงจะต้องคิดเหมือนที่คุณกำลังคิดอยู่ล่ะครับ”
“คุณทราบเหรอคะว่าฉันคิดอะไรอยู่”
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ “คุณกำลังสงสัย ไม่ไว้วางใจ ไม่แน่ใจว่าที่ผมทำดีกับคุณต่างๆ นานานี่ จริงๆ แล้วผมมีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า”
ปานตะวันแอบสะดุ้งนิดนึง..รู้ได้ไงอ่ะ? นาคินทร์ยิ้มกว้าง “ผมทายถูกมั๊ยครับ”
ปานตะวันกล้าคิดกล้ารับ “มันก็น่าคิดไม่ใช่เหรอคะ”
นาคินทร์พยักหน้ารับ “แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า..คุณคิดผิด” ปานตะวันมอง “ผมไม่มีแผนร้ายอะไรทั้งนั้น ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่า ผมมีน้องสาวคนเดียว” พูดถึงน้องสาวแต่ใจนึกถึงกนก “อะไรที่ผมสามารถทำเพื่อ “คนที่ผมรัก” ได้ ผมก็อยากจะทำให้ก่อนที่ไม่มีโอกาสจะได้ทำ”
ปานตะวันตกใจเล็กๆ “ทำไมคุณพูดอย่างนั้นล่ะคะ?”
นาคินทร์รู้สึกตัว ยิ้ม “อ๋อ... ผมก็แค่ไม่อยากประมาท ไม่มีใครรู้นี่ครับว่าพรุ่งนี้ชีวิตของเราจะเป็นยังไง”
ปานตะวันอึ้งไป “ก็จริงค่ะ ฉันเองก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ฉันกับน้องจะต้องกลายเป็นลูกกำพร้า ต้องตกระกำลำบากกัน 2 คนพี่น้อง”
นาคินทร์มอง ปานตะวันรู้สึกตัว รีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ่อ..คุณรักน้องสาวของคุณมากเลยนะคะ...คุณนาคินทร์”
นาคินทร์ยิ้ม “คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับคุณตะวัน?”
ปานตะวันถอนใจ “คุณกรุณาต่อเดือนและฉันมาก ฉันไม่อยากเอาเปรียบคุณค่ะ”
นาคินทร์เลิกคิ้วมอง เริ่มดีใจ ตาเป็นประกาย “ขอพบน้องสาวคุณก่อนได้มั้ยคะ แล้วฉันจะตัดสินใจอีกที”
นาคินทร์ยิ้มอย่างดีใจ “ได้สิครับ!! ได้เลย...คุณตะวัน”
พูดจบนาคินทร์ก็พุ่งเข้ารวบตัวปานตะวันมากอดแน่นอย่างดีใจ ปานตะวันอึ้ง ตั้งตัวไม่ทัน ปานตะวันผละออก นาคินทร์สีหน้าจริงใจใสมาก “ขอโทษครับ..อย่าโกรธผมนะครับ ผมดีใจมากจนลืมตัว”
นาคินทร์ยิ้มแฉ่ง “ขอบคุณนะครับคุณตะวัน ขอบคุณมาก”
ปานตะวันทั้งโกรธทั้งเขิน แต่ความใสของนาคินทร์ทำให้โกรธไม่ลง ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ “ถ้างั้นไปกันเลยนะครับ”
“ไปไหนคะ?”
“ก็ไปหายัยนารถน้องสาวผมไงครับ”
ปานตะวันตกใจ “อะไรนะคะ จะไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ”
นาคินทร์ยิ้ม “ครับ!!”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ยิ้มแต่แววตาสุดท้ายมีซ่อนร้าย
ที่บ้านไกรตระกูล สาวิตรีพูดโทรศัพท์อย่างตกใจ “ว่าไงนะพี่คิน?? พี่คินบอกว่าพี่คินกำลังจะพาแขกคนสำคัญมาบ้านเราตอนนี้??”
ทวยเทพ นารถนรินทร์และใบตอง ได้ยินก็ฮือฮาด้วยความตื่นเต้น
นาคินทร์พูดโทรศัพท์ในรถ มีปานตะวันนั่งเจี๋ยมเจี้ยมข้างๆ นาคินทร์ยิ้ม “ใช่ครับคุณแม่..แขกคนสำคัญ”นาคินทร์ปรายตามองปานตะวัน ปานตะวันยิ่งสะดุ้ง เจี๋ยมเจี้ยมหนักเข้าไปอีก
“ถาม 5 คำนะจ๊ะพี่คิน ผู้หญิงรึผู้ชาย”
ทวยเทพ นารถนรินทร์ และ ใบตอง ลุ้น
นาคินทร์เหลือบมองปานตะวัน ยิ้มๆ “ผู้หญิงครับ...สวยด้วย” ปานตะวันหันขวับมองนาคินทร์ที่ทำหน้าตาเฉยคุยต่อ“อ้อ! คุณแม่ช่วยบอกให้ยัยนารถอยู่รอนะครับ...อย่าออกไปไหน ผมคิดว่าไม่เกินชั่วโมงน่าจะถึง”
สาวิตรีพูดโทรศัพท์ เสียงเข้ม “ว๊าย!! ไม่ได้ พี่คินจะพาแขกสำคัญของพี่คินมาบ้านเราตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!!”
ทวยเทพ นารถนรินทร์ และใบตอง งง
นาคินทร์ก็งงไปด้วย “ทำไมล่ะครับคุณแม่”
“ก็แขกคนสำคัญ...เป็นผู้หญิง...และสวยด้วยซะขนาดนี้ แม่ต้องขอโชว์ฝีมือทำอาหารมื้อพิเศษไว้ต้อนรับน่ะสิจ๊ะ อย่าเพิ่งมาตอนนี้นะ มามื้อเย็นเลยดีมั๊ยลูก? “
นาคินทร์ทำเสียงเพลีย “คุณแม่..ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ”
“โนๆๆ...แม่เข้าใจ รับรองว่าแม่จะไม่ทำอะไรเอิกเกริก ทุกอย่างจะเป็นปกติธรรมดา แม่ไม่ทำให้พี่คินเขินหรอกน่าาา”
นาคินทร์ส่ายหน้า “คุณแม่”
“ตกลง...โอเค..ตามนั้นนะจ๊ะ..บาย!!!” สาวิตรีวางหู ทุกคนกรูเข้ามาจ้องจนสาวิตรีตกใจ ก่อนจะบอก “โอเค.ทุกคน ฟังนะ!!!”
ปานตะวันมองเห็น นาคินทร์ถอนใจเฮือกหลังพูดโทรศัพท์จบเลยชักเกรงใจ “ถ้าไม่สะดวก”
“สะดวกครับ แต่คุณแม่ผมอยากให้เราเข้าไปช่วงเย็นๆ จะได้ทานข้าวเย็นกับท่านด้วยเลย”
ปานตะวันตั้ง่ท่าจะปฏิเสธทันที “เอ่อ..แต่ฉันว่า”
“ก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปหาท่านหลายวันแล้ว” นาคินทร์มองนาฬิกา “ระหว่างนี้..เราจะทำอะไรกันดีล่ะ? “
ปานตะวันสะดุ้ง “เอ่อ..ฉัน...”
นาคินทร์สวน “นึกออกแล้ว!!”
นาคินทร์หักพวงมาลัยรถทันทีโดยไม่ฟังเสียงปานตะวัน
“คุณนาคินทร์คะ..เดี๋ยว!!”
นาคินทร์เดินนำปานตะวันเข้ามาบริเวณหน้าโรงหนัง
“คุณนาคินทร์คะ ฉันอยากกลับ”
“ผมไม่เคยเข้าโรงหนังอีกเลยนับตั้งแต่...” นาคินทร์ชะงักเมื่อนึกได้ว่า เขาไม่ได้เข้าโรงหนังมาตั้งแต่กนกตาย แต่เมื่อเห็นปานตะวันชะงักฟัง ก็เลยรีบเปลี่ยนประเด็น “ตั้งแต่งานที่บริษัทยุ่งเหลือเกิน ไหนๆ วันนี้ก็ทิ้งงานมาแล้ว ดูหนังเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับคุณตะวัน”
อ่านละคร เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 3 วันที่ 18 พ.ค. 57
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น บทประพันธ์โดย Shaynaละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น ผลิตโดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น โดยผู้จัด อรพรรณ (พานทอง)วัชรพล
ละครเรื่อง เสน่หา สัญญาแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 ทางไทยทีวีช่อง 3
ละครเรื่อง เสน่หา สัญญาแค้น...เริ่มออกอากาศตอนแรก 21 พ.ค.57ต่อจากละครเรื่อง อย่าลืมฉัน
ที่มา ไทยรัฐ