ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 14/5 วันที่ 8 พ.ค. 57
"ไม่เคยเล่นค่ะ คุณท่านไม่ชอบให้เล่น กลัวว่าแอบไปแอบมาแล้วจะหากันไม่เจอ กลัวหลานถูกขังลืมค่ะ""โอย!" แต้วนึกขึ้นได้
"แต่เวลาที่น้องญาดาเสียใจที่เห็นคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกัน แกชอบไปแอบค่ะ"
"แอบที่ไหน"
ในห้องพักธัญรดา ปินัทธาเปิดตู้เสื้อผ้าออก เห็นญาดานั่งฟุบอยู่ข้างใน ทุกคนดีใจ
"น้องญาดา"
ญาดาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาแดงช้ำ ยังสะอื้นไห้อยู่ เธอโผเข้าไปอุ้มญาดาออกมาจากตู้เสื้อผ้า กอดญาดาเอาไว้
"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะลูก ทำไม"
"ไม่อยากได้ยินคุณแม่ว่าคุณพ่อ ไม่อยากเห็นคุณพ่อทะเลาะกับคุณแม่"
พีศทรรตและธัญรดาได้ยินแล้ว ต่างสะเทือนใจมาก
"ไม่อยากให้ใครเห็นหนู หนูอยากหายไปจากโลกนี้ จะได้ไม่ต้องได้ยินอะไรอีก"
ทั้งพ่อและแม่เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง ทุกคนสงสารญาดามาก ปินัทธาถึงกับน้ำตาซึม หันไปมองพีศทรรตกับธัญรดาด้วยความโกรธ
"เคยฟังเสียงของลูกบ้างมั้ย หรือสักแค่เพียงแต่ได้ยิน เคยหันมามองมั้ยว่าแกคิดอะไรอยู่"
ทุกคนตกใจที่เห็นเธอของขึ้น
"คงไม่เคย เพราะดูจากที่เห็น ลูกคุณไม่เคยคิดจะวิ่งไปหาพ่อหาแม่เวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ กลับวิ่งเข้าตู้เสื้อผ้า หรือจะให้ลูกมันเรียกตู้ว่าพ่อกับแม่แทน! ลูกมีหัวใจมีความรู้สึก เพราะเค้าเป็นคน มีเลือดมีเนื้อที่เกิดจากส่วนหนึ่งของพวกคุณ ช่วยกันทำออกมาแล้ว ก็ควรจะช่วยกันดูแลเอาใจใส่ เพราะมันเป็นความรับผิดชอบ ได้ยินมั้ยมันคือความรับผิดชอบ! ไม่ใช่รอให้ลูกเป็นอะไรไปซะก่อนถึงจะมาสำนึกกัน"
ญาดาร้องไห้โฮ
"ญาดา"
ธัญรดาโผเข้ามาหาญาดา น้ำผึ้งส่งญาดาคืนให้ธัญรดาทันที แล้วรีบเดินออกไป พีศทรรตได้สติรีบเข้าไปหาญาดาด้วยทันที แต้วตามไปดูอยู่ห่างๆ ส่วนเมธาวลัยกับภัทรวลัยยังอึ้งอยู่
"เมเปิ้ล วลัย ไปเถอะ ให้พ่อแม่ลูกเค้าได้อยู่พร้อมหน้ากันเสียที"
เธอหันไปมองภาพบาดตาอีกครั้งด้วยความสะเทือนใจ แล้วค่อยๆหันเดินออกไป น้ำตาเอ่อ
เธอเดินหนีมาหยุด พยายามจะไม่ร้องไห้ เพื่อนทั้งสองเดินตามมาด้วยความป็นห่วง
"น้ำผึ้ง"
"เพราะตอนฉันยังเด็กๆ พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยแบบนี้แหละ ฉันถึงต้องมีที่ซ่อนประจำเอาไว้ เป็นหลุมหลบภัย ญาดาเอง ก็ไม่ต่างไปจากฉัน"
"แกไหวมั้ย" เมธาวลัยถาม
เธอหันไปยิ้มกับเพื่อน พูดเป็นเรื่องขำทั้งที่เศร้ามาก
"ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันทำใจมาในระดับหนึ่งแล้ว ว่าวันนี้มันต้องเกิดขึ้น พ่อแม่ลูก ครอบครัว
สายสัมพันธ์ที่ตัดขาดกันได้ยาก"
"แต่...คุณพีศกับเมียเก่าเค้าอาจจะไม่ได้กลับมาคืนดีกันอย่างที่แกคิดก็ได้นะ"
"ตอนนี้อาจจะยัง...แต่มันก็ควรจะไม่ใช่เหรอ แกเห็นมั้ย ว่าเอาเข้าจริงแล้ว แม่เค้าก็รักลูกของเค้าซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพีศต้องการมาตลอด และมันก็เกิดขึ้นแล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานก็คงจะต่อกันติดได้เหมือนเดิม มีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ อะไรๆมันก็ไม่ยากหรอก"
เพื่อนทั้งสองอึ้ง ภัทรวลัยจะพูดอีก แต่เมธาวลัยรีบห้ามเอาไว้
"นี่ล่ะมั้ง คือเหตุผลที่ทำให้ฉันลืมที่จะรักใครสักคนหลังจากที่อกหักจากแฟนหน้าปลวก เพราะฉันกลัวเจ็บ เจ็บอย่างที่เจ็บอยู่ในตอนนี้"
เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว เพื่อนทั้งสองเข้าไปกอดปลอบใจ น้ำผึ้งยิ่งร้องไห้ออกมา
"แล้วเวลาที่ฉันเจ็บ ฉันก็จะร้องไห้ แล้วเวลาที่ฉันร้องไห้ มาสคาร่าเครื่องสำอางที่อยู่บนหน้าฉันมันก็จะเลอะเทอะ ทำให้ฉันไม่สวย"
"อกหักไม่ว่า แต่ขอหน้าเด้งใช่มั้ย" ภัทรวลัยถาม
"ใช่"
สามสาวหลุดยิ้มให้กัน
เมธาวลัยดันตัวเพื่อนออกมา
"ใครบอกว่าแกไม่สวย"
"ฉัน" ภัทรวลัยบอก
"ตอนนี้แหละ คือตอนที่ผู้หญิงสวยที่สุด"
"ไม่ต้องมาอวย ปลอบใจฉัน โอเค ฉันเลิกร้องไห้แล้ว ทำงานต่อล่ะ ต้องไปซ่อมหน้าแล้วสิเนี่ย"
"ไม่ต้องซ่อม"
ภัทรวลัย ปินัทธาร้อง "เหย"
ช้างส่องกล้องส่องทางไกลไปที่ท่าเรือ เห็นวายุบุตรเดินมา กฤษฎากำลังผูกเรือ ช้างลดกล้องส่องทางไกล หน้าเครียดทันที พิภพก้าวเข้ามา
"มีอะไร"
"มันมีคนขับเรือมาด้วย ไม่ได้มาคนเดียว"
พิภพหยิบกล้องส่องทางไกลมาส่องดูเองทันที ก่อนจะลดกล้องลง
"มันคือเจ้าของรีสอร์ตเกาะตะวัน"
"เอาไงดีเสี่ย ยิงมันทิ้งซะตอนนี้เลยมั้ย"
"เฮ้ย...เดี๋ยวมันจะรู้ตัว ต้องให้มันอุ่นใจก่อนว่ามีคนขับเรือพานังผู้หญิงกลับ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะไม่ยอมขึ้นมาบนเรือ"
แต่ช้างก็ดูไม่สบายใจอยู่ดี
"ไม่ต้องกังวลน่า แกมองไปรอบๆสิ คนของเรามีกี่คน มันแค่สองคน เอาไม่อยู่หรือไง"
ช้างมองไปรอบๆ เห็นลูกน้องชายฉกรรจ์ 3 คนที่มีอาวุธครบมือ
"หรือพอไม่มีไอ้มาร์ก แกก็ทำอะไรไม่ได้! เพิ่งจะเผยความกระจอกออกมาหรือไง ไอ้ช้าง"
"ไม่ครับเสี่ย"
ช้างก้มหน้ารับคำสั่ง พิภพเดินกลับเข้าไปด้วยความฉุน ช้างมองตาม สายตาไม่ไว้วางใจสถานการณ์
ในขณะที่วายุบุตรกับกฤษฎายืนบนท่าเรือเรียบร้อยแล้ว
"เสี่ยบอกให้แกมาคนเดียว ไม่กลัวไอ้นี่จะถูกยิงทิ้งหรือไง" ช้างบอก
"ฉันไม่รู้ทิศรู้ทาง ขับมาคนเดียว หาไม่มีทางเจอ"
"แกไปคนเดียว ส่วนไอ้ตี๋รออยู่ที่นี่"
ช้างเอาปืนขู่ทั้งคู่ไว้ กฤษฎายกมือชูเหนือหัว วายุบุตรถูกช้างและชายฉกรรจ์ตรวจเช็คอาวุธ พบว่าไม่มี ชายฉกรรจ์ขู่ไว้ด้วยปืน
ในขณะที่กฤษฎากวาดสายตาสังเกตโดยรอบเพื่อเช็คทางหนีทีไล่ ชายฉกรรจ์1 ตรวจสอบตัวกฤษฎาเพื่อเช็คอาวุธ แต่ไม่มี ก่อนส่งสัญญาณให้ช้างว่า กฤษฎาไม่มีอาวุธ ช้างคุมวายุบุตรออกไป ชายฉกรรจ์1 คุมกฤษฎาเอาไว้ ขู่ด้วยปืน
บริเวณผ้าใบข้างหลังเรือ สารวัตรค่อยๆเปิดผ้าใบขึ้นเล็กน้อย เพื่อสังเกตสถานการณ์ข้างนอก เป้นอนนิ่ง กระชับปืนในมือเอาไว้
ผ้าใบถูกปิดลง ในขณะเดียวกันกับที่ชาย1 เหลียวกลับมองที่เรือ กฤษฎายืนตัวเกร็ง หายใจไม่ทั่วท้อง
วายุบุตรถูกช้างและชาย 3 คุมตัวเข้ามา พิภพนั่งอยู่กับณัฎฐาลินีและสิริมา ดื่มเครื่องดื่มชิลๆอยู่
สาวทั้งสองเห็นวายุบุตรแล้วตื่นเต้น ดีใจ แต่สายตาวายุบุตรจับจ้องอยู่แต่กับณัฎฐาลินีเพียงคนเดียว สิริมาเจ็บแปลบหัวใจ
"คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว คุณวายุบุตร ขอต้อนรับสู่ โลกของผม"
วายุบุตรหันมองผู้หญิงที่ถูกจับ
"สนใจสินค้าของผมเหรอ แต่เสียใจนะ พวกนั้นเป็นออร์เดอร์ล็อตสุดท้ายที่กำลังจะถูกพาไปส่ง...พร้อมสองคนนี้"
"แต่ผมมาแล้ว ปล่อยตัวลินีกับสิริมาได้แล้ว ตามสัญญา"
"มันไม่มีทางปล่อยเรา มาทำไมเนี่ย สติดีหรือเปล่า ไปเชื่อมันทำไม อยากตายนักหรือไง" ณัฎฐาลินีบอก
"ผมยอมตาย ถ้าจะทำให้คุณปลอดภัย"
ทุกคนอึ้ง พิภพหัวเราะเย้ยหยัน
"ฮ่ะๆๆ เห็นมั้ยสิริมา ว่าไอ้วายุบุตรมันรักผู้หญิงคนนี้แค่ไหน"
สิริมานั่งนิ่ง ไม่โต้ตอบ มองวายุบุตรด้วยสายตาปวดร้าว
"เห็นมั้ย วายุบุตร ว่าสิริมาเจ็บปวดมากแค่ไหน เวลาที่ผู้หญิงเจ็บ ทำอะไรได้มากกว่าที่คิดนะ รู้มั้ยว่าเค้าแอบมาคุยกับฉัน เพื่อให้ฉันทำลายผู้หญิงที่แกรัก แลกกับข่าวความเคลื่อนไหวของแกที่จ้องจะเปิดโปงฉัน"
สิริมาอึ้ง....วายุบุตร และณัฎฐาลินีหันมองสิริมาด้วยสายตาโกรธขึ้ง
"ฉันขอโทษ"
"แล้วไม่คิดจะขอโทษฉันบ้างหรือไง" ณัฎฐาลินีว่า
"เพราะฉันเกลียดเธอ! และถ้าเธอจะถูกมันทำลายได้ ต่อให้ฉันตาย ฉันก็ไม่เสียใจ"
พิภพเดินไปหัวเราะใส่วายุบุตร
"เฮ้ย ดูสิ ฉันพูดผิดไปหรือเปล่า พลังแห่งความเกลียดชังของผู้หญิง มันช่าง...น่าดูที่สุด ฮ่ะๆๆๆ เพียงแค่ผู้ชายคนเดียว ก็ทำให้ยอมทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง...ยอมเสียตัวให้ฉัน"
"อะไรนะ"
"ใช่ แกได้ยินไม่ผิด สิริมายอมเสียตัวให้ฉันแลกกับความไว้ใจ เพื่อจะได้ช่วยแกปกปิดสายที่แกส่งเข้ามาแทรกซึม"
วายุบุตรทั้งผิดหวังและเวทนา
"ฉันขอโทษ"
"ทำไมคุณต้องทำถึงขนาดนี้ ทำไม..."
ณัฎฐาลินีบอก
"โง่ไง! คิดเหรอว่าผู้ชายอย่างมันจะเห็นค่าในตัวเธอ มันก็แค่เซ็กส์ สนองความหื่นกาม แล้วเป็นไง มันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ เดนนรกอย่างมัน ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง"
พิภพหันไปตบหน้าเธออย่างแรง วายุบุตรขยับตัว ถูกช้างเอาปืนขู่ไว้
วายุบุตรสังเกตเห็นปืนพกเหน็บที่เอวของพิภพ
"ฉันไม่เป็นไร เพราะฉันจะไม่แสดงความอ่อนแอให้มันได้ใจหรอก... ไม่มีอะไรที่แกจะคุมได้ไปซะทุกอย่างหรอกนะ! ทำไม เห็นรอยยิ้มแทนที่จะเป็นน้ำตาแล้วของขึ้นหรือไง อยากตบอีกมั้ย ตบเลย ไอ้ชิงหมาเกิด"
พิภพปราดเข้าไปจะตบอีก
"นัง"
วายุบุตรฉวยจังหวะที่พิภพไม่ทันระวังหันหลังให้ เข้าไปล็อกคอพิภพเอาไว้อย่างรวดเร็ว เขาฉวยปืนของพิภพขึ้นมาแล้วจ่อที่พิภพ แล้วพลิกตัวไปอยู่ใกล้กับลินีและสิริมาทันที
ช้างและชาย1 จะขยับตัวแต่ไม่ทัน ลูกน้องที่คุมผู้หญิงอยู่ จะมาช่วยก็ชะงัก เขาเอาปืนขู่เอาไว้
"อย่าเข้ามา"
ช้างและชาย1ชะงัก ดูเชิงเอาไว้ ณัฎฐาลินีกระเถิบตัวเข้าหาสิริมา
"แก้มัดให้ฉันเร็วเข้า"
"ไม่"
"อยากตายไปโดยที่ไอ้นรกเนี่ย มันหนีไปได้หรือไง"
สิริมาใช้มือเท่าที่จะใช้ได้แก้เชือกที่มัดตัวณัฎฐาลินีออกทันที ช้างยิงปืนออกไปนอกเรือทันทีหนึ่งนัด เพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องข้างนอก ปัง!
สิ้นเสียงปืน กฤษฎาหันไปต่อยชาย1 ล้มลงไป สารวัตรและ เป้เปิดผ้าใบออกทันที กฤษฎาหมอบในมุมที่พ้นวิถีกระสุน สารวัตรยิงชาย 2 เป้ยิงชาย 1 ตายทั้งคู่
สารวัตรหยิบว.มาว.เรียกกำลังเสริมให้ตามมาทันที
"ว.หนึ่งเรียกว.สอง เคลียร์ทางแล้ว"
สิ้นเสียงปืน พิภพ ช้าง ชาย1 ลูกน้อง ณัฎฐาลินี สิริมาตกใจ
"คิดว่าฉันจะซื่อตรงกับคนชั่วไร้จรรยาบรรณอย่างแกหรือไง พิภพ"
"หึ!"
เธอหลุดออกมาได้ หันไปช่วยแก้มัดให้สิริมา
"เท่าที่นับ ตอนนี้แกก็เหลือแค่สามชีวิต มอบตัวซะเถอะ พิภพ"
สารวัตรเข้ามา พร้อมเป้ และกฤษฎา และตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดถือปืนเล็งไว้
"วางอาวุธ! พวกคุณถูกจับแล้ว"
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 14/5 วันที่ 8 พ.ค. 57
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตราก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ