@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 17 วันที่ 26 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 17 วันที่ 26 ต.ค. 55

เสียงมือถือดังขึ้น กาวินทร์กดรับทันที
“ว่าไง”
“ฉันบอกก็ได้...แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันคือที่ไหน รู้แค่คุณหญิงแม่บอกว่ามันเป็นไร่คุณตาของสรวง”
ตกกลางคืน บรรยากาศทั่วทั้งไร่ชลาลัย มืดมิด วังเวงและน่ากลัว สุดาเดินเข้าไปในกระท่อม ดวงตาแข็งกร้าว กราดตามองสามคนด้วยความเกลียดชังและแค้นใจ เห็นทั้งสามถูกมัดมือเท้านอนพิงฝากระท่อมอยู่

“พวกมันยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเหรอ”
“ครับ ให้ผมจัดการมั้ยครับคุณหญิง” ลูกน้องคนหนึ่งถาม
“ไม่ต้อง...ฉันจะทำให้พวกมันฟื้นเอง....พวกแกออกไป”

กลุ่มคนร้ายรับคำ “ครับ” แล้วเดินออกไป
สุดามองสามคนด้วยความเกลียดชัง “ฉันควรจะทำให้พวกแกฟื้นขึ้นมาทีละคนหรือพร้อมกันทั้งสามคนดี จะได้ไปลงนรกพร้อมๆ กัน...” น้ำเสียงเครือสั่น ทั้งเกลียดทั้งโกรธ “พวกคนเลว พวกหน้าด้าน” เดินมาตบหน้าทีละคน สุดาสะเทือนใจจนร้องไห้ออกมา
“ถ้าไม่มีพวกแก ชีวิตฉันก็ไม่ตกต่ำอย่างนี้”



แฉล้มค่อยๆ รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาก่อนคนอื่น แฉล้มค่อยๆปรือตาขึ้นมามอง สะลึมสะลือด้วยความเจ็บปวด พอเห็นคุณหญิงก็ร้องด้วยความเจ็บปวดตกใจ
“คุณหญิง” แฉล้มกวาดตามองรอบๆ เห็นภาพิศ กรรณนรียิ่งตกใจ
“ฟื้นแล้วเร๊อะนังแฉล้ม...” สุดาหัวเราะร่าท่าทีน่ากลัว “งั้นถือซะว่าเป็นคราวซวยของแก
แล้วกัน” ตบผลัวะๆ ติดกันหลายทีจนหน้าหัน
แฉล้มเจ็บแต่ไม่โกรธ สุดาจับคางแฉล้ม บีบอย่างแรง สุดาน้ำตาคลอเสียใจแค้น
“เพราะแก..แกคนเดียว แกพานังภาพิศเข้ามาหาท่าน ทั้งๆที่แกก็รู้อยู่แล้วว่า
ท่านมีฉันอยู่แล้ว แกทำอย่างนี้ได้ยังไง? ได้ยังไง” ขยุ้มผมตบอีกฉาด
“ฉันขอโทษคุณหญิง ขอโทษจริงๆที่เห็นแก่ความสบายของตัวเอง จนลืมนึกถึงความเดือดร้อนของคนอื่น”
“ขอโทษตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อชีวิตฉันมันพังไปแล้ว ครอบครัวฉันมันพังไปแล้ว” สุดาขย้ำผมแฉล้มกระชากอย่างแรง “คนอย่างแกมันสมควรตาย สมควรตาย”
สุดาขย้ำผมตบแฉล้มแบบไม่นับ
แฉล้มได้แต่ร้องครวญคร่ำ ด้วยความเจ็บปวด “ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ”
“โทษของแกคือความตาย” สุดาคำราม

อารักษ์เดินกดโทรศัพท์เดินวนไปเวียนมาอยู่ในบ้าน ท่าทางเครียดจัด
“ติดต่อใครไม่ได้เลย แม้แต่แฉล้ม”
“ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ว่าคุณแม่เป็นคนร้ายจริงหรือเปล่า? ก็ฟังจากที่คุณแฉล้มเล่า...”
อารักษ์ซึ่งยังกดมือถืออยู่ พูดสวนออกมา “แต่จากรูปการ พ่อว่า...ยังไงแม่ก็ต้องเกี่ยว...ลูกก็รู้...ที่ผ่านมาแม่ทำอะไรไปบ้าง แต่แม่ไม่ผิดหรอก...คนที่ผิดคือพ่อเอง แม่เค้าถึงต้องเป็นแบบนี้ พ่อผิดเอง”
สรวงเห็นน้ำเสียง และสีหน้าของผู้เป็นบิดารู้สึกผิดจริงๆ จึงปลอบโยน
“อย่าโทษตัวเองเลยครับคุณพ่อ ยังไงเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เรามาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าจะทำยังไง” สรวงเสียงหม่นเศร้าขณะพูดประโยคหลัง “และถ้าถึงที่สุดจริงๆ ยังไงเราคงต้องแจ้งตำรวจ”
อารักษ์ฟังแล้วยิ่งหนักใจ เสียงมือถือดังขัดขึ้น สรวงรับ
“ว่าไงคุณแก้ว”
“ผมคุยกับคุณฤทัยแล้ว เค้าบอก...คุณหญิงพาแม่กับกาวไปที่ไร่คุณตาของคุณ มันอยู่ที่ไหนครับ”
สรวงตื่นเต้นตกใจ “ไร่ชลาลัย....มันอยู่ที่...”

กาวินทร์นิ่งฟังอย่างตื่นเต้น หัวใจเต้นระรัว

ขณะเดียวกันสุดาขย้ำผมแฉล้มอย่างขาดสติและบ้าคลั่ง
“ได้ยินมั้ย คนอย่างแกสมควรตาย”
แฉล้มกรีดเสียงร้องดังโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จังหวะนั้นภาพิศค่อยๆ ฟื้นตื่นขึ้นมาในอาการสะลึมสะลือ ยังมีอาการเจ็บที่ด้านหลังซึ่งถูกตีจนสลบ พอเห็นแฉล้ม กำลังถูกสุดาจิกทึ้งผมอยู่ก็ตกใจ ร้องเสียงหลง
“คุณแฉล้ม” พร้อมกับสังหรณ์ใจหันขวับไปที่กรรณนรี ร้องเสียงดัง “กาว”
สุดาหันมามองหัวเราะเยาะ “อ้อ! ฟื้นขึ้นมาอีกคนแล้ว งั้นก็นับว่าเป็นโชคดีของแกนังแฉล้ม”
สุดาผลักหัวแฉล้มออก ก่อนจะเดินมาหาภาพิศ จ้องหน้าหัวเราะอย่างสะใจ
“คราวนี้ถึงทีคุณน้องแล้วนะคะ” ขาดคำสุดาตบผลัวะๆๆๆ อย่างแรง ติดกันหลายที
“โอ๊ย” ภาพิศร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แฉล้มร้องห้าม
“พอได้แล้วคุณหญิงพอได้แล้ว อย่าทำเวรทำกรรมอีกเลย”
สุดาเหลียวขวับมาหา “แกว่าฉันทำเวรทำกรรม แล้วสิ่งที่พวกแกทำกับฉันล่ะ นังผู้หญิงหน้าด้าน คนหนึ่งก็เป็นแม่เล้า อีกคนก็เมียน้อย คนอย่างพวกแกมันสมควรตายจริงๆ”
สุดาจับหัวภาพิศกับแฉล้ม โขกกันอย่างแรง ภาพิศเหลียวมามองนัยน์ตาแข็งกร้าว
“อยากทำอะไรก็ทำกับฉัน อย่าทำกับคนอื่น ปล่อยลูกฉัน เพื่อนฉันเดี๋ยวนี้”
สุดาหัวเราะเยาะ “ยังกล้าต่อรองกับคุณพี่อีกหรือคะคุณน้อง” โผนเข้ามากระชากผมจนภาพิศหน้าแหงนหงาย “ได้..ฉันจะปล่อยเพื่อนแก...ปล่อยให้มันหนีตาย....ถ้ามันหนีได้ มันก็รอด แต่ถ้ามันหนีไม่ได้..มันก็ตาย”
สุดามองปราดไปยังแฉล้ม ดวงตาวาววาม พลางควักมีดพกออกจากกระเป๋า
แฉล้มมองสุดาที่ มองมีดทีอย่างหวาดกลัว บอกเสียงสั่น “จะทำอะไรฉัน”
แววตาสุดาวาวโรจน์ดูน่ากลัว พูดน้ำเสียงหยัน “ก็ให้แกหนีตายไงล่ะ”
สุดาตรงเข้ามาตัดเชือกที่มือและเท้าให้แฉล้มอย่างหวาดเสียว ท่ามกลางความตกใจของภาพิศ ทันทีที่เป็นอิสระ แฉล้มก็ทำท่าจะผลัก และสู้สุดา แต่สุดารู้ทันชูมีดขึ้น
“อย่ารนหาที่นังงูพิษ” พร้อมกันนั้นสุดาหยิบปืนในกระเป๋าขึ้นมา “ฉันให้โอกาสแก...ไป...ถ้าแก
หนีทันแกรอด ถ้าหนีไม่ทัน แกก็เป็นผีเฝ้าไร่อยู่นี่แหละ”
ขาดคำสุดายิงปืนเปรี้ยง แฉล้มวิ่งหนีออกไปทันที ถึงแม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ
สุดาถลึงตาใส่ภาพิศ “ถึงทีคุณน้องแล้วนะคะ” ตัดเชือกที่ขาให้ “ไปค่ะ..ไปเล่นเกมกับพี่ด้วยกัน
สุดาเอาปืนขู่ อีกมือหนึ่งเก็บมีด ใส่กระเป๋า ภาพิศจำต้องเดินออกไป”

ส่วนที่ด้านนอก แฉล้มวิ่งหนีมาตามทางสุดกำลัง แต่ด้วยความมืดและ ไม่คุ้นทาง กอรปกับอาการบาดเจ็บ ในที่สุดแฉล้มก็ล้มลง
สุดาซึ่งใช้ปืนขู่กระชากแขนภาพิศที่ยังคงถูกมัดให้เดินมา หัวเราะลั่น
“อะไร? ยังไม่ทันไร เกมจะโอเวอร์ซะแล้ว...แต่คุณหญิงสุดาไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก เรามาเริ่มเล่นเกมกันใหม่ดีกว่า”
สุดายิงปืนอีกเปรี้ยงเข้าที่ข้างๆ แฉล้ม ดินกระจุย แฉล้มร้องอย่างขวัญเสีย รีบวิ่งหนีไปอย่างทุลักทุเล
ภาพิศร้อง ทั้งกลัวแฉล้มจะโดนยิง ทั้งตกใจ “อย่าคุณหญิงอย่า!
“หุบปาก ตามฉันมา”
สุดาตวาดแว้ด กระชากแขนภาพิศที่ถูกมัดอยู่ให้เดินตามแฉล้มไป สุดาเดินไล่ยิงอย่างใจเย็น
แฉล้มวิ่งหนีเตลิดมาด้วยความกลัว ก่อนที่จะเสียหลักหกล้ม ร่างของแฉล้มกลิ้งลงเนินเขาอย่างรวดเร็ว และกระแทกเข้ากับตอไม้เบื้องล่างอย่างแรง เป็นตายยังไม่รู้
แฉล้มกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด ภาพิศสงสาร ตะโกนร้องระงมเหมือนคนบ้า
“คุณแฉล้มๆๆ”
สุดาหัวเราะลั่นอย่างสะใจ “ต่อไปถึงทีแกกับลูกแล้ว นังภาพิศ”
สุดากระชากร่างภาพิศให้เดินกลับไป ภาพิศกลัวจนร้องไห้ออกมา
“อย่า...อย่า..คุณแฉล้ม....” เหลียวไปมองดูแฉล้มอย่างเป็นห่วง “คุณแฉล้ม”
“ไป๊” สุดาผลักภาพิศอย่างแรงให้เดินกลับ

เวลาเดียวกัน สรวงขับรถมาตามทางราวกับจะบิน ด้วยความเร็วและแรง ก่อนที่จะมีเสียงดังก้อง
อารักษ์ร้องบอกสุ้มเสียงตื่นตระหนก “ยางแตก”
สรวงพยายามตั้งสติ ปล่อยรถไหลไปตามทาง ก่อนจะค่อยๆ แตะเบรกเบาๆ คุมรถไม่ให้เสียหลัก
จังหวะนั้นกาวินทร์ ขับรถทะยานออกมาจากบ้านแล้ว และขับรถแล่นมาตามทาง ในนาทีที่สรวง ควบคุมรถ จอดที่ข้างทางได้สำเร็จพอดี
อารักษ์สบถอย่างหัวเสีย “ปั๊ทโธ่เว้ย!จะมายางแตกอะไรตอนนี้วะ”
สองพ่อลูกหน้าเครียด กลุ้มใจหนัก

สุดาผลักภาพิศเข้าไปในกระท่อม เหวี่ยงร่างภาพิศล้มลงกับพื้น สุดาหัวเราะ
“ฉันจะทรมานแกสองคนแม่ลูกจนกว่าจะตาย”
ภาพิศกระเถิบเอาตัวบังกาว “จะฆ่าฉันก็ฆ่าไปเลย แต่อย่าทำอะไรลูกฉัน”
“มันง่ายไปมั้ง กับการที่แกทำให้ฉันทรมานมาค่อนชีวิต...และที่สำคัญ แกไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
สุดากระชากร่างกรรณนรีขึ้นมา “แกสองคนก็เหมือนลูกไก่ในกำมือฉัน จะบีบก็ตาย จะคายก็รอด”
ภาพิศมองกรรณนรีห่วงจนแทบจะขาดใจ “อย่า..อย่าทำอะไรลูกฉัน”
“ฉันจะทำ” สุดากระชากผมกรรณนรีอย่างแรงพร้อมกับใช้ด้ามปืนตบที่ใบหน้าหลายที กรรณนรีค่อยๆ รู้สึกตัว
ภาพิศกรี๊ดลุกมาห้าม “อย่าทำลูกฉัน”
“หยุด” สุดาขู่ ยกปืนเล็งใส่ “ไม่งั้น...ขาแกเละ”
ภาพิศร้องไห้โฮ “กาว..กาวของแม่” ภาพิศกรีดร้องเสียงดังก้อง “กาว”
กรรณนรีฟื้น สติค่อยๆ มา มองภาพิศกับสุดาอย่างตื่นตะลึง ในขณะที่สุดาหัวเราะ หันมาถามภาพิศ
“จะขาดใจใช่มั้ย” สุดาคำรามพลางใช้ด้ามปืนตบหน้ากรรณนรีอีกหลายๆ ที
ภาพิศฮึดสู้ใช้เท้าถีบเข้าที่ร่างสุดาเต็มแรง สุดาเสียหลักล้มลงไป มีดพกหล่นออกจากระเป๋า ภาพิศตามไปซ้ำ หมายจะเอาร่างกระแทก สุดาตั้งหลังทันผลักภาพิศออกโมโห
“แกอยากให้ฉันทรมานลูกแกมากกว่าเดิมใช่มั้ย ได้”
สุดากระชากผมกรรณนรีเต็มมือ จิตบแบบไม่นับ กรรณนรีร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อย่า..อย่าทำฉัน อย่า
ภาพิศน้ำหูน้ำตาไหลร้องครวญคร่ำแทบขาดใจ “กาว...กาว”

ด้านอารักษ์กับสรวงช่วยกันเปลี่ยนยางอย่างทุลักทุเล จังหวะนั้นเองกาวินทร์ก็ขับรถมาทัน ถึงจุดนั้นพอดี
“คุณสรวง”
กาวินทร์รีบจอดรถทันที ร้องเรียก
“คุณสรวง...รีบขึ้นมาเร็ว”

อารักษ์กับสรวงรีบขึ้นรถ กาวินทร์ออกรถไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนภายในกระท่อมที่ไร่ชลาลัย สุดากำลังสนุกกับเกมการแก้แค้นที่ตนเป็นออกแบบ และกำลังจับหน้ากรรณนรีให้แหงนขึ้น พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จ้องหน้าภาพิศเขม็ง

“สนุกจริงเว้ย..สนุกจริงๆ...ต่อไป...ฉันจะทรมานอะไรลูกแกดีภาพิศ...ส่งมันไปให้คนงานข้างนอกดีมั้ย”
กรรณนรีร้องลั่น “อย่า”
ภาพิศไม่พูดตอบโต้แต่จ้องหน้าสุดากลับ ขณะเดียวกันก็พยายามถูเชือกมัดมือไพล่หลังนั้นกับเสาให้ขาดออกจากกัน
สุดาบีบคางกรรณนรีอย่างแรง “ทีอย่างนี้ร้องอย่า...” กัดฟันกรอด “ทีตอนให้ผัวฉัน มาหย่าฉัน
แกไม่เคยจะเห็นใจ แกก็เหมือนกับแม่แก...ชอบทำร้ายคนอื่น” ผลักหัวออก “ฉันล่ะเกลียดแกนัก”
กรรณนรีจ้องหน้าสุดาเขม็ง เช่นเดียวกับภาพิศจ้องสุดาอย่างอาฆาตแค้นไม่วางตา เร่งถูเชือกสุดาหันมาเห็นสายตากรรณนรีที่มองตนก็โกรธอีก
“ยังจะมองหน้าฉันอีก นังหน้าจืด” จิกผมกรรณนรี ด่า “สมกับฤทัยด่าแกจริงๆ นังหน้าจืด นังซิ้มลืมแต่งหน้า ฤทธิ์เยอะนัก...งั้น..แกกับฉันมาเล่นสนุกกัน ฉันจะทรมานแกให้ตายต่อหน้าแม่แก”
สุดาจิกลากผมกรรณนรี พาออกด้านนอกกระท่อม กรรณนรีร้องครางด้วยความเจ็บปวด ภาพิศร้องลั่น
“อย่า! อย่าทำลูกฉัน อย่า”
สุดาเหลียวขวับมามองภาพิศ “เก่งจริง...ก็ตามมา”
ภาพิศแทบจะขาดใจ เร่งถูเชือกแรงขึ้น ขณะที่ปากก็ร้องไม่หยุด
“อย่าทำลูกฉัน อย่า”

กาวินทร์ขับรถมาถึงบริเวณด้านหน้าไร่ชลาลัย ทันทีที่รถจอด สามคนกระโจนลงจากรถทันที โดยมี อารักษ์นำหน้า เพราะรู้ที่ทางดีที่สุด

ส่วนในกระท่อม เชือกที่มัดมือภาพิศก็ขาดออกจากกันพอดี ภาพิศเป็นอิสระ คว้ามีดที่สุดาทำหล่นไว้ที่พื้นกระโจนออกไปทันที
เหตุการณ์ด้านนอก สุดาขึ้นคร่อมบีบคอกรรณนรีเต็มแรง
“ฉันเกลียดแก รู้ไว้ ฉันเกลียดแก”
กรรณนรีสู้ไม่ได้ ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน ภาพิศกรี๊ดกระโจนหาสุดาทันที
“นังสุดา” ดึงร่างสุดาออก
สุดาไม่ทันระวัง หงายเงิบก่อนจะล้มลง ภาพิศขึ้นคร่อม เงื้อมีดจะแทง
“แกตาย”
“อย่า”
สุดาจับมือภาพิศบิด สองคนสู้กัน จนมีดภาพิศหล่นจากมือ แต่ตัวภาพิศยังคร่อมสุดาอยู่ ภาพิศแค้นตบไม่ยั้ง
“แกตาย! แกตาย”
กรรณนรีร้องไห้ หวาดกลัว ตะโกนห้ามแม่ “อย่า! คุณภาพิศ อย่า”
ภาพิศบีนดาลโทสะ หน้ามือตามัวไม่ได้ฟังอะไรเลย บีบคอสุดาแน่นแล้วกดสุดแรงเกิด
“แกตาย!แกตาย”
สุดาดิ้นพล่าน ตาเหลือกลาน พยายามเอามือดันมือภาพิศออก
“ยะ..อย่า..อย่า”
เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น อารักษ์ สรวง และกาวินทร์ วิ่งเข้ามาในไร่

สุดาแทบหายใจไม่ออกแล้ว เจ็บปวดและทรมาน ภาพิศหัวเราะมองมือตัวเองที่บีบคอสุดา
“ทรมานใช่มั้ย? แกทรมานใช่มั้ย”
สุดากำลังจะหมดลม ภาพิศจ้องสุดา พูดเย้ย
“ยัง...ฉันไม่ให้แกตายตอนนี้หรอก มันง่ายไป” ภาพิศกลอกตาไปมา “ฉันจะให้แก..ตายอย่างช้า..ช้า..นังสุดา”
ภาพิศหันไปหยิบมีดที่ตกพื้นขึ้นมากระชับมั่นในมือ กรรณนรีเห็นร้องลั่น
“อย่า...”
มีดในมือภาพิศ สะท้อนกับความมืดเป็นประกายวาววับ
“ฉันจะเฉือนแกทีละชิ้น...ทีละชิ้น” ยกมีดขึ้นอีก
สุดากลัวจนตัวสั่นน้ำหูน้ำตาไหล ร้องอ้อนวอน “อย่า”
ภาพิศกระชากผมสุดาแล้วตัดฉับ สุดากลัวตัวสั่นสะท้าน ขณะที่ภาพิศหัวเราะร่าอย่างสะใจ
“กลัว...แกกลัวเหรอ...” ลดเสียงพูดสำเนียงหลอน “ไม่ต้องกลัว...” กระแทกเสียงใส่ “ กว่าแกจะตาย แกต้องทรมานอีกนาน”
ภาพิศเงื้อมีดขึ้น จังหวะนั้นอารักษ์ สรวง และกาวินทร์ก็วิ่งเข้ามา
ทุกคนร้อง “อย่า”
ภาพิศหันมามอง สุดาฉวยโอกาสนั้นผลักร่างของภาพิศออกอย่างแรง จนมีดภาพิศหล่นจากมือ ส่วนสุดากระโจนเข้าหาสรวง กอดลูกชายแน่น ท่าทีตื่นตระหนกสุดขีด
“สรวง....ภาพิศเค้าเป็นบ้า เค้าจะฆ่าแม่”
กาวินทร์กระโจนไปหากรรณนรี แก้เชือกให้น้องอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาพิศมาขวางปกป้องลูกตัวเอง
ภาพิศจ้องหน้าด่าสุดา “แกนั่นแหละจะฆ่าฉัน ฆ่าลูกฉัน คนสารเลว”
ภาพิศหลุดโกรธจัด วิ่งไปกระชากร่างของสุดาออกจากสรวง ตบไม่ยั้ง สุดาสะบัดหลุด กระโจนเข้าหาภาพิศ
“ก็แกทำลายครอบครัวฉันก่อน นังเมียน้อย นังสารเลว”
ทั้งภาพิศและสุดา กระโจนเข้ากันอย่างบ้าคลั่ง สรวงกับอารักษ์เข้าไปห้าม
“อย่าๆ”
แต่ไม่ว่าจะดึงออกแค่ไหน ทั้งภาพิศและสุดาก็กระโจนเข้าหากันอยู่ดี โดยมีแรงแค้นเป็นพาหะ
อารักษ์สุดจะทนไหว ตะโกนก้อง
“ถ้าผมตาย ทุกอย่างจะจบใช่มั้ย”
ทุกคนหันขวับ เห็นอารักษ์ล้วงปืนออกมาจ่อหัวตัวเอง ทุกคนร้องลั่น
“อย่า”
สรวงร้องห้าม “อย่า! คุณพ่ออย่า”
สุดาตะโกน “อย่าค่ะคุณ..อย่า” ชี้มือไปทางภาพิศ “คนที่สมควรตายคือมันไม่ใช่คุณ”
ภาพิศรีบเอาตัวขวางกาวินทร์ กับกรรณนรีป้องไว้ ขณะที่อารักษ์ตะโกน
“ผมนี่แหละที่สมควรตาย เพราะผมเป็นต้นเหตุเรื่องทุกอย่าง อโหสิกรรมให้ผมด้วย” อารักษ์ว่าพลางจะเอาปืนจ่อ เตรียมเหนี่ยวไก
“คุณพ่ออย่า”
สรวงกระโจนเข้าหาอารักษ์ สองพ่อลูกแย่งปืนกัน ท่ามกลางเสียงกรี๊ดดังสนั่น
“พ่อเป็นต้นเหตุของเรื่อง อย่าห้ามพ่อสรวง อย่า”
เสียงปืนดังลั่น ทุกคนตะลึง ขณะที่ร่างของสรวงค่อยๆ ร่วงลง นอนกองกับพื้น เลือดเต็มช่องท้อง ทุกคนร้องลั่น
“สรวง” / “คุณสรวง”
สุดา อารักษ์ และกรรณนรี กรีดร้องเหมือนคนจะขาดใจตาย ขณะที่กาวินทร์ กับภาพิศ ร้องอย่างตะลึงและตกใจ

สรวงปรือตากระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตา หลับลง เลือดนองไปทั้งพื้นทั่วบริเวณ
ไม่นานต่อมา ร่างของสรวงอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เจ้าหน้าที่กำลังปั๊มหัวใจ ช่วยชีวิต สุดากรีดร้องเหมือนคนบ้า กาวินทร์กอดกรรณนรีที่ยืนร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทากิริยาหวาดหวั่น ภาพิศมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง คาดไม่ถึง อารักษ์หน้าสลด เครียดจัด

“สรวง..สรวงต้องไม่เป็นอะไรนะลูก สรวง” สุดาจะเข้าไปหาสรวง
เจ้าหน้าที่ กันไว้ “อย่าครับคุณ..อย่า...” มองมาที่อารักษ์ “ญาติออกไปข้างนอกก่อนครับ”
“ไปคุณหญิง”
อารักษ์ประคองสุดาออกมานอกห้อง กรรณนรีร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณสรวง คุณอย่าเป็นอะไร”
สุดาหันขวับมามองเกลียดมาก “เพราะแกๆ” พร้อมกับโผนเข้าหากรรณนรี ตบหน้าฉาดใหญ่ และอาละวาดอีกรอบ
ภาพิศเข้ามาขวาง บอกเสียงแข็ง “อย่าทำอะไรลูกฉัน”
“ยังจะมาปากดี ลูกฉันต้องเป็นอย่างนี้เพราะพวกแก”
สุดาหันมาจิกตบภาพิศแทน กาวินทร์กับอารักษ์เข้ามาห้าม ทุกอย่างโกลาหล อารักษ์ลาก
สุดาออกมาสุดากรี๊ด ชี้หน้าภาพิศ และกกรรณนรี
“ถ้าลูกฉันเป็นอะไรพวกแก ตายๆๆ”
“ออกไปดีกว่ากาว”
กาวินทร์ว่าพร้อมกับพากรรณนรีออกไป โดยไม่ได้หันไปมองภาพิศสักนิด ภาพิศมองเห็นอารักษ์กอดสุดา ก็สะท้อนใจ รีบตามลูกๆ ออกไป ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีอาการบาดเจ็บ ต้องเอามือกุมท้องไว้ตลอดเวลา

กาวินทร์กอดประคองกรรณนรีเดินออกไป ภาพิศเดินแกมวิ่งตามมาเรียก
“แก้ว...กาว...”
สองคนหยุด แต่ไม่ได้หันมามอง ภาพิศน้ำตาไหลพราก
“จะไม่หันมามองหน้าแม่เลยเหรอลูก”
สองคนไม่ยอมหัน กรรณนรีบอก
“ขอบคุณค่ะที่ช่วย”
“จะขอบคุณทำไม? เค้าต้องขอโทษเราถึงจะถูก มันเป็นเพราะเค้า พวกเราถึงต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้” กาวินทร์บอกสุ้มเสียงยังโกรธอยู่มาก
ภาพิศร้องไห้โฮ จับมือลูกสองคน “แม่ขอโทษ...”
กาวินทร์สะบัดมือออก กรรณนรีลังเล ก่อนจะดึงมือออก ภาพิศร้องไห้ใจจะขาดรอนๆ
ภาพิศครวญคร่ำ “แม่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น...ใช่...เป็นเพราะแม่..แม่ผิดเอง แม่เองที่เป็นคนไม่ดี”
“ถ้ารู้ตัวก็แก้ไขสิครับ...อย่าทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก ถ้าคุณสรวงตายคุณจะชดใช้ยังไง”

กรรณนรีสะเทือนใจขึ้นมาอีก ร้องไห้โฮ ภาพิศร้องบอก
“แก้วก็เห็นแม่ไม่ได้ทำ...ท่านอารักษ์ต่างหาก”
“เลิกโทษคนอื่นซะที รู้ไว้ด้วย คุณคือต้นเหตุของความเลวร้ายทุกอย่าง อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก” กาวินทร์พูดโดยไม่ยอมมองหน้าแม่ และจะพาน้องสาวเดินหนี
ภาพิศกรีดร้อง ปฏิเสธลั่น เข้ามาขวาง “ไม่นะแก้ว ไม่” พยายามจะจับ รั้งลูกๆ “อย่าทำอย่างนี้กับแม่ แม่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจ..แม่รู้สึกผิด..ผิดตลอดเวลาที่ทิ้งลูกมา แม่รักแก้ว แม่รักกาว”
กรรณนรีร้องไห้
กาวินทร์พูดออกมาอย่างเจ็บปวด “ผมไม่ได้ต้องการคำว่ารักจากคุณ” เน้นทุกคำในประโยคต่อมาช้าชัด “เพราะผมไม่ได้รักคุณ”
ภาพิศเจ็บปวดแทบจะขาดใจ ตะลึง ช็อก เสียงครือสั่น “แก้ว...”
“ไปหาคนที่เค้ารักคุณเถอะ....หรือ...ว่า มันไม่มี”
ท้ายประโยคกาวินทร์จงใจแดกดัน แล้วพากรรณนรีเดินไป โดยไม่หันมามองภาพิศแม้แต่หางตา ภาพิศร้องไห้โฮ ใจจะขาดรอนๆ

กรรณนรีร้องไห้ฟูมฟาย
“พี่แก้ว ทำไมพูดกับแม่อย่างนั้น กาว..สงสารแม่”
“พี่ก็เจ็บเหมือนกันกาว....แต่พี่อยากให้แม่ได้คิดซะบ้าง เพราะคนเราไม่เจ็บถึงที่สุด ไม่สำนึก เหมือนที่เค้าว่า คางคกถ้ายางหัวไม่ตก ไม่สำนึก”
กาวินทร์พากรรณนรีเดินออกไป

ภาพิศ เดินร้องไห้ แทบหมดแรง หัวใจแทบแตกสลาย เสียงแก้วก้องอยู่ในหัว
“ไปหาคนที่เค้ารักคุณเถอะ....หรือ...ว่า มันไม่มี”
ภาพิศเบิกตาโพลง เพิ่งนึกได้ “คุณแฉล้ม”
ใบหน้าภาพิศซีดเผือด

ภาพิศมาถึงไร่ชลาลัยตอนรุ่งเช้า วิ่งไวๆ มาตามทาง อย่างระแวดระวัง ตะโกนร้องเรียก
“คุณแฉล้ม..คุณแฉล้ม”
แฉล้มนอนหมดสติ เห็นชัดว่าร่างกระแทกต้นไม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภาพิศแผดเสียงร้องกรี๊ด ดังกึกก้อง ทั้งเป็นห่วง และเสียใจมาก
“คุณแฉล้มม...”

ร่างแฉล้มถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา ภาพิศร้องไห้เนื้อตัวสั่นสะท้าน
“นี่ฉันทำแต่ความเดือดร้อนให้ทุกคนจริงๆ เหรอ”
ภาพิศได้แต่ถามตัวเองในใจ

ท่ามกลางความมืดภายในห้องที่คฤหาสน์ ภาพิศเดินโผเผเข้ามา ก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอน ร้องไห้คร่ำครวญ ภาพความหลังต่างๆ ที่ล้วนเป็นความผิดของตัวเองประเดประดังกันเข้ามาราวสายน้ำไหล ไม่หยุดหย่อน
ตอนที่ทิ้งลูกไปอยู่กับอารักษ์ ทำร้ายหมายเอาชีวิตกรรณนรีโดยเอาสบู่ราดพื้นในสปา ภาพิศตบสุดา และภาพสุดท้ายเป็นตอนกาวินทร์บอกช้าชัดว่าไม่เคยรัก
ภาพิศเจ็บปวดรวดร้าว ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ

ขณะเดียวกันสรวงยังคงนอนแน่นิ่ง พยาบาลเวรเดินมาดูอาการ เห็นกราฟที่จอมอนิเตอร์การเต้นของหัวใจ ไม่ปกติ
“ปั๊มหัวใจด่วน”

เจ้าหน้าที่เข้ามาปั๊มหัวใจให้ทันที ร่างสรวงกระตุกตามแรงชาร์จ ก่อนจะนอนนิ่งหน้าซีดราวกระดาษอย่างเดิม
คืนเดียวกันนั้น ท่ามกลางความมืดในห้อง กรรณนรีนอนอยู่บนเตียง ท่าทางกระสับกระส่าย

“คุณสรวง...คุณอย่าเป็นอะไรนะ...อย่าเป็นอะไร”
จังหวะนั้นประตูห้องค่อยๆ ถูกเปิดออก เห็นเป็นสรวงหล่อเหลา สวมชุดสูทสีขาวสะอ้าน รอบตัวมีรัศมีสีขาวฟุ้งๆ สรวงทรุดตัวลงนั่งข้างกรรณนรี เรียกสุ้มเสียงอ่อนหวาน
“กรรณนรี”
กรรณนรียังไม่ตื่น นอนกระสับกระส่ายอยู่อย่างนั้น สรวงก้มลงบรรจงจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ละมุนละไม
“ตื่นได้แล้วจ้ะ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 17 วันที่ 26 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager