@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 2 วันที่ 5 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 2 วันที่ 5 ก.พ. 56

ปรางค์ทิพย์ทำท่าจะพูดแล้วก็ชะงักหันไปมองหน้าแม้นวาด
“เอ่อ..จะให้ปรางค์พูดเรื่องครอบครัว ต่อหน้าคนนอก เห็นจะไม่เหมาะมั๊งคะ คุณยาย”
แม้นวาดชะงักมองหน้าปรางค์ทิพย์ ปรางค์ทิพย์ทำไม่รู้ไม่ชี้
“ดิชั้นขอตัวไปรอข้างนอกนะคะ คุณหญิง”
พูดจบแม้นวาดก็เดินออกไป ปรางค์ทิพย์มองตามอย่างเหยียดๆ
“ว่าธุระของเธอมาซิ...แม่ปรางค์” ปรงทองบอก

แม้นวาดเดินออกมาจากห้อง ปฐวีกับประภัสสรเดินเข้ามาหาแม้นวาด
“คุณย่าล่ะครับ ย่าแม้น” ปฐวีถาม



“อยู่ในห้องค่ะ กำลังคุยกับคุณปรางค์ทิพย์อยู่” แม้นวาดตอบ
“ตายจริง...พี่ปรางค์คงไม่พอใจแน่เลย เราจะทำยังไงดีล่ะวี” ประภัสสรกังวล
“ผมก็ไม่อยากยุ่ง เราเข้าไปคุยกับคุณย่าดีกว่า”
ทั้งสองคนรีบเข้าไปในห้อง แม้นวาดมองตามแล้วส่ายหน้า

“ไม่อยากจะเชื่อ คุณสรคุณวีออกจะแสนดี ต่างกับคุณปรางค์เหมือนฟ้ากับเหว”
ปรางค์ทิพย์กำลังพูดกับปรงทองอยู่ในห้อง

“จริงๆ ปรางค์ไม่อยากยุ่งหรอกนะคะ แต่การที่คุณย่าตั้งนายวีเป็นจัดการมรดกแถมยังควบกับประธานบริษัท ปรางค์ว่า...”
“ทำไม...มันเป็นยังไง” ปรงทองถาม
“คือ ตาวีเป็นหมอ มาข้องเกี่ยวเรื่องธุรกิจจะดูไม่ค่อยเหมาะสม สู้ให้คุณสรร สามีของปรางค์มาดูไม่ดีกว่าหรือคะ คุณสรรน่ะ ทำงานเกี่ยวกับเงินๆทองๆ น่าจะมีความชำนาญมากกว่าตาวีนะคะ คุณยาย”
“ใครมันจะกล้าว่า...” ปรงทองย้อนถาม
ปรงทองจ้องมอง แต่ปรางค์ทิพย์นิ่งไม่ตอบ
ทันใดนั้นปฐวีกับประภัสสรก็เดินเข้ามา
“ดีแล้ว เข้ามาให้พร้อมหน้า ชั้นจะได้พูดพร้อมๆกันเลย” ปรงทองบอก
ปฐวีกับประภัสสรเดินเข้ามานั่งเรียบร้อย
“เรื่องนี้ ผมอยากให้คุณย่าทบทวนอีกครั้ง” ปฐวีบอก
“แล้วเราล่ะแม่สร มีความเห็นว่ายังไง” ปรงทองถาม
“เอ่อสร... สรไม่ค่อยมีความรู้เรื่องธุรกิจหรอกค่ะ สรแล้วแต่คุณย่า”
ปรงทองมองหน้าหลานทุกคนก่อนจะพูด
“ที่ชั้น ยกให้ปฐวีดูแลทุกอย่าง เพราะตาวีได้พิสูจน์แล้วว่าเหมาะสม”
ปรางค์ทิพย์ถามทันที “เหมาะสมยังไงคะ”
“อย่าลืมสิ แม่ปรางค์ ชั้นเคยให้เงินเธอกับสามีไปลงทุนตั้ง 20 ล้าน ก็ไม่เห็นมันงอกเงยขึ้นมา มีแต่ยอดขาดทุนสะสม แต่โรงพยาบาลที่ตาวีบริหาร ตอนนี้มีชื่อเสียงขนาดไหน”
ปรางค์ทิพย์อึ้งเพราะเถียงไม่ออก
“แหม..คุณยายคะ ก็เศรษฐกิจมันไม่ดี ใครๆก็รู้อยู่” ปรางทิพย์แก้ตัว
“เอาเถอะ..แม่ปรางค์ เรื่องนั้นชั้นเข้าใจ แต่ว่า ชั้นน่ะ ยุติธรรมกับลูกหลานทุกคนเสมอกันนะ”
ปรางค์ทิพย์ประชด “ค่ะ เรื่องนั้นปรางค์ซาบซึ้งใจดี”
“เฮ้อ... ปฐวีจะดูแลให้ความยุติธรรมกับคนในตระกูลเราได้ทุกคน ใช่มั้ยเจ้าวี” ปรงทองถาม
“เอ่อ...ครับคุณย่า...ผมจะทำให้ดีที่สุด”
“ถ้าคุณยายตัดสินใจอย่างนั้น ปรางค์คงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ปรางค์ขอตัวก่อนค่ะ”
ปรางค์ทิพย์ลุกขึ้นมองประภัสสรกับปฐวีอย่างแค้นๆ แล้วสะบัดหน้าเดินไป
“คุณย่าลำบากใจหรือเปล่าครับ” ปฐวีถาม
“เปล่าเลย ย่าสบายใจที่สุด แต่สำหรับเจ้าคงหนักหน่อยนะ” ปรงทองพูดกับประภัสสร “เจ้าก็เหมือนกัน ต้องช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าวีด้วย และที่สำคัญก็อย่าลืมคนในครอบครัวของเรา เราต้องรู้จักดูแลให้ดีก่อน”
ประภัสสรกับปฐวีรับคำ ปรงทองถอนหายใจอย่างเหนื่อยหนัก

ตันหยงกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ในห้อง เธอเอาเสื้อทาบตัวไปเรื่อยๆ เพราะตั้งใจจะเลือกชุดที่สวยที่สุดสำหรับไปดินเนอร์กับพิราม
“ชุดไหนดีนะ”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตันหยงหยิบขึ้นมาดูแล้วยิ้ม
“พิราม...”


พิรามกำลังคุยโทรศัพท์กับตันหยงอยู่ในห้องทำงาน
“กำลังทำอะไรอยู่ครับ...ผมคิดถึงหยงจังเลย”
“คุยโทรศัพท์น่ะสิคะ” ตันหยงตอบ
พิรามขำด้วยความเอ็นดู
ตันหยงถามต่อ “งานยุ่งมั้ยคะ”
“ยุ่งแค่ไหน ผมก็ต้องโทรหาคุณ”
พัดชาเดินถือแฟ้มเข้ามาในห้องพิรามด้วยสีหน้าไม่พอใจ เธอวางแฟ้มลงบนโต๊ะพิราม เสียงดังจนพิรามสะดุ้ง
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ ผมต้องเคลียร์งานก่อน แล้วจะรีบไปรับ”
พิรามกดวางสายแล้วมองหน้าพัดชา
“อะไรของคุณ”
“วันนี้เรานัดกันไม่ใช่หรือคะ” พัดชาย้อนถาม
“ตันหยงกลับมาแล้ว ผมต้องไปทานข้าวกับตันหยง ผมคิดว่าคุณจะเข้าใจว่าเราจบกันแล้ว”
“ไม่ได้ จบแค่นี้ไม่ได้ คุณคิดว่าพัดอยู่กับคุณเพราะต้องการคอนโด กับรถหรือคะ”
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ถ้าตันหยงกลับมา ทุกอย่างเป็นอันจบกัน”
“ไม่ค่ะ พัดเปลี่ยนใจแล้ว วันนี้เรามีนัดกันที่คอนโดของพัด ถ้าคุณไม่ไป เรื่องนี้ถึงหูคุณตันหยงแน่นอน”
พัดชาสะบัดหน้าเดินออกไป พิรามโมโหจนลืมตัวจึงวิ่งตามออกไป


พัดชาเดินออกมาจากห้องทำงานของพิราม พิรามวิ่งตามออกมาคว้ามือพัดชาไว้
“เดี่ยวก่อน”
พัดชามองหน้าพิรามแล้วหันไปมองรอบตัว พิรามชะงักเมื่อเห็นคนในห้องมองอย่างสนใจเขาค่อยๆ ปล่อยมือออกจากแขนพัดชา
“จะคุยกันที่นี่ หรือจะคุยกันส่วนตัว ก็แล้วแต่คุณนะคะ”

พัดชาเดินไป พิรามมองตามอย่างหงุดหงิด
ตันหยงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีบุหงาคอยดูแลและแต่งตัวให้ บุหงาสวมสร้อยคอให้ตันหยงแล้วถอยหลังออกมายืนดู

“ลูกแม่สวยมากนะจ๊ะ”
“ก็หยงลูกแม่นี่คะ”
“แม่ภูมิใจในตัวหนูจริงๆ สมกับที่พ่อกับแม่ไว้วางใจ ต่อไปพิรามก็จะรับหน้าที่ดูแลหนูแทนพ่อกับแม่แล้ว”
“แต่หยงก็ยังเป็นลูกสาวของคุณพ่อกับคุณแม่นะคะ”
“แม่รู้ แต่พ่อกับแม่ก็แก่ตัวลงทุกวัน พ่อพิรามนั่นแหละจะคอยดูแลหนูตลอดไปไง”
ตันหยงกอดบุหงาไว้
“บางครั้งหยงก็นึกกลัวนะคะคุณแม่ หยงอยากให้พิรามรักหยง ดีกับหยงตลอดไป เหมือนอย่างที่คุณพ่อรักคุณแม่”
“เด็กโง่ แม่มั่นใจนะ ว่าพิรามก็คือผู้ชายคนนั้น คนที่จะทำให้หยงลูกแม่มีความสุขตลอดไป”
ตันหยงกอดบุหงาเอาไว้แล้วยิ้มอย่างปลื้มปริ่ม

ปรงแก้ว ปรงขวัญ และเมรินเล่นน้ำอยู่ในสระ โดยมีบุญศรีกับสายแก้วคอยดูแล ปรงแก้วปรงขวัญปาลูกบอลใส่กันแล้วก็หัวเราะคิกคัก เมรินถูกลูกบอลกระเด็นใส่แล้วก็ทำตาแดงๆ
“พี่แก้ว เมย์ไม่ชอบเล่นลูกบอลค่ะ” เมรินบอก
“คุณแก้วคุณขวัญ เล่นกับน้องเมย์เบาๆหน่อยสิคะ มาคุณเมย์ เล่นน้ำกับน้องเป็ดดีกว่าค่ะ ตรงริมๆนี่แหละ” สายแก้วชวน
“แหม...จะวิตกไปถึงไหน เล่นกับคุณแก้วคุณขวัญจะเสียหายอะไร คุณๆ ของชั้นก็ หลานคุณท่านเหมือนกันนะยะ” บุญศรีว่า
“โธ่พี่ศรี คุณเมย์น่ะไม่ค่อยแข็งแรง คุณแก้วคุณขวัญเล่นแรง คุณเมย์ก็แย่น่ะสิพี่”
“เด็กจะแรงได้แค่ไหนเชียว อย่าเวอร์เข้าข้างนายนักเลยน่า นังสายแก้ว” บุญศรีหันไปพูดกับปรงแก้วและปรงขวัญ “เอาเลยค่ะคุณแก้วคุณขวัญเล่นเต็มที่ ออกกำลังกายจะได้โตไวๆ แข็งแรง”
บุญศรีเชิดใส่สายแก้ว สายแก้วพยายามข่มใจไว้

ปรางค์ทิพย์กับประภัสสรกำลังนั่งดูเด็กๆอยู่ที่ริมสระอีกด้านหนึ่ง ประภัสสรมองเมรินด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนักหรอก พี่เลี้ยงก็ยืนดูอยู่ชิดขนาดนั้น” ปรางทิพย์แขวะ
“น้องเมแกไม่ค่อยแข็งแรงค่ะ สรเกรงว่า...”
“เกรงอะไร เด็กๆต้องปล่อยมันบ้าง มันจะได้มีภูมิคุ้มกัน”
ประภัสสรเงียบ
“ว่าแต่ผัวหล่อนเถอะ หายหัวไปไหน ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย อ๊ะ...หรือว่า จะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย”
ประภัสสรอึ้งและทำหน้าไม่ถูก
“เรื่องนี้สรก็ไม่ทราบ”
“อะไรกัน....ผัวทั้งคนเอาไม่อยู่ ดูอย่างคุณสรร พี่เขยเธอสิ กลับบ้านตรงเวลาเป๊ะ ไม่มีวอกแวก แต่อย่างว่าแหละลูกผัวดีแค่ไหน ทำตัวดียังไง คุณย่าก็ยังไม่สนใจใยดี”
“โธ่คุณพี่คะ อย่าพูดแบบนั้นเลย”
“ก็มันเรื่องจริงไม่ใช่หรือ ดูอย่างลูกพี่สองคนสิ แม่แก้วแม่ขวัญ เรียนก็เก่ง กิจกรรมก็เด่น ยังสู้ยัยเมย์ไม่ได้ คุณย่าไม่เคยคิดจะเหลียวแล เอะอะอะไรก็เรียกแต่ยายเมย์”
“ไม่จริงหรอกค่ะ พี่ปราง คุณย่าคงเห็นว่ายายเมย์อ่อนแอ เลยเป็นห่วงก็แค่นั้นเอง”
ประภัสสรอึดอัดจึงลุกขึ้นไปดูเมริน ปรางค์ทิพย์ไม่ยอมแพ้จึงเดินตามไปที่ข้างสระ


ปรงแก้วปรงขวัญพยายามจะดึงมือเมรินให้ไปว่ายน้ำด้วย
“ไปว่ายน้ำแข่งกัน นะเมย์” ปรงแก้วบอก
“เมย์ไม่อยากไป เมย์อยากขึ้นแล้ว”
ประภัสสรกับปรางค์ทิพย์เดินเข้ามาพอดี
“อะไรกันลูกแก้วลูกขวัญ แล้วนี่ยัยเมย์ เบะทำไม ทำตัวเป็นเด็กขี้แยไปได้”
“แก้วชวนเมย์ไปว่ายน้ำแข่งกันค่ะ แค่นี้เมย์ก็เบะและ” ปรงแก้วบอก
“หนูไม่อยากว่ายน้ำหรือคะ น้องเมย์” ประภัสสรถาม
“คุณแม่ เมย์ไม่อยากว่ายน้ำแข่ง” เมรินบอก
“โถ...ขี้ขลาดกลัวแพ้ก็ไม่ว่า แม่สร นี่หล่อนเลี้ยงลูกยังไง ไม่กล้าแข่งกลัวแพ้ สงสัยได้พ่อมันมา”
“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่านะคะ หนูแก้วหนูขวัญ ไว้วันหน้าค่อยเล่นใหม่” ประภัสสรตัดบท
“นี่แม่สร ขืนเธอเลี้ยงลูกอย่างนี้มีหวัง ทำอะไรก็ไม่มีวันสำเร็จ ไม่ต้องเลย ให้มันแข่งกันว่ายน้ำดูซิว่ายน้ำแค่นี้จะตายหรือเปล่า”
“แต่คุณปรางค์คะ...คุณเมย์” สายแก้วขัดขึ้น
ปรางทิพย์ถลึงตาใส่ “หล่อนไม่ต้องมายุ่งเรื่องของเจ้านาย...ไปสิ ยายเมย์ว่ายไปฝั่งโน้น ดูซิว่ามันจะถึงตายมั้ย ยายสร เธออย่าเข้าข้างลูกนะ”
เมรินมองหน้าแม่แล้วก็จำใจว่ายน้ำแข่งกับปรงแก้วและปรงขวัญ
ปรงแก้วกับปรงขวัญว่ายมาถึงฝั่งก่อน เมรินว่ายมาถึงฝั่งอย่างทุลักทุเล สายแก้วรีบวิ่งเอาผ้าเช็ดตัวไปรับตัวเมรินขึ้นมา ปรางค์ทิพย์มองเมรินด้วยความสะใจ
“เห็นมั้ย ลูกเธอมันอ่อนแอ ไม่ได้เรื่องเหมือนพ่อมันนั่นแหละ ไปลูกแก้วลูกขวัญ กลับไปทานของว่างที่บ้านดีกว่า”
“คุณๆของศรี เก๊ง..เก่ง ไปค่ะ กลับบ้านกันดีกว่า” บุญศรีประจบ
ปรางค์ทิพย์กับลูกทั้งสองพร้อมด้วยบุญศรีเดินกลับไปอย่างผู้ชนะ
“คุณแม่ขา เมย์หนาว” เมรินบอก
ประภัสสรกอดเมรินไว้
“แม่ขอโทษนะคะลูก แม่ไม่ได้เรื่องเลย”
“คุณสรไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคุณปรางค์นั่นแหละ บังคับให้น้องเมย์แข่งว่ายน้ำ ใจร้าย โถ คุณเมย์”

เมรินหนาวจนปากสั่นอยู่ในอ้อมกอดของประภัสสร
ครู่ต่อมาเมรินที่กำลังไข้ขึ้น นอนขดตัวอยู่บนเตียง สายแก้วถือขวดนมเข้ามาในห้อง

“คุณเมย์ขา มาดื่มนมก่อนค่ะ อ้าว..เป็นอะไรไปคะ ทำไมนอนขดแบบนี้”
สายแก้วเอื้อมมือไปแตะตัวเมรินแล้วก็สะดุ้ง
“ตายจริง ตัวร้อนจี๋เลย”
“พี่สายแก้วจ๋า เมย์ปวดหัวจังเลย หัวจะแตกอยู่แล้ว”
สายแก้วลนลาน “ตายแล้วทำไงดี คุณเมย์รอพี่สายแก้วแป๊บนึงนะคะ”
สายแก้ววิ่งลนลานออกไปจากห้อง เมรินนอนทุรนทุรายเพราะพิษไข้

ประภัสสรนั่งรอเมธีอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมธีเดินเข้ามาพอเห็นประภัสสรเขาก็ชะงัก
“กลับมาแล้วหรือคะ งานคงยุ่งถึงได้กลับเอาป่านนี้” ประภัสสรถาม
เมธีแอบถอนหายใจ “ครับ มีปัญหาที่ไซด์งานนิดหน่อย แต่ตอนนี้แก้เรียบร้อยแล้ว”
“หรือคะ ทานข้าวมาแล้วหรือยัง ถ้าทานมาแล้ว ชั้นจะได้สั่งให้เค้าเก็บโต๊ะไม่ต้องรอ”
“คุณสร นี่คุณเป็นอะไรไป ผมกลับมาเหนื่อยๆ ใจคอคุณจะทะเลาะกับผมอย่างเดียวเลยหรือ”
ประภัสสรหันขวับไปมองเมธีแล้วจะเถียง แต่สายแก้ววิ่งเข้ามาเสียก่อน
“คุณผู้หญิงขา” สายแก้วชะงัก “คุณผู้ชาย”
“อะไรกัน สายแก้ว”
“คุณเมย์ค่ะ คุณเมย์ ตัวร้อนเป็นไฟเชียว”
ประภัสสรกับเมธีหันไปมองข้างบน
“ยายเมย์”
แล้วทั้งสองก็รีบขึ้นไปข้างบนทันที สายแก้วรีบวิ่งออกไปตามปฐวี

เมรินนอนห่มผ้าเรียบร้อย โดยมีปฐวีนั่งอยู่ข้างเตียง ประภัสสรกับเมธีมองอย่างเป็นห่วง
“ต้องทานยาก่อนนะ” ปฐวีบอก
ปฐวีพยักหน้าให้สายแก้วเอายาให้เมรินกิน เมรินทำท่าอิดออด
“ถ้าไม่ทานยา คงต้องฉีดแทนดีมั้ย น้องเมย์เลือกเอาเลย จะเอาเข็มขนาดไหน น้าวีมีทุกขนาดเลย”
“ไม่เอาค่ะ เมย์กลัว เมย์ทานยาเองดีกว่า”
เมรินรับยามาจากสายแก้วแล้วก็พยายามกลืนอย่างยากเย็นแต่สุดท้ายก็สำเร็จ
“เยี่ยมมาก คนเก่งของน้า นอนพักเดี๋ยวๆก็หายแล้ว แต่น้องเมย์ต้องสัญญากับน้าว่า จะไม่เล่นน้ำอีกจนกว่าจะหายนะครับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปฐวีกดรับ

นาวินที่กำลังขับรถคุยโทรศัพท์จากบลูธูทในรถ
“ไอ้วี ออกมาหรือยัง อย่าเบี้ยวนะโว๊ย ไม่อย่างงั้นชั้นบุกไปถึงบ้านนายแน่”
“เออน่ารู้แล้ว ไม่ต้องห่วงไปแน่ ขอดูหลานแป๊บนึง”
ปฐวีกดวางสายไป
“น้าวีขา น้าวีจะไปไหนคะ” เมรินถาม
“น้องเมย์ครับ น้าวีมีธุระนะลูก อยู่กับคุณพ่อนะ”
“วีไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง” ประภัสสรบอก
“งั้นน้าวีไปก่อนนะครับ แล้วน้องเมย์หาย น้าวีจะพาน้องเมย์ไปทานไอศกรีมของโปรด ตกลงมั้ย”
เมรินคิด
“แถมตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆอีก ตัวนึงด้วยก็ได้”
“น้องเมย์อยากได้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่” เมรินยื่นมือให้ปฐวี
ปฐวีจูบหน้าผากเมริน เมรินหลับตาพริ้ม เมธีเห็นแล้วก็รู้สึกเสียใจ
“ผมไปก่อนนะครับพี่สร พี่เมธี”
“ขอบใจมากนะวี” เมธีบอก
ปฐวีเดินไป ประภัสสรหันไปมองหน้าเมธีแล้วเมิน
“คุณจะทำอะไรก็ไปเถอะ ชั้นจะดูยายเมย์เอง”
เมธีเสียใจ “ภัส..”
“ไปสิคะ ลูกคนเดียว ชั้นดูได้”
เมธีชะงักมองหน้าประภัสสรแล้วเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด เมรินแอบมองพ่อกับแม่แล้วเศร้า เธอรีบหลับตาซุกหน้าลงกับหมอนทันที

ตันหยงนั่งรออยู่ในห้องรับแขกโดยมีกล่องของขวัญวางไว้ใกล้ตัว พินิจกับบุหงาเดินลงมาในชุดพร้อมออกงาน
“อ้าว พิรามยังไม่มารับอีกหรือลูก” พินิจถาม
“ยังค่ะ รถคงจะติด” ตันหยงตอบ
“งั้นหรือ ให้แม่รอเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ”

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 2 วันที่ 5 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager