@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/4 วันที่ 6 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/4 วันที่ 6 ต.ค. 55 

        กรรณนรีสลับสรวง เห็นกรรณนรีร้องไห้ นายพลอารักษ์มองลูกชายอย่างโมโห
      “แกทำอะไรหนูศุภาวีร์” สรวงกับกรรณนรีนิ่งเงียบ อารักษ์ยิ่งโกรธตรงเข้ามากระชากคอเสื้อสรวง คาดคั้น “ฉันถามว่าแกทำอะไร หนูศุภาวีร์ถึงได้ร้องไห้”
       สรวงเย้ยหยัน “คุณพ่อถามเค้าเองสิครับ”
       “มันรังแกหนูใช่มั้ย? ไอ้สรวงมันรังแกหนูใช่มั้ย? เจ้าสรวง”
       อารักษ์ต่อยโครมเข้าที่ใบหน้าสรวงด้วยความโกรธ ไม่ใช่ด้วยอารมณ์หึงหวง เพราะอารักษ์ไม่เคยรู้ว่าสรวงกับกรรณนรีรักกัน รู้แค่โกรธที่สรวงมายุ่งกับผู้หญิงของตัวเอง สรวงซวนเซไปตามแรง กรรณนรีตกใจ สีหน้าห่วงมาก
       “อย่าค่ะท่าน อย่าทำคุณสรวง” วิ่งเอาตัวมาขวางกันสรวงไว้
       อารักษ์มองอย่างไม่พอใจ แววตาระแวง “นี่มันอะไรกันหนูศุ ? ทำไมหนูถึงห่วงเจ้าสรวง..หรือว่าหนูกับมัน...”
       “ไม่ค่ะ....หนูกับคุณสรวงไม่ได้มีอะไรกัน” กรรณนรีพูดเสียงดัง
       สรวงมองกรรณนรี ทั้งเสียใจและผิดหวัง อารักษ์มองกรรณนรี
       “งั้นก็แปลว่า ลูกชายฉันมันมายุ่งกับหนูเอง....” อารักษ์เหลียวมองมายังสรวง “กลับไปเดี๋ยวนี้นะสรวง แล้วต่อไปอย่ามาสร้างความรำคาญให้หนูศุอีก”
       “ผมน่ะเหรอครับสร้างความรำคาญให้กับเค้า” สรวงยิ้มเยาะ พูดวาจาเย้ยหวัน “ถ้ารำคาญจริงๆ...เค้าคงไม่พาผมพาและอ้อนวอนให้ผมอยู่”
       อารักษ์มองกรรณนรีอย่างผิดหวัง และตกใจ “จริงเหรอหนูศุ” กรรณนรีเงียบกริบ
       “ดีนะครับที่เป็นผม...ถ้าเป็นคนอื่น พ่อถูกสวมเขาไปแล้ว”
       สรวงเดินหนีไป อารักษ์มองจ้องกรรณนรีท่าทีโกรธจัด...กระชากแขนกรรณนรีอย่างจนตัวปลิว
       “เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ศุภาวีร์”
       สรวงเดินไป ได้ยินเต็มสองหู แต่ตัดใจเดินออกไป ทั้งที่ใจว้าวุ่น
     
       สรวงเดินออกมาหน้าคอนโด โทรศัพท์หาภาพิศ ที่เดินเข้ามาอีกมุม
       “คะคุณสรวง”
       “คุณพ่ออยู่ที่คอนโด ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”
       “ฉันก็มาที่คอนโดเหมือนกันค่ะ”
       “งั้นคุณรีบขึ้นไป เร็ว!”
       สรวงวางสาย ภาพิศใจเต้นระรัว ตรงดิ่งเข้าไปในคอนโด
     
       เวลานั้นอารักษ์ผลักกรรณนรีเข้าไปในห้อง ปิดประตู และลากกรรณนรีขึ้นไปบนเตียง มองมาด้วยสายตาอันน่ากลัว
       “ที่ผ่านมาฉันคงใจดีกับหนูมากเกินไป งั้นวันนี้ฉันจะไม่ใจดีแล้วนะ”
       อารักษ์ขยับตัวเข้าหา กรรณนรีถอยหลังร่นอยู่บนเตียง จนหลังชิดติดหัวเตียง กรรณนรีมีท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
       “อย่าทำอะไรฉันนะ”
       “อย่าอ้อนวอนให้เสียเวลาเลยหนู...มันไม่มีประโยชน์”
       อารักษ์ตรงเข้าไปหมายจะปลุกปล้ำกรรณนรีอย่างหื่นหิว กรรณนรีร้องสุดเสียง
       “ปล่อยฉันนะ ปล่อย ..ปล่อย” พร้อมกับดิ้นรนขัดขืนสุดแรงเกิด
     
       ตรงทางเดินในคอนโดยามนั้น ภาพิศเดินมาท่วงท่าเยือกเย็นงามสง่า แต่ดวงตาลุกเป็นไฟ
     
       ส่วนในห้องอารักษ์ใช้แรงกำลังปลุกปล้ำกรรณนรี ขณะที่กรรณนรีขัดขืน ร้องห้าม ทั้งเตะ ถีบ ถองสู้ตาย อารักษ์ถูกยันก็โกรธมาก
       “หนูทำให้ฉันโมโห”
       อารักษ์กระชากร่างกรรณนรีเข้ามา เป็นจังหวะที่ภาพิศไขกุญแจห้องเข้ามา ในจังหวะที่อารักษ์
       พยายามจะปล้ำขืนใจกรรณนรี ประตูเปิดเข้ามาภาพิศเห็นพอดี ตกใจมาก
       “ท่าน”
       อารักษ์ผละออกจากกรรณนรี ภาพิศเห็นกรรณนรี ก็บันดาลโทสะตรงมาผลักร่างอารักษ์ออก
       ตบหน้ากรรณนรีเต็มแรง และทำท่าจะเข้าไปขย้ำอย่างบ้าคลั่ง อารักษ์ตะโกนก้อง
       “หยุด!” พร้อมกับกระชากร่างภาพิศออกมา และตบหน้าอย่างแรง
       ภาพิศถลาล้มลง เอามือกุมท้อง ร้องไห้โฮ “ท่านตบภา”
       กรรณนรีใจหายวาบ ทำท่าจะเข้าไปช่วยภาพิศ แต่นึกได้ รีบควานหยิบมือถือมาถ่ายคลิปเอาไว้
       “ฉันจะทำมากกว่านี้อีก ถ้าเธอมายุ่งกับหนูศุ” อารักษ์จ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
       ภาพิศร้องไห้สะอึกสะอื้น “แต่ภาเป็นเมียท่าน และภาก็กำลังมีลูกกับท่าน”
       “แต่ฉันบอกเลิกเธอไปแล้ว และฉันก็ไล่เธอออกจากบ้านไปแล้ว” อารักษ์ไม่แยแส บอกเสียงเข้ม ขู่อยู่ในที “ไปให้พ้นจากชีวิตฉัน และอย่ามายุ่งกับหนูศุอีกเป็นอันขาด” พร้อมกับปราดเข้าหาภาพิศ จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง “ไม่อย่างนั้น เธอจะเจอมากกว่านี้”
       ภาพิศมองอารักษ์ด้วยแววตาเจ็บปวดร้าวราน แล้วเหลียวมองมายังกรรณนรีอย่างโกรธแค้น กรรณนรีหลบวูบ รีบเอามือบังใบหน้า
       อารักษ์เห็นสายตาอาฆาตของภาพิศก็ยิ่งโกรธ ตวาดลั่น “ไป๊”
       ภาพิศร้องไห้เอามือกุมท้อง มองกรรณนรีด้วยแววตาอาฆาตแค้น ก่อนจะเดินออกไป
       อารักษ์จะเข้ามาหา กรรณนรีถอยกรูด บอกเสียงเข้ม
       “ออกไป”
       “หนู...ฉันขอโทษ”
       “ถ้าท่านไม่จัดการเรื่องที่หนูขอให้เรียบร้อย อย่ามายุ่งกับหนูอีก”
       อารักษ์คราง “หนู”
       กรรณนรีตะเพิดซ้ำ “ออกไป๊ ไม่งั้นหนูจะบอกนักข่าวว่าท่านรังแกหนู”
       อารักษ์เห็นกรรณนรีเอาจริงจึงยอมเดินออกไป
     
       ภาพิศเดินซมซานไปยังรถเอามือกุมท้อง หัวใจแหลกสลาย ในดวงตามีแต่แววอาฆาต
       “นังศุภาวีร์ ฉันเกลียดแก!”
     
       ขณะเดียวกันกรรณนรีอยู่ในห้อง แววตาแข็งกร้าววาววับ เหมือนมีแผนบางอย่าง คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะกดโทร.ออกหาใครบางคน
          สุขหฤทัยแวะมาหาคุณหญิงสุดาที่บ้าน ระหว่างที่สองคนเดินอยู่ด้วยกัน มือถือสุขหฤทัยดังขึ้น ไฮโซสาวแสบกดรับสาย พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันแกมประชดประชันทุกวลี
     
       “ท่านอารักษ์เลิกกับนังภาพิศแล้วเหรอจ๊ะศุภาวีร์”
       กรรณนรีทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ แต่ต้องกดข่มความรู้สึกไว้ “ค่ะ”
       สุขหฤทัยตาลุกวาวบอกสุดา “คุณหญิงแม่ขา..คุณพ่อเลิกกับนังภาพิศแล้วค่ะ”
       สุดาตาวาวคว้ามือถือมาคุยเอง “สามีฉันเค้าก็เลิกกับนังภาพิศมันตั้งนานแล้วย่ะ มีแต่นังภาพิศที่ไม่ยอมเลิก”
       กรรณนรีเสียงสั่นเครือนึกสงสารภาพิศ แต่นัยน์ตาวาววับโกรธเกลียดสองคน “คราวนี้ยังไงก็ต้องเลิกค่ะ”
       สุขหฤทัยกับสุดามองหน้ากันอย่างสาแก่ใจ
     
       คืนนั้นสามคนนัดเจอในร้านอาหารแห่งหนึ่ง กรรณนรียื่นมือถือให้สองคนดู สุขหฤทัยรีบคว้า มาเปิด เห็นเป็นเหตุการณ์ตอนที่อารักษ์ไล่ตะเพิดภาพิศ ก่อนจะยื่นให้สุดาดู สองคนมองแล้วยิ้มย่องอย่างดีใจ สุขหฤทัยหัวเราะเยาะ
       “คุณพ่อไล่นังภาพิศออกจากบ้านจริงๆ ด้วย”
       สุดายิ้มแต่ควบคุมอารมณ์ และคุมเกมว่าตัวเองเหนือกว่ากรรณนรี “แล้วนังภาพิศมันยอมออกรึเปล่าล่ะ”
       กรรณนรีนิ่งอึ้ง ตอบไม่ได้ สุดาหัวเราะเยาะ
       “คนหน้าด้านหน้าทนอย่างนังภาพิศ ยังไงมันก็ไม่ยอมออก เพราะฉะนั้น” สุดาจ้องหน้ากรรณนรี “ก็ยังถือว่าเธอยังทำไม่สำเร็จ”
       สุขหฤทัยยิ้มเยาะอีก กรรณนรีตาวาวโกรธ สุดาหันไปพูดกับสุขหฤทัย แต่น้ำคำเยาะเย้ยกรรณนรี
       “กลับเถอะจ้ะฤทัย แล้ววันหลัง ถ้าทำได้แค่นี้ ไม่ต้องชวนแม่มานะ เสียเวลา”
       สุดากับสุขหฤทัยลุกเดินไป พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะอย่างสะใจ ปล่อยให้กรรณนรีเสียใจ และแค้นใจอยู่อย่างนั้น
     
       สองคนเดินออกมายังลานจอดรถ หัวเราะเริงร่ามีความสุข
       “โอ๊ย! ตะกี้ฤทัยต้องกลั้นหัวเราะแทบแย่ค่ะคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยชอบอกชอบใจมาก
       “แม่ก็เหมือนกัน..ยิ่งตอนเราเรียกนังภาพิศ หนูเห็นมั้ยลูก...นังกรรณรีมันทำหน้ายังกับจะกินเลือดกินเนื้อเรา”
       “โอ๊ย! หน้าจืดๆ อย่างมัน โง่ก็โง่ทำอะไรเราไม่ได้หรอกค่ะ”
       สองคนเม้าท์เพลิน จึงไม่รู้ว่าที่ด้านหลัง กรรณนรีเดินตามมาได้ยินทุกคำ นัยน์ตาวาวโรจน์ ขณะที่สุดาเยาะหยันอีก
       “อย่าเก่งมันก็ทำได้แค่...แย่งสามีแม่มัน..แล้วก็ต้องเป็นเมียน้อยเหมือนแม่มัน”
       “ยุให้แม่ลูกทะเลาะกันเพราะผู้ชายสนุกจะตาย”
       สองคนหัวเราะชอบใจ กรรณนรีโกรธจัด คำรามออกมา
       “เลว”
       พูดแค่นั้นกรรณนรีก็กระโจนเข้าหาสุดา จิกผมแล้วตบอย่างแรง สุดาร้องลั่นไม่ทันตั้งตัว
       กรรณนรีกระโจนขย้ำตบอีกหลายฉาด สุดาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด สุขหฤทัยตกใจหันมาผลักกรรณนรี
       “หยุดนะนังบ้า”
       กรรณนรีไม่ยอมปล่อยสุดา สุขหฤทัยกระชากผมกรรณนรีดึงออกมาตบ กรรณนรีจำต้องปล่อยสุดา จับมือสุขหฤทัยแกะออกจากหัวตัวเอง สุขหฤทัยล็อกกรรณนรีเอาไว้ตะโกนบอกสุดา
       “ตบมันเลยค่ะตบมันเลย”
       สุดาจ้องมองหน้ากรรณนรี ก่อนจะตบอย่างแรงสองฉาดซ้อน กรรณนรีหน้าหัน
       สุดาไม่หนำใจจับคางกรรณนรีบีบแรงๆ “รู้ไว้ด้วย...ว่าฉันก็เคยตบหน้าแม่แกแบบนี้...” ผลักหน้าออก
       สุขหฤทัยกระชากผมกรรณให้แหงนหงายขึ้นมา กรรณนรีมองจ้องสองคนอย่างอาฆาตแค้น สุขหฤทัยเย้ย
       “เธอเสียโง่ฉันแล้ว รู้ไว้...นอกจากคลิปพี่ชายเธอ ยังมีคลิปเธอกับท่านอารักษ์อีก แล้วเธอคิดดู้....ถ้าพ่อเธอเห็น สรวงเห็นจะเป็นยังไง?” กรรณนรีมองจ้องสุขหฤทัย ในขณะที่สุขหฤทัยก็จ้องกลับ “เลือกเอา จะทำลายนังภาพิศ หรือตัวเธอเอง”
       สุขหฤทัยผลักหน้ากรรณนรีออกอย่างแรง จนร่างเซล้มลงไปกับพื้น กรรณนรีเงยหน้าขึ้นมามองสองคนอย่างจดจำ ดวงตาวาววับ แต่ทำอะไรไม่ได้ สุดาเย้ยอีก
       “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่คิดอะไรเลย...เพราะนังภาพิศ มันไม่เคยนับว่าเธอเป็นลูกมันอยู่แล้ว” สุดาถือโอกาสเสี้ยมเสียงเข้ม “ได้ที เอาคืนมันสิกรรณรี” หัวเราะร่าอย่างสะใจ
       สุดาเดินออกไป สุขหฤทัยเดินตาม แทบจะเหยียบมือกรรณนรี กรรณนรีนั่งนิ่งร้องไห้ น้ำตาไหลพราก ด้วยความคับแค้นใจ
     
       กรรณนรีเดินอยู่คนเดียวที่ข้างทาง ล้วงมือถือออกมาจากระเป๋า เปิดฟังเสียงของสุดาและสุขหฤทัยจากเหตุการณ์เมื่อครู่ กรรณนรีนิ่งฟัง น้ำเสียงน้ำคำของสองนางมารชัดเจนทุกถ้อยคำ
     
       สายตากรรณนรีวาววับเจิดจ้า เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ
     
       คืนเดียวกันนั้น ภาพิศอยู่ที่บ้าน คุยโทรศัพท์ปรับทุกข์อยู่กับแฉล้ม
     
       “ฉันไม่คิดเลยจริงๆ คุณแฉล้ม ว่าชีวิตฉันจะต้องเจอเรื่องแบบนี้”
       แฉล้มเบ้ปาก คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ “คุณจะไปคิดมากอาไร้ เวลาผู้ชายหลง มันก็เป็นอย่างนี้กันทุกคน ปุบปับๆ ทิ้งคนเก่าแบบไม่ให้ตั้งตัว...”
       ภาพิศท้วง “นั่นเด็กนั่นมันร้ายมาก”
       “คนมาทีหลัง มันก็ร้ายทุกคน ไม่งั้นมันจะแย่งของๆ คนอื่นได้เหรอ?..หรือคุณว่าไม่จริง” แฉล้มย้อนเอา
       ภาพิศฉุนนิดๆ “นี่ฉันไม่ได้โทร.มาให้คุณด่าฉันนะ”
       แฉล้มยิ้มทำทีเป็นขำกลบเกลื่อน “ฉันก็ไม่ได้ด่าคุณ..แค่พูดให้ฟัง คุณจะได้มองเห็นสัจธรรม เก่าไป ใหม่มา มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่ธรรมดาก็ได้นะ..ถ้าคุณจะลุกขึ้นมาเขี่ยผู้ชายทิ้งบ้างน่ะ”
       “จะให้ฉันทิ้งได้ยังไง ท่านมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียงเกียรติยศ ฐานะเงินทอง”
       “นั่นไง! ผู้หญิงส่วนมากก็คิดเหมือนคุณไง ถึงต้องนอนกอดเนื้อเน่าๆ เก็บเอาไว้ หวงเอาไว้ ทั้งๆ ที่ควรจะเหวี่ยงทิ้งไปแล้วตั้งนาน...เอาน่า...ปล่อยวางไม่ได้ คุณก็ต้องรับสภาพแบบนี้ล่ะ ผู้หญิงกับผู้หญิงฟาดฟันห้ำหั่นกันเอง แล้วผู้ชายชั่วๆ ก็ลอยตัว”
       แฉล้มวางสายอย่างรำคาญ คิดในใจ ทำไมคิดไม่ได้ จะอะไรนักหนา
     
       ภาพิศวางสายด้วยสีหน้าหงุดหงิด และยิ่งอารมณ์เสียเมื่อมองไปเห็นภาพในกล้องวงจรปิด เห็นกรรณนรีเดินเตร่อยู่ที่หน้าบ้าน
       “นี่กล้าบุกมาถึงที่นี่เลยเหรอ นังศุภาวีร์”
      
       ภาพิศตาเขียวปั๊ด ยิ่งเอ็นดูมาก ก็ยิ่งโกรธเกลียดมาก เป็นทวีคูณ
         กรรณนรียืนลังเลอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน เหตุการณ์ตอนถูกภาพิศจิกตบผุดขึ้นมาหลอนหลอก ขณะที่ทำท่าจะกดออด ภาพิศก็เปิดประตูออกมา มองกราดด้วยสายตาดุดัน
     
       “อย่าแตะต้องของๆฉันให้เป็นเสนียด”
       กรรณนรีมองมาอย่างเสียใจ “ฉันรู้ว่าตอนนี้ คุณโกรธ คุณเกลียดฉันมาก...แต่ฉันอยากมา
       บอกให้คุณรู้...ตอนนี้เราสองคนกำลังตกเป็นเหยื่อของคุณหญิงสุดา”
       ภาพิศยิ้มเย้ยในน้ำเสียงหยัน “เหรอ?...งั้นเธอก็ถอนตัวไปจากท่านอารักษ์สิ”
       กรรณนรีอึ้ง จุก เจ็บ ที่แม่เข้าใจผิดมากขึ้นๆ ภาพิศมองอย่างโกรธแค้น
       “ทำไม่ได้ เพราะใจจริงแล้ว เธอก็อยากได้ท่านไปจริงๆ” กรรณนรียืนนิ่งเป็นหุ่นปั้น ภาพิศเดิน
       วนรอบตัว ปรายตามองอย่างดูถูกดูแคลน “ฉันแปลกใจเธอมากเลยนะ คุณสรวง เธอไม่เอา ได้..ในเมื่อเธออยากได้ คนแก่เนื้อเน่าๆ อย่างท่านอารักษ์” ภาพิศพูดพลางเหยียดยิ้ม “ฉันก็จะเอาคนหนุ่มเนื้อแน่นๆ อย่างคุณสรวงไว้เอง”
       ภาพิศหยิบมือถือขึ้นมาอย่างใจเย็น ก่อนจะบีบเสียงเล่นละคร ร้องไห้ แต่ใบหน้ายิ้มยั่วกรรณนรีตลอดเวลา
       “คุณสรวงขาหนูก้างมาไล่พี่ออกจากบ้านค่ะ” ภาพิศใส่จริตจัดเต็ม “พี่ไม่ไหวแล้ว...คุณสรวงช่วยพี่ด้วยนะคะ”
       กรรณนรีตกตะลึง หน้าซีดเผือด
       สรวงที่รับโทรศัพท์โกรธแค้นกรรณนรีมาก ขณะที่ภาพิศวางสายหันมาพูดกับกรรณนรี
       “คุณสรวงเป็นคนใจอ่อน ใจดี เธอรู้ใช่มั้ย...ระหว่างฉันกับคุณสรวงจะเป็นยังไงต่อไป”
       ภาพิศมองมาอย่างเย้ยหยัน กรรณนรีหน้าซีดขาวราวกระดาษ
     
       กรรณนรีเดินแกมวิ่งไปตามทาง กลุ้มหนัก แก้ปัญหาไม่ตก
       ภาพิศกลับเข้าในบ้านผุดยิ้มร้ายออกมาทางสีหน้า ทั้งเคียดแค้นและชิงชัยกรรณนรี แววตาเหมือนมีแผนบางอย่าง ภาพิศกดมือถือวางตั้งไว้ในมุมที่มันบันทึกภาพได้
       สักครู่หนึ่งสรวงเดินเข้ามา ภาพิศทำท่าจะวิ่งถลาเข้าไปหา แต่แล้วกับแกล้งไม่มีแรง เหมือนจะเป็นลม สรวงตกใจรีบวิ่งเข้ามาประคอง
       ภาพิศคว้าตัวสรวงไว้กอดแต่แกล้งบอก “พี่ไม่เป็นไรค่ะ...ไม่เป็นไร”
       สรวงมองอย่างห่วงใย “แต่ท่าทางคุณแย่มาก”
       ภาพิศบีบน้ำตาตีหน้าเศร้า “ที่ท่านไล่พี่ออกจากบ้าน พี่ยังเข้าใจว่าท่านโกรธ พอหายโกรธท่านก็เมตตาพี่เหมือนเดิม แต่พี่ไม่เข้าใจ ว่าหนูก้างจะมาเยาะเย้ยถากถาง มาไล่พี่ออกจากบ้านทำไม? น่าจะเห็นใจพี่กับลูกบ้าง”
       “คุณภาพิศพักผ่อนเยอะๆ นะครับ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
       “ขอบคุณค่ะคุณสรวง ขอบคุณ”
       ภาพิศพูดเท่านั้นก็ซบหน้าลงกับอกสรวง เหมือนคนเสียขวัญ แต่แววตาร้ายกาจ
     
       ด้านกรรณนรีเดินตามทาง เสียงมือถือดัง กรรณนรีรับมาเปิดดู เห็นเป็นคลิปภาพิศออเซาะสรวง กรรณนรีมองอย่างตกใจ มือไม้เย็นเฉียบ เสียงมือถือดังอีก กรรณนรีรับ
       ภาพิศยิ้มเย้ยพลางว่า
       “นี่แค่เบา..เบาเท่านั้น....ต่อไป..เธอจะไม่เหลือใครเลยศุภาวีร์”
       กรรณนรีวางสายด้วยความเสียใจ ภาพิศเองก็เสียใจไม่ต่างกัน
     
       ค่ำนั้นที่บริเวณริมน้ำ กรรณนรีนั่งอยู่อย่างเดียวดาย สีหน้าเครียดหนัก ทุกข์ใจเหลือแสน ยิ่งคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ยิ่งเครียด มองรูปภาพิศกับสรวงในมือถืออย่างหนักใจ ไม่ได้หึงหวงภาพิศแม้สักน้อย แต่หนักใจที่เรื่องบานปลายและยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกวัน กรรณนรีหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดไม่ตก
     
       ขณะเดียวกัน กาวินทร์นั่งหงุดหงิดอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะหยิบมือถือมากดหาน้องสาว
       กรรณนรียังอยู่ที่ริมน้ำ หญิงสาวสะดุ้งเมื่อเห็นเป็นเบอร์กาวินทร์ ยิ่งกลุ้มหนัก แต่มือถือดังไม่หยุด จำต้องรับ
       “ว่าไงพี่แก้ว”
       กาวินทร์ทั้งโมโห ห่วงใย และดีใจ “รับได้แล้วเหรอ? นี่กาวหายไปไหนมา? ติดต่อก็ไม่ได้..พี่ต้องโกหกพ่อแทบแย่”
       กรรณนรีหน้าเนือยๆ น้ำเสียงเหนื่อยใจ “มีเรื่อง...พี่แก้ว”
       กาวินทร์ตกใจ “เรื่องอะไร”
     
       ไม่นานต่อมา สองพี่น้องยืนคุยกันอยู่ที่ริมน้ำ กาวินทร์หน้าเครียดหลังฟังจบ
       “เรื่องใหญ่ขนาดนี้กาวทำไมไม่บอกพี่..แล้วนี่ยังไง? เดินตามเกมของพวกมันจนเรื่องยุ่งไปหมด”
       “กาวขอโทษ...ตอนนั้นกาวทั้งโกรธทั้งตกใจ กลัวพ่อรู้ กลัวพี่แก้วอาย อยากแก้แค้นให้แม่ กลัวคุณสรวงจะเสียใจ ทุกอย่างมันผสมปนเปในหัวไปหมด เลยทำอะไรโง่ๆ โดยไม่ทันคิด”
       “กาวไม่โง่หรอก...คนฉลาดต่างก็เคยพลาดมาแล้วทั้งนั้น” กาวินทร์รู้สึกผิดพูดเสียงแผ่ว “พี่เอง
       นั่นแหละผิดที่เป็นต้นเหตุความยุ่งยากทุกอย่าง” ลูบผมน้องสาวแบบแมนๆ “ไม่ต้องห่วงนะน้อง พี่จะหาทางเอาคืนคนพวกนั้นให้เจ็บแสบที่สุด”
       “กาวไม่ให้พี่แก้วทำคนเดียว กาวจะเอาคืนพวกมันด้วย...คนพวกนั้นจะต้องเจ็บปวดอย่างที่สุด”
     
       สองพี่น้องมองหน้ากัน แววตาโกรธแค้นชิงชังสุขหฤทัยและสุดาเหลือแสน
          คืนเดียวกันนั้นสุขหฤทัยลั้นลา คุยหัวอยู่กับเพื่อนที่ผับประจำอย่างมีความสุข
     
       “คืนนี้ฉันกลับแล้วนะ แล้วเจอกัน” สุขหฤทัยเดินออกไปเลย
       กาวินทร์เดินเข้ามาอีกทาง ตรงเข้ามาถามกับก๊วนเพื่อน “สุขฤทัยมาที่นี่มั้ย”
       “เพิ่งเดินออกไปตะกี้นี้เอง”
       กาวินทร์ตามออกไปทันที
     
       กาวินทร์วิ่งออกมาหน้าผับ เห็นรถของสุขหฤทัยกำลังเลี้ยวออกไป กาวินทร์ร้องตะโกนเรียกไว้
       “คุณฤทัยๆๆ” แต่สุขหฤทัยไม่ได้ยิน กาวินทร์กดมือถือโทร.หา นางมารร้ายไม่รับ
       “บ้าเอ๊ย! ไม่รับ แกล้งกันนี่หว่า”
       กาวินทร์สบถออกมา ยืนหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นสรวงเดินเข้าไปด้านในผับ
       “คุณสรวง” กาวินทร์รีบตามเข้าไปทันที
     
       สรวงยกแก้วขึ้นจะดื่ม...กาวินทร์เดินเข้าไปหา
       “ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
       สรวงหันไปมองกาวินทร์ มองดุ “แต่ผมไม่อยากคุยกับคุณ”
       พูดจบสรวงถือแก้วเหล้าเดินหนี กาวินทร์ตามไปอย่างโมโห
       “ถ้าคุณไม่ฟัง คุณจะรู้เรื่องอะไร”
       สรวงเยาะหยัน “ก็รู้แล้วนี่... แม่ก็หน้าเงิน ลูกก็หน้าเงิน”
       “คุณสรวง” กาวินทร์กระชากคอเสื้อเงื้อหมัดหมายจะชก แต่ค้างมือเอาไว้  
       สรวงมองสู้สายตา ไม่กลัวแต่อย่างใด “หรือไม่จริง? ไม่งั้น...ทั้งแม่ทั้งน้องคุณ...คงไม่มาเป็นเมียน้อยพ่อผมหรอก
       กาวินทร์ขยับมืออีก คราวนี้สรวงเงื้อมือขึ้นทันควัน เพื่อนกาวินทร์กรูเข้ามา 2-3 คน
       “มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” เพื่อน 1 ใน 3 ถาม
       สรวงกับกาวินทร์ มองหน้ากัน สรวงแกะมือกาวินทร์ออก
       “เอามือสกปรกของพวกคุณออกจากผม...ผมรังเกียจ” สรวงเดินหนีไปเลย
       เพื่อนอีกคนถามกาวินทร์ “จะให้จัดการมั้ย”
       กาวินทร์มองตาม เสียใจและเข้าใจ “ไม่....เค้าไม่ผิด เป็นความฉันผิดของฉันเอง”
       กาวินทร์คว้าเหล้ามาดื่มดับกลุ้มใจ ขณะที่สรวงนั่งอยู่อีกมุม ดื่มเงียบๆ คนเดียว ทุกข์ไม่ต่างกัน
     
       สรวงเดินเมาออกมาเตะโน่นเตะนี่ ระบายอารมณ์ตามประสาคนเมา แล้วเดินไปที่รถ กาวินทร์มองตาม นึกสะท้อนใจ
     
       สรวงเดินออกมาหน้าผับ ก้าวมายืนพิงรถ สีหน้าขมขื่น ทุกข์ใจแสนสาหัส ก่อนที่หันไปชกเปรี้ยงเข้าที่รถ
       “ทำไมต้องเป็นแบบนี้?” สรวงตะโกนก้อง
     
       ด้านกาวินทร์ขับรถมาในอาการมึนๆ ขับมาได้สักระยะ มองไปด้านหน้า เห็นมาลินีเดินหิ้วของพะรุงพะรังอยู่คนเดียว กาวินทร์จอดรถ แล้วเดินลงไป มาลินีเห็นถอยกรูด กาวินทร์บอก
       “ขึ้นรถ พี่จะไปส่ง”
       “ไม่เป็นไรค่ะ” มาลินีจะเดินหนี
       กาวินทร์กระชากแขน “เอ๊ะ!มดนี่ยังไง? พี่บอกให้ขึ้นรถ ก็ขึ้นสิ”
       มาลินีเบี่ยงตัวออก “พี่แก้วไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งมด”
       “ทำไมจะไม่มี” กาวินทร์มองจ้องตาสั่งเสียงเฉียบขาด “ขึ้นไปเดี๋ยวนี้...” มาลินีโกรธ กาวินทร์บอก “ถ้าไม่ขึ้นพี่อุ้ม”
       มาลินีมองค้อนกาวินทร์ จำต้องขึ้นรถไปหน้างอง้ำ กาวินทร์ก็ขึ้นรถหน้างอเหมือนกัน
     
       ไม่นานนักก็ถึงบ้านมาลินี กาวินทร์จอดรถ มาลินีคว้าของแล้ววิ่งหนีเข้าไปในบ้าน กาวินทร์ตามมาติดๆ มาลินีผลักประตูปิดไม่ยอมให้เข้า
       “อย่าเข้ามานะพี่แก้ว”
       “พี่จะเข้า” กาวินทร์ผลักอย่างแรงจนเข้ามาได้และปิดประตู มาลินีถอยหลังกรูดมองอย่างหวาดกลัว กาวินทร์พาลกระชากร่าง ถามขึ้นเสียง
       “ทำไม?..ตั้งแต่ไปคบกับเจ้าภรต รังเกียจพี่เลยเหรอ”
       “ใช่! เพราะพี่ภรตทำให้มดรู้ว่า...สุภาพบุรุษกับซาตาน ต่างกันยังไง”
       กาวินทร์หัวเราะขำท่าทีเมาๆ “อ้อ! กำลังบอกว่าพี่เป็นซาตานใช่มั้ย?...” ขยับก้าวเข้ามาในระยะประชิด “งั้น...ซาตานตนนี้ ขอรังแกนางฟ้าหน่อยแล้วกัน” กระชากเข้ามา “ดูสิ..สุภาพบุรุษจะกลายเป็นซุปเปอร์แมนเหาะมาช่วยได้รึเปล่า”  
       กาวินทร์ปลุกปล้ำกอดจูบ มาลินีสู้ขาดใจ ทั้งผลักไส ทั้งร้อง
       “อย่านะพี่แก้ว อย่า”
       มาลินีคว้าข้าวของแถวนั้นมาฟาดกาวินทร์ ไม่ได้ต้องการทำร้ายให้บาดเจ็บแค่ต้องการหยุดกาวินทร์
       แต่นั่นกลับยิ่งทำให้กาวินทร์โมโห “มด”
       เสียงมือถือดังลั่น มาลินีคว้ามาดู
       “พี่ภรตโทร.มา...จะให้มดบอกมั้ยว่าพี่แก้วทำเลวยังไง”
       กาวินทร์ได้สติ มองอย่างขัดใจ มาลินีรับสายภรต
       “ค่ะพี่ภรต....ตอนนี้มดอยู่กับพี่แก้ว”
       ภรตอยู่ที่ไซต์งาน “อ้าวแก้วมาเหรอ”
       “ค่ะ กำลังจะกลับพอดี”
       กาวินทร์เหวอถูกไล่ทางอ้อม แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ ภรตบอกมาลินี
       “นี่พรุ่งนี้วันหยุดพี่ ไปปิคนิกกันนะ”
       “ได้เลยค่ะ เดี๋ยวมดจะจัดเตรียมอาหารไว้ แล้วเจอกันค่ะ” มาลินีวางสายไป
       กาวินทร์ถามเสียงขุ่น “จะไปไหนกัน”
       “ไม่จำเป็นที่มดต้องบอกพี่ กลับไปได้แล้ว แล้วไม่ต้องมาอีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับพี่แก้ว”
       กาวินทร์มองตาขวาง “ต้อนรับแต่ไอ้ภรตล่ะสิ”
       “ค่ะ..เพราะพี่ภรตเป็นสุภาพบุรุษ”
       กาวินทร์จะกระโจนเข้ามาอย่างไม่พอใจ “มด”
       มาลินีพูดใส่หน้า “ไม่มีผู้หญิงคนไหน ชอบผู้ชายที่เอาแต่ใช้กำลังหรอกค่ะ”
       มาลินีผลักกาวินทร์ให้ออกไป แล้วปิดประตูใส่หน้าดังโครม กาวินทร์โกรธจัด ที่มาลินี
       กล้าทำอย่างนี้กับตน ส่วนมาลินียืนเสียใจอยู่หน้าประตูด้านในห้อง
     
       สายวันต่อมา สรวงมาดักรอกรรณนรีที่หน้าคอนโด ทันทีที่เห็นกรรณรีเดินออกมา สรวงก็เดินตรงมาหาหน้าตาถมึงทึง กระชากกรรณนรีอย่างแรง
       “เธอทำอย่างนี้ได้ยังไงกรรณรี”
       “ฉันทำอะไรอีก?” กรรณนรีผลักมือสรวงออก
       “ยังจะถาม...เธอแย่งพ่อจากคุณภาพิศไม่พอ ยังให้พ่อไล่เค้าออกจากบ้าน อีก ทั้งๆ ที่เธอก็รู้...ว่าเค้าท้อง เธอทำได้ยังไง ทำไมเธอใจดำอย่างนี้”
       กรรณนรีมองจ้องหน้าย้อนถามกลับ “คุณคิดจริงๆ เหรอคะว่าฉันใจดำ ขนาดทำกับแม่อย่างนั้นได้”
       “ได้ไม่ได้...เธอก็ทำไปแล้ว”
       “ถ้าคุณเชื่อ คุณก็ไม่ต้องมาถามฉันอีก”
       กรรณนรีผลุนผลันเดินไป สรวงกระชากกรรณนรีให้หันมา
       “เธอยังไปไหนไม่ได้”
       “คุณถือสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน...ในเมื่อคุณก็รู้ว่าฉันเป็นอะไรกับพ่อคุณ”
       สรวงปล่อยมือจากกรรณนรี ขณะพูดดวงตามีแต่ความเจ็บช้ำ “ฉันลืมไป..ฉันไม่ควรทำอะไรแบบนี้กับผู้หญิงของพ่อ”
     
       กรรณนรีมองหน้าสรวงแล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็รินไหลออกมา กรรณนรีวิ่งหนีขึ้นแท็กซี่ไปทันที สรวงยืนนิ่ง แววตาปวดร้าว ไม่ยอมขยับตัวตาม
     
       กรรณนรีลงจากแท็กซี่บริเวณสวนสาธารณะ ดวงหน้ายังมีความหม่นหมอง เดินเรื่อยเปื่อยเข้าไปในสวนหัวใจร้าวระบม
     
       ขณะนั้นมาลินีกับภรตทำบาร์บีคิวแบบง่ายๆ ทานกัน ภรตยิ้มย้อนถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแบบไม่ถือสา
       “มดพูดอย่างนั้น แก้วเกลียดพี่แน่ๆ”
       “พี่แก้วจะได้ไม่นิสัยเสียไปกว่านี้ค่ะ” มาลินีหน้าหมองลง “ไม่งั้น พี่แก้วชอบเห็นว่ามดเป็นลูกไก่ในกำมือ จะบีบจะคั้นจะกำจะทำอะไรก็ได้” เสียงมาลินีเครือๆ ตอนท้ายประโยค
       ภรตเย้า “มดอยู่ในกำมือตะหาก...มีแอบกัดด้วย”
       มาลินีหัวเราะ “เบาๆ ค่ะ...” พลางหยิบอาหารให้ภรต “ลองชิมดูค่ะพี่ภรต สูตรใหม่ มดคิดเอง”
       ภรตชิม “อร่อยๆๆ” สองคนนั่งเล่นคุยกัน
       ขณะที่กรรณนรีเดินมาร่องรอยความเศร้าหมองฉายชัดเต็มหน้า เห็นมาลินีนั่งอยู่กับภรต โดยที่ภรตเป็นฝ่ายเห็นกรรณนรีก่อน ภรตอึ้ง หน้าตากรรณนรีเศร้า มาลินีเห็นสายตาภรต จึงเหลียวมองตาม เห็นกรรณนรีเดินหนีไปไม่ยอมทักทาย มาลินีกับภรตมองหน้ากันก่อนลุกเดินตามไป
     
       กรรณนรีเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ริมน้ำ ใบหน้าหมองเศร้า ภรตกับมาลินีตามมาดู
       “พี่ภรตไม่ถามกาวหน่อยเหรอคะ? ท่าทางกาวดูแย่มากเลย”
       “พี่ก็เหมือนมดกับแก้วน่ะแหละ ไม่กล้าไปวุ่นวายมาก เดี๋ยวกาวจะรำคาญ ไปเหอะ”     
       ภรตเดินไปเหมือนตัดใจได้แล้ว มาลินีเดินตาม ทิ้งกรรณนรีให้ยืนเศร้าอยู่คนเดียว อย่างเดียวดาย
       เวลานั้น กาวินทร์นั่งทำงานอยู่ออฟฟิศในอาการ ฮึดฮัด ขัดใจไปมา และกลายเป็นอารมณ์เสียในที่สุด      
       “เธอกล้ากับพี่มากเกินไปแล้วมด” หยิบมือถือมาโทร.ออก     
       มาลินีกับภรตเดินเล่นอยู่ในสวน เสียงมือถือดัง มาลินีหยิบมาดู เห็นเป็นกาวินทร์ไม่รับ กาวินทร์ยิ่งโกรธหนัก จึงกดโทร.ออกอีก ในขณะที่ภรตถามมาลินี
       “ทำไมไม่รับสาย” ภรตยิ้มอย่างรู้ทัน “แก้วโทร.มาเหรอ”
       มาลินีบอก น้ำเสียงยังโกรธกาวินทร์อยู่ “ค่ะ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/4 วันที่ 6 ต.ค. 55
ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager