@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 12/2 วันที่ 1 พ.ย. 55

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 12/2 วันที่ 1 พ.ย. 55

“ได้ยังไงล่ะคะ สปอนเซอร์รายใหญ่เชียวนะ ไม่รับสายโกรธแย่เลย” มุนินทร์รับสาย เจนภพยิ่งหงุดหงิด “ค่ะ บอสขา”
มุนินทร์แยกตัวออกมา เจนภพมองอย่างรำคาญใจ มุนินทร์เหลือบมองเจนภพอย่างขบขันแล้วแยกตัวออกมาทันที เจนภพไม่ทันมองตามหันมาอีกที มุนินทร์หายตัวไปเสียแล้ว ร่างทะมึนของปุ๊ซ่อนอยู่ในมุมปลอดคนรีบตามมุนินทร์ไปทันที เจนภพมองไปทั่วหามุนินทร์

วีกิจแอบรออยู่ในรถ เห็นรถพอร์ชของมุนินทร์จอดอยู่ มุนินทร์รีบวิ่งมาที่รถแล้วขึ้นรถขับไปทันที วีกิจรีบสตาร์ทรถจะขับตามเห็นมอเตอร์ไซค์ปุ๊แล่นผ่านหน้าไป วีกิจชักสงสัยรีบขับตามไป

รถมุนินทร์แล่นลงจอดชั้นใต้ดินของคอนโด รถวีกิจต้องแลกบัตรที่ซุ้มก่อนจะมาจอดที่ลานกลางแจ้ง

วีกิจรีบลงจากรถ แล้วตรงไปที่ชั้นใต้ดินทันที

มุนินทร์ลงจากรถ ก้มเก็บข้าวของส่วนตัวจะนำขึ้นห้อง ระหว่างนั้นมีเงาทะมึนปรากฏขึ้นข้างหลัง มุนินทร์หันมาพอดี เงานั้นก้าวสู่แสงสลัวเห็นหน้าเย็นชาเหี้ยมเกรียมรอยแผลเป็นชัด มุนินทร์ผงะถอยไปชนเสาใหญ่ ปุ๊พุ่งตามติด มือหนึ่งจับหน้ามุนินทร์บีบ อีกมือตวัดมีดขึ้นจ่อคอมุนินทร์



“แก แกต้องการอะไร”

“มาทวงสัญญาที่เธอให้ไว้ไง มาขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด” มุนินทร์ขยับหนี ปุ๊แกล้งกดมีดลง มุนินทร์เอามือที่ถือกุญแจรถจับแขนปุ๊แบบวิงวอน “อย่า อย่าหวัง ลูกเล่นเยอะนักอีนี่ ไหน มีของเล่นอะไรซุกไว้อีกหรือเปล่า”

“ก็ลองค้นดูเองซี”

ปุ๊ลดมือที่ไม่ได้จับมีดลงลูบคลำตามชุดอยู่บ้านของมุนินทร์แล้วตาวาว

“ไม่มี ไม่มีจริงๆ”

“ใช่ ไม่มีกระทั่งชุดชั้นใน”
มุนินทร์พลันยวนยั่ว ตาปรือ ปากเผยอ แววตาปุ๊หื่นกระหายมองบนมองล่างมือที่ถือมีดจ่อลดลง ทันใดมุนินทร์ก็ผลักมือที่ถือมีดของมันออกตวัดพวงกุญแจกดปุ่มฉีดสเปรย์พริกไทย ละอองสเปรย์พุ่งเป็นสาย ปุ๊ผงะเบี่ยงหน้าหลบ สเปรย์เข้าเต็มตาข้างหนึ่ง ปุ๊ผงะลงไปดิ้น

มุนินทร์ผวาจะวิ่งหนีแต่ปุ๊พุ่งตัวเข้ารวบขาทำให้มุนินทร์ล้มกลิ้ง มุนินทร์เอามือเกาะกันชนรถดึงตัวยกเท้าถีบปุ๊เข้าเต็มหน้า แต่มันกลับโถมเข้าใส่ต่อยท้องมุนินทร์จนจุก จากนั้นมันก็ดึงร่างมุนินทร์ขึ้นบีบคอ มุนินทร์สำลักพยายามแกะมือ ทันใดนั้นมีมือมาจับไหล่ปุ๊กระชากมา วีกิจยืนต่อยสวนมาเต็มหน้า ปุ๊ผงะ มุนินทร์ทรุดลง
“วีกิจ”
“ตา เป็นอะไร” วีกิจถามอย่างเป็นห่วง
ปุ๊โถมใส่วีกิจล้มกลิ้ง มุนินทร์ลุกขึ้นมองซ้ายมองขวา ปุ๊และวีกิจลุกขึ้นแลกหมัดกัน ปุ๊ตวัดมีดใส่วีกิจ วีกิจสปริงตัวถอยหลัง ปุ๊ยิ้มตวัดมีดใส่อีกครั้งคราวนี้คมมีดกรีดเสื้อเชิ้ตวีกิจขาดเลือดซึมวาบออกมา ปุ๊ยิ้มตาวาว
มุนินทร์ฟาดไม้หน้าสามท่อนหนึ่งเข้ากลางหลังปุ๊ ปุ๊ผงะหันมา มุนินทร์ฟาดมือมัน มีดกระเด็นตกบนพื้น ทันใดไฟสปอตไลท์สว่างพรึ่บขึ้น รปภ. 2 คนวิ่งมา ปุ๊หลบไปหลังแนวเสา มุนินทร์เข้าประคองวีกิจ
“มันวิ่งไปตรงนั้น”
มุนินทร์บอก สองรปภ.วิ่งหามือปืน
“ตา คุณไม่เป็นอะไรนะฮะ”
“อย่าห่วงฉันเลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
มุนินทร์ดูแลเลือดที่ซึมจากหัวไหล่ของวีกิจ ทั้งสองสบตากัน

ที่ห้องโถงของคอนโด วีกิจนั่งอยู่บนโซฟา หน้ามีรอยฟกช้ำเล็กน้อย มุมปากแตก เสื้อขาดมีรอยเลือดซึม วีกิจมองดูความหรูเรียบของการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นผนังกระจกที่เห็นวิวกรุงเทพฯ ยามราตรีเป็นพาโนรามา เครื่องเรือนแนวโมเดิร์นออกแบบเป็นเส้นคมเฉียบราวสะท้อนบุคลิกของเจ้าของห้อง
มุนินทร์ก้าวออกมาจากห้องนอนถือกระเป๋ายาออกมาด้วย หน้าตาล้างเมคอัพออกแล้วจึงดูบริสุทธิ์ใสเหมือนเด็กๆ วีกิจมองความใสอย่างคลางใจ มุนินทร์ดูแผลที่หัวไหล่
“ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้ผมสบายมาก”
มุนินทร์นั่งลงบนโซฟาเดี่ยว
“ค่ะ สบายมาก แต่อีกเดี๋ยวแผลคุณก็จะอักเสบแล้วก็มีไข้ ปวดตายเลยล่ะ”
“ดีฮะ ให้มันตายๆ ไปเลยก็ดี”
“ตายเพราะคนอย่างฉัน มันไม่คุ้มค่าหรอกค่ะ”
วีกิจประชด มุนินทร์โต้กลับเรียบๆ วีกิจอึ้งมองดูรอบๆ ห้อง
“ห้องคุณสวยดีนะฮะ”
“เขาวางดีไซน์ไว้ดีน่ะค่ะ ฉันแค่ซื้อของมาแต่งเพิ่มให้เข้ากันแค่นั้นเอง”
“ขาไหนฮะ หรือว่าเจ้าของห้องตัวจริง”
“เขาก็คืออินทีเรีย ดีไซเนอร์ของโปรเจคท์น่ะซีคะ”

มุนินทร์เดินแยกไปที่ส่วนโต๊ะทำงานเห็นเอกสาร ภาพมุนินทร์ มุตตาและวีกิจวางอยู่ มุนินทร์ใจหายวาบรีบเก็บเอกสาร พวกจดหมายข่าว จดหมายสมาชิก จดหมายแจ้งยอดบัตรเครดิตที่มีชื่อมุนินทร์ ซองหนังสือที่ส่งทางไปรษณีย์ฯลฯ ขึ้นมา เอาไปใส่ลงในลิ้นชักหนึ่ง แล้วเก็บรูปไว้อีกลิ้นชัก
วีกิจเดินเข้ามาเงียบๆ
“ทำลายหลักฐานอะไรหรือฮะ”
“เออ ฉันกลัวห้องรกต่างหากค่ะ”
มุนินทร์เดินไปหยิบยาแก้ปวด แก้อักเสบมาส่งให้
“ยาอะไรฮะ”
“ก็คุณดื้อไม่ยอมไปหาหมอ งั้นกินนี่ไปก่อนค่ะ ยาแก้ปวดแก้อักเสบ เอ๊ะ นี่คุณเลือดออกขนาดนี้เลยหรือ”
มุนินทร์ตกใจวางยาลง มือแกะกระดุมเสื้อวีกิจออกอย่างเร็ว วีกิจหน้าแดงอึกอักถอยห่างออกมา แต่เมื่อเจอสีหน้าห่วงใยทำให้เหลือเพียงความรู้สึกวูบวาบ มุนินทร์ไม่ทันรู้สึกอะไรปลดเสื้อวีกิจออกเห็นแผลที่ไหล่ยาวแต่ไม่ลึกจนต้องเย็บ
“แผลยาวมากเลยค่ะ ดีที่ไม่ลึก แต่ทำไมเลือดออกเยอะจัง”
“เลือดไม่รักดีมังครับ”
มุนินทร์เงยหน้ามอง หน้าปราศจากเครื่องสำอางแต่เต็มไปด้วยเลือดฝาดเปล่งปลั่ง ดวงตาเปิดเผยดู
บริสุทธิ์สดใส วีกิจรู้สึกวูบขึ้นมาว่านี่คือหญิงบริสุทธิ์ผู้ตกเป็นเหยื่อ ไม่น่าจะใช่หญิงชั่วร้ายที่ทุกคนกล่าวหา

ขณะนั้นนพนภาเดินงุ่นง่านอยู่ที่ผับ มือถือประพงส์ดังขึ้น ประพงส์รับสาย
“ว่าไงวะปุ๊ ดีแล้ว อะไรนะ เออ เท่านี้”
“ว่าไงคะ” นพนภารีบถาม
“เกือบไปครับ ไอ้ปุ๊ยังไม่ทันได้ลงมือหลานคุณนภาเข้ามาช่วยเสียก่อน”
“นายวีกิจอีกแล้วเหรอ”
“ครับ”

นพนภาโล่งอก แต่ยังติดใจวีกิจ
วีกิจยังอยู่ที่คอนโดมุนินทร์ มือถือกับกระเป๋าสตางค์วีกิจวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างโซฟา วีกิจอยู่ในชุดเสื้อกล้าม วีกิจเอามีดสวิสอาร์มี่ของปุ๊มาดู มุนินทร์เอาชุดปฐมพยาบาลมาวางเรียงบนโต๊ะกาแฟ


“ไอ้นี่มันคนเดียวกับที่เคยสะกดรอยตามอาภพไปที่ฟิตเนสที่คุณเคยไป”
“อ้อ ที่คุณสะกดรอยตามฉันไปอีกทีนึง”
“คุณนกเล่าว่าวันนี้คุณโทรไปนัดอาภพ คุณนกแอบฟังแล้วคงโทรแจ้งอานภา มันคงตามสะกดรอยคุณมาจากร้านอาหารที่คุณนัดกับอาภพนั่นแหละ”
“หนูนกนี่ทำงานไม่พลาดเลยจริงๆ แต่ว่าคุณล่ะคะ สะกดรอยตามใครถึงมาถึงที่นี่ได้”
วีกิจหน้าแตกทำเย็นชา มุนินทร์เอาสำลีชุบทิงเจอร์
“ผมบังเอิญเจอคุณกับอาภพกินข้าวกัน”
มุนินทร์ยิ้มหวาน เอาสำลีชุบทิงเจอร์กดประทับแผลวีกิจ วีกิจร้อง
“ขอโทษค่ะ ฉัน “บังเอิญ” มือหนักไปหน่อย เวลาคนพูดโกหก”
“โกหกอะไร”
“คุณก็ตามฉันไปนั่นแหละ ไม่ใช่บังเอิญอะไรทั้งนั้น”
“ก็ได้ ไม่โกหกแล้ว ผมตามคุณมา อยากรู้ที่อยู่ของคุณ เพราะตามสืบที่บริษัทคุณแล้ว ข้อมูลพนักงานเป็นความลับทั้งหมด”

มุนินทร์หยิบพลาสเตอร์ยาขนาดยักษ์มาปิดแผลให้ คราวนี้แผ่วเบา วีกิจมองอย่างวูบวาบ มุนินทร์ลุกขึ้น
“นี่คุณแม่คุณจะว่ายังไงคะนี่ ถ้าเห็นคุณเป็นแบบนี้”
“ก็ไม่ต้องให้เห็นซีครับ คืนนี้ผมจะไม่กลับบ้าน”
“อย่าบอกนะคะ ว่าคุณจะค้างที่นี่” วีกิจนิ่งมีแววดื้อดึง มุนินทร์ถอนใจ “ที่จริงคุณเป็นเด็กดื้อเอามากๆ เลยใช่ไหมคะ ตอนเด็กๆ คุณคงเป็นเด็กดื้อ เงียบแล้วก็ประท้วงจนคุณแม่คุณอ่อนใจ”
วีกิจยิ้มนิดหนึ่ง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“เพราะฉันเองก็ดื้อวายร้ายเลยน่ะซีคะ โอเคค่ะ ฉันยอมให้คุณค้างที่นี่แต่ว่าคุณต้องทำตามกฏของฉัน ข้อแรก”
“ว่าไงฮะ”
“ข้อแรก ห้ามล่วงละเมิดเข้าไปในห้องนอนฉัน”
“ตกลงฮะ แล้วข้อสอง”
มุนินทร์นั่งลง มองวีกิจลึกเข้าไปในดวงตา
“ข้อสอง ฉันอยากให้เป็นเหมือนเราไปทะเลด้วยกัน 2 คน ไม่ต้องพูดเรื่องของอาคุณ เรื่องของมุตตาคนเก่า ขอให้คืนนี้ไม่มีมุตตาซักวัน”
“แล้วผมจะเรียกคุณว่ายังไงดีล่ะฮะ คุณนินจา”
“ก็เรียกนินซีคะ”
“รู้ไหม เหมือนกับมีคนสองคนในตัวคุณ”
มุนินทร์ลุกขึ้นเพื่อซ่อนสายตา เดินไปยังตู้ใบหนึ่ง พูดโดยไม่หันมา มือเปิดตู้หยิบของ
“ถอดเสื้อผ้าออกซะค่ะ” วีกิจหน้าเหรอ มุนินทร์หยิบเสื้อและกางเกงผู้ชายที่ยังห่อพลาสติกอยู่กับผ้าเช็ดตัวใหม่เดินเข้ามา วีกิจหน้าแดงเมื่อรู้ตัวว่าคิดไปไกลเกิน “แล้วก็ไปอาบน้ำอาบท่าซะ นี่เสื้อกับกางเกงค่ะ น่าจะพอใช้การได้”
“เสื้อกางเกงของใครกันฮะ” วีกิจถามอย่างระแวง
“ของพ่อฉันน่ะซีคะ พ่อมาค้างเมื่อวันก่อน มาบอกข่าว...” มุนินทร์ขมขื่นวูบหนึ่ง “เดือนหน้า บ้านฉันจะมีงาน ฉันต้องกลับบ้านพักนึง” วีกิจลุกขึ้นรับเสื้อผ้ามา มุนินทร์ยิ้มพูดเล่นกลบเกลื่อน “ว้า พออาบน้ำฉันก็ต้องทำแผลให้คุณใหม่ซี”
“ก็ต้องอย่างนั้นซีครับ”
วีกิจมองมุนินทร์นิ่ง มุนินทร์หลบตา วีกิจยังมาดขรึมแล้วเข้าห้องน้ำไป มุนินทร์ถอนใจพยายามระงับความคิดฟุ้งของตัวเองให้หมดไป

มุนินทร์เปิดเตาไมโครเวฟหยิบเอาชามโจ๊กออกมา หันมาเห็นวีกิจหน้าตาสดชื่น ผมเปียกชื้น ใส่เสื้อกล้ามรัดตัว กางเกงขาลอยเกือบจะเป็นขาสามส่วนยืนเด๋ออยู่กลางห้อง มุนินทร์หัวเราะ วีกิจค้อนนิดๆ
“อุ๊ยตาย แดดดี้ลองเลก” มุนินทร์ถือชามโจ๊กมาวางที่โต๊ะอาหาร วีกิจตามมา “หิวหรือยังคะ”
“หิวซีฮะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่บ่าย” วีกิจทำไม่รู้ไม่ชี้ มองดูโจ๊กแล้วนั่งลง มุนินทร์นั่งด้วย “นี่อะไรฮะนี่”
“โจ๊กฮ่องกงค่ะ ฝีมือฉันเอง”
“ผมไม่เชื่อหรอก คุณทำตอนไหนกัน”
“แหม ฉันเป็นคนเปิดฝากับเอาเข้าเวฟเองก็ต้องถือว่าเป็นฝีมือฉันซี”
“ผมตักกินไม่ไหวหรอกฮะ แขนผมเจ็บ”
“เรื่องมากจัง จะให้ฉันป้อนให้หรือไงคะ” วีกิจมองตา มุนินทร์นิ่วหน้า แล้วตักโจ๊กมาคำหนึ่ง เป่าทีนึงแล้วยื่นไป
“ระวังนะคะ มันร้อน”
“ผมรู้ฮะ รู้มาตั้งนานแล้ว”

วีกิจอ้าปาก มุนินทร์ป้อน ตาต่อตาสบกัน คราวนี้มุนินทร์กลับขัดเขินบ้าง วีกิจกลับสงบกว่า ตาเป็นประกายเห็นความในใจเด่นชัด
วีกิจนั่งที่โซฟายาวด้านหลังเห็นวิวทิวทัศน์ตึกระฟ้าแสงไฟตามตึกต่างๆ เริ่มดับไปเป็นส่วนใหญ่ มุนินทร์ขนหมอนและผ้าห่มมาวางลง วีกิจเอาหมอนมากอดไว้

“ที่จริงมีห้องนอนอีกห้อง แต่มี เอ้อ...ข้าวของส่วนตัวบางอย่างของยายลูกศรอยู่น่ะค่ะ ฉันเลยไม่กล้าให้คุณนอนในนั้น”
“ทำไมฮะ กลัวผมฝันถึงคุณลูกศรหรือ”
“ถ้าฝันจริงก็จะเป็นฝันร้ายมากเลยนะคะ” มุนินทร์ส่งรีโมทเคเบิลทีวีกับแมกกาซีนหัวนอกตั้งนึงมาให้ “ที่จริงนี่ดึกแล้วนะคะ คุณน่าจะนอนได้แล้ว”
“ผมยังไม่ง่วงซักหน่อย”
วีกิจพูดไม่ทันจบก็หาว
“ฉันต้องตอบอีเมล์หน่อยนะคะ”
มุนินทร์ไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดโน้ตบุ๊คทำการพิมพ์ตอบอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษ วีกิจเปลี่ยนช่องเคเบิลไปเรื่อยๆ แล้วมองดูมุนินทร์เห็นมุนินทร์ทำงานง่วนอย่างมีสมาธิ จึงมองดูอย่างเพลิดเพลินแล้วลุกขึ้นดูตามชั้นหนังสือ มีหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คภาษาอังกฤษอยู่มากมายหลายเล่ม มีทั้งพวกเบสท์เซลเลอร์ รวมทั้งไซไฟแฟนตาซีก็งงไป วีกิจหยิบมาดู
“นี่คุณอ่านหนังสือพวกนี้ด้วยหรือฮะ”
“อ้าว ใครๆ เขาก็อ่านกันนี่คะ ป๊อปปูล่าร์ นอเวิลทั้งนั้น”
“ผมจำได้ว่าผมเคยเอาฉบับแปลมาให้คุณอ่าน แต่คุณบอกว่าคุณไม่ชอบคุณอ่านไม่รู้เรื่อง”
มุนินทร์ชะงักไป แล้วพูดหน้าตาเฉย
“ตอนนั้นตาคงรำคาญ ไม่ชอบขี้หน้าคุณมังคะ”

วีกิจไม่ทันคิด นิ่วหน้าแล้วเห็นรูปในกรอบคู่เป็นรูปมุนินทร์กับมุตตาที่ตนเองถ่ายห่างกัน 1 ปี จึงหยิบ
มาดูอย่างพอใจ
“นี่รูปที่ผมถ่ายนี่ คุณเอามาใส่กรอบหรือ”
“ก็ใช่น่ะซีคะ ทำไมคะ คุณสงวนลิขสิทธิ์หรือ”
“ไม่ล่ะฮะ แต่ถ่ายสวยไม่ใช่เล่น”

มุนินทร์ทำหน้าหมั่นไส้เบือนสายตาไปเห็นรูปในกรอบอีกกรอบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยเป็นรูปมุนินทร์ที่แอบถ่ายตอนวีกิจหลับก็สะดุ้ง รีบลุกขึ้นเอาตัวบังแล้วหยิบมาซ่อนไว้เบื้องหลัง วีกิจยังคงมองดูรูปคู่มุนินทร์ มุตตา
“รู้ไหมฮะ สองรูปนี้ถ่ายห่างกันปีนึง แต่ดูเหมือนเป็นคนละคนเลย”
“ก็คนละคนน่ะซีคะ”
“อะไรนะฮะ”
“นี่คือมุตตาที่แสนดีบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่นี่คือฉันที่แสนร้ายและแปดเปื้อนไงคะ”
วีกิจก้าวมาใกล้
“ในสายตาผม คุณไม่เคยแปดเปื้อน”
วีกิจแทบไม่ปิดบังความรู้สึก มุนินทร์หลบตาถอยกลับไปนั่งหน้าโน้ตบุ๊คดูงานบนจอ
“คุณกิจ ขอฉันทำงานอีกสักยี่สิบนาทีนะคะ เดี๋ยวฉันค่อยคุยกับคุณ”
“โอเค ผมไม่นิวแซนส์คุณแล้ว”
วีกิจเดินไปนั่งที่โซฟา มุนินทร์รีบเอารูปใส่ลงกระเป๋าสะพาย เหลือบดูวีกิจเห็นยอมดูทีวีอย่างว่าง่าย มุนินทร์ยิ้มนิดๆ

มุนินทร์ปิดจอโน้ตบุ๊คพับปิดลง แล้วหมุนเก้าอี้มา
“โอเคค่ะ คุณมีอะไรจะคุย”
มุนินทร์ชะงักเมื่อเห็น วีกิจนอนตะแคงหลับสนิทหายใจเบาๆ สม่ำเสมออยู่ที่โซฟายาว แสงที่ส่องมาทำให้
ดูราวเด็กหนุ่ม ใบหน้าใสสะอาด มุนินทร์เดินมาใกล้แล้วทรุดลงช้าๆ ลงนั่งกับพื้น มุนินทร์เอื้อมมือไปช้าๆ แล้วสอดมือไปใต้หมอนที่วางเอียงอยู่ให้เข้าที่ วีกิจขยับศีรษะนิดหนึ่ง มือพาดตกออกมา มุนินทร์จับมือวีกิจขึ้น แล้วด้วยความรู้สึกบางอย่าง หญิงสาวยกมือวีกิจมาแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบาแล้ววางมือวีกิจลงบนอกชายหนุ่ม คลี่ผ้าห่มออกคลุมให้ แล้วลุกขึ้นปิดโทรทัศน์ ปิดโคมไฟ เดินไปหิ้วกระเป๋าสะพายเดินไปที่ประตูห้อง มุนินทร์หันมองดูวีกิจอีกครั้งก่อนจะก้าวเข้าห้องปิดประตูลง
วีกิจลืมตาขึ้นช้าๆ สีหน้าสุขใจ ยกมือตนเองมาแตะริมฝีปากตัวเองแล้วหลับตาลงอย่างเป็นสุข
มุนินทร์นั่งบนเตียง เอารูปวีกิจกับตนเองวางข้างโคมไฟหัวเตียง
“เกือบไปแล้ว ยายลูกศรเอาออกไปทำบ้าอะไรก็ไม่รู้”

เช้าวันรุ่งขึ้นสร้อยคำและนพนภาออกมาใส่บาตรหน้าบ้าน นพนภาใส่ชุดนอนบางมีเสื้อคลุมยาวกรุยกรายทำให้ไม่โป๊แต่ดูพิลึก นพนภายกมือไหว้ แม้พระจะลับกายไปแล้วแต่นพนภาก็ยังอธิษฐานอยู่
“ดีแล้วล่ะ คุณนภา แบ่งใจมาทำบุญทำทานดีกว่า ใจจะได้สบายขึ้น”
“ค่ะ เผื่อผลบุญจะได้ทำให้หนูตีนังมุตตาแตกในสามวันเจ็ดวัน”
“โธ่เอ๋ย คุณนภา ทำบุญน่ะเขาทำเพื่อสละออก เราจะได้เห็นแก่ตัวน้อยลงต่างหาก”
“ไม่เอาล่ะค่ะ เดี๋ยวก็ต้องสละผัวให้นังหน้าด้านนะซี ฮึ เรื่องนี้หนูขอเห็นแก่ตัวค่ะ นี่ตากิจหายไปทั้งคืนเลยหรือคะ”
“ค่ะ ปรกติจะไปค้างอ้างแรมกับใครที่ไหนก็จะโทรมาบอกก่อน นี่โทรไปไม่รับลงท้ายปิดเครื่องเลย”
“พี่จะเชื่อไหมถ้าหนูจะบอกว่า ตากิจอาจจะไปค้างบ้านนังมุตตา”
สร้อยคำอึ้ง บุญที่เพิ่งทำกระจายหายสูญ
“ทำไมคุณนภารู้”
“เอาเป็นว่าหนูรู้ก็แล้วกัน นังนั่นมันคั่วภพอยู่ แต่มันก็ยั่วตากิจไปด้วย หนูไม่รู้ว่าทำไมมันหน้าด้านสะพานเหล็กขนาดนั้น ทีแรกหนูคิดว่าภพตอแหล แต่สายสืบของหนูยืนยันว่าจริง นี่ถ้าตากิจหลวมตัวเข้าล่ะก็อุบาทว์กันทั้งอาทั้งหลาน”

นพนภาขยะแขยง แต่สร้อยคำอาการหนักกว่า
ส่วนที่คอนโดมุนินทร์ มุนินทร์ใส่ชุดนอนเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นเดินตาปรือออกมาจากห้องนอน เห็นวีกิจวุ่นอยู่ในครัว บนเขียงมีแฮมหั่นฝอย ผัก ไข่วางอยู่
“คุณตื่นมาทำอะไรแต่เช้ามืดคะ”
“เช้ามืดอะไรฮะ หกโมงกว่าแล้ว”
“ไม่เห็นพระอาทิตย์แบบนี้ถือว่ายังไม่เช้าค่ะ ปรกติฉันตื่นแปดโมง”
“แล้วไปทำงานทันได้ยังไงฮะ อ้อ ลืมไป ออฟฟิศคุณห่างไปสิบนาทีนี่เอง”
“คุณทำอะไรคะนี่”
“ผมดูในตู้เย็นกับตามชั้น นี่คุณสะสมอาหารแช่แข็งกับอาหารซองหรือฮะ”
“ค่ะ ทำก็ง่าย เข้าเวฟ 2 นาทีก็กินได้แล้ว รสชาติก็ไม่เลวนะคะ บางทีก็ได้กินน้ำแข็งใสรสโจ๊ก”
“คุณไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่าครับ อีก 20 นาทีก็เสร็จแล้ว”
มุนินทร์พยักหน้า วีกิจหันไปหั่นโน่นทอดนี่อย่างคล่องแคล่ว มุนินทร์มองดูแผ่นหลังกว้างสายตาอ่อนโยน ความผูกพันทวีขึ้นเรื่อยๆ

ที่ระเบียงคอนโดมีสวนเล็กๆ จัดไว้ด้วยไม้ในร่มออกดอกพราว ถัดไปเห็นวิวกรุงเทพฯ ยามเช้า ฟ้าสีคราม เมฆขาวเต็มฟ้า บนโต๊ะอาหารเล็กวีกิจจัดไว้สุดฝีมือ มีทั้งแจกันดอกไม้ จานอาหารเช้าใหญ่วางสแครมเบิล เอ็ก เบคอน ไส้กรอก มีผักต้มจัดสลับสี มีน้ำผลไม้สีสวย กาแฟ สลัดผลไม้ วีกิจขยับจัดเลื่อนจานอยู่ มุนินทร์สวมเสื้อคลุมอยู่บ้านออกแบบเป็นเส้นเฉียบยาวกรอมเท้าเดินมา
“มายกูดเนส”
“เชิญนั่งครับ คุณผู้หญิง”
วีกิจรอเลื่อนเก้าอี้ให้ มุนินทร์นั่งลง วีกิจเดินไปนั่งตรงข้าม
“ตาย นึกว่าที่โฟร์ซีซั่น”
“คุณเคยไปด้วยหรือฮะ”
“ค่ะ แต่ไม่ได้ไปชั้นเจ็ดนะคะ นี่อะไรคะนี่”
“ก็คุณมีอะไรเหลือในตู้เย็น ผมก็เอามามิกซ์แอนด์แมทช์แค่นั้นล่ะฮะ เชิญซีครับ”
“บอง อาปาตี้ค่ะ” มุนินทร์กินสแครมเบิล เอ็ก แล้วทำตาโต “อร่อยจังเลย ตาย คุณนี่เนคเคดเชฟตัวจริง”
“แต่ผมไม่ได้เปลือยกายทำกับข้าวนะครับ”
“รู้ไหมคะ ฉันทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง ขนาดหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้าทำตามวิธีเป๊ะยังออกมาดิบกับแฉะเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมเป็นคนเข้าครัวตลอดก็ได้”
มุนินทร์จะต่อปากแล้วรู้สึกว่าจะยิ่งเข้าเนื้อจึงทำเฉยๆ วีกิจมองดูทีท่า
“คุณเองก็กินซีคะ มามองอย่างนี้ เดี๋ยวฉันติดคอกันพอดี”
วีกิจลงมือกินบ้าง มุนินทร์เริ่มคุยสัพเพเหระดูร่าเริงชาญฉลาด หน้าที่ไม่แต่งยิ่งดูบริสุทธิ์สะอาด วีกิจมองดูอาหารง่ายๆ ที่กินดูราวอาหารทิพย์

มุนินทร์เอนตัวพิงเก้าอี้ วีกิจถือจานวางสตรอเบอรี่กับวิปครีมเดินมา บนโต๊ะมีเพียงถ้วยกาแฟ
“เดี๋ยวฉันจุกตายพอดี”
“มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวันนะครับ”
มุนินทร์ยิ้ม ดวงอาทิตย์โผล่จากก้อนเมฆ มุนินทร์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นแสงจัดจ้า
“โอ บอย นี่กี่โมงแล้วคะนี่”
“เก้าโมงครึ่งครับ”
“ตายแล้วนี่มันสายขนาดนี้แล้วหรือคะ ฉันไปทำงานเลทแล้ว โธ่ คุณหลอกให้ฉันกินอยู่ได้”
มุนินทร์ลุกพรวดเดินฉับๆ เข้าข้างใน วีกิจสมใจหยิบผลไม้ใส่ปากเดินตาม

มุนินทร์เดินผ่านเครื่องซักผ้าดีไซน์หรูแล้วชะงัก
“เวรกรรม ฉันลืมเอากางเกงคุณออกจากเครื่องซักผ้า” มุนินทร์ล้วงกางเกงออกมา กางเกงวีกิจยังชื้นแถมบิดเป็นเกลียว วีกิจรับมา มุนินทร์พิศดูกางเกงสั้นเต่อที่วีกิจใส่ “ถึงรีดก็คงไม่แห้งค่ะ แล้วคุณจะไปทำงานได้ยังไงคะ ถ้าใส่ตัวนี้ไปคุณปริมคงยิ่งหลงคุณหัวปักหัวปำ”
“พูดถึงเขาทำไมฮะ ที่จริงเมื่อคืนผมป่วยมากวันนี้ควรลาป่วยอีกหนึ่งวัน”
“คุณเป็นคนป่วยที่สุขภาพดีมาก”
“คุณไปแต่งตัว รีบไปทำงานเถอะครับ ผมไปล้างชามก่อนแล้วจะได้ออกไปพร้อมกัน”
มุนินทร์ทำจมูกย่น
“ฉันไม่เคยไปทำงานสายเลยนะคะ โธ่ ยายลูกศรต้องแย่งตำแหน่งพนักงานดีเด่นจากฉันไปได้แน่เลย”
“ยิ่งบ่นก็ยิ่งสายนะฮะ”
“สายแบบนี้ ฉันโทรไปบอกว่าจะทำงานที่บ้านดีกว่า นี่มันจะยุค 5G แล้วบริษัทฉันควรตามโลกให้ทัน”
มุนินทร์พูดหน้าตาเฉย วีกิจทำตาปริบๆ

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 12/2 วันที่ 1 พ.ย. 55

ละครเรื่อง แรงเงา นำแสดงโดย: เจนี่, เคน ภูภูมิ, ปิ๊ป รวิชญ์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ
ละครเรื่อง แรงเงา บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน
ละครเรื่อง แรงเงา บทโทรทัศน์ : วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
ละครเรื่อง แรงเงา กำกับการแสดง : ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง แรงเงา ผลิต : บ. บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด โดย อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครเรื่อง แรงเงา แนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง แรงเงา ออกอากาศวันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง แรงเงา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา ไทยรัฐ