@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3/3 วันที่ 9 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3/3 วันที่ 9 ก.พ. 56

สุดนภาระงับอารมณ์ “กล้าพูดจริงนะ”
“แน่อยู่แล้ว ผมคนรุ่นใหม่ จริงใจมีวิสัยทัศน์ เชื่อใจได้”
“เชื่อได้ แต่ไว้ใจไม่ได้น่ะสิ” สุดนภาแอบบ่น “ไม่รู้ชั้นไปทำเวรกรรมอะไรไว้ จะได้ไปแก้กรรมถูก ไม่ต้องมีนายมาตามจองเวรแบบนี้”
สุดนภาเดินหนีนาวินไป
“ร้ายจริงๆ คิดว่าจะหนีพ้นหรือ”
นาวินรีบเดินตามไป

สุดนภาเดินเข้ามาในโรงพยาบาล นาวินเดินตามมา
“นี่คุณ ถ้าคุณตามรังควาญชั้นละก็ ชั้นจะแจ้งความ ข้อหาข่มขู่คุกคาม” สุดนภาว่า
“แหม...หัวหมอซะด้วยนะ ผมไม่ได้สนใจคุณซะหน่อย ผมมาหาเพื่อนต่างหาก”
สุดนภาชะงักเพราะเขิน นาวินชะงักมองสุดนภา



“เฮ้ย เป็นอะไรไปเนี่ย”
สุดนภามองเห็นปฐวีเดินตรงเข้ามา
“คุณปฐวี”
“อ้าว..รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” นาวินงง
“สวัสดีครับ ครูบี๋ มาตรวจสุขภาพหรือคะ” ปฐวีทัก
“อ๋อ..เปล่าหรอกค่ะ บี๋มาเยี่ยมเพื่อน พอดีเพื่อนบี๋เกิดอุบัติเหตุ”
นาวินพยายามเรียกร้องความสนใจจากสุดนภา แต่สุดนภาไม่สน
นาวินสะกิดปฐวี “นี่แกรู้จักคุณบี๋ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หลานชั้นเรียนอยู่โรงเรียนของแก ครูบี๋ก็เป็นครูประจำชั้นไงล่ะ” ปฐวีพูดกับสุดนภา “ถ้าเพื่อนคุณบี๋มีปัญหาอะไร หรือต้องการให้ช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับมีเคสผ่าตัด ไปก่อนนะเจ้าวิน”
“เออ..เดี๋ยวเจอกัน” นาวินบอก
ปฐวีเดินไป สุดนภามองตามอย่างปลื้มๆ นาวินแอบมองด้วยความหงุดหงิด
“นี่คุณ มันลับมุมตึกไปแล้ว ไม่ต้องปลื้มออกนอกหน้าขนาดนั้นหรอก”
“เรื่องของชั้น” สุดนภาว่า
สุดนภาเดินไป นาวินมองตามอย่างฉุนๆ

“แหม..ทำเป็นคะๆขาๆ ทีกะเราละก็ ข่วนเอาข่วนเอายังกะแมว..”
ขณะที่ประภัสสรนั่งทำงานเกี่ยวกับมูลนิธิอยู่ในห้องทำงานบริเวณชั้นล่าง เมธีเดินเข้ามาในบ้าน เด็กรับใช้รีบมารับกระเป๋าของเขาไป

“คุณภัสกับน้องเมย์ล่ะ” เมธีถาม
“คุณภัสนั่งทำงานอยู่ค่ะ คุณเมย์อยู่บนห้องกับพี่สายแก้วค่ะ”
ประภัสสรเดินออกมาพอดี
“ภัสครับ น้องเมย์เป็นยังไงบ้าง” เมธีถาม
“ทำไมวันนี้คุณกลับเร็ว งานเสร็จแล้วหรือคะ” ประภัสสรถามกลับ
“ยังหรอก แต่ผมอยากรีบกลับ วันนี้น้องเมย์กลับบ้านมาวันแรกผมอยากอยู่กับลูก”
“ขอบคุณนะคะ”
เมธีขยับจะจับมือประภัสสร แต่ประภัสสรดึงมือออกเบาๆ
สายแก้วพาเมรินเดินลงมาจากบันได เมธีรีบกางแขนรอเมริน
“มาเร็วเข้า มาให้พ่อกอดให้ชื่นใจเลย”
ตันหยงในร่างเมรินมองเมธีนิ่งไม่ยอมมาหา เมธีมองเมรินงงๆ ประภัสสรรีบแก้ไขสถานการณ์
“มาค่ะ น้องเมย์มาหาแม่”
ตันหยงค่อยเดินมาหาประภัสสร ประภัสสรรวบตัวเมรินมากอดไว้
“สวัสดีคุณพ่อหรือยังคะ” ประภัสสรบอก
ตันหยงค่อยๆเดินไปไหว้เมธีอย่างห่างเหิน เมธีรวบตัวเมรินมากอดไว้
“น้องเมย์ลูกพ่อ หอมที คิดถึงจังเลย”
ตันหยงทำหน้าอึดอัด
“เป็นอะไร ไม่อยากให้พ่อกอดเหรอ”
“เอ่อ..คือ.. เมย์อาบน้ำแล้วค่ะ”
“นี่แสดงว่า พ่อเหม็นใช่มั้ย” เมธีถาม
“เปล่าค่ะ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย”
เมธีขยี้หัวเมรินอย่างเอ็นดู “ร้ายขึ้นทุกวันนะเรา”
“คุณไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่าค่ะจะได้ทานข้าวพร้อมๆกัน” ประภัสสรพูดกับสายแก้ว “สายแก้วไปจัดโต๊ะอาหารนะจ๊ะ”
“รอแป๊บนึงนะ สาวน้อยของพ่อ”
เมธีจับมือเมรินแล้วจูบพร้อมทั้งส่งสายตาให้ประภัสสร ประภัสสรหลบตา เมธีเดินไป

บุญศรีกำลังยืนรอป้าแก้วจัดสำรับอาหารสำหรับบ้านปรางค์ทิพย์ สายแก้วเดินยิ้มหน้าบานเข้ามา
“แม่จัดอาหารว่างให้บ้านคุณภัสก่อนเร็วเข้า” สายแก้วพูด
“อะไรกัน แม่สายแก้ว มันต้องตามคิวสิ” บุญศรีว่า
“งั้น ชั้นจัดการเองก็ได้”
สายแก้วเลี่ยงไปตักกับข้าว บุญศรีมองตาม
“จะรีบไปไหน รอไม่ได้เลยหรือ นังสายแก้ว”
“นั่นน่ะสิ วันนี้เอ็งเป็นอะไร ลุกลนพิกล” ป้าแก้วว่า
“วันนี้คุณเมธีกลับมาแล้วน่ะสิ จะนั่งทานกับน้องเมย์ด้วย” สายแก้วบอก
“จริงหรือ แหม...ฤกษ์ดีนะเนี่ย งั้นเอ็งเอาไปก่อนเลย”
ป้าแก้วส่งชุดที่จัดเสร็จแล้วให้สายแก้ว
“ชั้นไปนะแม่ เดี๋ยวคุณๆจะรอ”
สายแก้วยิ้มเยาะบุญศรีแล้วเดินไปทันที
“อย่างนี้ไม่ถูกนะป้า ใครมาก่อนได้ก่อน” บุญศรีว่า
“จะรีบไปทำไม ก็แค่ใส่จานก็เสร็จแล้ว” ป้าแก้วบอก
“ก็ได้ก็ได้ เดี๋ยวชั้นมาเอาแล้วกัน”
บุญศรีเดินไป ป้าแก้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แหม..อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ คุณภัสคงมีความสุขนะ”

ปรางค์ทิพย์กำลังกวดขันให้ลูกทั้งสองทำการบ้าน
“ตั้งใจหน่อยสิ มัวแต่ใจลอยอยู่ได้”
“คุณแม่ขา เมย์กลับมาหรือยังคะ แก้วอยากเล่นกับน้องเมย์” ปรงแก้วถาม
“เมย์โชคดีจังเลยพี่แก้ว ไม่ต้องไปโรงเรียนด้วย ไม่ไปโรงเรียนก็ไม่ต้องทำการบ้าน” ปรงขวัญว่า
“นังลูกโง่ คิดถึงมันทำไม มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ ที่ไม่อยากไปโรงเรียน อยากเป็นขอทาน หรืออยากเป็นควายไถนาก็เลือกเอา”
ปรงแก้วกับปรงขวัญจ๋อย
บุญศรีเดินเข้ามา
“คุณปรางค์เจ้าขา”
“อ้าว ของว่างลูกชั้นล่ะ” ปรางค์ทิพย์ถาม
“โดนแซงคิวไปแล้วค่ะ คุณเมย์กับคุณเมธีกลับมาแล้วค่ะ”
“อะไร นังเมย์มันกลับมาแล้วหรือ หนอย อีตาเมธีก็กลับมาบ้านแต่วัน อยากจะมาออเซาะเมียล่ะสิ”

ปรางค์ทิพย์ฉุน ผุดหน้าร้ายออกมา
ตันหยงมองทุกคนอย่างสังเกต ประภัสสรป้อนสาคูไส้หมูให้เธอ

“พอแล้วค่ะ” ตันหยงบอก
“ทานเยอะๆ สิลูก หนูตัวเล็กนิดเดียวเอง”
“ใช่แล้ว ทานน้อยนัก เดี๋ยวลมพัดหนูจะปลิวไปตามลมเลย ทีนี้แม่จะไปตามหาที่ไหนล่ะเนี่ย”
พูดจบเมธีก็ตักของว่างใส่จานให้ประภัสสรอีก ประภัสสรมองเมธี
“ขอบคุณค่ะ” ประภัสสรบอก
ตันหยงคิดในใจ “ก็เหมือนจะรักกันดีนะ”
ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามา
“แหม..ทำอะไรกันจ๊ะ...อยู่กันพร้อมหน้าเชียวนะ”
“พี่ปรางค์ มาทานของว่างด้วยกันมั้ยคะ” ประภัสสรชวน
เมธีเมินหน้าหนี ปรางค์ทิพย์หงุดหงิดที่เมรินสังเกตเธอตลอดเวลา
“ไม่หรอกจ๊ะ” ปรางค์ทิพย์ปัด
ประภัสสรแอบมองหน้าเมธี เมธีนิ่งเงียบ
ปรางค์ทิพย์พูดกับเมริน “ไงล่ะเรา เห็นป้าเห็นเชื้อนี่ไม่ต้องไหว้แล้วหรือ เออเด็กสมัยนี้ทำไมมันไม่มีมารยาทเลย แม่เราก็เชื้อสายดีนี่ ไม่รู้ว่าไปติดใครมา” ปรางค์ทิพย์มองเมธี
เมธีเมินหน้าหนี ประภัสสรรีบกลบเกลื่อน
“น้องเมย์ จำคุณป้าปรางค์ไม่ได้หรือคะ สวัสดีก่อนสิคะ”
ตันหยงคิดในใจ “โชคร้ายนะเนี่ย มีป้าแบบนี้”
ตันหยงยกมือไหว้ปรางค์ทิพย์
“นี่ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องหรอกนะ ไงล่ะ เมธี วันนี้ว่างเหรอ ปรกติเห็นทำตัวเป็นงานยุ่ง”
เมธีเงียบไม่ตอบ
“แหม...แม่ภัสเธอนี่ก็หน้าบาน สองวันก่อนยังกินน้ำตาต่างข้าวอยู่เลย เชอะ พวกเจ็บแล้วไม่จำ”
เมธีชะงัก “คุณปรางค์พูดเรื่องอะไรครับ ใครเจ็บแล้วไม่จำ”
“ชั้นก็พูดเรื่อยไปแหละ ใครคิดคนนั้นก็รับไปสิ”
เมธีมองหน้าประภัสสร ประภัสสรมองเหมือนขอร้อง เมธีถอนหายใจยาว
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ปรางค์ทิพย์มองเมริน ตันหยงขยับตัวอย่างอึดอัด
“ไปกับพ่อนะครับน้องเมย์” เมธีชวน
เมธีอุ้มเมรินเดินออกไปทันที ประภัสสรมองตามไปอย่างหนักใจ
“ดู๊..ดูมันทำ ทั้งพ่อทั้งลูก ไม่ได้เห็นหัวชั้นเลย”
“พี่ปรางค์คะ เมธีเค้าคงเหนื่อยน่ะคะ ช่วงนี้งานเค้ายุ่ง” ประภัสสรบอก
“งานยุ่งไม่ได้เป็นข้ออ้างจะทำตัวไร้มารยาทหรอกนะ แสดงว่าเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับหล่อนเลย”
ประภัสสรนิ่งเพราะพูดไม่ออก ปรางค์ทิพย์ย้ำ
“ถ้าเธอไม่ใช่น้องชั้น ชั้นจะไม่เตือนเลย นายนี่น่ะร้ายนัก เธอไม่ทันเค้าหรอก อย่าไปเชื่อผัวนักเลย งานยุ่งหรือว่ายุ่งเรื่องอื่นกันแน่ สมัยนี้สาวๆน่ะใจถึง อายุอย่างเราๆน่ะจะไปสู้ได้ยังไง ระวังไว้เถอะ ผัวแกจะว่าได้ว่าโง่”
ประภัสสรอึ้ง ปรางค์ทิพย์ยิ้มร้าย

เมธียืนหน้าเครียด ตันหยงยืนมองเมธีอย่างสังเกต
“คุณเมธีนี่น่าสงสารเหมือนกันนะ” ตันหยงคิด
เมธีทุบโต๊ะอย่างแค้นใจ ตันหยงสะดุ้ง
“คุณพ่อเป็นอะไรคะ”
เมธีอึ้ง “ไม่เข้าใจว่าป้าปรางจะจงเกลียดจงชังอะไรพ่อนักหนาคนอย่างพ่อพยายามทำดีแค่ไหน ก็ไม่เคยดีพอ”
“อย่าคิดมากเลยนะคะ”
เมธีชะงักแล้วยิ้มเจื่อน
“ช่างมันเถอะลูก ไม่มีอะไรหรอก พ่อขอโทษนะ พ่อไม่น่าบ่นให้ลูกฟังเลย”
เมธีมองหน้าเมรินแล้วยิ้มอ่อนโยน
“รู้มั้ย ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อ พ่อรักลูกมากที่สุด”
ตันหยงมองเมธีด้วยความสงสาร
“น้องเมย์ทราบค่ะ”
เมธีมองเข้าไปในบ้านแล้วถอนหายใจ
ตันหยงคิดแล้วถอนใจด้วยความสงสาร “คุณเมธีรักลูกสาวคนนี้มาก แต่ก็มีปัญหากับภรรยา สาเหตุใหญ่น่าจะมาจาก ป้าปรางอะไรนั่น เฮ่อ เราพอจะช่วยอะไรเค้าได้บ้างนะ”

ปรงแก้วปรงขวัญยังนั่งทำการบ้านกันอยู่ ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามาด้วยความหงุดหงิด
“มันน่าเจ็บใจนักเชียว ไอ้กิ้งก่านั่นมันกล้าเชิดใส่ชั้น หนอยแน่ะ”
“คุณแม่ขา กิ้งก่าตัวไหน มันเชิดใส่แม่คะ” ปรงแก้วถาม
ปรางค์ทิพย์ตวาดแว้ด “เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆไม่ต้องยุ่ง ทำการบ้านไป” ปรางค์ทิพย์หงุดหงิด “แล้วนี่พ่อแกกลับมาหรือยัง”
เสกสรรค์เดินลงมาจากข้างบนในชุดพร้อมออกไปสังสรรค์
“นี่คุณจะไปไหนอีก เพิ่งเข้าบ้านหยกๆ” ปรางค์ทิพย์ถาม
“อ๋อ ต้องไปงานวันเกิดท่านประธานน่ะ บอกตรงๆนะเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
“งั้นก็อยู่บ้านสิ จะไปทำไม”
“ง่ายอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ ตอนนี้ผมกำลังวิ่งเต้นตำแหน่งหัวหน้าภาคอยู่ ก็ต้องไปให้เห็นหน้าหน่อย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีโอกาส คงต้องเป็นผู้จัดการอยู่แบบนี้แหละ”
ปรางค์ทิพย์นิ่งคิดแล้วก็เริ่มอ่อน
“งั้นก็ได้ ไปให้เห็นหน้าซะหน่อย แล้วก็อย่ากลับดึกนักล่ะคุณ ชั้นขี้เกียจนั่งรอ”
“ไม่แน่ใจนะ กลับก่อนคงลำบาก ถ้าคุณง่วงก็นอนก่อนเถอะ ไม่ต้องรอผมหรอกนะ”
เสกสรรค์เดินไปจับหัวลูกสองคนแล้วเดินออกไป ปรางค์ทิพย์มองตามอย่างขัดใจ
“เจ็บใจจริงๆ งานก็หนักกลับก็ดึก แถมยังไม่ก้าวหน้าอีก ไม่ได้เรื่องเล๊ย...”

ปรางค์ทิพย์อารมณ์เสีย
ฝ่ายนาวินนั่งรออยู่หน้าห้องพักของตันหยงอย่างเบื่อๆ สุดนภาเปิดประตูออกมา นาวินรีบวิ่งไปตั้งต้นทำท่าเป็นเหมือนเพิ่งเดินมาจากที่อื่น พอเจอสุดนภา นาวินก็ทำเป็นบังเอิญเจอ

“อ้าว เยี่ยมเพื่อนเสร็จแล้วหรือ”
สุดนภาเซ็ง “ยัง จะไปทานข้าว”
สุดนภารีบเดินแยกออกมาทันที นาวินคว้าแขนสุดนภาไว้
“อะไรอีกล่ะ ชั้นหิวขนาดกินหัวคนได้เลย อย่าทำให้อารมณ์เสีย”
นาวินชะงักเพราะเห็นสุดนภาเอาจริง
“ผมก็หิวเหมือนกัน เอางี้ ไปทานพร้อมกัน”
สุดนภางง “มาไม้ไหนเนี่ย ไม่ต้องหรอก”
“เอาน่า ผมไม่ชอบนั่งทานข้าวคนเดียว อ๊ะหรือว่าคุณกลัวผม”
“คุณนี่มัน ชั้นไม่กลัว และชั้นก็ไม่ไปกับคุณ”
สุดนภาเดินหนี นาวินรีบมาขวาง
“นะ ถือว่าผมขอร้อง ทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อย ผมเลี้ยงก็ได้ น่านะ ๆๆๆๆ”
“ไม่มีทาง” สุดนภาชี้ปากตัวเอง “ไม่ไป”

สุดนภานั่งกินอาหารด้วยความหิวจัด นาวินมองอย่างทึ่งๆ
“ผมเชื่อแล้วว่าคุณหิวจริง”
“ก็ไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เช้า รีบจนลืมกิน เข้าใจไม๊”
“โห คุณห่วงคนป่วยขนาดนี้ เพื่อนหรือแฟนน่ะ”
“เพื่อนสนิทย่ะ” สุดนภาเรียกบ๋อย “ขอไอศกรีม ชาเขียวทีนึงค่ะ” สุดนภาชะงัก “ไหนว่า คุณหิวไง ไม่เห็นทานอะไรเลย”
“ผมเห็นคุณกินแล้วอิ่มใจ”
“ว่าชั้นตะกละหรือ”
“เปล๊า แต่คุณทานน่าอร่อย เล่าเรื่องเพื่อนคุณต่อสิ ผมอยากรู้”
“เรื่องเพื่อนชั้นน่ะเหรอ”
สุดนภาเศร้าก่อนจะเล่าให้นาวินฟังคร่าวๆ
“เออ. แล้วคุณมาถามชั้นทำไมเนี่ย เราไม่ใช่เพื่อนกัน แถมยังไม่ชอบหน้ากันด้วย”
“เปล่านะ คุณคนเดียวนั่นแหละที่ไม่ชอบผม ผมน่ะพร้อมสมานฉันท์เราดีกันนะ” นาวินยื่นนิ้วก้อยให้
“ฝันไปเหอะ ขอบคุณนะที่เลี้ยง”
สุดนภาลุกขึ้นเดินไปทันที นาวินจะลุกตามแล้วนึกได้ว่ายังไม่ได้จ่ายเงิน

สุดนภาเดินไปห้องตันหยง นาวินเดินตาม
“คุณจะตามชั้นมาทำไมเนี่ย กลับไปหาเพื่อนคุณได้แล้ว”
“ผมก็อยากเข้าไปเยี่ยมเพื่อนคุณไง” นาวินบอก
“จะเยี่ยมทำไม คุณไม่รู้จักซะหน่อย”
“ก็ฟังคุณเล่าแล้วสงสาร อยากเข้าไปเยี่ยม”
“คุณนี่เพี้ยนจริงๆ”

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 3/3 วันที่ 9 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager