ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 15/2 วันที่ 9 พ.ค. 57
"นั่นสิ...เอาใหม่ ไปนั่งวิปัสสนาดีมั้ย ออร่าเกิดโดยไม่ต้องไปทำทรีตเม้นต์หน้า แต่ที่รู้ๆ...ฉันควรวางแผนชีวิตในวงการของตัวเองใหม่หลังจากที่ยกเลิกสัญญากับคุณพีศแล้ว ฉันอาจจะรับเล่นบทแม่""เอาจริงเหรอคะป้า" โตโต้ถาม
"อืม....ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันกลายเป็นสินค้าราคาตกไปแล้ว"
เธอเหลือบไปเห็นพีศทรรตและธัญรดาเดินจูงมือญาดามาเดินเล่นไปทางหนึ่ง
เธอหน้าหมองลง ทุกคนหมองด้วย....ยกเว้นเมอร์ดี้ที่มองอย่างหมั่นไส้
"อย่าเศร้าไปเลยแก ยังไงแกก็ยังมีฉันเป็นเพื่อนบนคานนะ"
ทุกคนตกใจ แปลกใจ
"เหย"
"อะไร ยังไง แก บอกมาเดี๋ยวนี้นะ"
"เกิดอะไรขึ้น มันต้องเกิดอะไรแน่ๆ เหมือนแกจะเลิกกับแฟนทั้งที่เพิ่งมีแฟนได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง"
เพื่อนทั้งสองบอก “โอ๊ย! งง"
"อย่างงเลย ฉันจะเลิกกับกฤษฎา จริงๆ"
"เพราะ"
"ฉันมาคิดๆและชั่งน้ำหนักดูแล้ว...มันไม่เวิร์ก"
"ทำไม"
"อีกห้าปี ฉันอายุเท่าไหร่"
"แค่สี่สิบเอง" ปินัทธาบอก
"ตั้งสี่สิบต่างหาก ส่วนกฤษฎาล่ะ"
"สามสิบ" วลัยบอก
"เพิ่งจะสามสิบ แล้วอีกห้าปีต่อมาฉันก็สี่สิบห้า กฤษฎาเพิ่งสามสิบห้า"
"แล้วไง เมื่อเช้าแกเพิ่งบอกกับฉันว่าความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจของคนสองคนที่ตรงกัน มันไม่เกี่ยวว่าใครจะอายุเท่าไหร่" ปินัทธาบอก
"ก็คนเราพอตอนจะเอา มันก็ไม่สนเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ฉันไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ฉันต้องคิดเยอะ ความรักที่ใช้แต่หัวใจ ไม่ใช้สมอง สุดท้ายแล้วคืออะไรรู้มั้ย ความเจ็บปวดไง ฉันไม่อยากเจ็บ อาการหนัก เพราะฉะนั้นถอนตัวได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี"
เพื่อนทั้งสองอึ้งไป
"คุณกำลังกลัวอะไรครับ"
ทุกคนหันไป กฤษฎาเดินเข้ามา ในสภาพโทรม อิดโรย
"ฉัน...คือ"
เพื่อนทั้งสองรีบชิ่งกันออกไป เหลือแต่เขากับเธอที่อึกอัก ลังเล สับสน และเจ็บปวด ที่เห็นสายตาตัดพ้อ ตั้งคำถามของกฤษฎา
อีกมุมหนึ่งรีสอร์ต ปินัทธาเดินมากับภัทรวลัย
"กฤษฎากลับมาแล้ว แปลว่า ผัวฉันก็ต้องกลับมาแล้วสิ"
"ไปหาผัวแกเลยไป"
"จะสอบเค้นให้หนักเลย คอยดู ว่าแข่งว่าวนานาชาติ มันมากมั้ย"
ภัทรวลัยเดินออกไป น้ำปินัทธามองตามยิ้มๆ รู้สึกเหนื่อย ลงนั่งพัก พีศทรรตเดินเข้ามายืนข้างหลัง
"เหนื่อยมั้ย"
เธอสะดุ้งโหยง หันไป
"คุณพีศ"
"ใช่ ผมเอง"
"ลูกเมียคุณล่ะ"
"ไปรอผมที่ห้องอาหาร ผมปลีกตัวมาหาคุณ เพราะมีเรื่องจะคุยด้วย"
"ว่ามาสิ"
"ผมจะค้างที่นี่ต่ออีกคืนหนึ่งนะ เพราะมันติดวันหยุดพอดี อยากให้ลูกได้สนุกเต็มที่"
"ก็ดีนะ แฮปปี้แฟมมิลี่ แฮปปี้ ดีใจด้วย แฮปปี้"
"อย่าประชด..ผมกับรดาเราคุยกันแล้วว่า มันจะต้องเป็นอย่างนั้น"
น้ำผึ้งจุกเลย
"เรื่องอนาคตของเรา ผมหมายถึงเรื่องงาน จะเอาไงต่อ เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่ออฟฟิศ ผมไปล่ะ เดินทางกลับกันดีๆนะ"
แล้วพีศทรรตก็ออกไป น้ำผึ้งคอตกลงไปอีก ก้มหน้านิ่ง...น้ำตาหยดติ๋งๆ เจ็บลึก เจ็บที่สุด นั่งอยู่เพียงลำพัง
วายุบุตรสีหน้าเศร้าเดินมากับณัฎฐาลินี
"ผมคงต้องรีบกลับกรุงเทพเลย เที่ยวบินพรุ่งนี้เช้า พร้อมกับ...สิริมา"
"ฉันเสียใจด้วย เรื่องคุณสิริมา"
"สิริมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมรู้สึกว่าเป็นหนี้เธอมากมายเหลือเกิน"
"ฉันคงเป็นเพื่อนที่ดีของคุณได้ไม่ถึงครึ่งของคุณสิริมา"
"ไม่มีใครเหมือนใคร และคุณก็ไม่ได้เป็นเพื่อนผม"
เธออึ้ง
"คุณไม่ได้เป็นแค่เพื่อนผม แต่คุณเป็นคนที่ผมรักที่สุด"
"แต่ฉันไม่แน่ใจ"
"แค่คุณยอมให้โอกาสเราสองคนได้เรียนรู้กัน และผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องลงเอยกันอย่างไร"
"ไม่คาดหวังแน่นะ"
"ผมก็พูดไปงั้นแหละ ในใจลึกๆ ผมแอบหวังเอาไว้ว่าเราจะไปได้ไกลที่สุด อย่ากลัวได้มั้ย มั่นใจ เราจะก้าวไปพร้อมๆกัน"
"ฉันก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี"
"เซ็งจริง"
"ก็เซ็งไปสิ ตอนนี้ ฉันมีคำตอบให้คุณได้แค่นี้จริงๆ ขอโทษด้วยนะ และก็ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง ฉันเป็นหนี้คุณโดยที่ชดใช้ไม่มีวันหมดเหมือนกัน"
เธอเดินออกไป รู้สึกแย่ที่ยังไม่ยอมเปิดใจ แต่ก็เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง เขามองตามอย่างมีความหวัง หันหน้าออกไปมองทะเลอันสวยงาม
"เอาใจช่วยผมด้วยนะสิริมา ผมรู้ว่าคุณอยากเห็นผมมีความสุข"
เมธาวลัยเข้ามาคุยกับกฤษฎา
"ไม่ใช่ฉันไม่รักเธอ แต่ฉันไม่อยากรัก ทั้งๆที่รู้ว่าสุดท้ายมันก็ต้องเจ็บ ฉันไม่อยากเสียเวลา เวลาของเรามันเหลือไม่เท่ากันนะกฤษ"
"ผมไม่เชื่อ ว่าเพราะเหตุผลแค่นี้ ทำให้คุณ...บอกเลิกผม"
"คนอื่นอาจจะมีเหตุผลเป็นร้อยๆข้อ ที่จะเลิกกับใครสักคนแต่ฉันมีเพียงข้อเดียว"
"แล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าคุณจะต้องเจ็บ"
"ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมามากกว่าเธอไง มีแค่เพียงหนึ่งในร้อยหรือเป็นพันเป็นหมื่นเท่านั้นที่ไปรอด เราจะต้องเจอกับช่องว่างต่างๆมากมายที่ทำให้เรามีปัญหา"
"ไหนคุณบอกว่าคุณจะไม่กลัวอะไรแล้ว ขอเพียงแต่เรารู้สึกเหมือนกัน เราจะสู้ด้วยกัน"
"เพราะตอนนั้นฉันไม่มีสติ! ฉันพูดโดยที่ฉันไม่ได้คิด แต่พอฉันคิด ก็มองเห็นแต่ทางตัน"
"ไม่ ผมไม่ยอมรับ ผมไม่เข้าใจ มันไม่เม็คเซ้นส์ ยังไงผมก็ไม่เลิก"
"หยุดทำตัวเป็นเด็กซะที! พูดจาไม่รู้เรื่อง"
เขากระชากเธอเข้ามากอดเอาไว้
"ผมรักคุณ ได้ยินมั้ยผมรักคุณ ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด"
เธอดิ้น พยายามผลัก
"ปล่อย"
"ไม่ปล่อย"
"ปล่อยฉัน"
กฤษฎายิ่งกอดแน่น พยายามจะจูบ แต่ถูกเธอกัดหู และดันออกไปสุดแรง
"โอ๊ย"
เธอตบหน้าเขาฉาด กฤษฎาอึ้ง
"มีสติหรือยัง"
เขาอึ้ง
"นี่ไง ที่ฉันเบื่อเด็กไม่มีสมอง ใช้แต่อารมณ์ เธอไม่เลิก แต่ฉันเลิก! ได้ยินมั้ย อย่ามาทำให้ชีวิตฉันต้องวุ่นวายอีก"
เธอวิ่งหนีออกไป เขามองตาม เสียใจ ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น
ปินัทธานั่งซึม ร้องไห้อยู่เงียบๆ เมธาวลัยปล่อยโฮ โผเข้าไปกอดเพื่อน ร้องไห้โฮตามเพื่อน ณัฎฐาลินีเดินเข้ามาเห็นเพื่อนร้องไห้กอดกันก็ตกใจ เกิดอะไรขึ้น เธอเดินเข้ามาถาม
"เกิดอะไรขึ้น"
"คุณพีศคืนดีกับเมียเก่าแล้ว ฉันยอมยกธงขาว ครอบครัวควรจะมีแค่พ่อแม่ลูก ไม่ควรมีบุคคลที่สาม"
"ฉันบอกเลิกกฤษฎา ฉันไม่อยากรักเพื่อที่จะเลิก ฉันไม่อยากเจ็บ แต่อยากจบ"
เธอเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อนเอาไว้
"ฉันเคารพการตัดสินใจของพวกแก...พวกแกคงคิดดีแล้ว"
ทั้งสองพยักหน้าช้าๆ อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อน ถึงไม่มีใคร
"ไปดูแข่งว่าว สนุกมั้ย" ปินัทธาถาม
เธองง เพราะไม่ทันตั้งตัว "หือ?”
"ก็แกหายไปกับคุณวายุบุตร กับกฤษฎาพนักงานบอกว่าแกไปดูแข่งว่าวนานาชาติที่ป่าตอง"
เธอหลุดขำ
"ขำไร"
"ก็แค่ขำ…ฉันไม่เคยคิดเลยนะ ว่าชาตินี้ ฉันจะต้องไปดูเค้าแข่งว่าวกันแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้วางแผน"
"สรุป…สนุกหรือไม่สนุก" ปินัทธาถาม
"ไม่สนุกหรอก ฉันจะไปสนุกได้ยังไง ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ฉันคิดถึงแต่พวกแก ขอโทษนะ ที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่พวกแกมีปัญหา"
"ไม่เป็นไรหรอก…ปัญหาของใคร ก็ต้องคนนั้นเป็นคนแก้ไข" เมธาวลัยบอก
"เพื่อนมีไว้ให้เราร้องไห้ด้วยหลังจากที่แก้ปัญหาแล้ว"
แล้วปินัทธาก็ร้องไห้ออกมาอีก
"จะร้องอีกทำไม น้ำตามีเยอะนักหรือไง ร้องอยู่ได้" เมธาวลัยว่า
"ไม่ให้ฉันร้อง แล้วแกร้องทำไม"
"จะไปรู้เหรอ มันไหลออกมาเอง"
ทั้งคู่ร้องไห้กันออกมาอีก ณัฎฐาลินีสวมกอดเพื่อนเอาไว้ สามสาวกอดกัน ในบรรยากาศแห่งการยอมแพ้
กรุงเทพ วันใหม่ ทุกคนกับความรู้สึกที่แตกต่างกันไป
เมธาวลัยนั่งซึมอยู่ในบ้าน
"คนที่พกความมั่นใจ คาดหวังไปอย่างเต็มที่ กลับต้องเจอกับความผิดหวัง"
ฝ่ายกฤษฎาก็นั่งซึม เสียใจ คิดถึงคนรักด้วยความเจ็บปวด
ปินัทธานั่งซึมเศร้าอยู่ในห้องอย่างโดดเดี่ยว
"จนต้องถอดใจและยอมแพ้ กลับมาอยู่ที่จุดเดิม จุดที่ไม่เคยมีใคร"
ฝ่ายพีศทรรตสอนการบ้านญาดา...ธัญรดาเข้ามา
ญาดาดีใจ วิ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ ธัญรดากอดลูกสาวเอาไว้ด้วยความคิดถึง พูดคุยด้วยความเบิกบาน บรรยากาศชื่นมื่น เขามองแม่กับลูกอย่างมีความสุข ธัญรดาส่งยิ้มให้เขาอย่างมีไมตรี
เขายิ้มตอบ ก่อนจะรู้สึกจะหมองลง เพราะคิดถึงปินัทธา
ณัฎฐาลินียืนอยู่กับวายุบุตร พนมและเจตต์ ที่หน้าหลุมฝังศพของสิริมา ทุกคนอยู่ในอาการสลดใจและโศกเศร้า
"แต่บางคน ไม่เคยคาดหวัง เพราะความกลัวที่ยังติดอยู่ในใจ จึงไม่ต้องเจอกับความผิดหวัง"
วายุบุตรเดินเข้ามาพูดกับป้ายสุสาน
"พักให้สบาย ไม่มีอะไรต้องห่วงและเป็นกังวลอีกแล้วนะสิริมา"
เขาเสียงเครือ เสียใจ จนพูดไม่ออก ลุกขึ้นมายืนที่เดิม เธอเห็นใจเขา จึงจับมือเอาไว้ ให้กำลังใจ
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 15/2 วันที่ 9 พ.ค. 57
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตราก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ