@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12/3 วันที่ 12 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12/3 วันที่ 12 ต.ค. 55

“ตาสรวงนั่งอยู่ข้างหลังเธอ”
สุขฤทัยหันขวับโดยอัตโนมัติ แล้วก็เห็นสรวง สุขฤทัยหน้าซีดเอามือป้องปากคุย “ทำไงดีคะคุณหญิงแม่”
“ย้ายร้านให้เร็วที่สุด”
“จะย้ายยังไงล่ะคะ” กาวินทร์มองสุขหฤทัยที่มีท่าทีและคำพูดคำจาแปลกๆ
“ไม่รู้...แต่เธอห้ามให้ตาสรวงเห็นเด็ดขาด ไม่งั้นวงแตก”
“ค่ะๆ” สุขหฤทัยวางสาย
“มีอะไรครับ”
“ฉันไม่ค่อยสบาย กลับดีกว่าค่ะ”
พูดจบสุขหฤทัยคว้ากระเป๋าลุกขึ้นเดินไปทางอื่นที่ไม่ผ่านสรวง ในขณะที่สรวงก้มหน้าก้มตาอ่านเมนู ก่อนจะเรียกบริกร

“สั่งอาหารครับ”
จังหวะนั้นสรวงเห็นหลังสุขหฤทัยกับกาวินทร์แวบๆ สรวงเขม้นตามอง บริกรเดินมาหา
“รับอะไรครับ”
สรวงไม่ตอบรีบลุก แล้วเดินออกไปด้วยความสงสัย

สรวงจะเดินตามสุขหฤทัยออกไป สุดาเดินเข้ามาขวาง มองสรวงถามทันที
“มีอะไรลูก”
“เหมือนผมจะเห็นฤทัย”
สุดากวาดตามอง “ไม่เห็นจะเห็นเลย สงสัยจะหิวจนตาลาย เข้าไปข้างในเถอะลูก..แม่หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว”
สุดาคว้ามือสรวงให้เดินเข้าไปข้างใน สรวงกวาดสายตามองดู สงสัย แต่ไม่เห็น



สุขหฤทัยเดินรี่มาที่รถ กลัวสรวงมาเห็น กาวินทร์ตามมาช่วยประคอง
“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ”
สุขหฤทัยแว้ด “จะมายุ่งอะไรกับฉัน” ปัดมือกาวินทร์ออกอย่างแรง จนถูกหน้ากาวินทร์
กาวินทร์ร้อง “โอ๊ย”
สุขหฤทัยตกใจ “เจ็บมากรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ...ขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจลวนลาม ผมแค่ห่วงคุณ”
สุขหฤทัยสงสัยตะหงิดๆ “นี่นายห่วงฉันจริงเหรอ”
กาวินทร์บอกหน้าซื่อ “ครับ”
“ขอบคุณ...ฉันไม่เป็นไร กลับบ้านกันเถอะ” สุขหฤทัยบอก
กาวินทร์เปิดประตูให้ สุขหฤทัยก้าวขึ้นรถ

ระหว่างที่อ้อมมายังที่นั่งคนขับ กาวินทร์เบ้ปากใส่สุขหฤทัยอย่างเกลียดชัง
สรวงเดินเข้ามาในบ้านกับสุดา ท่าทางเย็นชา สุดารู้สึกใจคอไม่ดีเลี่ยงถามเรื่องอาหาร

“อาหารอร่อยดีนะลูก ว่ามั้ย”
สรวงเงียบ ไม่ตอบสุดายิ่งกังวลหนักถามเสียงอ่อนโยน
“สรวงเป็นอะไรลูก” สรวงไม่ได้ยิน สุดาเรียกซ้ำ “สรวง”
สรวงได้สติ “ครับ”
“แม่ถามว่าเป็นอะไร”
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะครับ”
สุดาใจหาย ยิ่งกังวล “ก็อะไรล่ะ”
สรวงมองหน้าแม่ทั้งรัก ทั้งสงสัย ไม่อยากผิดหวังในตัวแม่ “ยังไงผมก็สงสัยอยู่ดี คุณแม่..กับคุณภาพิศดีกันจริงเหรอครับ”
สุดาวัวสันหลังหวะแอบสะดุ้ง “ก็จริงน่ะสิ แม่บอกแล้วไง..เวลาแม่โกรธ แม่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อย”
“แต่มันก็น่าแปลกนะครับ คนเกลียดกันเข้ากระดูกดำ แต่ตอนนี้หันมารักกันเป็นซี้กัน เป็นไปได้ยังไง” สรวงพูดกระทบกระเทียบ แล้วเดินขึ้นบ้านไป
สุดายิ่งกังวล “ตาสรวงสงสัยเรา” หยิบมือถือขึ้นมาแววตาร้ายกาจ “คุณน้อง..พี่มีเรื่องด่วนจะปรึกษา เดี๋ยวพี่ไปหาที่บ้านนะคะ”

ภายในบ้านภาพิศเวลาต่อมา สองคนปรึกษากันอยู่ ภาพิศมองจ้องสุดาพูดว่า
“มันก็น่าสงสัยเหมือนที่คุณสรวงว่านะคะ คุณหญิงพี่กับน้องเกลียดกันเข้ากระดูกดำ แต่ตอนนี้หันมารักกัน จูบปากกันก็น่ากระไรอยู่”
“ก็เรารักกัน จูบปากกันเฉพาะกิจ” แววตาร้ายกาจ หวังหลอกใช้ “ถ้าตาสรวงสงสัยขนาดนี้...อาจถูกนังศุภาวีร์เป่าหูมาก็ได้”
ภาพิศหันขวับมามองสุดา
“คุณน้องก็รู้...เด็กนั่นมันเคยให้ท่าตาสรวงมาก่อน ตอนพี่ไม่อยู่มันก็อาจจะดอดไปให้ท่าตาสรวง ทางที่ดี คุณน้องต้องหาทางถลกหนังหัวมันให้เร็วที่สุดค่ะ”

สุดาเสี้ยมตามความถนัด

คืนเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์ดัง แฉล้มรับ
“มีเรื่องอะไรอีกล่ะคุณ โทร.มาซะดึกดื่น”
“ฉันร้อนใจเรื่องนังเด็กนั่น คุณต้องช่วยฉันสืบหาบ้านมันให้ได้” น้ำเสียงภาพิศดุดัน “ฉัน
จะไปหาพ่อแม่มัน กำราบมัน”

แฉล้มวางสาย เกาหัวยิกๆๆ
“โอ๊ย! ไม่ใช่นักสืบจะไปหาที่ไหนเนี่ย?” คิดไปคิดมาแล้วนึกได้ คว้ามือถือมากดโทร.ออก

สองเกลอนั่งปั่นต้นฉบับอยู่ที่ออฟฟิศ นิคถามมะยม
“ไง?ข่าวกาว แกจะว่ายังไง”
“ฉันก็คงต้องบอกพี่จ๋า..ฉันเขียนไม่ได้ จะหาว่าฉันไม่มีสปิริตก็ยอม”
นิคยิ้มกอดคอมะยม “แต่สำหรับฉัน แกเป็นเพื่อนที่มีสติสุดยอดเลยว่ะมะยม”
สองคนยิ้มให้กัน เสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดังพอดี
นิครับสาย “สตาร์อินเทรนด์ครับ”
แฉล้มดัดเสียงโทร.มา “สวัสดีค่ะ...ฉันอยากขอบคุณน้องก้างที่ช่วยเหลือฉัน..เลยอยากจะ
ส่งของไปให้ ขอที่อยู่บ้านน้องก้างได้มั้ยคะ”
“ส่งมาที่ออฟฟิศก็ได้ครับ”
แฉล้มดัดเสียงขัดใจ “ที่บ้านไม่ได้เหรอคะ เป็นของสำคัญจริงๆ ค่ะ”
“ที่สำนักพิมพ์ สะดวกกว่าที่บ้านครับ...” เน้นคำ “เพราะก้างไม่ค่อยอยู่บ้าน”
มะยมได้ยินหันขวับ ในขณะที่แฉล้มทำหน้าขัดใจอยากจะเบิ๊ดกะโหลกคนรับโทรศัพท์
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ..เดี๋ยวฉันเอาไปให้ที่สำนักพิมพ์ ด้วยตัวเองก็ได้”
แฉล้มวางสายหน้าหงิก
“ใครมาหาก้าง” มะยมถาม
“ก็พรรคพวกของคุณภาพิศล่ะ ก็แหม...จะมีใครที่ไหนเรียกกาวว่าก้างนอกจากคุณภาพิศ”
มะยมเยาะ “เออ..ตอนตัวเองแย่งสามีคนอื่นไม่คิด...ทีถูกแย่งคืนเข้าหน่อย อยู่ไม่ติดเลย สมน้ำหน้า”

แฉล้มหน้าหงิก บ่นกระปอดกระแปดอยู่คนเดียว
“แล้วจะรู้ได้ยังไงเนี่ย บ้านนังศุภาวีร์อยู่ที่ไหน?” ชะงัก เหมือนรู้ “ใช่แล้ว..บ้านท่านอารักษ์”

เช้าวันต่อมากรรณนรีถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมา เจอสรวง สรวงถามท่าทีตกใจ
“เธอจะไปไหน”
“จะสนใจทำไมคะ ในเมื่อคุณไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่อยู่แล้ว” กรรณนรีประชด
สรวงยังอาวรณ์อยู่ในที “ถ้าเธออยู่ในฐานะผู้หญิงของพ่อ แน่นอนฉันไม่พอใจ แต่ถ้าเธอ
อยู่ที่นี่ ในฐานะคนรักของฉัน ฉันก็อยากให้เธออยู่”
กรรณนรีมองหน้าสรวง สุดาเดินมาทางด้านหลัง สรวงยิ้มมากรรณนรีเห็น
“ชาตินี้ไม่มีวันเป็นไปได้หรอกค่ะ”
สรวงเสียใจอย่างยิ่ง “แปลว่า...เธออยากเป็นผู้หญิงของพ่อฉัน”
“ถ้าฉันคิดอย่างนั้น ฉันจะไปจากที่นี่ทำไม? ช่างเถอะ...ฉันไม่อยากพูดมากซักวันคุณจะเข้าใจ” เดินหนีไป
“กรรณนรี”
“จะห้ามทำไมสรวง....เค้าปอกลอกคุณพ่อจนอิ่มแล้วเค้าก็ไป เป็นเรื่องธรรมดา” สุดาแดกดัน
กรรณนรีมองคุณหญิงสุดาอย่างเสียใจ ก่อนจะเดินไป สรวงมองตามเสียใจ เดินกลับเข้าด้านใน

กรรณนรีหิ้วกระเป๋าออกมา เรียกรถแท็กซี่ เห็นสติ๊กเกอร์ที่ติดบนรถแท็กซี่เด่นสะดุดตา กรรณนรียกดันกระเป๋าเข้าด้านในแล้วก้าวขึ้นรถไป บอกให้ไปส่งที่บ้าน

แฉล้มที่จอดรถซุ่มรออยู่หน้าบ้าน รีบขับตามไปทันที
สรวงมีท่าทีเฉยชา และทำตัวห่างเหิน จนคุณหญิงสุดาหวั่นใจ กลัวว่าสรวงจะโกรธ

“นี่สรวงโกรธแม่เหรอลูก”
“ผมจะโกรธคุณแม่เรื่องอะไร”
“แม่ไม่รู้...หลายครั้งที่สรวงทำท่าห่างเหิน”
“ไม่มีอะไรครับ คุณแม่อย่าคิดมาก” จะเดินออกไป
“แล้วนั่นสรวงจะไปไหน”
“ไปตีกอล์ฟกับพี่นพครับ” สรวงเดินออกไปเลย
สุดาหยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออกอย่างร้อนใจ “ฤทัยออกมาหาแม่หน่อยลูก”

ไม่นานนัก สองคนอยู่ที่ร้านอาหารประจำ สุดาคุยกับสุขหฤทัยท่าทางไม่สบายใจ
“เดี๋ยวนี้ตาสรวงทำท่าทางแปลกๆกับแม่.. หรือว่าวันนั้นตาสรวงจะเห็นฤทัยกับไอ้แก้ว”
“ไม่เห็นหรอกค่ะ ฤทัยมั่นใจ”
สุดากังวลหนัก “ก็แล้วทำไม ตาสรวงทำท่าแปลกๆ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย เฮ้อ!วันนั้นฤทัยไม่น่าไปกับไอ้แก้วเลย”
สุขหฤทัยกลบเกลื่อน “ฤทัยก็ไม่ได้อยากไปหรอกค่ะ แค่แกล้งหลอกถามมันเกี่ยวกับเรื่องนังกรรณรี จะได้คิดแผนรับมือถูก”
“งั้นวันหลังอย่าไปนะ เพราะถ้าตาสรวงเห็น แย่แน่ๆ”
สุขหฤทัยรับคำเสียงอ่อย “ค่ะ” มือถือดัง สุขหฤทัยเห็นเป็นชื่อกาวินทร์ไม่กล้ารับ
สุดาถามเสียงดุ ด้วยความสงสัย “ใคร”
“เพื่อนน่ะค่ะ..ขี้เกียจคุย” รีบกดสายทิ้ง “คุยกับคุณหญิงแม่ดีกว่า ทานอะไรดีคะทานอะไร”
สุขหฤทัยเลื่อนเมนูให้ประจบเอาใจ

ฟากกาวินทร์อยู่ที่บริษัท รู้สึกแปลกใจที่สุขหฤทัยตัดสาย เดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิด
“ยัยขี้ไคลก็ดูเหมือนจะติดกับเรา แล้วทำไมไม่รับสาย”
ขณะที่กาวินทร์คิดไปคิดมา แต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงโทรศัพท์ดัง รีบคว้า
“คุณฤทัย” กาวินทร์ตาวาวร้ายกาจแต่หยอดเสียงหวาน “ผมดีใจจังเลยที่คุณโทรฯกลับมา”
สุขหฤทัยจอดรถอยู่ข้างทาง ยิ้มอย่างเป็นต่อ “ตะกี้ฉันติดธุระอยู่ มีอะไร”
กาวินทร์หยอดอีกดอก “คุณสนใจผมด้วย ดีใจจัง”
สุขหฤทัยยิ้มกริ่ม “ไม่ได้สนใจ แค่ไม่อยากเป็นคนไม่มีมารยาท ไง มีอะไรว่ามา”
กาวินทร์ยิ้มร้ายออกมาอย่างเป็นต่อ

ทางด้านแฉล้มขับรถมาตามทาง จี้ติดกรรณนรีที่นั่งอยู่ในแท็กซี่ จู่ๆ ดันมีรถขับมาขวาง แถมบังจนมิด แฉล้มตามไม่ทัน หงุดหงิดมาก
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย เผลอแป๊บเดียว หายไหนแล้ว หายไปได้ยังไง”
แฉล้มหงุดหงิด ชะเง้อคอมอง ไม่เห็นรถแท็กซี่คันนั้นแต่อย่างใด
“ทำไมดวงยัยเด็กนั่น มันดีอย่างนี้”
แฉล้มได้แต่กวาดตามองหาอย่างร้อนรุ่มกลุ้มใจ

สรวงมาออกรอบตีกอล์ฟ ตีวงสวิงแรงจนนพแซว
“ตีซะแรงเลย ยังกับโกรธใคร”
“พี่นพก็น่าจะรู้โกรธใคร” สรวงย้อนเอา แน่ละเขาหมายถึงกรรณนรีนั่นเอง
“ขอโทษ..พี่ไม่ตั้งใจจะพูดให้คิดถึง”
“ไม่เป็นไรพี่...”
สรวงตีกอล์ฟกับนพต่อ

ทางด้านกรรณนรีหิ้วกระเป๋าเดินเข้าไปในบ้าน บอกพ่อด้วยน้ำเสียงสดใส
“ต่อไป....กาวไม่นอนค้างที่ออฟฟิศแล้วล่ะพ่อ..จะกลับมานอนบ้านทุกวัน”
“ดีแล้วลูก อย่าโหมทำงานหนักมาก เดี๋ยวสุขภาพจะไม่ดี ที่สำคัญ พ่อคิดถึง”
เกริกดึงลูกสาวเข้ามากอดอย่างรักใคร่ กรรณนรีกอดเกริกยิ้มแย้ม
“กาวก็คิดถึงพ่อค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพ่อโทร.ไปถามแก้วหน่อย จะกลับกี่โมง ถ้าไม่เย็นมากจะได้ออกไปกินข้าวข้างนอกกัน” เกริกว่า
“ไม่ต้องหรอกค่ะพ่อ เผื่อพี่แก้วติดธุระ พ่อก็รู้..พี่แก้วงานยุ่งจะตาย”
เกริกหัวเราะขำๆ “พ่อไม่รู้หรอกว่าแก้วงานเยอะ..รู้แต่...แก้วน่ะสาวตรึม” ส่ายหน้าอย่างระอา
“สงสารผู้หญิงจริงๆ”
เกริกพูดจบก็เดินเข้าไปด้านใน

กรรณนรีพูดเบาๆ “แต่ผู้หญิงบางคนก็ร้ายเกินกว่าที่จะสงสารจ้ะพ่อ” นัยน์ตาวาววับ “อย่างยัยฤทัย”
ที่สนามกอล์ฟเวลานั้น กาวินทร์เดินเคียงกันมากับสุขหฤทัย จังหวะหนึ่งกาวินทร์ถามพร้อมรอยยิ้ม

“นึกยังไง..ถึงได้มาออกรอบกับผม”
สุขหฤทัยเชิดๆ กลบเกลื่อน “ก็..เวลาจะไปไหนมาไหน นายเป็นคนขับรถให้ฉันตั้งหลายที ก็เลยอยากจะตอบแทนบ้าง ก็แค่นั้น”
“ยังไง..ผมก็ถือว่าเป็นเกียรติที่คุณมาด้วย”
กาวินทร์สาดหวานใส่ สุขหฤทัยทำเป็นเมิน แต่แอบยิ้ม บ่นโทษลมฟ้าอากาศแก้เขิน
“โอ๊ย! ร้อนชะมัดเลย ครีมกันแดด จะเอาไหวรึเปล่าเนี่ย”
กาวินทร์ยิ้ม นาทีนี้เริ่มรู้ตัวเองใกล้จะเป็นต่อ

ในขณะที่สรวงตีกอล์ฟอยู่กับนพ มองไปเห็นกาวินทร์เดินมากับสุขหฤทัย สรวงมองจ้องเขม้นตามอง
นพสงสัย “มีอะไรสรวง”
“เปล่าครับ”
นพมองตามสายตา “นั่นคุณฤทัยนี่..มากับใคร หน้าคุ้นๆ”
“ผมขอไปทักฤทัยเดี๋ยว”
ว่าแล้วสรวงเดินลิ่วไปทันที จังหวะเดียวกันนั้นสุขหฤทัยเงยหน้ามาเห็นสรวงเข้า
“สรวง”
สุขหฤทัยหน้าตาเลิ่กลั่ก รีบชิ่งหนีทันที กาวินทร์ไม่ทันเห็นสรวง เลยงงๆ
“คุณฤทัยๆๆ”
กาวินทร์วิ่งตามสุขหฤทัยอย่างงงๆ
พอสรวงวิ่งมาถึง กลับไม่เห็นสุขหฤทัยแล้ว สรวงนึกสงสัย ตามออกไปทันที

สุขหฤทัยวิ่งมาที่รถ กาวินทร์ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ยังไม่ทันได้ออกรอบเลย ทำไมรีบกลับนักล่ะครับ”
สุขหฤทัยเหลียวมองไปด้านหลัง “ฉันมีธุระ..รีบไปสิ เร็ว”
กาวินทร์อิดออด “แต่เรา...”
สุขหฤทัยชักฉุน เสียงดุใส่อย่างวางอำนาจ “ฉันบอกให้กลับก็กลับสิ เร็ว”
กาวินทร์จำต้องขึ้นรถขับออกไปทั้งที่หงุดหงิดมาก สรวงวิ่งมาตรงที่เห็นสุขหฤทัยไวๆ แต่ไม่เห็นใครแล้ว สรวงหรี่ตามองข้องใจว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
จังหวะที่สรวงหันมา ชนเข้ากับมะยม ที่เดินมาหาพอดี สองคนต่างตกใจ
มะยมร้อง “ว้าย”
สรวงทักงงๆ “คุณมะยม”

สรวงเดินมากับมะยม ชวนคุยขึ้นก่อน
“บังเอิญจังเลยนะครับ เจอคุณมะยมที่นี่”
“ใครว่าบังเอิญคะ...คุณนพ..นัดมะยมมาที่นี่”
สรวงอึ้ง “พี่นพ”
นพโบกมือตะโกนเรียก “คุณมะยม”
มะยมโบกมือตอบ “ค่ะ” หันมายิ้มกับสรวง “คุณนพเรียกแล้ว…”
“เชิญคุณมะยมครับ ผมอยากนั่งพัก” สรวงออกตัว
“แล้วคุยกันค่ะ” มะยมเดินตรงไปหานพ
นพกับมะยมมีท่าทีสนิทสนมเกินเพื่อน นพสอนมะยมตีกอล์ฟ สรวงยืนมองภาพตรงหน้าไม่
สบายใจเอาเสียเลย

ด้านแฉล้มยืนอยู่ ข้างรถตัวเองตรงบริเวณข้างทางละแวกบ้านกรรณนรีนั้นเอง พลางกวาดสายตามองหารถแท็กซี่อย่างหงุดหงิด
“หายไปไหนเร็วจริงๆ” เสียงโทรศัพท์ดัง แฉล้มกดรับ ปากคุยสาย แต่ตามองถนนตลอดเวลา “ว่าไงคุณ”
“คุณได้ที่อยู่บ้านนังศุภาวีร์หรือยัง”
“เกือบจะได้แล้ว ฉันตามมันมาจากบ้านท่านอารักษ์ แต่อยู่ๆ ก็คลาดกัน สงสัยสวรรค์ไม่อยากให้คุณทำบาปมั้ง” แฉล้มสัพยอก
“ฉันทำบุญต่างหาก อย่างน้อยก็จะได้คุยกับพ่อแม่มัน ไม่ให้มันทำผิดศีลข้อ 3 แย่งสามีชาวบ้าน” ภาพิศบอก
แฉล้มเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ “เวลาคุณด่า..คุณลืมนึกถึงตัวเองทุกที นี่แหละเค้าถึงว่า...ความผิด
ของคนอื่นเท่าภูเขา ของตัวเราเท่าเส้นผม”
ภาพิศฉุนที่จู่ๆ ก็ถูกด่า “เอ๊ะ คุณ”
แฉล้มรีบบอก “ฉันแค่อยากเตือนสติ นี่ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากทำตัวเป็นนักสืบหรอกนะ แต่ที่
ทำก็เพื่อคุณ” รถแท็กซี่คันที่กรรณนรีแล่นผ่านมาพอดี แฉล้มจำได้รีบบอกภาพิศ “ฉันเห็นแท็กซี่คันนั้นแล้ว แค่นี้นะคุณ” วางสายตะโกนเรียกแท็กซี่ลั่น “แท็กซี่”
ภาพิศวางสายไปพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปด

“หลอกด่าแล้ววางสายตลอด นี่ถ้าไม่ท้อง ลุยเองแล้ว”
แฉล้มหันมาคุยอยู่กับแท็กซี่ที่ยังอยู่ในรถ

“นี่...ผู้หญิงที่นั่งมากับคุณตะกี้...บ้านอยู่ไหน”
แท็กซี่บอกตามโลเคชั่นที่ไปส่งกรรณนรี แต่บอกแบบวกวน ฟังแล้วถ้าไม่คุ้นอาจจะงงหน่อย
ทว่าแฉล้มฟังไปด้วย คิดตามไปด้วย เหมือนจะคุ้นสถานที่นั้น “โอเคๆ ขอบคุณมาก”
แท็กซี่แล่นจากไป แฉล้มเดินมาล็อกรถตัวเอง แล้วเดินหา

แฉล้มเดินตามหาบ้านกรรณนรี เห็นบ้านที่อยู่บริเวณนั้นเหมือนคล้ายกันไปหมด ก็เริ่มงง
“บ้านก็เหมือนๆ กันหมด แล้วจะรู้ว่าหลังไหนล่ะเนี่ย”
สองป้าขาเมาท์เดินคุยกันมา
จักจั่นเปิดประเด็นด้วยรายการโปรด “นี่..ป้าจั๊กจั่น วันเสาร์ที่ผ่านมาได้ดูฟ้ามีตารึเปล่า”
ตั๊กแตนตอบเสียงสูง “ดูสิ....พลาดได้ยังไง ดูไป ขำไป คนอะไร สวยสกปรก”
จักจั่นผสมโรง “เด็กหอบางคนก็เป็นอย่างนี้ล่ะ? พอมีอิสระก็ตามใจตัวเอง ดีนะที่ในละครยัง
กลับเนื้อกลับตัวได้...”
ตั๊กแตนหัวเราะร่าขณะบอก “เพราะ...ฟ้ามีตา”
สองคนเดินผ่าน แฉล้มหันมาเห็นพอดี
“ป้า..ถามอะไรหน่อย”
จักจั่นโอภาปราศรัยอย่างอารมณ์ดี “ถามมาเถอะ ป้าตอบได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง”
“รู้จักบ้านคนชื่อก้างมั้ย” แฉล้มถาม
ตั๊กแตนงงเต๊ก “ก้างไหน..ไม่รู้จัก”
แฉล้มเย้า “อ้าว! ไหนว่ารู้ทุกเรื่อง”
“ก็มันจริงนี่...แต่แถวนี้รับรองไม่มีคนชื่อก้าง จะมีก็แต่กาว” จักจั่นบอก
ตั๊กแตนชี้ทางไปบ้านกรรณนรี “ถ้าเป็นบ้านหนูกาวก็โน่น..เดินตรงเข้าไป เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี้ยวขวา...จะเจอบ้านหลังที่สาม สีขาวนั่นแหละ”
“ไปป้าตั๊กแตน” จักจั่นพูดลอยๆ “แหม..อยากรู้จริงๆ ฟ้ามีตาเสาร์หน้าตอนอะไร ฉันช้อบชอบ”
แฉล้มครุ่นคิด
“ที่สองป้าบอก นั่นมันทางไปบ้านสามีเก่าคุณภาพิศนี่”
สีหน้าแฉล้มเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ระทึกใจ

นพกับมะยมเดินมาหาสรวงที่นั่งพักอยู่ มะยมเอ่ยขึ้น
“ร้อนจังเลย..เดี๋ยวมะยมไปล้างหน้าหน่อยนะคะ”
มะยมเดินไป นพนั่งลงข้างสรวง สรวงถามทันที
“พี่นพสนิทกับคุณมะยมจังเลยนะครับ”
แววตานพดูอบอุ่นขณะพูดถึงมะยม “คุณมะยมน่ารักดี”
สรวงหนักใจ “แล้วคุณนา…”
“สรวงก็รู้นี่...ว่าพี่เลิกกับคุณนาตั้งนานแล้ว”
“แต่พี่นพกับคุณนา..ยังไม่ได้หย่าขาดกัน ทางนิตินัยถือว่า…”
นพพูดขัดเสียงเข้ม “แต่ทางพฤตินัย เราจบกันนานแล้วสรวง..พี่ไม่มีอะไรกับคุณนาแล้ว”
“ผมเข้าใจครับ...แต่คนอื่นเค้าจะเข้าใจรึเปล่า...ถ้าไม่เข้าใจ คนที่เสียหายคือคุณมะยมนะพี่นพ”
สรวงพูดอย่างเป็นห่วง สีหน้านพดูออกว่าหนักใจเช่นกัน

แฉล้มค่อยๆ เดินมาตามทางที่สองป้าบอกด้วยความระทึกใจ เห็นเป็นบ้านของเกริก รังรักที่ไม่อบอุ่นของนุดี
แฉล้มเพ่งมอง ไม่อยากเชื่อสายตา ปากสั่นระริก ทั้งตื่นเต้นและตกใจ
“นี่บ้านคุณเกริก”
แฉล้มครางออกมา ก่อนจะขอเก็บหลักฐานเมคชัวร์ด้วยการค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ มองเข้าไปในบ้านในมุมที่มองเห็นเหตุการณ์ด้านในอย่างชัดเจน แฉล้มเขม้นมองเห็นสองพ่อลูกนั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันอย่างเบิกบานสุขใจ เกริกตักอาหารให้กรรณนรี สลับกับกรรณรีตักอาหารให้พ่อ เป็นภาพครอบครัวที่น่ารักและดูอบอุ่น
แฉล้มตกตะลึงแทบช็อก! ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เด็กนั่นคือลูกคุณภาพิศ”

แฉล้มรวบรวมสติ หันหลังกลับ ก้าวยาวๆ ด้วยท่าทีร้อนรน ตกใจกับความจริงที่ล่วงรู้แฉล้มเดินมาตามถนนตรงกลับไปที่รถ พลางควักมือถือออกมา โดยไม่รู้ว่ามีสายตาประสงค์ร้ายคู่หนึ่งของใครบางคนมองมาอย่างไม่วางตา

สายตาประสงค์ร้ายคู่นั้น มันมองจ้อง สร้อยเส้นใหญ่ และกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง และเฝ้าเดินตามแฉล้มมาอย่างเงียบๆ แฉล้มง่วนอยู่กับมือถือ โทร.ออกหาภาพิศพัลวัน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะตกใจไม่หาย

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12/3 วันที่ 12 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager