อ่านละคร รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 1 วันที่ 11 พ.ค. 57
ที่ศาลาทำบุญในวัดแห่งหนึ่ง ผู้คนคลาคล่ำมาทำบุญ ท่ามกลางเสียงประกาศออกไมค์ เชิญชวนผู้คนมาทำบุญกัน...“เอ้า...เชิญเลยนะคะ ญาติโยมทุกท่านทำบุญทำทานนะคะ หยอดตู้บริจาคตามจิตศรัทธาได้เลยค่ะ ส่วนท่านที่อยากจะซื้อโลงศพบริจาค เชิญด้านนี้เลยนะคะ เขียนชื่อท่านหรือญาติสนิทมิตรคนรักที่ล่วงลับ ที่กระดาษ แล้วเอาไปเผานะคะ มิตรจะได้รับส่วนบุญส่วนกุศล”
วนิษา หญิงสาวสวยเดินมาหาเจ้าหน้าที่ที่ประกาศ เธอทักออกไมค์ว่า
“ซื้อโลงศพเหรอจ๊ะหนู โลงนึงก็สี่พันบาท เอาครึ่งโลงหรือเสี้ยวโลงก็ได้นะ สองพันบาทกับหนึ่งพันบาท”
“คนแรก...หม่อมราชวงศ์จันทร์กระจ่าง วาสุวงศ์ค่ะ” หญิงคนนั้นถามว่าคุณพ่อหรือ เธอบอกว่า “สามีค่ะ”
“อ๋อ...น่าสงสารเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาวยังแส้” หญิงคนนั้นสมเพชออกไมค์ได้ยินกันทั้งศาลา หลายคนหันมองโดยเฉพาะหนุ่มๆ มองแล้วมองอีก พอเขียนชื่อคนแรกเสร็จ หญิงคนนั้นถามออกไมค์อีก “อีกใบล่ะจ๊ะ”
“สมชาย อภิเลิศรัตนกาลสถานค่ะ”
“นามสกุลดีนะ คุณพ่อเหรอคะ”
“เปล่าค่ะ สามีค่ะ”
“อ๋อ...มีผัวใหม่แล้ว” หญิงคนนั้นพูดไปเรื่อยตามประสา พอนึกได้ก็อุทาน “ฮ้า! นี่ผัวใหม่ก็ตายแล้วเหรอเนี่ย” เมื่อวนิษารับว่าใช่ เธอพึมพำ “งั้นก็ผู้หญิงกินผัวน่ะสิหนู”
พอถูกวนิษามองเคืองๆ ก็รู้ตัวรีบขอโทษว่าหลุดปากไปหน่อย วนิษาฝืนยิ้มบอกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ใครๆก็คิดกันแบบนั้น” รับใบอนุโมทนาแล้วเดินออกมา พวกหนุ่มๆ ที่ชะเง้อมองแล้วมองอีกเมื่อครู่พากันหันหน้าหนีถอยกรูด
ooooooo
วนิษาเดินไปที่หน้าเตาเผา ส่งใบอนุโมทนาที่ชื่อ ม.ร.ว.จันทร์กระจ่าง เข้าไป อธิษฐานเบาๆ
“ขอให้ไปสู่สุคตินะคะ คุณชายแจ้ ยกโทษให้คนดีด้วยนะคะ”
คุณชายแจ้ หรือ ม.ร.ว.จันทร์กระจ่าง เป็นสามีคนแรกของวนิษา ในวันงานมงคลสมรส ขณะควงกันขึ้นไปตัดเค้กแต่งงานนั้น คุณชายเอ่ยกับเจ้าสาวแสนสวยว่า
“วันนี้ผมมีความสุขมาก ขอบคุณคนดีของผมมากเลยนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เราเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว เราทำทุกอย่างให้กันและกันค่ะ”
“จ้ะ...คนดีของผม”
แต่ขณะมือของทั้งสองประคองมีดตัดเค้กด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขนั้น คุณชายก็ยืนนิ่งรอยยิ้มค้างบนใบหน้า วนิษาหันมองด้วยความแปลกใจ พอเรียกคุณชายแจ้ คุณชายก็ล้มตึงนอนแน่นิ่ง แขกในงานตกใจงุนงง วนิษาปล่อยมีดตัดเค้กคุกเข่าร้องเรียกเสียงสะท้าน “คุณชายคะ...คุณชาย...”
ooooooo
วนิษาหยิบใบอนุโมทนาอีกใบ ที่มีชื่อสมชาย ส่งเข้าเตาเผา อธิษฐานเบาๆ...
“หลับให้สบายนะคะเฮีย หว่าหวาจะคิดถึงเฮียตลอดไปค่ะ”
วนิษาคิดถึงวันนั้น...วันที่เธอแต่งงานกับเฮียป๊อกหรือสมชาย...
ในห้องนอนเรือนหอ วนิษาในชุดเจ้าสาวสีแดงนั่งอยู่บนเตียงในพิธีแบบจีน สมชายในชุดเจ้าบ่าวจีนเข้ามานั่งข้างๆ เอ่ยอย่างนุ่มนวล อบอุ่น...
“หว่าหวา ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป หว่าหวาจะเป็นคนในครอบครัวของเฮีย เฮียจะดูแลหว่าหวาอย่างดีที่สุด เฮียจะเป็นสามีที่ดีของหว่าหวานะ ขอเฮียจูบหว่าหวาให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ”
วนิษาพยักหน้าเบาๆ เฮียป๊อกถอดผ้าคลุมหน้าเธอเอ่ยอย่างตื่นเต้น...
“หว่าหวาของเฮียสวยเหลือเกิน” เฮียป๊อกยื่นหน้าเข้าใกล้จนจะสัมผัสแก้มวนิษาอยู่แล้ว พลันก็ชะงักหน้าเหยเก เอามือกุมหน้าอก วนิษารอจุมพิตอยู่ มองอึ้งร้องเรียก เฮียๆๆ แต่เฮียป๊อกก็ทรุดลงกับพื้นแล้ว...
วนิษายังไม่ลืมคืนนั้น...และวันนี้ เธอก็มาสอดกระดาษทำบุญเข้าไปในอุโมงค์ เงยหน้ามองกลุ่มควันที่ออกจากปล่องลอยเป็นสายไปในท้องฟ้า...
นี่คือวนิษา หญิงสาวสวยที่สูญเสียสามีสองคนไปในคืนวันแต่งงานทั้งสองครั้ง...
ooooooo
ที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง...มีผู้รอรถอยู่ 5–6 คน ในนี้ มีคุณตาแก่หง่อมใส่แว่นคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย เขาคือ ตาโจ หรือโจ นักสืบหนุ่มมืออาชีพที่มาในคราบคนแก่นั่นเอง
ตาโจมานั่งรอป๋องลูกมือผู้ซื่อสัตย์วัยยี่สิบ ระหว่างนั้นเขาได้พบเหตุการณ์ตบทรัพย์ต่อหน้าต่อตา แต่ไม่พ้นสายตาคมกริบและสมองอันฉับไวของนักสืบมืออาชีพคนนี้ไปได้
เหตุเกิดขึ้นซึ่งหน้าตาโจ...มีหนุ่มใหญ่คนหนึ่งนั่งเล่นมือถือสไลด์ไปมาอย่างเมามันแต่สายตาคอยชำเลืองซ้ายขวาหลุกหลิก พอเห็นหญิงชาวบ้านคนหนึ่งเดินมา หนุ่มใหญ่คนนั้นก็เอียงตัวออกไปชนจนมือถือร่วงลงพื้น เขาหยิบมือถือขึ้นดูโวยใส่หญิงชาวบ้านคนนั้น หาว่าชนมือถือเครื่องละหลายหมื่นของตนร่วงจอดับสนิท
หญิงชาวบ้านโต้ว่าเขาเดินมาชนตนเอง เจ๊คนหนึ่งแถวนั้นเข้ามาเป็นพยานว่าหญิงชาวบ้านเป็นคนชนชายคนนั้น
ป๋องที่มารอตาโจอยู่เข้าไปเป็นพยานว่า “ผมเห็นพี่ขยับตัวไปชนพี่ผู้หญิงเขานะครับ” ถูกชายคนนั้นผลักอกด่าว่าอย่ามาเอือก แล้วหันไปข่มขู่หญิงคนนั้นให้จ่ายมาห้าพันไม่อย่างนั้นไปโรงพัก พอหญิงคนนั้นไม่ยอม มันก็บอกว่ามีเท่าไหร่เอามาเท่านั้นไม่งั้นไปหาตำรวจกัน
“เดี๋ยว” ตาโจเข้ามาแทรก หนุ่มใหญ่หันมองอย่างระแวง ตาโจเอามือถือเครื่องนั้นไปดู “ฉันเห็นแกเล่นมือถืออยู่ตั้งนาน ทำไมเครื่องไม่ร้อนเลยวะ ของปลอมใช่ไหมเนี่ย แถมแกกับยัยเจ๊นี่ก็เตี๊ยมกันมาแต่แรก”
เจ๊ตัวแสบปรามว่าพูดดีๆนะ ตาโจไม่สนใจ ชี้ให้ดูรองเท้าของทั้งสองคนว่าเปื้อนโคลนสีเดียวกันเด๊ะ แถวนี้ไม่มีดินโคลนเลย พูดอย่างรู้ทันว่า
“อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ถ้าไม่ได้อยู่บ้านเดียว กันน่ะ”
พอถูกจับได้ไล่ทัน ทั้งหนุ่มใหญ่และเจ๊มองหน้ากันแล้วชวนกันหลบไป ตาโจเอามือถือถ่ายรูปไว้ ปรามตามหลังว่า
“ถ้าแกทำเรื่องแบบนี้อีก ฉันจะส่งรูปแกไปให้ตำรวจ” มองจนทั้งสองคนเดินหนีหายไปแล้ว ตาโจหันบอกหญิงชาวบ้านคนนั้นว่าไปเถอะไม่มีอะไรแล้ว พอหันมาก็เจอป๋องยืนทึ่งอยู่ข้างๆแล้ว
ooooooo
ตาโจบ่นแกมตำหนิป๋องว่าควรจำตนได้ตั้งแต่มาถึงป้ายรถเมล์แล้ว ป๋องติงว่าก็เล่นไม่บอกก่อนว่าจะปลอมตัวแบบนี้ เลยถูกอบรมว่า
“แกต้องพัฒนาเรื่องความช่างสังเกต มันเป็นของคู่กับนักสืบเลย ดูฉันเป็นตัวอย่างสิ”
ตาโจถูกลองเชิงทันที ป๋องเอามือปิดตาตาโจถามว่า วันนี้ตนคาดเข็มขัดสีอะไร ตาโจตอบทันทีว่า “เข็มขัดหนังสีน้ำตาลขอบดำหัวเข็มขัดทองเหลือง” ป๋องถามใหม่ว่ารองเท้าล่ะ “รองเท้าผ้าใบสีขาวเก่าๆ เน่า ๆ แล้ววันนี้แกก็พับขากางเกงด้วย” ตอบแล้วถามเยาะว่า คิดจะลองของมืออาชีพอย่างตนหรือ ป๋องเลยถามใหม่ว่า “วันนี้พี่โจใส่แว่นสีอะไร”
คราวนี้นักสืบมืออาชีพอึ้งไปครู่หนึ่ง ปล่อยลูกเล่นว่า เสียเวลาเปล่าๆ เพราะนัดลูกค้าไว้ ป๋องบอกว่ามีเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง ตาโจเลยจนแต้มแต่ก็ยังไว้เชิงขู่ว่าถ้าตอบถูกป๋องโดนเตะ! ป๋องยอม ตาโจเลยยืนนิ่งกำหนดลมหายใจ...
แต่พอตอบออกมาว่าสีดำ ป๋องปล่อยมือ ตาโจถอดแว่นมาดเท่ ปรากฏว่ากรอบแว่นถูกแต่สีเป็นขอบกระ
“ขอบกระครับพี่ ขนาดแว่นอยู่กับตาตัวเองยังไม่รู้เลย อะโธ่...” ป๋องเยาะ ตาโจเสียฟอร์มอย่าแรง ป๋องเลยย้อนเกล็ดว่า “พี่ต้องพัฒนาเรื่องความช่างสังเกต มันเป็นของคู่กับนักสืบเลยนะครับ”
ป๋องเดินลั้นลาไปที่รถของโจ โจมองตามทำปากด่าขมุบขมิบแล้วจึงเดินตามไปขึ้นรถ
ooooooo
ตาโจพาป๋องไปที่ร้านอาหารหรู ที่นั่น หญิงจุ๋มหรือหม่อมราชวงศ์จันทร์ธิดา พี่สาวของชายแจ้สามีคนแรกของวนิษานั่งรออยู่
พอตาโจเข้าไปหา หญิงจุ๋มมองแต่หัวจดเท้าติงว่าคนที่ตนติดต่อไม่ใช่คนแก่แบบนี้ ตาโจจึงชี้แจงด้วยน้ำเสียงปกติและบุคลิกธรรมดาว่า
“เมื่อเช้าผมเข้าไปสืบคดีที่บ้านพักคนชรามาครับ ไม่แปลกที่คุณจะแยกแยะไม่ออกเพราะคนในวงการเขาให้ฉายาผมว่า โจ แอ๊บพันหน้า” หญิงจุ๋มถามว่าแล้วฉายาเก่าล่ะ ป๋องตอบแทนว่า “โจตัวซว...” แต่พูดไม่ทันจบก็ถูกโจกระทืบเท้าที่ใต้โต๊ะ ป๋องสะดุ้งจนตัว ย. ติดคอพูดไม่ออก โจตัดบทว่า “เรื่องที่ผ่านมาอย่าพูดถึงมันเลย เข้าเรื่องงานกันเลยดีกว่า”
“ปีที่แล้ว หม่อมราชวงศ์จันทร์กระจ่าง น้องชายคนเดียวของฉันตาย ฉันสงสัยว่าเขาจะถูกฆาตกรรมโดยภรรยาของเขา ยัยวนิษา ฉันต้องการให้คุณสืบว่า ยัยนี่ฆ่าน้องชายฉันยังไง” หญิงจุ๋มบอก
ooooooo
รับงานมาแล้ว คืนนี้โจที่ถอดคราบคนแก่แล้วกลายเป็นชายหนุ่มปราดเปรียวดูดี เขานั่งดูรูปวนิษาที่ถูกแอบถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ใจเต้นไม่ปกติโดยไม่รู้สาเหตุ และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
วันรุ่งขึ้น โจเข้าออฟฟิศ เป็นประธานสั่งงานชุดใหญ่เหมือนมีคนรอฟังคำสั่งอยู่เต็มห้อง เขาสั่งงานมาดขรึมเข้มว่า
“ไปสืบประวัติของผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่เกิด เกิดที่ไหน ย้ายไปที่ไหน เรียนโรงเรียนอะไร เรียนพิเศษที่ไหน เข้าคณะอะไร ไปทุกที่ที่เขาเคยอยู่ สัมภาษณ์เพื่อนบ้าน คนแถวนั้น คุณครู เพื่อนนักเรียน กิ๊กแฟนเก่า แฟนใหม่ สืบช่วงที่เขาเป็นแฟนกับหม่อมราชวงศ์จันทร์กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น แฮ็กเข้าไปตรวจอีเมล เฟซบุ๊ก ไลน์ วอทแอพ ฉันต้องการรู้จักผู้หญิงคนนี้ว่าเขาเป็นใคร และกำลังคิดอะไรอยู่ ไปได้แล้ว”
โจตบโต๊ะเปรี้ยงปิดประชุม กวาดตามองไปทั่วห้อง แล้วมาหยุดที่ป๋องที่นั่งฟังอยู่คนเดียว ป๋องขออีกรอบได้ไหมเพราะจดไม่ทัน
“ไม่ได้โว้ย...ลืมไปแล้ว” โจตอบจนป๋องไปต่อไม่เป็นเลย
ooooooo
ป๋องไปสืบค้นหาจากเอกสารของทางราชการ จากชาวบ้านที่วนิษาอยู่ในวัยเด็ก จากครูที่เคยสอน จากสมุดรายชื่อนักเรียนร่วมรุ่น จนกระทั่งพนักงานในโรงแรมที่จัดงานแต่งงานของเธอในวันนั้น
เสร็จแล้วป๋องถือแฟ้มงานเดินเข่าเข้าไปให้โจ โจมองป๋องนึกในใจว่าจะมาไม้ไหน แต่พอเห็นรอยยิ้มของป๋องก็เดาออกว่าต้องการเงินไปจ่ายค่ารายวิชาและค่าหน่วยกิต
โจเปิดกระเป๋าสตางค์ดูแล้วบอกว่าเงินสดไม่พอพรุ่งนี้ค่อยกดให้ ป๋องขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนการศึกษา โจบอกว่าไม่ต้องขอบคุณเพราะป๋องก็ทำงานให้ตน ย้ำให้จำว่า
“คนที่แกควรจะรำลึกบุญคุณอยู่เสมอคือหลวงพ่อสีสุก” ป๋องบอกว่านั่นไม่ต้องย้ำเพราะท่านให้ตนมากกว่าพ่อแท้ๆเสียอีก ส่วนโจนั้น ยังไงตนก็นับเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าไม่มีเขาตนคงลำบากกว่านี้ “ตามใจแกแล้วกัน เอ้า แกกลับไปได้แล้ว ฉันจะตรวจดูว่าแกทำงานใช้ได้ไหม”
ป๋องเดินออกไป โจหยิบแฟ้มไปพลิกดู แล้วเอากลับไปดูรายละเอียดที่บ้าน นั่งอ่านที่โซฟา พอพลิกถึงหน้าสุดท้าย เห็นใบหน้าสวยแววตาเศร้าของวนิษาก็รำพึง
“วนิษา เธอเป็นฆาตกรหรือคนโชคร้ายกันแน่นะ”
ส่วนวนิษาที่ยังไม่รู้ตัวว่าหญิงจุ๋มจ้างนักสืบเอกชนสืบสาเหตุการเสียชีวิตของชายแจ้ แม้จะอยู่ในคอนโดหรู แต่ไม่มีความสุข เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง พึมพำ
“ดาวดวงไหนนะ ที่ทำให้ชีวิตฉันเป็นแบบนี้”
ซ้ำร้าย เมื่อหลับยังฝันร้าย จนเพ้อออกมาว่า...
“คุณชายแจ้...คนดีขอโทษนะคะ...อาเฮีย หว่าหวาขอโทษ ฉันแค่ทำไปเพราะอยากมีความสุขเหมือนคนอื่น”
โจดูข้อมูลที่ป๋องไปสืบมาจนหลับ แฟ้มตกที่พื้น เปิดตรงหน้าที่มีรูปวนิษาในวัยเด็กพอดี...
เรื่องราวในวัยเด็กของวนิษา ถูกบันทึกอย่างละเอียดอยู่ในแฟ้มนี้...
ooooooo
วันหนึ่ง วลัยแม่ของวนิษา อุ้มเธอเดินอ้าวไปในตลาดเพื่อมาดู “พี่ออฟ” มาถ่ายละคร
วลัยเดินผ่านแผง “เม้ง หมอดูแม่นมาก” แต่ไม่มีคนมาดูเลยแม้จะประกาศโปรโมชั่นดูหนึ่งแถมหนึ่งก็ยังเงียบเหงา
อ่านละคร รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 1 วันที่ 11 พ.ค. 57
ละครรักออกฤทธิ์ บทประพันธ์ : นิตินันท์, วรรณพร, นิพลละครรักออกฤทธิ์ บทโทรทัศน์ : สมภพผูกพันน้อย
ละครรักออกฤทธิ์ กำกับการแสดง : คิง-สมจริง ศรีสุภาพ
ละครรักออกฤทธิ์ ดำเนินงานโดย : สมจริง ศรีสุภาพ
ละครรักออกฤทธิ์ ผลิต : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครรักออกฤทธิ์ ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 20.25 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น.
ละครรักออกฤทธิ์ ออกอากาศตอนแรกวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ