@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 3/2 วันที่ 4 ก.พ. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 3/2 วันที่ 4 ก.พ. 56

“แต่เอ็งโดนทำร้ายจะให้ข้าอยู่เฉยได้ยังไง”
ชุ่มกอดสม
“พี่สม เชื่อฉันนะ ทำดีต้องได้ดี คนทำชั่วสักวันจะโดนกรรมสนองเอง เรื่องแค่นี้ข้าทนได้ อย่าให้ข้าต้องเป็นต้นเหตุให้พี่เดือดร้อน อย่าให้ข้าเป็นคนเนรคุณทำให้คุณหญิงต้องวุ่นวายเพราะข้าเลยนะพี่ ข้าขอ”
ชุ่มน้ำตาเปื้อนหน้า สมมองหน้าน้องอย่างสงสาร สองพี่น้องกอดกันที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมของตัวเอง

ที่เรือน พระยาเทวราชตบรำพึง ผัวะ! รำพึงถลาเข้าไปหาจวงที่ต้องรีบรับไว้ด้วยความตกใจ
“เป็นถึงลูกพระยา ทำตัวไม่ผิดกับหญิงงามเมือง”



“ไม่จริงนะคะคุณพ่อ ลูกไม่ได้ทำตัวเลวอย่างนั้น ขุนไวกล่าวหาลูก”
“ไม่มีมูล แล้วจะมีคนพูดแบบนั้นได้อย่างไร จำเป็นอะไรที่ขุนไวจะต้องสร้างเรื่องเท็จ!”
“คุณพ่อคะ ขุนพิทักษ์เธอมาหาคุณพ่อต่างหาก คุณพี่อยากจะมากราบขอบคุณ คุณพ่อ เรื่องงานศพท่านพระยาฯ”
“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องป้อนอะไรกัน มันไม่งาม!”
รำพึงเจอทางตันรีบหาทางออกโดยใช้อารมณ์
“ที่ลูกทำแบบนั้น เพราะคุณพี่ยังดูเสียใจอยู่มาก ลูกก็แค่อยากเอาใจให้คุณพี่พอยิ้มได้ แต่ท่านขุนฯ คนโปรดของคุณพ่อมาถึงก็ปึงปัง ไม่ฟังอะไร จะวางมวยท่าเดียว”
“ขุนไว ไม่ใช่คนโปรดของข้า ข้าก็แค่เห็นว่า เขาเป็นคนเอาการเอางาน ไม่จับจดเหมือนคนหนุ่มทั่วไป”
พระยาเทวราชมองรำพึงแล้วส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“เห็นทีต้องจับเจ้าขังไม่ให้เจอขุนพิทักษ์อีก”
พระยาเทวราชพูดจริงจัง รำพึงต้องหาทางทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงไปมากกว่านี้
รำพึงน้ำตาคลอ
“ขุนไวจะมองลูกว่าเป็นหญิงเช่นไร ที่เพียงแค่ลมปากของเขาก็ทำให้คุณพ่อลงโทษลูกแบบนี้ เพราะแม้แต่พ่อยังเชื่อว่าลูกจะทำตัวเลวเช่นนั้น แล้วจะให้คนอื่นมองว่าลูกนั้นดีไปได้อย่างไร”
รำพึงร้องไห้ ทำให้พระยาเทวราชรู้สึกผิด
พระยาเทวราชมีท่าทีอ่อนลง
“แต่เจ้าอย่าลืมว่า เจ้าเป็นหญิงใกล้ชิดชายมากเกินไป คนจะครหาได้”
“ลูกจะระวังค่ะ”
พระยาเทวราชถอนใจบอก
“คืนนี้เจ้าไม่ต้องไปงานที่บ้านท่านพระยาฯ ถือว่าทำโทษที่เกิดเรื่องวันนี้”
พระยาเทวราชเดินขึ้นบันไดเรือนไป
“คุณพ่อคะ...”
รำพึงโกรธ ขุนไวยพิชิตพล
“ท่านขุนพิทักษ์รอเก้อแน่เจ้าค่ะ คุณรำพึง” จวงว่า
รำพึงตบระบายอารมณ์ ผัวะ!
“นังจวง นังบ้า!”
รำพึงเดินปึงปังขึ้นเรือนไป ส่วนจวงบ่นอุบ

“อ้าว ไหงมาลงที่จวงล่ะนี่”
เวลายามเย็น ชุ่มมาซักผ้าอยู่ที่ท่าน้ำ

“นังชุ่ม เอ็งมาทำงานทำไม หายดีแล้วเหรอ” บ่าวถาม
“หายแล้วจ๊ะพี่เผื่อน ฉันอยากมาช่วยงานบ้าง นอนมานานแล้วมันไม่ดี”
เผื่อนกับบ่าวพากันเดินออกไป ชุ่มลงมือซักผ้า แต่จังหวะนั้นชุ่มทำผ้าหลุดมือ ชุ่มลุกจะคว้าผ้า แต่กลับหน้ามืดเพราะยังไม่หายดี ชุ่มจะเป็นลม มีมือแข็งแรงมารับไว้ ทั้งสองล้มไปกองกับพื้นด้วยกัน
“ไง...ยังไม่หายไข้แล้วทำอวดดี ข้าต้องคอยช่วยเจ้าอีกกี่ทีเนี่ย”
ชุ่มอยู่ในอ้อมกอดมองหน้าขุนพิทักษ์ไมตรี และรีบลุก แต่ด้วยหน้ามืดจึงลุกไม่ขึ้น
ขุนพิทักษ์ อุ้มชุ่มขึ้นมา ชุ่มตกใจ
“ปล่อยข้า...ท่านขุน!”
“เอ็งนี้มันน่าจับโยนน้ำซะให้เข็ด จะได้ไม่ต้องมาปากเก่งแบบนี้”
“ปล่อยข้าเจ้าค่ะ”
ชุ่มดิ้น
“ถ้ายังดิ้นไม่หยุด ข้าจะจูบให้หยุดดิ้นเลย!”
ชุ่มหยุดดิ้นทันที ไม่กล้าหือ ขุนพิทักษ์ มองยิ้ม
“แน่จริงก็เก่งให้ตลอดสิ”
ชุ่มกลัวไม่รู้จะทำไง ตัดสินใจกัดแขนขุนพิทักษ์
“โอ้ย”
ขุนพิทักษ์ จำต้องปล่อยชุ่ม ชุ่มได้ทีจะวิ่งหนี ท่านขุนฯดึงรั้งไว้
“นังชุ่มเอ็งกล้ากัดข้าเหรอ เอ็งนี่มันร้ายนัก”
“ท่านขุนจะทำร้ายข้านี่เจ้าคะ”
“ข้าทำอะไรเจ้า”
“ก็ท่าน ฉวยโอกาสกับข้า”
ขุนพิทักษ์ ถอนใจไม่อยากเถียงด้วย
“เอ็งกับข้านี่จะมีทางญาติดีกันได้มั้ยเนี่ย”
ขุนพิทักษ์ มองชุ่มไปอย่างเอ็นดูในความร้ายปนซื่อของชุ่ม
“ถ้าท่านทำแบบนี้คงไม่มีวันหรอก”
“แล้วข้าต้องทำอย่างไร”
“ท่านก็ต้องปล่อยข้าก่อน”
“แต่เอ็งต้องไม่วิ่งหนีข้า”
ชุ่มพยักหน้า ขุนพิทักษ์ตัดสินใจปล่อย ชุ่มได้ทีวิ่งหนีไปทันที
“ชุ่ม เอ็งหลอกข้า...เอ็งนี่มันพยศจริงๆ”
ขุนพิทักษ์ ขำกับความแก่นแก้วของชุ่ม

เรือนคุณหญิงมณี เวลากลางคืน ผู้คนมางาน พระสวด ขุนพิทักษ์ไมตรีมองหารำพึง จนแขกลากลับ
พระยาเทวราช กับขุนไวพิชิตพลเดินออกจากงาน ขุนพิทักษ์ วิ่งตามมา
“ท่านพระยาฯ ขอรับ น้องรำพึงไปไหนเสียล่ะครับ อาการป่วยก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือครับ ทำไมวันนี้ก็ไม่เห็นมา”
“ก็น่าจะรู้ว่าเพราะใคร”
ขุนพิทักษ์ หันขวับไม่พอใจ พระยาเทวราชปราม
“ท่านขุนฯ … ไข้กลับนะพ่อพิทักษ์ ไม่รู้ว่าวันนี้ที่หลานไปเยี่ยมไปทำอะไรไว้ รำพึงถึงเป็นขึ้นมาอีก”
ขุนพิทักษ์มองขุนไว รู้ว่าเป็นคนฟ้องแน่ ขุนไว สู้ตาไม่หลบ
“ที่แท้ก็ป่วยเพราะลมปาก!”
ขุนไวพิชิตพลสวนทันที
“หรือไม่ก็พวกลมเพลมพัด พาของสกปรกเข้าไปถึงเรือน”
เพียงเท่านั้น ขุนพิทักษ์ไมตรีก็สุดทน ชกโครมเข้าไปที่หน้าขุนไว! ทุกคนตกใจ
แต่แปลก!ที่คราวนี้ขุนไวไม่ตอบโต้
“อย่าเก่งแต่ปาก ลุกขึ้นมา”
พระยาเทวราชไม่พอใจบอก
“ขุนไวเขาก็แค่วินิจฉัย ทำไมพ่อพิทักษ์ต้องเอามาเป็นอารมณ์ แล้วอีกอย่าง...น่าจะเกรงใจชั้นบ้าง!”
ขุนไว รีบแทรก
“กระผมยอมให้ไอ้พิทักษ์หยามศักดิ์ศรี ยังดีกว่าให้คนโจษจันว่า กระผมในฐานะคนของท่าน มาต่อยตีกันเยี่ยงทาสให้ท่านพระยาระคายใจ”
“สอพลอ!”
“พ่อพิทักษ์!” พระยาเทวราชเสียงแข็ง
ขุนพิทักษ์ชะงักกึก
“อย่าให้มันเกินเส้นไป! ถ้าควบคุมอารมณ์ตนเองยังไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะรุ่งเรืองในหน้าที่การงานเลย”
ขุนไวพิชิตพลส่งสายตาเยาะ แต่ขุนพิทักษ์ต้องควบคุมอารมณ์หันไปขอโทษพระยาเทวราช
“กระผมกราบขอโทษขอรับ”
“ฉันจะถือว่าไม่เคยมีเหตุนี้เกิดขึ้น และฉันจะไม่เอ่ยให้คุณหญิงได้รู้ แค่งานศพท่านพระยา คุณหญิงก็โศกเศร้ามากพอแล้ว”
พระยาเทวราชมองขุนพิทักษ์ด้วยความผิดหวัง ก่อนเดินออกไป แต่ขุนพิทักษ์เรียกไว้
“ท่านพระยาขอรับ”
พระยาเทวราชหยุดฟัง
“วันพรุ่ง กระผมจะไปกราบขอสมาท่านพระยาอีกครั้งนะครับ”
ขุนไวพิชิตพลรู้ทัน รีบขัดขึ้นมา
“พูดให้ตรงกับใจ มันถึงเรียกว่า ลูกผู้ชาย”
ขุนพิทักษ์ไมตรีอึ้งไป
“ถ้าหลานคิดว่าจะไปเยี่ยมแม่รำพึง ฉันว่าอย่าเพิ่งเลย ช่วงนี้ฉันไม่ให้รำพึงพบใครทั้งนั้น จนกว่าจะหายดี”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะขอรับ ที่กระผมจะไปหาน้องรำพึงได้”
“ไม่มีกำหนด”
พระยาเทวราชพูดจบก็เดินออกไป ขุนไวพิชิตพลยิ้มเยาะ
“ได้ยินชัดแล้วนะ...ไม่มีกำหนด!”

ขุนไวเดินตามออกไป ขุนพิทักษ์ไมตรีขัดใจหนัก ความรักของเขามีอุปสรรคมากมายขึ้นทุกที!
เวลากลางคืน รำพึงเดินไปมาในห้องนอนด้วยความหงุดหงิดใจ จวงมองตามไปจนเวียนหัว

“ข้าต้องมาติดอยู่ในเรือนแบบนี้ เพราะขุนไวขี้ฟ้องนั่นแท้ๆ”
“คุณรำพึงกังวลเรื่องนังชุ่มใช่ไหมเจ้าคะ”
รำพึงหงุดหงิด
“เอ็งไม่เห็นสายตาที่คุณพี่มองนังทาสนั่นรึ”
จวงสอพลอ
“ท่านขุนคงเห็นมันเป็นแค่นางบำเรอเท่านั้นล่ะเจ้าค่ะ”
อย่างไรเสียคุณรำพึงของบ่าวก็เป็นที่หนึ่งเสมอ
“ข้าไม่ได้อยากเป็นแค่ที่หนึ่ง แต่ข้าต้องการจะเป็นหญิงเดียวในชีวิตของคุณพี่ คุณพี่เป็นของข้า และข้าจะไม่ยอมแบ่งให้ใครเด็ดขาด”
รำพึงมองไปที่นอกหน้าต่าง แต่แววตาในคืนนี้กลับไม่มั่นใจ

ภายในห้องพระ เวลากลางคืน ขุนไวพิชิตพลกราบพระหลังสวดมนต์เสร็จ ก็แตะที่มุมปากที่ยังมีรอยฟกช้ำจากการปะทะ พลางนึกถึง
พระยาเทวราชเสียงแข็ง
“ขุนพิทักษ์!”
ขุนพิทักษ์ชะงักไป
“อย่าให้มันเกินเส้นไป! ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะรุ่งเรืองในหน้าที่การงานเลยนะท่านขุน!”

มือขุนไวฯยังแตะที่มุมปาก
“มีกระดูกชิ้นโตอย่างพระยาเทวราชมาขวางคอเอ็งไว้เยี่ยงนี้ อย่าหวังว่าจะมีชัยเลย...ไอ้พิทักษ์!”

ที่เรือนคุณหญิง เวลากลางคืน ขุนพิทักษ์ไมตรีกับคุณหญิงมณีนั่งมองบ่าวที่กำลังช่วยกันเก็บของหลังเสร็จงาน
“คุณแม่ขอรับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วกระผมขอตัวนะขอรับ”
ขุนพิทักษ์ฯ จะลุกไป แต่เห็นชุ่มเดินขึ้นมาก็ชะงัก
แจ่มหันมาเห็นชุ่มเดินขึ้นมาก็ถาม
“นังชุ่ม! ขึ้นมาทำไม เอ็งไม่สบายอยู่ ทำไมไม่นอนพัก”
“ทุกคนช่วยกันทำงานอยู่จะให้ข้านอนกินแรงคนอื่น ได้ยังไงล่ะจ๊ะ”
ขุนพิทักษ์ฯ หัวเราะบอก
“ยืนจะไม่ไหวยังอวดเก่ง”
“อะไรที่ตอบแทนผู้มีพระคุณได้ ข้าก็จะทำ”
คุณหญิงมณีบอก
“ไว้ให้เอ็งหายดีก่อนแล้ว...”
คุณหญิงยังพูดไม่ทันจบ ขุนพิทักษ์ฯ ก็แทรกขึ้น
“อย่าไปขัดมันเลยครับคุณแม่ กระผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่า นังชุ่มมันจะอวดเก่งได้สักกี่น้ำ”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์แล้วฮึด ฝืนใช้เรี่ยวแรงไปช่วยเก็บกวาดเรือน ขุนพิทักษ์ฯยิ้มมองตาม ชอบใจความดื้อของชุ่ม
“เมื่อกี้จะเข้าไปนอนแล้วไม่ใช่รึลูก”
“กระผมอยากนั่งรับลมอีกสักประเดี๋ยวครับคุณแม่”
คุณหญิงมณีนั่งมองสายตาของขุนพิทักษ์ฯที่มองไปทางชุ่มอย่างไม่วางตาและจับสังเกต

เช้าวันใหม่ที่ท่าอาบน้ำเรือนคุณหญิง แจ่มสั่งบ่าวให้ขัดตัวชุ่ม หัวหูกระเซอะกระเซิงตัวเปียกโชก ชุ่มร้องโอดครวญ
“โอ้ย!”
“แหกปากเข้าไป แก้วหูข้าจะแตกอยู่แล้ว”
“ก็มันเจ็บนี่จ๊ะป้า ทำไมต้องขัดแรงขนาดนี้ด้วย”
“ก็แล้วทำไมขี้ไคลเอ็งมันเยอะขนาดนั้นล่ะวะ แล้วดูสิ..เป็นสังกะตังทั้งหัว นังผาดเอ็งเอาหวีเสนียดสางให้ทุกเส้นเลยนะ”
แจ่มหยิบหินขัดเท้าส่งให้นังเผื่อน
“นังเผื่อน เอ็งขัดตีนมัน เอาหนังตีนออกให้หมด อย่าให้เหลือ”
เผื่อนรับหินขัดไปขัดเท้าชุ่ม คราวนี้ชุ่มทั้งร้อง ทั้งจักจี๊ที่เท้า ชุ่มดิ้นดุกดิกๆแล้วหัวเราะ
“ฮ่าๆ...โอ้ยป้าจ๋า พอเถอะ”
“พวกเอ็งจับนังชุ่มให้มันอยู่นิ่งๆ หน่อยสิวะ”
บ่าวคนหนึ่งบอก
“ก็จับอยู่นี่ไงป้า แต่นังคนนี้แรงมันเยอะนัก”
สมเดินผ่านมาเห็นน้องก็ยิ้มขำขัน ชุ่มหันขวับไปถลึงตาใส่
“พี่สมยิ้มอยู่ได้มาช่วยฉันหน่อยสิ”
“เรื่องนี้ข้าช่วยเอ็งไม่ได้จริงๆว่ะ นังชุ่มเอ๊ย ฮ่าๆๆ”
แล้วสมก็เดินจากน้องสาวไป
“พี่สม! อย่าเพิ่งทิ้งกันสิจ๊ะ พี่สม”
บ่าวทั้ง ๔ คนจับชุ่มกางแขน กางขา รุมขัดตัว ขัดเท้า และสางผมชุ่ม

จนชุ่มร้องเสียงดังอ้าปากกว้าง “โอ๊ย”
คุณหญิงมณีและขุนพิทักษ์ไมตรีนั่งบนตั่งที่บนเรือน หันมองไปตามเสียงร้อง “โอ้ย” พร้อมกัน ขุนพิทักษ์เอ่ยถามผู้เป็นมารดา

“เสียงใครร้องเหมือนถูกเชือด”
คุณหญิงมณียิ้ม
“คงจะเป็นนังชุ่มน่ะลูก ตอนนี้คงกำลังสังคายนากันอยู่ แม่จะให้นังชุ่มขึ้นมาทำงานบนเรือน”
ขุนพิทักษ์มองอย่างแปลกใจ “หืม...”
“ก็ลูกเองที่บอกว่ามันฉลาด”
ขุนพิทักษ์ยิ้มแก้เก้อ
“มันปากกล้าจะตายไปขอรับ”
ขุนพิทักษ์แอบอมยิ้มเมื่อนึกถึงชุ่ม คุณหญิงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“พิทักษ์..ลูกปักใจกับหนูรำพึงแน่แล้วหรือ”
“น้องรำพึงงามพร้อมขอรับ”
“ใบหน้างดงามเป็นแค่ภายนอก สำคัญว่าใจของลูกมั่นคงกับหนูรำพึงหรือเปล่า”
ขุนพิทักษ์คิดนิดนึงแล้วบอก
“ตอนนี้ลูกก็ยังไม่ได้มีใครอื่นนอกจากน้องรำพึง”
“ลูกแน่ใจนะ”
ขุนพิทักษ์มองอย่างสงสัย
“คุณแม่ถามเหมือนว่า กระผมจะมีหญิงอื่นในใจ”
คุณหญิงมณีเปลี่ยนเรื่อง

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 3/2 วันที่ 4 ก.พ. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager