@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 4 วันที่ 19 พ.ค. 57

อ่านละคร รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 4 วันที่ 19 พ.ค. 57

เป็นการเปิดใจที่ทำให้วนิษาซึ้งมาก พลันก็เสียบรรยากาศไปหมดเมื่อเสียงโจจามลั่นขึ้น ทั้งสองสะดุ้งเดินอ้อมมาดูข้างหลังถุงปุ๋ย เจอโจกำลังขยี้จมูกจนแดงไปหมด โจหัวเราะแหะๆ บอกว่าตนมาดูว่าที่นี่ใช้ปุ๋ยอะไรกล้วยไม้ถึงได้งามมาก แต่คงแพ้ฝุ่นเลยน้ำหูน้ำตาไหล ถามว่าสองคนเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตนไม่ได้ยินอะไรเลย

กริชเจอลูกไม้แบบนี้หลายครั้งแล้ว บอกวนิษาให้เปลี่ยนคนขับรถเถิด ตนจะหาให้ วนิษาบอกว่าตนก็อยากไล่ออกอยู่เหมือนกันแต่ยังไม่มีจังหวะและโจก็ไม่ได้ตามเรามาแต่เขาอยู่ตรงนี้ก่อนเราเข้ามาด้วยซ้ำ


กริชมองโจอย่างไม่พอใจ ในขณะที่โจพึมพำเบาๆว่า

“ฉันพยายามช่วยชีวิตแกนะ ยังมองฉันแบบนี้อีก”

ooooooo

กริชไหว้ลาหม่อมจัน วนิษาเดินมาส่งเขาที่รถ เขาถามว่าเธอมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า อยากชวนไปกินเจลาโต้แถวคอนโดตนมีร้านเปิดใหม่เป็นร้านเก่าแก่ของอิตาลีระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว

วนิษาขอบคุณแต่ตนมีธุระต่อ ลากันแล้ววนิษาเดินกลับ กริชมองสะโพกเธอแววตาลามกแล้วสตาร์ตรถออกไปแบบทนไม่ไหวแล้ว

เมื่อวนิษาไปที่บ่อน ปฐมเอาจดหมายเชิญจากเสี่ยเพ้งมาให้ถามว่าตั่วเจ๊จะไปไหม วนิษาถามความเห็นเขา ปฐมเห็นว่าไม่ควรไป วนิษาติงว่าเสี่ยเพ้งเชิญมาอย่างเป็นทางการ ปฐมบอกว่าวงการนี้ไม่มีกฎกติกาอะไรทั้งนั้น แนะให้หาคนปลอมตัวไปแทนให้มันตายใจแล้วลงมือสยบมันทีเดียวให้คอขาดไปเลย

“ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบวิธีที่คุณปฐมบอก ฉันจะไปหาเขาด้วยตัวเอง ฉันอยากคุยกับเขาก่อน” ปฐมยังพยายามหว่านล้อมว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องตีกันเลี่ยงไม่ได้แน่ ในเมื่อต้องตีกันฝ่ายไหนลงมือก่อนก็ได้เปรียบ “คุณปฐมคะ มันจะเป็นสงครามก็ได้ ฉันไม่กลัว แต่ฉันจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มสงคราม”

“ถ้ามัวแต่คิดจะคุย ตั่วเจ๊อาจจะเป็นคนแพ้” ปฐมยังพยายามหว่านล้อม

“เสียน้ำลายดีกว่าเสียเลือดนะครับ” โจแทรกขึ้น ถูกวนิษาดุว่าใครให้เสนอความเห็น ไม่ใช่หน้าที่ โจเลยหุบปากเงียบ

“แต่นายดาวก็พูดถูกนะคะ เสียน้ำลายดีกว่าเสียเลือด”

เมื่อวนิษาพูดเช่นนั้น ปฐมเลยก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก

ooooooo

เมื่อพากันไปที่ภัตตาคารจีน วนิษาไปกับปฐมและลูกน้องคนสนิทอีก 5 คนโดยมีโจรั้งท้าย

เสี่ยเพ้งไม่รู้จักวนิษา พอปฐมแนะนำ เสี่ยเพ้งก็แสดงความห่ามกักขฬะทักว่า

“สวัสดีตั่วเจ๊ ได้ยินชื่อตั่วเจ๊มานาน น่าเจี๊ยะสมคำร่ำลือ”

“พูดอย่างนี้กล้าเจี๊ยะฉันหรือเปล่าล่ะคะ” วนิษายิ้มพรายเดินเข้าหา

“สมเป็นตั่วเจ๊จริงๆ ยอมรับว่าผมไม่กล้าเจี๊ยะคุณหรอก ผมกลัว”

“เสี่ยเพ้งก็สมเป็นเสี่ยเพ้ง มีแต่คนกล้าถึงกล้ายอมรับว่าตัวเองกลัว”

ทั้งเสี่ยเพ้งและวนิษาต่างทักทายเชือดเฉือนกันด้วยคำพูดและรอยยิ้ม เมื่อนั่งกันแล้ว เสี่ยเพ้งเจรจาขอซื้อบ่อนของวนิษาทันที ถามว่าขายเท่าไรว่ามาเลย วนิษาตอบอย่างรำคาญว่าเรื่องเดิมๆ ตนบอกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าไม่ขาย เสี่ยเพ้งเผยสันดานอันธพาลสั่ง “คุณต้องขาย!”

“เอางี้ดีกว่า บ่อนคุณฉันก็อยากได้เหมือนกัน อยากขายเท่าไหร่ว่ามา ไม่ใช่แค่บ่อน บ้านคุณฉันก็อยากได้ พี่น้องลูกเมียคุณกี่คนฉันรับซื้อหมด ขายติดบ้านมาเลยก็ได้ แม้แต่ฮวงซุ้ยบรรพบุรุษคุณฉันก็อยากได้ กี่บาทบอกมาเลย”

เสี่ยเพ้งโกรธจนหน้าแดงตวาด “นี่คุณกล้าดูถูกครอบครัวผมเหรอ”

“ฉันใดก็ฉันนั้น บ่อนคือบ้านของฉัน ลูกน้องคือคนในครอบครัวฉัน ถ้าคุณคิดจะซื้อครอบครัวฉันให้ได้ ทำไมฉันจะอยากซื้อครอบครัวคุณไม่ได้” เสี่ยขู่ว่าแล้วเธอจะเสียใจที่ตอบแบบนี้ “เป็นคำขู่ที่น่าเบื่อมาก ไม่ใช่แค่ไม่กลัวนะ รำคาญด้วยซ้ำ”

เสี่ยเพ้งกำหมัดแน่นโกรธจนตาแดงก่ำ วนิษายังเยือกเย็นยิ้มสวยให้ขณะพูดต่อ

“เสี่ยเพ้ง ฉันมาที่นี่เพื่อจะบอกคุณว่าฉันไม่กลัวคุณ ถ้าคิดจะมีเรื่องกันคุณต้องเสียมากกว่าที่คุณคิด ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เราต่างคนต่างอยู่ ปลาคนละบ่อไม่เกี่ยวข้องกัน”

เสี่ยเพ้งพูดไม่ออก จ้องหน้าวนิษาแล้วเดินออกไป วนิษาหัวเราะจงใจให้เสี่ยเพ้งได้ยิน เขาหันขวับมอง แต่แล้วก็เดินออกไป ปฐมมองตามถอนใจยาว วนิษาถามว่าไม่มีอะไรใช่ไหม ปฐมตอบอย่างโล่งอกว่า

“ครับ ผมอ่านเกมผิด มันไม่ได้ลอบกัดเรา แต่ว่าผมยิ่งเสียดาย เราน่าจะเล่นงานมัน โอกาสดีๆแบบนี้คงไม่มีอีก”

วนิษาไม่ตอบอะไร ส่วนโจมองเธอยิ้มๆ อย่างอดชื่นชมไม่ได้

ooooooo

เสี่ยเพ้งกลับไปถึงบ่อนตัวเองอย่างหัวเสีย คำรามแค้นว่าจะต้องสั่งสอนตั่วเจ๊และยึดบ่อนมาให้ได้ รู้จักเสี่ยเพ้งน้อยไป! พลันเสี่ยเพ้งก็สะดุ้งเมื่อถูกกระดาษขยำจนกลมปาใส่หน้า เสี่ยคลี่ออกดูเป็นตั๋วคอนเสิร์ต มองไปเห็นตี๋อ้วนยืนหน้าบูดแก้มป่องอยู่ ถามว่าทำไมทำแบบนี้ ตั๋วคอนเสิร์ตใบละตั้งหลายพัน

ตี๋อ้วนบอกว่าไม่ดูมันแล้วเพราะเกิร์ลเฟรนด์ที่จะชวนไปดูด้วยมีบอยเฟรนด์ไปแล้ว ตี๋อ้วนโวยวายว่าให้ป๊าส่งคนไปจัดการกับบอยเฟรนด์ของเกิร์ลเฟรนด์ตนป๊าก็ไม่ไปจัดการสักที เดี๋ยวจะเอาปืนไปยิงเอง เสี่ยเพ้งรีบบอกให้ลูกน้องไปจัดการคนที่มาแกล้งลูกตน ย้ำว่าเอาแค่ให้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแต่อย่าให้ถึงตาย

ตี๋อ้วนพาลูกน้องเสี่ยเพ้งไปดักที่ย่านวัยรุ่น แต่ไม่เห็นปลายฝนกับป๋องมาเลยชวนกันไปดักที่อื่น แต่พอตี๋อ้วนไป ปลายฝนก็ควงป๋องเข้ามา เธอถามป๋องว่านัดตนมาวันนี้มีอะไรหรือ ป๋องชวนไปนั่งคุยกันดีกว่า

ทั้งสองเข้าไปนั่งคุยกันในร้านไอศกรีมบรรยากาศน่ารัก ป๋องเกร็งจนปลายฝนทักว่าวันนี้ดูแปลกๆ พอป๋องเริ่มทำงานตามที่โจสั่ง ปลายฝนก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ

โจถามว่าพ่อแม่เธอเป็นใคร ปลายฝนบอกว่าพ่อตนเปิดบ่อนแม่ตายตั้งแต่ตนเด็กๆ ทุกวันนี้ตนอยู่กับแม่เลี้ยง

แล้วแม่เลี้ยงเธอเป็นคนยังไง ปลายฝนบอกว่าเป็นคนฉลาด ดูดี พ่อชอบแม่เลี้ยงมาก ทีแรกพ่อบอกว่าจะไม่แต่งงานใหม่ แต่พอเจอแม่เลี้ยงก็กลับคำทันที

แล้วพ่อเธอตายยังไงล่ะ ป๋องถามต่อ คราวนี้ปลายฝนย้อนถามว่าถามทำไม คาดคั้นจับพิรุธ ป๋องจนแต้ม

บ่นตัวเองงึมงำ “กูว่าแล้วต้องไม่สำเร็จ” พอถูกปลายฝนถามว่าบ่นอะไร ป๋องถามว่าเธอไว้ใจใครที่สุด ปลายฝนบอกว่าไม่มี แม้แต่เพื่อนที่สนิท ญาติสนิทก็ไม่มี มีแต่ลุงปฐมคนสนิทของพ่อแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกัน

ป๋องให้ปลายฝนสัญญาก่อนว่าถ้าตนบอกเหตุผล เธอจะต้องไม่เล่าให้ใครฟัง โดยเฉพาะแม่เลี้ยงของเธอ ปลายฝนรับปาก ป๋องจึงบอก

“ฉันเป็นนักสืบ!”

ooooooo

โจกลับถึงบ้านเจอปลายฝนนั่งอยู่ข้างๆป๋อง โจตกใจทำอะไรไม่ถูก ปลายฝนเป็นฝ่ายสวัสดี บอกโจว่าตนรู้เรื่องหมดแล้ว โจถามงงๆว่า “รู้เรื่องอะไรหรือครับ”

“รู้เรื่องที่พี่โจเป็นนักสืบ รับงานมาจากหญิงจุ๋ม มาสืบเรื่องการตายของคุณชายแจ้กับพ่อของหนูว่าเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงหนูรึเปล่า แล้วพี่ก็แกล้งความจำเสื่อมปลอมเป็นคนรถเพื่อสืบความลับของแม่เลี้ยงหนูไง”

โจก้มหน้า หลับตาปี๋ครางเบาๆ พอเงยหน้าขึ้นก็คำราม “ไอ้ป๋อง...ฉันจะฆ่าแก!” แล้วโจก็พุ่งเข้าขยุ้มคอป๋องจนปลายฝนต้องช่วยแยกออกมา

สุดท้ายเรื่องลงเอยด้วยดี เมื่อปลายฝนบอกว่าตนก็อยากรู้เรื่องการตายของพ่อเหมือนกัน ทั้งยังบอกว่าตนจับตาสังเกตวนิษามาตลอด แม้แต่เวลาเธออาบน้ำก็แอบดูว่าเธอซ่อนอะไรไว้ในตัวหรือเปล่า แต่ก็จับพิรุธอะไรไม่ได้

“หรือว่าคุณวนิษาจะเป็นคนบริสุทธิ์จริงๆ” ป๋องจะสรุป แต่โจบอกปลายฝนว่าตนจะบอกให้เธอต้องทำอะไร อย่างไรเอง ตกลงไหม ปลายฝนพยักหน้า

ระหว่างป๋องเดินออกมากับปลายฝนนั้น เธอถามว่าเขาสนิทกับโจมากเลยหรือ ป๋องเล่าอย่างไม่ปิดบังว่า

ทั้งตนและโจต่างเป็นลูกกำพร้าที่หลวงพ่อสีสุกรับเลี้ยงไว้ที่วัด ตอนเด็กตนเกเรเอาแต่เล่นเกมไม่เรียนหนังสือ ดีแต่ได้โจมาดึงตนกลับมาเป็นผู้เป็นคน ปลายฝนถามว่าแต่นั้นมาเขาเลยกลายมาเป็นผู้ช่วยของโจใช่ไหม

“ยัง...จริงๆแล้วพี่โจมาเป็นนักสืบเพราะเหตุผลพิเศษต่างหาก ตอนแรกไม่ได้คิดจะเป็นหรอก” ปลายฝนถามว่าเหตุผลอะไร ป๋องมองอย่างระแวดระวังก่อนบอกเบาๆว่า “พี่โจ มีสมญานามว่า โจตัวซวย” ปลายฝนอึ้งถามว่าสมญานามนี้ได้มายังไง

ป๋องนิ่งไปนานเพราะสมญานาม “โจตัวซวย” นั้นมีเรื่องราวมากมายไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี

ooooooo

อ่านละคร รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 4 วันที่ 19 พ.ค. 57

ละครรักออกฤทธิ์ บทประพันธ์ : นิตินันท์, วรรณพร, นิพล
ละครรักออกฤทธิ์ บทโทรทัศน์ : สมภพผูกพันน้อย
ละครรักออกฤทธิ์ กำกับการแสดง : คิง-สมจริง ศรีสุภาพ
ละครรักออกฤทธิ์ ดำเนินงานโดย : สมจริง ศรีสุภาพ
ละครรักออกฤทธิ์ ผลิต : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครรักออกฤทธิ์ ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 20.25 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ