@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 2/4 วันที่ 6 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 2/4 วันที่ 6 ก.พ. 56

ประภัสสรนั่งพิงไหล่เมธีหลับอย่างอ่อนเพลียอยู่หน้าห้องไอซียู เมธีลืมตาตื่นขึ้นเห็นประภัสสรพิงไหล่อยู่ก็มองนิ่งไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวประภัสสรตื่น ปฐวีเดินเข้ามาหา
“พี่เมธี พี่ภัส นี่ไม่ได้นอนเลยหรือครับ”
ประภัสสรรู้สึกตัวตื่นแล้วลุกขึ้นหันไปมองเมธีอย่างงงๆ
“อ้าววี มาแต่เช้าเลยหรือ”
“ครับพี่ภัส ผมสั่งให้ย้ายน้องเมย์ขึ้นไปห้องพักแล้ว พี่ภัสไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมว่าพี่เมธีพาพี่ภัสกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
“แต่พี่...”

“เชื่อผมสิครับพี่ภัส ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว บ่ายๆค่อยมาดีกว่าครับ”
“ก็ดีเหมือนกันนะ” เมธีเห็นด้วย “คุณไม่ได้ไม่ได้นอนทั้งคืน เพิ่งงีบหลับไปก่อนวีมาแป๊บเดียว ไปเถอะคุณภัส”
ประภัสสรลังเล



“ก็ได้ มีอะไรวีต้องรีบบอกพี่นะ”
“ครับ พี่กับพี่วีกลับเถอะครับ” ปฐวีบอก
ประภัสสรกับเมธีเดินไป ปฐวีมองตามด้วยความโล่งอก
รสิกาวิ่งเข้ามารายงาน
“คุณหมอวีคะ น้องเมย์ฟื้นแล้วค่ะ”
“ฟื้นแล้วหรือ”

ปฐวีรีบวิ่งไปทันที
เมรินมองไปรอบๆ ตัวอย่างงงๆ

“นี่มันที่ไหนเนี่ย”
“ที่โรงพยาบาลไงคะ น้องเมย์” พยาบาลบอก
เมรินทำหน้างง
ปฐวีกับรสิกาวิ่งเข้ามาในห้อง ปฐวีก้มลงมามองใกล้ๆ เมรินรีบผลักปฐวีออก
“คุณเป็นใคร....” เมรินถาม
ปฐวีชะงักมองเมรินด้วยความงง
“นี่น้าเองนะ น้องเมย์จำน้าไม่ได้หรือ”
ปฐวียื่นหน้ามาใกล้ๆเมริน เมรินจะผลักเขาออกไปอีกแต่ก็ไม่ไหวเพราะปวดหัวมาก
“โอ๊ย..ปวดหัวจังเลย ทำไมปวดแบบนี้ล่ะ หรือเพราะดื่มเหล้าเมื่อคืน”
ปฐวีกับทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยความงง
“ดื่มเหล้าอะไรกัน น้องเมย์เป็นเด็กจะดื่มเหล้าได้ยังไง เมื่อคืนน้องเมย์ตกบันได จำได้ไม๊ครับ” ปฐวีบอก
เมรินมองงงๆ “ผู้ชายคนนี้หน้าคุ้นๆ แล้วทำไมถึงเรียกเราว่าน้องเมย์นะ” เมรินหันมองทุกคน “เมื่อคืน อุบัติเหตุ นี่เราคงจะอยู่โรงพยาบาลสินะ”
เมรินเอามือปิดปากด้วยความตกใจแล้วมองมือตัวเอง เธอสะดุ้งเพราะเห็นนิ้วสั้นๆ ป้อมๆ
“อะไรกันนี่ ทำไมนิ้วชั้นสั้นขนาดนี้”
เมรินชะงักก่อนจะดึงคอเสื้อมองหน้าอกตัวเอง เธอลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งบนเตียง ปฐวียืนมองงงๆ
“อะไรคะน้องเมย์”
“น้องเมย์ไหน พูดเรื่องอะไรกัน แล้วนี่พวกคุณเป็นใคร”
“น้าวีไงคะน้องเมย์ จำไม่ได้หรือ ปวดหัวใช่มั้ยคะ”
ปฐวีเข้ามาชิดจับหัวเมรินเพื่อจะตรวจ เมรินผลักเขาออกไป
“ออกไป ..อย่ามาโดนตัวชั้นนะ”
“น้องเมย์ ทำไมทำแบบนี้”
“อะไรกัน ชั้นไม่ใช่น้องเมย์นะ ทำไมทั้งร่างทั้งเสียงชั้น”
เมรินไม่ฟังเสียง เธอพยายามจะตะกายลงจากเตียง
“อะไรกันนี่...ทำไมเตียงมันถึงสูงแบบนี้”
เมรินหล่นตุบลงไปกับพื้นแล้วตะเกียกตะกายไปที่ห้องน้ำ รสิกากับยมนายืนงง ปฐวีรีบตามไปขวางไว้
“น้องเมย์ น้องเมย์จะทำอะไรคะ”
เมรินเอื้อมไปเปิดประตูห้องน้ำ แต่ก็ไม่ถึง
เมรินมองหน้าปฐวี “เปิดประตูห้องน้ำให้ชั้นหน่อย”
ปฐวีสังเกตและเปิดประตูห้องน้ำให้ เมรินวิ่งพรวดเข้าไป

เมรินพรวดพราดมายืนในห้องน้ำแต่ส่องกระจกไม่ถึง
เมรินตะโกน “เอาเก้าอี้มาให้ชั้นที”
รริกาเอาเก้าอี้ส่งให้ปัฐวี ปัฐวีวางเก้าอี้หน้ากระจกแล้วอุ้มเมรินขึ้นไปยืนส่องกระจก เมรินมองด้วยสายตาขอบคุณแล้วค่อยๆหันมองไปที่กระจก เมรินตกใจที่เห็นหน้าตัวเอง
“อะไรกันนี่”
เมรินค่อยๆหันมองตัวเองอีกครั้ง แต่ภาพสะท้อนในกระจกยังคงเป็นหน้าเมรินเหมือนเดิม เธอตกตะลึง
เธอนึกถึงตอนที่ตันหยงเกิดอุบัติเหตุ
นึกถึงเหตุการณ์ที่หน้าห้องช่วยชีวิต ตันหยงกับเมรินกอดกัน เมรินถูกดึงตัวลอยไปคนละทางกับตันหยง
ตันหยงในร่างของเมรินตะลึง
“เด็กคนนั้น...เป็นไปไม่ได้ เราฝันไป” ตันหยงในร่างเมรินหันไปมองกระจก
ปฐวีเดินมายืนซ้อนหลังแล้วมองในกระจก ตันหยงเห็นเป็นภาพเมรินกับปฐวีในกระจก
แล้วตันหยงก็ล้มพับไปในอ้อมแขนของปฐวี
“น้องเมย์...”

พิรามเดินไปเดินมาด้วยความหงุดหงิดอยู่ภายในห้องทำงาน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาตันหยงแต่ก็ไม่ติด
“ปิดถือถือทำไมก็ไม่รู้”
พิรามกดต่อโทรศัพท์ไปที่บ้านตันหยง
“ขอสายคุณตันหยงหน่อย ...” พอได้ฟังพิรามก็ตะลึง “อะไรนะ ...”
พิรามกดวางสายโทรศัพท์แล้วนั่งกุมหัวเครียด
“โธ่ หยง ไม่น่าเลย เพราะผมแท้ๆ”
พิรามลุกขึ้นปิดแฟ้มแล้วจะเดินออกไป แต่พัดชาถือแฟ้มเข้ามาเห็นท่าทางรีบร้อนของพิรามก็ถามขึ้น
“คุณจะไปไหน”
“ผมจะไปหาตันหยง ตอนนี้เค้าอยู่โรงพยาบาล”
พัดชาอึ้ง “อะไรกัน คุณตันหยงเป็นอะไรไป ถึงต้องไปโรงพยาบาล”
“รถคว่ำ บอกไว้ก่อน ถ้าตันหยงเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันอภัยคุณ”
“เดี๋ยวก่อน ชั้นไปด้วย”
พิรามตวาด “ไม่ต้อง เลิกยุ่งกับชีวิตผมซะที”
พิรามออกไปทันที พัดชาตะลึง

ตันหยงในร่างเมรินนั่งอยู่บนเตียง โดยมีปฐวีนั่งจ้องหน้าเธออยู่
“เป็นยังไงบ้างน้องเมย์ หายปวดหัวหรือยัง”
ตันหยงที่นั่งอยู่บนเตียงอ้าปากจะพูด ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดพรวด แล้วประภัสสรวิ่งเข้ามากอดตันหยงในร่างเมรินไว้
“น้องเมย์ลูกแม่”
ตันหยงอ้าปากค้าง เมธีเดินเข้ามากอดตันหยงอีกคน ตันหยงขยับตัวด้วยความอึดอัด
“ชั้น เอ๊ย เมย์ปวดหัวจังเลยค่ะ” ตันหยงสวมรอบเป็นเมริน
“ปวดหัวหรือลูก นอนพักก่อน”
ตันหยงยิ้มแหย “ไม่ต้องนอนหรอกค่ะ ขอนั่งดีกว่า”
ประภัสสรรีบขยับปรับให้ลูกสาวนั่งสบายๆ ตันหยงนั่งมองคนในห้องไล่ไปทีละคน
ตันหยงคิดในใจ “ใครกันบ้างล่ะเนี่ย.....ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น”
พอมองไล่มาถึงหน้าปฐวี ตันหยงก็ชะงัก
“คนนี้หน้าคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนน๊า” ตันหยงคิดในใจ
พอไล่ไปถึงหน้าคุณหญิงปรงทอง ตันหยงก็เปรยออกมา
“คนนี้รู้จักนี่..”
ทุกคนทำท่าโล่งอก ตันหยงเคยเห็นคุณหญิงปรงค์ทองจากในหนังสือ
ปรงทองหน้าเสีย “เจ้าเมย์เอ๊ย....ทำไมพูดจากประหลาดแบบนั้นล่ะลูก นี่ย่าทวดไง”
“ผมคงต้องตรวจอีกรอบ อาจจะกระทบกระเทือนตอนตกบันได” ปฐวีบอก
ตันหยงรีบปฏิเสธ “ไม่เอานะ ....”
สายแก้วเอาตุ๊กตาตัวโปรดของเมรินมาให้
“น้องเมย์คะ น้องหมีมาเยี่ยมค่ะ น้องหมีคิดถึงน้องเมย์ม๊าก...มาก”
ตันหยงจามออกมาถึงสองครั้งติด “ชั้นไม่ชอบขนตุ๊กตา”

ทุกคนมองหน้าเมรินอย่างไม่สบายใจ ตันหยงในร่างเมริน ยกมือขึ้นมาเท้าคางมองทุกคนนิ่งอย่างใช้ความคิด
ปฐวียืนดูภาพเอ็กซเรย์กะโหลกศีรษะของเมริน

“สมองบอบช้ำนิดหน่อย แต่โดยรวม ถือว่าอยู่ในขึ้นเล็กน้อยครับ” ปฐวีบอก
“แต่ท่าทางของน้องเมย์ดูแปลกๆ ไปนะวี พี่เป็นห่วง” ประภัสสรกังวล
“อาจเป็นอาการของสมองกระทบกระเทือน หรือเกิดการกระแทกรุนแรงนะครับพี่ภัส ความจำอาจลบเลือน หรือสับสนไปบ้าง แล้วอาการก็จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ”
“วีแน่ใจนะ ว่าน้องเมย์ไม่เป็นอะไร” เมธีถามย้ำ
“ครับ แต่เพื่อความสบายใจของทุกคน ผมจะตรวจน้องเมย์ละเอียดอีกครั้ง แต่คงต้องรอให้ร่างกายน้องเมย์แข็งแรงดีก่อน”
ประภัสสรหน้าเสีย ปรงทองปลอบใจ
“ไม่เอาน่าแม่ภัส อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิ ตาวีก็บอกแล้ว ยายเมย์ แข็งแรงดี”
“แต่ยายเมย์ดูประหลาดๆ นะคะคุณย่า พูดจาแปลกไป” ประภัสสรบอก
“มองในแง่ดีสิครับพี่สร น้องเมย์พูดจาชัดเจนขึ้นตั้งเยอะ” ปฐวีพูด
“จริงของวีนะ คุณอย่าเพิ่งวิตกเลยนะ”
ประภัสสรมองเมธี “คุณก็พูดได้สิ คุณไม่ได้อยู่บ้านเลี้ยงลูกทุกวัน จะไปรู้สึกอะไรกับความผิดปกติของลูก...”
เมธีถอนหายใจด้วยความเซ็ง ปฐวีกับปรงทองมองหน้ากัน
“แล้วนี่ เจ้าเมย์จะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ล่ะ ตาวี” ปรงทองถาม
“ขอผมตรวจร่างกายน้องเมย์อีกครั้ง ถ้าไม่มีอะไร อีกไม่กี่วันก็คงกลับบ้านได้ครับคุณย่า”
ทุกคนทำท่าโล่งอก เมธีแอบมองหน้าประภัสสรแต่ประภัสสรเมินหน้าหนี

ตันหยงที่มาอยู่ในห้องเมรินวิตกกังวล
“นี่ชั้นจะทำไงดี ทำยังไงดีนะ”
เสียงสายแก้วดังขึ้น “ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยนี่คะ”
“น้องเมย์ก็เหมือนเดิมทุกอย่าง” สายแก้วบอก
“เหมือนเดิมยังไงล่ะ ชั้นกลายเป็นเด็กแล้วไม่เห็นหรือ” ตันหยงบอก
สายแก้วผวา “คุณเมย์ ไม่เอานะ พูดเหมือนไม่ใช่คุณเมย์ พี่สายแก้วกลัวนะ”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ”
ตันหยงชะงักมองในกระจกก็เห็นเงาสะท้อนเมรินมองตอบกลับมา ตันหยงถอนหายใจแล้วนิ่งคิด
“ทำไงดี ทำไงดี”
ตันหยงนิ่งคิดหาวิธีแล้วก็คิดออก
“น้องเมย์ชักหิวแล้วนะ เอ่อ..สายแก้วใช่มั้ย” ตันหยงถาม
“อะไรกัน น้องเมย์จำพี่สายแก้วไม่ได้หรือคะ ชักน้อยใจแล้วนะ”
“เมย์ล้อเล่นค่ะ พี่สายแก้วจ๋า เมย์หิวจังเลย หาอะไรให้เมย์ทานหน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้เลยค่ะ อย่างนี้ค่อยชื่นใจหน่อย แล้วคุณเมย์อยากทานอะไรดี โจ๊กดีมั้ยคะ”
ตันหยงส่ายหัวดิก “ไม่เอา เมย์ไม่ชอบกินโจ๊ก ขอเป็นแซนวิช หรืออะไรก็ได้”
“ไม่ชอบโจ๊กหรือ แล้วก็ไม่บอก เห็นทานอยู่ทุกวันไม่บ่น”
ตันหยงหน้าเหรอหรา “กินทุกวันมันเบื่อแล้ว อยากเปลี่ยนมั่ง”
สายแก้วมองเมรินอย่างเป็นห่วง
“คุณเมย์อยู่คนเดียวได้หรือคะ ไม่เป็นไรแน่นะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ไปเหอะ หิวไส้จะขาดแล้ว”
สายแก้วเดินไป ตันหยงมองสายแก้วจนลับตาแล้วรีบเดินไปจะหยิบโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์อยู่สูงเกินไป
“โธ่เอ๊ย..กรรมของชั้น”
ตันหยงมองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้มาปีนขึ้นหยิบแล้วกดโทรศัพท์
“ยายบี๋ ทำไมไม่รับนะ ...อ๊ะ..บี๋ นี่เราเองนะตันหยง”

ตันหยงนอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง สุดนภารับโทรศัพท์
“นี่หนูจะบ้าหรือ เป็นเด็กเป็นเล็กเล่นโทรศัพท์แบบนี้ เดี๋ยวฟ้องแม่หรอก”
สุดนภาพวางหูโทรศัพท์อย่างอารมณ์เสีย บุหงามองสุดนภาด้วยความแปลกใจ
“ใครโทรมาหรือบี๋” บุหงาถาม
“อ๋อ โทร.ผิดน่ะค่ะคุณแม่ พวกโรคจิต”
บุหงาหันไปลูบหน้าตันหยงด้วยความเป็นห่วง
“เมื่อไหร่หยงจะฟื้นกลับมาเหมือนเดิมล่ะลูก”
สุดนภามองบุหงาอย่างสงสาร เสียงโทรศัพท์ของสุดนภาดังขึ้นอีก สุดนภากดรับแล้วด่าซ้ำ

“ว่างนักหรือ...คนกำลังทุกข์กำลังเศร้า เด็กบ้าเอ๊ย”
ตันหยงฟังโทรศัพท์หน้าจ๋อย ค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงแล้วนั่งหมดแรง

“ขนาดยายบี๋เป็นเพื่อนสนิท ยังไม่ฟังเลย แล้วใครจะเชื่อชั้นล่ะนี่ ป่านนี้คุณแม่กับคุณพ่อจะเป็นยังไงบ้างนะ”
ตันหยงทำท่าจะโทรออกแต่แล้วก็ถอนหายใจแล้ววางสายลง
สายแก้วถือถาดขนมเดินเข้ามาเห็นเมรินกำลังปีนบนโต๊ะอยู่ สายแก้วรีบเข้ามาอุ้ม
“ตายจริง ทีหลังห้ามปีนแบบนี้อีกนะคะ เดี๋ยวก็ตกลงมาอีกหรอกค่ะคุณน้องเมย์”
สายแก้วประคองเมรินไปนั่งที่เตียงแล้วทำท่าจะป้อนแซนวิชให้ แต่ตันหยงปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอก ชั้นกินเองได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเมย์ยังเด็กทานลำบาก พี่สายแก้วป้อนให้ดีกว่านะ”
ตันหยงเสียงแข็ง “ไม่ต้อง ชั้นไม่ใช่เด็กแล้ว”
สายแก้วชะงักก่อนจะส่งจานขนมให้เมริน ตันหยงรับมากินอย่างเซ็งๆ

หนึ่งฤทัยตรวจดูอาการของร่างตันหยงในห้องไอซียู บุหงา พินิจและสุดนภายืนฟังอยู่
“หมอตรวจดูฟีลม์เอ็กเรย์อย่างละเอียดแล้ว สมองไม่มีความเสียหายนะคะ มีแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น”
“แล้วทำไมลูกดิชั้นยังไม่ยอมฟื้นล่ะคะคุณหมอ” บุหงาถาม
“อันนี้หมอก็จนใจค่ะ ไม่ทราบสาเหตุจริงๆ ครับ คนไข้อาจจะต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกระยะหนึ่ง”
“หมายความว่า ยายหยงอาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทราใช่มั้ยค่ะ” สุดนภาถาม
หนึ่งฤทัยนิ่งไม่ตอบ
“โธ่หยงลูกแม่ เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้”
“แต่หมอจะพยายามดูแลเต็มที่นะคะ อาจต้องใช้เวลาบ้างคุณแม่ใจเย็นก่อนนะคะ”
หนึ่งฤทัยกับพยาบาลยมนาเดินออกไป
“คุณแม่คะ อย่าเพิ่งวิตกไปนะคะ หมอสมัยนี้เก่งๆ ทั้งนั้น” สุดนภาปลอบใจ
“ถ้าหยงไม่ฟื้นล่ะ เราจะทำยังไงกันดีล่ะบี๋ จะทำยังไง”
พิรามเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาแล้วตรงไปที่ตันหยง
“หยง โธ่ หยงเป็นยังไงบ้าง”
“ยังมีหน้ามาที่นี่อีกหรือ อย่าจับตัวเพื่อนชั้นนะ พิราม” สุดนภาว่า
พิรามชะงัก บุหงางงกับท่าทางของสุดนภา
“อะไรกันลูก บี๋ พิราม”
สุดนภาอึกอัก “ตอนนี้หยงยังไม่รู้สึกตัวหรอก คุณทำไมเพิ่งทราบเอาป่านนี้”
พิรามอึกอักและไม่กล้าสบตาสุดนภา
“พอดีผมติดธุระ เลยมาช้าไปหน่อย” พิรามบอก
“งั้นหรือ ธุระอะไร”

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 2/4 วันที่ 6 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager