อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 3/3 วันที่ 5 ก.พ. 56
“คุณแม่ถามเหมือนว่า กระผมจะมีหญิงอื่นในใจ”คุณหญิงมณีเปลี่ยนเรื่อง
“แม่ก็แค่ถามดู ก่อนจะมีเรือน...แม่อยากให้ลูกบวชเรียนเสียก่อน”
ขุนพิทักษ์ได้ยินถึงกับวางช้อน
“คุณแม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าลูกอยากบวชลูกจะบอกคุณแม่เอง ไม่ต้องมาหว่านล้อมลูกหรอกขอรับ...ลูกอิ่มแล้ว”
ขุนพิทักษ์ลุกเดินลงเรือนไป คุณหญิงมณีได้แต่ถอนใจ
ภายในห้องนอนของรำพึง จวงโดนหมอนปาใส่เข้าอย่างจัง
“โอ๊ย! คุณรำพึงทำจวงทำไมเจ้าคะ”
“คุณพี่ไม่ได้ติดต่อข้ามาหลายวันแล้วนะนังจวง ทำไมป่านนี้คุณพี่ยังไม่คิดถึงข้า”
“ท่านขุนพิทักษ์อาจจะถูกกีดกันก็ได้นะเจ้าคะ ยิ่งมีท่านขุนไวประกบท่านพระยาฯอยู่ทุกวันแบบนี้”
“ข้าจะไม่ฟังคำสั่งคุณพ่ออีกแล้ว ข้าจะไปหาคุณพี่!”
จวงตกใจ รีบดึงมือไว้
“จะดีหรือเจ้าคะ”
“ดีหรือไม่ข้าตัดสินใจเอง วันนี้..ข้าต้องเจอคุณพี่ให้ได้”
รำพึงแววตามุ่งมั่น คิดแผนการณ์ในใจ
ภายในโรงบ่อน ขุนพิทักษ์ไมตรีแทงถั่วโปอย่างเมามัน นายบ่อนเดินเข้าไปหาแล้วยื่นจดหมายให้ ขุนพิทักษ์รับมาเปิดอ่าน
“ชะเง้อคอรอคอยวันลอยเลื่อน
น้ำตาเปื้อนแก้มน้องไม่ผ่องใส
คอยเห็นพักตร์พี่เจ้าเฝ้ารอใจ
หากเปลี่ยนไปพี่จงแจ้งแถลงคำ
น้องจะรอฟังคำของพี่ยา
คำสัญญาพี่ให้ไว้ใจกลืนกล้ำ
ขอพี่มาตามทางสาส์นหนุนนำ
หากคืนคำขอแพรกลับดับสัญญา”
ขุนพิทักษ์ได้อ่านดังนั้นก็เกิดอาการร้อนใจ
“ใครให้เอ็งมา”
นายบ่อนชี้ไปยังผู้หญิงที่เอาผ้าคลุมหัวรออยู่ตรงหลืบประตู เมื่อหันมาเป็นจวงนั่นเอง
ขุนพิทักษ์รีบเดินออกไป
ภายในเรือนพระยาเทวราช รำพึงเดินลงมา เห็นพระยาเทวราชนั่งจิบน้ำชาอยู่
“คุณพ่อเจ้าคะ เมื่อเช้าพ่อค้าสำเภาจีนฝากบ่าวมาแจ้งว่า ผ้าที่คุณพ่อสั่งซื้อมาถึงแล้ว ลูกขอไปรับผ้านะเจ้าคะ”
“แล้วนังจวงไปไหน”
“ลูกให้มันไปซื้อดอกไม้ที่ตลาดแล้วตามไปเจอลูกที่ร้านผ้าเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็เอาบ่าวคนอื่นไปด้วย เผื่อจะได้ช่วยหยิบจับอะไร”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ นังจวงคนเดียวก็พอแล้ว”
พระยาเทวราชหันมองลูกสาวอย่างไม่มั่นใจว่า รำพึงพูดความจริงเรื่องไปรับผ้า
“จะทำอะไร ให้สำนึกไว้เสมอว่าเป็นลูกพระยาไม่ใช่วางตัวอย่างไพร่ตามสายเลือด!”
รำพึงสายตาแข็งกร้าวขึ้นทันที แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมอ่อนโยน
“ลูกจำคำสั่งสอนของคุณพ่อเสมอค่ะ”
“รับผ้าเสร็จแล้วก็รีบกลับเรือน”
“เจ้าค่ะ”
พระยาเทวราชหันไปสั่งบ่าว
“เอ็งไปบอกคนเตรียมเรือให้ลูกข้า”
บ่าวเดินออกไปทำตามสั่ง สีหน้าของรำพึงมีแววดีใจที่ชนะ ทำแผนการสำเร็จไปเปลาะหนึ่ง
ขณะที่รำพึงเดินมาที่ท่าน้ำเพื่อจะลงเรือ ทุกย่างก้าวของรำพึงที่เดินไปที่เรือมีเสียงของพระยาเทวราชตามมาราวกับตำหนิติเตียน เพราะรำพึงรู้ว่า ตนเองกำลังจะไปวิ่งไล่ตามผู้ชายอย่างขุนพิทักษ์ไมตรี
“จะทำอะไร ให้สำนึกไว้เสมอว่าเป็นลูกพระยาไม่ใช่วางตัวอย่างไพร่ตามสายเลือด!”
รำพึงกำมือแน่น พูดกับตัวเอง
“คำก็ไพร่ สองคำก็ลูกทาส สักวัน..ข้าจะไปให้พ้น พ่อจะเหยียบย่ำใจข้าอีกไม่ได้”
รำพึงก้าวลงเรืออย่างตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อ
ขุนไวพิชิตพลยืนอยู่ที่ท่าน้ำฝั่งตลาด กำลังสั่งคนงานให้ซื้อของ เขาหันไปทางฝั่งน้ำเห็นเรือของบ้านรำพึง แล่นผ่านมา ลมพัดผ้าม่านหน้าต่างจึงเผยให้เห็นรำพึงนั่งอยู่ในเรือ
“นั่นคุณรำพึงนี่...คุณรำพึงจะไปไหน”
ขุนไวพิชิตพลมองตามเรือที่ค่อยๆลอยไป
ภายในเรือ รำพึงพูดกับคนเรือ
“เอ็งบ่ายหัวเรือไปท่าน้ำท้ายหมู่บ้าน ข้ายังไม่ไปร้านผ้าตอนนี้ แล้วห้ามปริปากบอกใครนะ ไม่เช่นนั้นข้าเอาตาย”
“ขอรับ”
คนเรือบังคับเรือบ่ายหน้าไปอีกทาง ขุนไว สงสัยมองตามเรือที่เปลี่ยนทิศทาง
เรือแล่นมาจอดเทียบท่าที่ท่าน้ำ จวงเดินมารับ รำพึงมีผ้าคลุมหัวเดินขึ้นมาจากเรือ จวงเรียกคนเรือ
“ไอ้กลิ่น เอาอัฐนี่ไป แล้วเอ็งก็ไปอยู่ไกลๆ เดี๋ยวเสร็จแล้วข้าไปเรียก”
“จ๊ะ แม่จวง” กลิ่นบอก
“ทางนี้เจ้าค่ะคุณรำพึง”
จวงเดินนำรำพึงไป
บริเวณริมน้ำ ขุนพิทักษ์ไมตรียืนหันหลังอยู่ เสียงรำพึงดังขึ้น
“คุณพี่เอาแพรมาคืนน้องรึเปล่าเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์หันมาเห็นรำพึงจึงรีบวิ่งเข้าไปกอด
“พี่รอน้องรำพึงอยู่ทุกคืน แต่น้องก็ไม่เห็นมาฟังพระสวดพร้อมท่านพระยา พี่เสียอีกที่นึกว่าน้องปันใจไปให้ไอ้ไวมันแล้ว”
รำพึงดันอกขุนพิทักษ์ออกอย่างมีจริต
“ก็อาจเป็นได้นะเจ้าคะ เพราะท่านขุนไวเช้าถึงเย็นถึง ถ้ายังสม่ำเสมออยู่เช่นนี้น้องคง...”
ขุนพิทักษ์พูดแทรกขึ้นมา
“ถ้าน้องเลือกไอ้ไว พี่คงต้องตรอมใจตาย”
“ก็คุณพี่หายหน้าไปเช่นนี้จะให้น้องคิดยังไง น้องคิดได้เพียงคุณพี่คงเจอหญิงอื่นที่คู่ควรกว่าน้อง”
ขุนพิทักษ์ชะงักเพราะคำนั้นทำให้เขานึกถึงหน้าของชุ่มขึ้นมา รำพึงจับสังเกตได้
“หรือคุณพี่มีใจเป็นอื่นจริงๆ”
“พี่มีน้องเพียงคนเดียว”
“พิสูจน์สิเจ้าคะ ว่าคุณพี่มีใจรักน้องจริง”
ขุนพิทักษ์มีสีหน้าเหมือนถูกกดดัน
“พี่จะทำยังไงได้เล่า ดูท่านพระยาจะไม่ค่อยชอบหน้าพี่เท่าไรนัก”
“คุณพี่ก็ต้องดีให้พอสิเจ้าคะ เพื่อให้คุณพ่อน้องยอมรับ ทำให้คุณพ่อยอมให้อิสระกับน้องเสียที”
“อิสระกับน้อง”
“ค่ะ ให้คุณพ่อยอมปล่อยให้เราสองคนได้รักกัน หรือคุณพี่เห็นว่าน้องไม่มีค่าที่ควรให้เกียรติ”
“ทำไมน้องถึงคิดแบบนั้น”
“ทั้งน้องและคุณพี่เป็นถึงลูกเจ้าพระยา แต่กลับต้องเจอกันอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ราวกับความรักของเราเป็นสิ่งผิด น้องรู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจที่ทำตัวราวกับหญิงใจง่าย ถ้ามีใครรู้ น้องคงโดนดูถูกว่าทำตัวไม่ต่างจากหญิงงามเมือง”
ขุนพิทักษ์จับมือ
“น้องรำพึง”
ขุนพิทักษ์รู้สึกอึดอัดใจ
“ถ้าคุณพี่ยังไม่เดินหน้า น้องก็จะไม่รอคุณพี่อีกต่อไป”
“ไม่ พี่ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น พี่จะทำทุกทางเพื่อให้เราได้ครองคู่กัน”
รำพึงใช้จริตซบไปที่หน้าอกของขุนพิทักษ์ฯ
“น้องหวังเพียงว่า คุณพี่จะไม่ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับน้อง ว่าชีวิตของคุณพี่เป็นของน้องเพียงคนเดียว !”
ขุนพิทักษ์ไมตรีมีสีหน้าไม่มั่นใจ แต่รำพึงมีสีหน้าอย่างผู้เป็นต่อ
จังหวะนั้นเอง ที่หลังต้นไม้ ขุนไวพิชิตพลแอบฟังอยู่ รับรู้ทุกสิ่งที่ขุนพิทักษ์กับรำพึงพูดกัน! ขุนไว กำหมัดแน่นด้วยความช้ำใจ!
ภายในสวนบ้านคุณหญิงมณี เวลาเย็น แจ่มกำลังฝึกชุ่มให้คลานเข่าอย่างเรียบร้อย ชุ่มพยายามคลานตามแบบที่ถูกสอนแต่ยังมีท่าทางกระโดกกระเดก แจ่มจึงตีเข้าไปที่ขาชุ่ม
“หัวเข่าเอ็งน่ะหนีบให้ชิดสิ”
“โอ้ย! เจ็บนะจ๊ะป้า”
“ก็ตีให้เจ็บไง มันจะได้จำ”
ชุ่มพยายาม แต่ยังคลานอย่างเก้งก้าง
“อย่างนี้หรือจ๊ะป้า”
แจ่มตีเข้าไปที่ขาอีกเพี๊ยะ ! ใหญ่
“ดูมัน กระโดกกระเดกเป็นลิงเป็นค่าง ข้าล่ะเหนื่อยกับเอ็งจริงๆนังชุ่ม”
ชุ่มหน้ามีสีหน้าเหนื่อยใจ แล้วก้มหน้าก้มตาคลานไปเรื่อยๆ จนหัวไปชนกับขาของชายคนหนึ่ง ชุ่มนึกว่าเป็นสม จึงไม่หลบแถมยังชนเข้าไปอีก
“หลบไปสิพี่สม เดี๋ยวฉันก็ถูกป้าแจ่มตีอีก”
“เอ็งจะขวิดข้าอีกนานไหมนังชุ่ม”
ชุ่มจำเสียงขุนพิทักษ์ได้จึงเงยหน้าขึ้นมา
ขุนพิทักษ์เห็นชุ่มที่ถูกแปลงโฉม ก็ตะลึงกับความเปลี่ยนแปลง!
ขุนพิทักษ์ย่อตัวนั่งลงมาจนหน้าประชิดกับหน้าชุ่ม ชุ่มตกใจเด้งตัวหงายหลังล้มไม่เป็นท่า
“ว้าย”
ขุนพิทักษ์เห็นท่าชุ่มก็หัวเราะออกมา
“ลูกศิษย์ป้าแจ่มคนนี้เปลี่ยนไปเยอะนะ แต่ดูท่าทางจะไม่ได้ความเหมือนเดิม มีลูกศิษย์แบบนี้ คนเป็นครูเสียชื่อหมด”
ขุนพิทักษ์หัวเราะ ชุ่มอ้าปากจะเถียง แต่แจ่มยกมือขึ้นมาจะตี ชุ่มรีบหุบปากทันที
จวงขึ้นจากเรือตรงท่าน้ำเรือนพระยาเทวราช โดยถือผ้าไหมพับหนึ่งในมือ รำพึงกำลังก้าวขาตามขึ้นมา ขุนไวพิชิตพลยื่นมือให้จับ รำพึงจำต้องจับมือขุนไวเพื่อพยุงตัวขึ้นจากเรือ
“ไปรับผ้าตั้งนาน ได้มาพับเดียวเองหรือครับคุณรำพึง หรือเพราะยังไม่มีผ้าแบบใหม่ๆมาให้เลือก กระผมได้ยินว่าอีกสักสามสี่วัน สำเภาจากจีนลำใหม่ถึงจะมาเทียบท่า”
“แหม ผ้าพับที่เลือกมาก็งามเหลือเกินแล้วเจ้าค่ะ จะซื้อมาทำไมเยอะแยะ” จวงว่า
ขุนไว หัวเสียแล้วยิ้มเยาะ
“ข้าไม่ได้พูดกับเอ็ง! ข้าว่าเอ็งควรจะคิดหาคำแก้ตัวดีๆ กับท่านพระยาฯ จะดีกว่ามาตอแยกับข้านะ”
รำพึงหวั่นใจเมื่อเห็นว่า ขุนไว รู้อะไรบางอย่าง
“จวงเอ็งขึ้นเรือนไปก่อน”
“เจ้าค่ะคุณรำพึง”
จวงเดินออกไปแบบมองหน้ามองหลังอย่างระแวง
“ท่านขุนฯอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ไม่ต้องอ้อมค้อม”
ขุนไว เข้าไปกระชากตัว บีบแขนของรำพึงแน่นด้วยความโกรธ
“ไอ้พิทักษ์มันมีอะไรดีนักหนา คุณรำพึงถึงได้ลักลอบไปหามัน ถ้าท่านพระยาฯรู้ ไอ้พิทักษ์ไม่ตายดีแน่”
รำพึงสีหน้าตระหนกที่ขุนไวพิชิตพลรู้เรื่อง เธอสั่งน้ำตาให้ออกมา ขุนไว เห็นน้ำตารำพึงก็ใจอ่อนแต่ยังไม่ปล่อยแขนรำพึง
“หากคุณพ่อรู้เรื่องก็คงจะส่งดิฉันกลับพระนคร แต่..ถ้าท่านขุนฯไม่อยากเจอดิฉันแล้ว ก็ทำตามแต่ใจไปเถอะค่ะ”
ขุนไว ดึงรำพึงมากอดอย่างใจอ่อนแล้วตัดพ้อ
“ทำไมคุณรำพึงไม่เห็นใจกระผมบ้าง ปันใจไปให้แต่ไอ้พิทักษ์ กระผมมีอะไรที่สู้มันไม่ได้ กระผมรักคุณรำพึงไม่น้อยไปกว่ามันเลย”
รำพึงค่อย ๆ ผละออก มองสบตาขุนไว แล้วใช้มือแตะที่ใบหน้าขุนไว เหมือนจับแก้ม แล้วค่อยๆ ลากลงมาวางที่อกขุนไว ตรงบริเวณหัวใจ
“ดิฉันไม่ทราบเลยว่าท่านขุนจะมีใจให้กับดิฉันถึงเพียงนี้ ดิฉันเข้าใจว่าท่านขุนขวางดิฉันกับพี่พิทักษ์ เพราะท่านขุนกับพี่พิทักษ์เป็นอริกัน ไม่ใช่เพราะรักดิฉัน ดิฉันต้องขอโทษที่เข้าใจท่านขุนผิดมาตลอด เพราะผู้หญิง...ถ้าจะเลือกชายสักคนเป็นคู่ชีวิต ย่อมต้องการคนที่แสดงออกว่า เขารักและทุ่มเทต่อผู้หญิงคนนั้นมากเพียงใด”
ขุนไวพิชิตพลหลงเชื่อ
“เป็นความผิดของกระผมเองที่ทำให้คุณรำพึงเข้าใจผิด ต่อไปนี้กระผมจะทำให้คุณรำพึงได้เห็นว่ากระผมรักคุณรำพึงมากเพียงใด”
“ถ้าเช่นนั้น ดิฉันขอให้ท่านขุนกล้าหาญและชนะขุนพิทักษ์ได้ด้วยตัวของท่านขุนฯเอง ไม่ใช่เอาคุณพ่อของดิฉันมาเป็นข้ออ้างในการเอาชนะ”
“ถ้าเช่นนั้นกระผมจะสู้กับไอ้พิทักษ์ให้ถึงที่สุด แต่หากมันเป็นอะไรไป คุณรำพึงคงไม่ตำหนิกระผม และเมื่อนั้นกระผมคงจะได้ครอบครองใจคุณรำพึงเสียที”
รำพึงยิ้มหวานเชื่อม
“รำพึงหวังว่าเรื่องที่ท่านขุนแอบเห็นในวันนี้ จะไปไม่ถึงหูคุณพ่อนะเจ้าคะ”
รำพึงเดินหนีไป แต่ขุนไว คว้ามือเธอไว้พูดอย่างมีเงื่อนไข
“ถ้าจะได้ยินคุณรำพึงเรียกกระผมว่าคุณพี่ให้ชื่นใจ”
รำพึงมีหน้าตาไม่อยากทำ แต่จำต้องทำ
รำพึง ค่ะ...คุณพี่
ขุนไว ยิ้มบอก
“ชื่นใจจริงๆ น้องรำพึงของพี่”
“ยังค่ะ น้องยังไม่เป็นของใครตราบที่ยังไม่มีผู้ชนะ”
รำพึงบีบมือขุนไวอย่างมีความหมายแล้วฝืนยิ้มหวาน ก่อนจะค่อยๆถอนมือออก แล้วเดินหันหลังไปด้วยแววตาเหยียดหยาม ในขณะที่ขุนไวพิชิตพลยิ้มอย่างมีความหวังในหมากเกมนี้
ชุ่มคลานเข่าแบบเก้ๆกังๆในมือถือโถข้าวไปถึงขุนพิทักษ์ที่นั่งรออยู่บนตั่ง
“วันนี้ข้าจะได้กินข้าวไหม”
ชุ่มยิ่งพยายามคลานจนสะดุดหน้าจะทิ่ม ขุนพิทักษ์ตกใจรีบ
“มันคลานลำบากนี่เจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ยื่นมือไปชิงโถข้าวมาจากมือชุ่ม
“เอามานี่ข้าตักเอง”
“หิวมากใช่ไหมเจ้าคะ”
“ข้ารำคาญต่างหาก เอ็งมันชักช้า”
ชุ่มยิ้มน่ารักบอก
“ไม่ต้องเขินหรอกเจ้าค่ะ มือท่านขุนสั่นขนาดนั้น”
ขุนพิทักษ์ตกใจมองมือตัวเองเห็นว่ามือก็เป็นปกติ
“มือข้าไม่ได้สั่นสักหน่อย”
ขุนพิทักษ์เงยหน้ามองเห็นชุ่มแอบอมยิ้มขำ ๆ
“นี่เจ้าแกล้งข้าเหรอ”
ชุ่มยิ้มอย่างซื่อใสถาม
“แกล้งอะไรเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์มองรอยยิ้มสดใสของชุ่มต่างจากความสวยที่ปรุงแต่ง
“ชุ่ม เอ็งนี่มันไม่เคยรู้ทุกข์รู้ร้อนกับใครเขาเลยนะ”
“รู้สิเจ้าคะ ข้ารู้ว่าพ่อกับแม่ต้องลำบากเพียงไรเพื่อให้ข้ากับพี่ชาย มีที่ซุกหัวนอน รู้ว่าคุณหญิงเป็นผู้มีพระคุณท่วมหัว และก็รู้ว่าควรอยู่ให้ห่างท่านขุนฯไว้ให้มากๆ”
“อ้าว แล้วข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“ก็ถ้าข้าไม่อยากเจ็บตัวก็ต้องอยู่ห่างๆ คนที่ชอบแกล้งข้า”
ขุนพิทักษ์อึ้ง ๆ ที่โดนย้อนเข้าตัว
“เอ็งนี่มันฉลาดพูดนัก”
“ถ้าข้าฉลาดจริง ข้าคงจะหาทางมาไถ่ถอนตัวเองให้เป็นไทได้เสียที ไม่ต้องมาเป็นทาสอยู่เช่นนี้”
“เอ็งอยู่บ้านข้าไม่มีความสุขรึ”
“สุขใดก็ไม่เท่ากับอิสระของตนหรอกเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ได้ยินคำนี้ก็กลับชะงัก
“สำหรับเจ้า แบบไหนถึงเรียกว่าอิสระหรือนังชุ่ม”
“ก็...ไม่ต้องโดนบังคับ อยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจเหมือนท่านขุนไงเจ้าคะ อยากจะทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็นยังไง แค่ท่านขุนพอใจก็พอ”
“นังชุ่ม นี่เอ็งยกข้าเป็นเยี่ยงอย่างหรือว่าหลอกด่าข้ากันแน่”
ชุ่มแอบอมยิ้ม แล้วยิ้มกว้าง
“เจ้าค่ะ”
ชุ่มรีบออกไป ขุนพิทักษ์มองตามแล้วยิ้มชอบใจ
อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 3/3 วันที่ 5 ก.พ. 56
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียาละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager