@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3/4 วันที่ 10 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3/4 วันที่ 10 ก.พ. 56

“ก็ฟังคุณเล่าแล้วสงสาร อยากเข้าไปเยี่ยม”
“คุณนี่เพี้ยนจริงๆ”
“เอาน่า ผมจะได้ไปฝากฝังกับเจ้าวี ให้ช่วยดูแลเพื่อนคุณเป็นพิเศษไง”
“เพื่อนชั้นก็อยู่ห้องพิเศษอยู่แล้วล่ะย่ะ”
“ตกลงจะยืนคุยกันอยู่ตรงนี้ หรือจะให้ผมเข้าไป”
สุดนภาโมโห
“อย่านึกว่าเลี้ยงข้าวชั้น แล้วจะมาวุ่นวายกับชั้นได้นะ”
นาวินมองอย่างรำคาญ เขาผลักประตูแล้วเดินนำเข้าไป สุดนภาอ้าปากค้างแล้วโวยวาย

จริณทิพย์กำลังจัดของจะกลับบ้าน เธอเห็นแฟ้มของปฐวีวางไว้
“ตายจริง ลืมเอาแฟ้มหมอวีเข้าห้องประชุม”



นาวินเดินเข้ามา
“เจ้าวีผ่าตัดเสร็จหรือยังครับ”
“โอ๊ยเสร็จตั้งนานแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังประชุมต่อ”
“แล้วทำไมไม่บอกผมเนี่ย..โธ่”
“อ้าว คุณไม่ได้สั่งนี่คะ” จรินทิพย์ค้อน “ไหนว่าสนิทกันแนบแน่นไงคะ แล้วจะคุยเรื่องอะไรกับหมอวีคะ”
“เรื่องส่วนตัว และก็สำคัญมากฝากบอกเจ้าวีมันด้วย งั้นวันนี้ผมกลับก่อน”
นาวินเดินไป จริณทิพย์มองค้อน
“เรื่องส่วนตัว เชอะ... ถ้าชั้นสาวกว่านี้ซัก 10 ปีล่ะก็ คุณต้องเปลี่ยนใจแน่”
สองพยาบาลรัก-ยมเข้ามายืนมองนาวินเดินไป ก่อนจะรีบเข้ามาถามจริณทิพย์
“พี่ทิพย์ขา ผู้ชายคนนี้ใช่มั้ยคะ ที่ข่าวว่า เป็น เอ่อ” รสิกาอึกอัก
“เป็นอะไร”
“เป็น ....เพื่อนสนิทหมอวี” ยมนาบอก
“ใช่ แล้วยังไง”
ยมนาหันมองหน้ารสิกา “ข่าวลือเป็นจริง”
สองพยาบาลห่อเหี่ยว
“บ้า ชั้นขอรับรองว่าคุณหมอปฐวี แมนทั้งแท่งร้อยเปอร์เซ็นต์” จริณทิพย์บอก
“สมัยนี้ดูยากจะตายไป”
“แล้วหล่อนสองคนน่ะ เป็นอะไร ทำมาห่อเหี่ยว อย่างกับว่าหมอวี เค้าจะมองหล่อนสองคนอย่างงั้นแหล่ะ”
ทั้งสองคนมองหน้ากันอีกครั้ง แล้วมองจริณทิพย์
“แล้วพี่ทิพย์ล่ะคะ” ยมนาถาม
“ฝันเป็นแม่นมของหมอปฐวีหรือคะ” รสิกาถามต่อ
จริณทิพย์โมโห “เดี๋ยวไปเจอกันที่ลานแอโรบิคของโรงพยาบาล จะได้รู้กันว่าอายุขนาดชั้นเนี่ย ยังอัพแอนด์ดาวน์ได้สบายมาก”
จริณทิพย์ทำท่าแอโรบิคโชว์ พยาบาลรัก - ยมทำท่าหวาดเสียว
“พอเถอะค่ะ เอาแฟ้มมาให้หนูดีกว่า เดี๋ยวคุณหมอวีจะรอ”
รสิกากับยมนาคว้าแฟ้มแล้วรีบไป พอลับตัวจริณทิพย์เหนื่อยหอบ

“บอกแล้วไง อย่าให้โมโห จะเป็นลมให้ดู๊..”
ปฐวีเดินกลับเข้าห้อง หนึ่งฤทัยเดินมาเรียก

“หมอวีคะ หนึ่งมีเรื่องจะปรึกษา”
“ได้ครับ เชิญครับ”
“คือคนไข้หนึ่ง จากอุบัติเหตุรถยนต์ สภาพร่างกายปกติทุกอย่าง แต่ไม่ฟื้น ทำเทสก็ไม่มีการตอบรับเลย ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้”
“ตรวจอย่างละเอียดแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ถ้างั้น พรุ่งนี้ผมขอดูแฟ้มประวัติหน่อยนะครับ เราอาจจะต้องมาวิเคราะห์หรือ ตรวจวิธีอื่นๆ กันใหม่”
หนึ่งฤทัยยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
จริณทิพย์เดินเข้ามา
“คุณนาวินกลับไปแล้วค่ะ ไม่ยอมบอกความลับ บอกว่าเรื่อง ส่วนตั๊ว ส่วนตัว ทิพย์ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ” จรินทิพย์ค้อนปฐวี “มีอะไรที่ลับขนาดจริณทิพย์รู้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติ”
หนึ่งฤทัยไม่เข้าใจ ปฐวีขำก๊าก จริณทิพย์ค้อนปฐวีแล้วเดินจากไป

พิรามคุยงานกับลูกค้าเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นจับมือกัน
“ถ้าตามนี้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร งั้นผมดำเนินการเลยนะครับ”
พัดชาเดินเข้ามายืน
“คุณพิรามทำงานได้ยอดเยี่ยมจริงๆ สมกับเป็นคนหนุ่มไฟแรง” ลูกค้าชม
พัดชาหันมองพิรามอย่างปลื้มใจ พิรามลุกขึ้นจับมือยิ้มแย้มกับลูกค้า ลูกค้าเดินออกไป
“คุณเก่งจังเลยนะคะ ลูกค้าชื่นชมทุกราย”
พัดชาเกาะแขนพิรามอย่างปลาบปลื้ม พิรามทำเฉยชากับพัดชาแล้วเก็บของบนโต๊ะ
“ฝากจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อย ผมจะออกไปธุระ”
“คุณมีธุระตอนนี้เนี่ยนะคะ”
พิรามไม่ตอบแล้วเดินออกไป
“จะไปหาคุณตันหยงใช่ไม๊คะ”
พิรามหยุดเดิน
“คุณไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบมากหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณคุณตันหยงวู่วามไปเอง”
พิรามหันกลับมามองหน้าพัดชา
“ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น และผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับผมซะที ปล่อยผมไปเถอะ พัดชา”
พูดจบพิรามก็เดินออกไป พัดชาได้แต่อึ้งเพราะอายและโมโหมาก

หนึ่งฤทัยนั่งคุยกับปฐวีที่ร้านกาแฟ
“แล้วน้องเมย์เป็นยังไงบ้างคะ” หนึ่งฤทัยถาม
“เหลือความจำสับสนอีกนิดหน่อยครับ”
หนึ่งฤทัยพยักหน้า “อาการหลังอุบัติเหตุ”
“ครับ ก็คงต้องรออีกซักพัก เพราะกลับไปอยู่บ้านแล้ว คงเรียกความจำกลับมาได้”
หนึ่งฤทัยมองหน้าปฐวีแล้วยิ้ม ปฐวีมองอย่างสงสัย
“หนึ่งว่า วีคงหาแฟนยากแล้วล่ะค่ะ”
“ทำไมเหรอครับ”
“ก็มีลูกสาวคือน้องเมย์ไปแล้วนี่คะ”
ปฐวีหัวเราะ
“อาจจะจริงนะ ทุกวันนี้ในหัวผม ก็มีแต่น้องเมย์กับงาน จนไม่อยากคิดเรื่องอื่นแล้ว”
หนึ่งฤทัยจ๋อย

พิรามเดินมาหยุดยืนหน้าห้องพักของตันหยงแล้วตัดสินใจ เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
“ผมขอโทษครับ” พิรามบอก
บุหงาร้องไห้จนพินิจต้องคอยปลอบ บุหงาส่ายหน้า
“แม่ผิดหวังในตัวพิรามจริงๆ ทำไมทำกับลูกแม่แบบนี้”
“ยังดี ที่กล้ายอมรับผิด แบบลูกผู้ชาย” พินิจบอก
“ผมขอโทษครับ คุณอา ผมยอมรับผิดทุกอย่าง”
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้นพิรามก็ไม่กล้าผลักเข้าห้อง เขาเดินถอยหลังออก
“ขอโทษนะครับ ผมไม่กล้าสู้หน้าคุณอาทั้งสองจริงๆ”
ประตูห้องของตันหยงเปิดออก พยาบาลรัก-ยมเดินออกมา
“แหม น่าสงสารนะ ยังสาวยังสวยอยู่แท้ๆ เวรกรรม” รสิกาบอก
“นั่นน่ะสิ สงสารคุณพ่อคุณแม่เค้าเนอะ” ยมนาพูด
รสิกาและยมนาเดินผ่านไป พิรามมองตามอย่างรู้สึกผิด หนึ่งฤทัยเดินออกมามองหน้าพิราม
“จะเข้าไปเยี่ยมไข้รึเปล่าคะ”
“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ” พิรามถาม
“คุณ...คือ...”
“ผมเป็นคู่หมั้นคุณตันหยงครับ”
หนึ่งฤทัยส่งสายตาอบอุ่นให้แล้วพูดต่อ
“คุณตันหยงยังไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิมค่ะ หมอเสียใจด้วยนะคะแต่อย่าพึ่งหมดหวังนะคะ ทีมแพทย์ของโรงพยาบาล กำลังช่วยกันหาสาเหตุอยู่ค่ะ”
พิรามได้ยินว่าตันหยงไม่ฟื้นก็ถึงกับช็อค เขากล่าวขอบคุณหนึ่งฤทัยแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างเร็ว หนึ่งฤทัยมองตามอย่างงงๆ ว่าทำไมเขาไม่เข้าห้อง

พิรามอยู่ที่ลานจอดรถ เขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองแต่ก็รู้สึกแย่มากจนต้องรีบกลับขึ้นมานั่งบนรถ เขารู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตนเอง
“ตันหยง ผมขอโทษ..ผมขอโทษจริงๆ...”
พิรามเสียใจอย่างแรง

ประภัสสรกับเมธีมาส่งเมรินเข้านอน
“ให้พ่ออ่านนิทานเล่มไหนดีคะ”
ตันหยงเบื่อๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องเมย์ง่วงแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ไปนอนเถอะ”
ประภัสสรกับเมธีมองหน้ากัน ประภัสสรหอมแก้มเมริน
“งั้นแม่ไปนอนนะคะ คนดีของแม่”
เมธีก้มลงจะหอมแก้มเมริน แต่ตันหยงดันออก เมธีมองหน้า ตันหยงนึกได้ก็รีบปล่อย
“ฝันดีนะคะ น้องเมย์” เมธีบอก
ตันหยงยิ้มแล้วรีบโบกมือให้ ทั้งสองเดินออกไป ตันหยงรีบเช็ดแก้มอย่างแรง
“โอ๊ย...จะหอมอะไรกันนักหนาเนี่ย”
สายแก้วหอบที่นอนมาวางที่หน้าเตียงพร้อมหนังสือสวดมนต์
“นอนนะคะน้องเมย์ขา พี่สายแก้วขอสวดมนต์ก่อน”
ตันหยงมองเบื่อๆ ก่อนจะชักผ้าห่มมาคลุมโปง สายแก้วปูที่นอนเสร็จก็จัดแจงสวดมนต์ ตันหยงเปิดผ้าห่มออกอย่างเซ็งๆ

ประภัสสรเดินเข้ามาในห้องนอน เมธีเดินตามเข้ามาแล้วทำท่าจะพูดกับประภัสสร
“คุณภัส คุณโกรธผมหรือเปล่า”
“โกรธหรือคะ คุณทำอะไรให้ภัทโกรธล่ะ”
“ผมอยากให้เราคุยกันดีๆ”
“ภัสพูดจาไม่ดีกับคุณหรือคะ”
ประภัสสรขึ้นเตียงนอนแล้วนอนห่มผ้าหันหลังให้เมธีทันที เมธีมองประภัสสรอย่างอ่อนใจ เขาขึ้นเตียงนอนแล้วหันมองประภัสสรก่อนจะถอนใจ เขาหันหลังให้ประภัสสรก่อนปิดไฟนอน ประภัสสรชำเลืองมองสามีที่นอนหันหลังให้ด้วยความเศร้า

ตันหยงนอนหลับตาแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมอง เธอชะโงกมองดูสายแก้วที่หน้าเตียง ตันหยงเห็นสายแก้วนอนกอดหนังสือสวดมนต์หลับสนิท ตันหยงค่อยๆย่องลุกขึ้นปีนลงจากเตียง มาเขี่ยสายแก้วให้แน่ใจว่าหลับสนิทจริงๆ แล้วตันหยงก็เปิดประตูออกไปนอกห้องอย่างเงียบสนิท
สายแก้วนอนหลับฝันดี

ร่างของตันหยงนอนอยู่บนเตียงในห้องพัก บุหงานั่งจับมือตันหยงอย่างเศร้าสร้อย พินิจปลอบ
“เรากลับบ้านไปพักผ่อนกันดีกว่า นั่งเฝ้าทั้งคืนแบบนี้ ร่างกายจะไม่ไหวนะ คุณ”
“คุณจำเมื่อเช้านี้ได้มั้ยคะ ที่หน้าโรงพยาบาลน่ะ ยายหนูคนนั้น....”
บุหงานึกถึงตอนที่เมรินตะโกนเรียกพ่อกับแม่แล้วก็เศร้า
“มันทำให้ชั้นนึกถึงตอนลูกยังเล็กแกร้องเรียกชั้นแบบนี้แหละ เสียงดังขนาดหยุดคนทั้งห้างมาแล้ว” บุหงายิ้มก่อนจะมองตันหยงแล้วร้องไห้ “ชั้นไม่อยากให้ลูกหลับแบบนี้เลย”
พินิจกอดให้กำลังใจภรรยา

ตันหยงค่อยๆ ย่องลงบันได เธอเห็นโทรศัพท์อยู่บนเคาเตอร์สูง ตันหยงรีบวิ่งไปเขย่งหยิบ แต่ก็ไม่ถึง ตันหยงหันมองรอบตัวแล้วไปลากเก้าอี้มาวาง ก่อนจะปีนขึ้นไปหยิบโทรศัพท์แล้วคิดหนัก ตันหยงหลับตาลงก่อนตัดสินใจลืมตา หายใจเข้าแล้วกดเบอร์โทร.ออก เมื่อได้ยินเสียงฮัลโหล ตันหยงก็ดีใจมาก
“คุณพ่อขา คุณแม่ขา”

ทันใดนั้นก็มีมือเอื้อมมาคว้าโทรศัพท์ออกไปจากมือเธอทันที ตันหยงตกใจมาก
ทางด้านพินิจงุนงง ดึงหูโทรศัพท์ออกมามอง บุหงาก็มองด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยปากถาม

“ใครโทร.มาเหรอคะ”
“เด็กคงโทรผิดเบอร์น่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
พินิจหน้าตาเศร้าลง บุหงามองสามี แล้วมองลูกสาวที่นอนอยู่แล้วก็เศร้าลงไปอีก

ตันหยงหันมองปฐวีที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด
“น้องเมย์กำลังทำอะไรครับ” ปฐวีถาม
ตันหยงจ้องมองอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“เอาคืนมานะ”
ปฐวีเสียงดุ “น้องเมย์จะโทรเล่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“ชั้นบอกให้เอาคืนมา”
“เกิดมันไปติดบ้านใครเข้ามันจะไม่ดี จะเป็นการรบกวนเค้านะแล้วดึกดื่นป่านนี้ ทำไมยังไม่นอน ลงมาข้างล่างคนเดียว ถ้าตกบันไดไปจะทำยังไง”
ตันหยงเสียใจที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะคุยโทรศัพท์กับพ่อและแม่
“...อย่ามายุ่งกับชั้น”
“น้องเมย์ ทำไมพูดจากับน้าวีไม่น่ารักเลย”
“คุณก็ฟังชั้นพูดบ้างสิ ให้ชั้นพูดบ้างได้ไม๊ล่ะ”
ปฐวีนิ่งเงียบรอฟังตันหยง
“น้องเมย์อยากพูดอะไร”
“เอาล่ะ ชั้นจะบอกคุณว่า ชั้น..ไม่ใช่น้องเมย์”
ปฐวีมองเมรินอย่างแปลกใจ
“น้องเมย์พูดอะไร ทำไมพูดแบบนี้”
“ก็ชั้นไม่ใช่น้องเมย์”
ปฐวีคิดกับตัวเอง “หรือความจำยังสับสนอยู่ สงสัยน้าวีต้องพาน้องเมย์ไปตรวจอย่างละเอียดอีกที”
ตันหยงได้ยินแบบนั้นก็ระเบิดคำพูดออกมาแบบอัดอั้นตันใจเต็มที่
“จะมาตรวจอะไรชั้นอีก พอแล้ว! ชั้นคิดอยู่แล้วล่ะ พูดไปก็ไม่มีใครฟังพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ชั้นไม่ตรวจแล้ว และชั้นก็จะไม่พูดกับคุณแล้วด้วย”
พูดจบตันหยงก็เบะร้องไห้เพราะเสียใจอย่างรุนแรง
ปฐวีอึ้งมองเมรินแล้วดึงมากอดด้วยความสงสาร ปฐวีรู้สึกสับสนเพราะไม่เข้าใจเมริน
“น้องเมย์ น้องเมย์ของน้าวีเป็นอะไร”

ตันหยงนั่งเขี่ยอาหารโดยไม่ยอมกิน ทุกคนนั่งมองเมรินอย่างสังเกต
“ทำไมไม่ทานล่ะลูก ไม่อร่อยหรือ” ปรงทองถาม
ตันหยงไม่ตอบ ปฐวีสังเกตหลาน เมธีเอื้อมมือตักอาหารใส่จานเมริน
“นี่ไส้กรอกทอดของโปรดน้องเมย์ไงลูก” เมธีบอก
“ลูกทานเยอะๆนะคะ” ประภัสสรพูดกับปฐวี “เอ่อ วีจ๊ะ พี่อยากปรึกษาหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ”
“พรุ่งนี้น้องเมย์จะเปิดเทอม ต้องไปโรงเรียน”
ตันหยงชะงักกึกแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ตันหยงคิดในใจ “โอย..ตาย แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ ชั้นยังจะต้องไปโรงเรียนอีกเหรอเนี่ย”
“วีว่า น้องเมย์พร้อมจะไปโรงเรียน ได้รึยังจ๊ะ” ประภัสสรถาม
ปฐวีมองหน้าเมรินนิ่ง ตันหยงส่ายหัวให้ช่วย ปฐวีคิดเรื่องเมื่อคืน
ปฐวียิ้มให้ทุกคนสบายใจ “ผมขอให้น้องเมย์พักรักษาตัวอีกหน่อยดีกว่าครับ”
ตันหยงถอนใจ ปฐวีพูดต่อ
“ผมยังไม่ค่อยวางใจ แต่พี่ภัสไม่ต้องกังกลนะครับ เหลือแค่ความจำสับสนนิดหน่อย”
ตันหยงมองหน้าปฐวีก่อนหันมองหน้าทุกคนแล้วตัดสินใจลองของ
ตันหยงมองหน้าปฐวี “แล้วถ้าไม่ใช่ความจำสับสนล่ะคะ แต่ถ้าเด็กคนนี้ ไม่ใช่น้องเมย์”
ทุกคนมองเมรินอย่างตกตะลึง
“น้องเมย์ พูดอะไรน่ะลูก” เมธีหันมองประภัสสรที่ตกใจอยู่ “ไม่ต้องกังวลนะภัส”
“ลูกภัส จะไม่กังวลได้ยังไงล่ะคะ” ประภัสสรหันไปพูดกับปฐวี “ลูกพี่ยังไม่หายใช่ไหมวี”
“เจ้าเมย์ จะพูดอะไรต้องคิดก่อน พูดแบบนี้ผู้ใหญ่ฟังแล้วไม่สบายใจนะลูก” ปรงทองว่า
ตันหยงมองปรงทองด้วยความอึดอัด

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3/4 วันที่ 10 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager