@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 7 วันที่ 11 ก.พ. 56

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 7 วันที่ 11 ก.พ. 56

ภุชคินทร์อึ้งไป สองหนุ่มสาวมองมาอย่างห่วงใย... ขณะเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคาลืมตาออกจากญาณด้วยแววตาแข็งกร้าว เคืองผู้กองหนุ่มที่คิดขวางแผนของเธอ ชรายุมองออกว่าเจ้านายสาวไม่พอใจ ตั้งท่าจะห้ามแต่ราชนิกุลสาวไม่ฟัง รั้นจะไปและบอกว่าต้องการแค่สั่งสอนผู้กองหนุ่มเท่านั้น หาได้ต้องการชีวิตไม่!

คืนเดียวกัน...ภุชคินทร์ ไพศิษฐ์และนาถสุดาตัดสินใจค้างคืนที่แสงทองรีสอร์ทและกลับกรุงเทพฯเย็นวันรุ่งขึ้น ทุกคนเพลิดเพลินกับบรรยากาศริมน้ำโขงจนแทบลืมเรื่องเลวร้าย ลุงแสงชาวบ้านแถวนั้นเห็นราชนิกุลหนุ่มก็จำได้ ทักด้วยรอยยิ้มว่าเขามีบุญนักหนาที่มาถึงริมโขงพร้อมการปรากฏตัวของพญานาค แถมมาพักที่รีสอร์ทแสงทองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแห่งแรกที่พบรอยเท้าพญานาค



“เพราะการมาเยือนของพญานาคเหมือนแสงแรกแสงทองของพระอาทิตย์ที่นำความสุขความเจริญมาให้”

ลุงแสงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเทิดทูนสุดหัวใจ คิดว่าภุชคินทร์อาจมีอะไรเกี่ยวข้องกับพญานาคในอดีตชาติแล้วเดินจากไป สามคนมองหน้ากันเครียดๆ ไพศิษฐ์ปลอบไม่ให้คิดมากแต่ภุชคินทร์กลับคิดเหมือนลุงแสง เพราะอย่างนี้ถึงมีเหตุดลใจให้มาที่นี่...แม้แต่ชื่อเขายังแปลว่าพญานาค ราชนิกุลหนุ่มคิดเรื่องคำพูดลุงแสงจนนอนไม่หลับ สังหรณ์ว่าเรื่องที่เกิดอาจไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือความฝัน อธิษฐานขอพญานาคให้ปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความจริง

ฟากไพศิษฐ์อาสาเฝ้าระเบียงห้องเพื่อนเพราะกลัวเกิดเรื่องประหลาดอีก นาถสุดาเข้านอนด้วยความสบายใจ ส่วนเขาอ่านหนังสือจนดึกดื่น ผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลียแล้วสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ชายหนุ่มเห็นว่าต้นเสียงมาจากริมน้ำโขงจึงเดินไปดู พบหญิงสาวในชุดชาวบ้านนั่งหันหลังร้องไห้สะอึกสะอื้นบอกว่าคนรักหาย เขาเสนอตัวเข้าช่วยตามประสาตำรวจที่ดี วางมือบนไหล่เธอช้าๆแล้วถึงกับผงะ เห็นเจ้าอุรคาจ้องตาขวาง เอื้อมมือมาบีบคอเขาอย่างแรงและตวาดก้อง

“อย่ามายุ่งกับเรื่องของข้า”

“ปล่อย...ผมไปยุ่งเรื่องอะไรของเจ้า”

“ภุชเคนทร์...อย่าพาเขากลับไป ไม่งั้นเจ้าจะถึงฆาต!”

ไพศิษฐ์ดิ้นรนต่อสู้จนนาฬิกาข้อมือหลุดโดยไม่รู้ตัว เจ้าอุรคาปล่อยมือแล้วผลักเขาลงกับพื้น...ไพศิษฐ์รู้สึกตัวอีกทีว่านอนแอ้งแม้งกับพื้นระเบียงห้องภุชคินทร์ เจ็บร้าวไปทั่วร่างเหมือนผ่านการสู้รบมาอย่างหนัก สะบัดหัวไล่ความมึนงง ไม่เข้าใจว่ากลับมานอนที่นี่ได้ยังไง นาถสุดาเพิ่งตื่น เดินมาหาและก้มมองเขายิ้มๆ ไพศิษฐ์ไม่ขำด้วย บอกว่าเจอเจ้าอุรคาเมื่อคืน นาถสุดาตาโต... หรือว่าแฟนหนุ่มจะเจอดีอีกคน!

ooooooo

นาถสุดาฟังเรื่องทั้งหมดแล้วสรุปว่าแฟนหนุ่มมีอคติกับเจ้าอุรคามากไป ราชนิกุลสาวจะปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไงในเมื่ออยู่ที่เฮือนในกรุงเทพฯ เธอปลอบไม่ให้คิดมากจนเก็บไปฝันร้ายแต่แฟนหนุ่มยังไม่วางใจ พยายามกลบเกลื่อนเพราะอยากให้เธอสบายใจและชวนไปดูชาวบ้านตกปลาอย่างผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย

ฝ่ายภุชคินทร์...ตื่นแต่เช้ามาเดินเล่น เห็นชาวบ้านมุงที่ริมโขงจึงตามไปดู ตะลึงเมื่อเห็นรอยเท้าพญานาคปะปนกับรอยเท้าคนคล้ายมีการต่อสู้อย่างดุเดือด ราชนิกุลหนุ่มเผลอมองเท้าตัวเองแล้วถอนใจอย่างโล่งอกที่รอยเท้าเป็นคนละขนาด ไพศิษฐ์กับนาถสุดามาสมทบมองรอยเท้าตรงหน้าแล้วถึงกับขนลุกซู่ หญิงสาวชาวบ้านตะโกนบอกว่าเจอนาฬิกาข้อมือ ผู้กองหนุ่มหันไปมองแล้วหน้าซีด พูดเสียงสั่นว่าเป็นของเขา หญิงสาวคนนั้นคืนให้แล้วหันไปสนใจรอยเท้าพญานาคต่อ นาถสุดากับภุชคินทร์มองมางงๆ ไพศิษฐ์เปรยเสียงเครียด

“นายชาย...เมื่อคืนฉันฝันว่าสู้กับเจ้าอุรคา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ความบังเอิญแต่คือเรื่องจริง”

ใบหน้าไพศิษฐ์ตื่นกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะได้เจอของจริง!

นาถสุดาเล่าเรื่องทุกอย่างให้พ่อฟังคืนเดียวกันนั้น... พันเอกนรินทร์ดูออกว่าลูกสาวอยากรู้เรื่องราวปริศนาแต่เขาบอกไม่ได้เพราะเป็นการฝืนชะตาฟ้าลิขิต ได้แต่บอกเป็นนัยๆเหมือนเคย

“ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้ ทุกสิ่งเป็นความลับเสมอ หากยังไม่ถึงเวลา”

“หมายความว่าเราต้องให้มันเกิด โดยที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือคะ”

“ห้ามน้ำไม่ให้ไหล ห้ามไฟไม่ให้มีควันฉันใด สิ่งที่เกิดมันก็ต้องเกิด และเมื่อถึงเวลามันจะดับเอง”

นาถสุดาเข้าใจแต่ยอมรับไม่ได้ ร้อนรนเพราะเป็นห่วงบุคคลอันเป็นที่รักรอบตัว อดีตนายทหารปลอบเสียงอ่อน

“นาถยิ่งอยากรู้เท่าใด สิ่งที่อยากรู้จะยิ่งห่างไกล ยิ่งจิตวุ่นวาย สิ่งที่อยากรู้ยิ่งกระเจิงเหมือนฝุ่นละออง ถ้าจิตนิ่งจิตจะมีพลัง ทุกอย่างจะเปิดเผยเองโดยที่นาถไม่ได้เป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน แต่มันเป็นกฎธรรมชาติ...ธรรมชาติของจิต”

นาถสุดาว้าวุ่นใจ สับสนเพราะความไม่รู้ พันเอกนรินทร์ส่ายหน้าปลงๆ...หวังว่าสักวันลูกจะเข้าใจ

เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภิงคารทราบเรื่องประหลาดของภุชคินทร์เกี่ยวกับพญานาคก็สังหรณ์ใจ นั่งคุยกับหม่อมภาณีและนารีวรรณอย่างเคร่งเครียดเพราะกลัวหลานรักมีอันตราย หม่อมภาณีเต้นผ่าง กลัวพญานาคมาเอาชีวิตลูกชาย มองหน้าน้องชายและลูกสาวบุญธรรมเครียดๆ...ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองภุชคินทร์ด้วยเถิด

ด้านสุบรรณ...เห็นภุชคินทร์ในทีวีก็หน้าตึง กำแก้วเหล้าแน่นจนแตกคามือ เลือดไหลอาบทั้งแขน นักการเมืองหนุ่มสาดเหล้าลงคอหมดขวด ความเมาทำให้สติพร่าเลือน เห็นภาพภุชคินทร์ส่งยิ้มเย้ยหยันมาให้ สุบรรณเลือดขึ้นหน้าและโผไปทำร้าย กางมือออกแล้วตะลึง เห็นนิ้วตัวเองกลายเป็นเล็บครุฑ ฉีกร่างภุชคินทร์จนเลือดกระฉูด ชายหนุ่มหัวเราะสะใจ มองกระจกข้างห้องแล้วตาค้าง เห็นภาพตัวเองเป็นพญาครุฑที่กงเล็บเต็มไปด้วยเลือด!

สุบรรณสะดุ้งตื่นตอนเช้าเหงื่อแตกพลั่ก...ภาพฝันยังติดอยู่ในสมอง ชายหนุ่มมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างตื่นๆ พยายามลำดับเหตุการณ์ในความทรงจำแต่ไม่ได้เรื่องนัก ถามตัวเองอย่างงงงันตกใจ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่!

ooooooo

ภุชคินทร์ตื่นมาตอนเช้าพร้อมรอยช้ำเต็มแขน ภาพความฝันลางเลือนเหมือนเห็นตัวเองสู้กับอะไรบางอย่างแต่มองไม่ชัด นารีวรรณมองด้วยความเป็นห่วง ช่วยพี่ชายปิดบังเพราะกลัวหม่อมภาณีเห็นแล้วเป็นกังวล มองตามพี่ชายกับมารดาออกจากบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด...หรือว่าพี่ชายจะโดนของ

นารีวรรณแล่นไปหาพะนอฤดีที่ร้านอาหารสายวันนั้นเพื่อระบายเพราะทนเก็บความกลุ้มใจไว้ไม่ไหว พบเฟื่องวลีเดินกรุยกราย ยกมือดูเล็บที่เพิ่งทำใหม่ก็สงสัย คิดเองว่าหญิงสาวอาจเป็นคนสร้างรอยแผลที่แขนราชนิกุลหนุ่ม เฟื่องวลีเห็นนารีวรรณจึงเดินมาทัก อวดเล็บสวยแล้วบอกว่าทำใหม่เพราะเกิดเรื่องเมื่อวานจนเล็บฉีก นารีวรรณกับพะนอฤดีตาโต เฟื่องวลีไม่รู้เรื่องเลยเกทับว่ามีเรื่องกุ๊กกิ๊กกับแฟนจนเล็บฉีก พะนอฤดีเต้นผ่างด้วยแรงหึง เฟื่องวลียั่วหนักขึ้นจนเฟื่องฟ้าเดินมาห้ามเพราะกลัวเสียภาพพจน์ พะนอฤดีฮึดฮัดทนไม่ไหว ลากนารีวรรณกลับเข้าร้านอย่างหงุดหงิด เฟื่องวลีมองตามด้วยความสะใจ...ใครที่มันกล้าตั้งตัวเป็นคู่แข่งต้องเจอแบบนี้

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 7 วันที่ 11 ก.พ. 56

ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ