@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12/2 วันที่ 11 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12/2 วันที่ 11 ต.ค. 55

ภาพิศหน้าเสีย “มันไม่ตายหรอก ฉันก็แค่ขู่”
แฉล้มตำหนิ “ขู่ที่ไหน ยัยคุณหญิงสุดาบอกเด็กนั่นด้วยนี่..ชอบอะไรจะให้ท่านอารักษ์ใส่บาตรไปให้ คุณเอ๊ย”
“ฉันแค่แกล้ง ไม่ได้กะให้มันถึงตายจริงๆ นะ” ภาพิศเถียงข้างๆ คูๆ
“ถึงฉันจะเชื่อ แต่ถ้ามันตายขึ้นมาจริงๆ ล่ะ”
ถูกกุนซือประจำตัวตำหนิหนัก ภาพิศชักเป็นกังวล

ขณะนั้นสุดานั่งอยู่ในรถคุยสายกับภาพิศ
“อู๊ย! มันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็คุณน้องเป็นคนบอกเองนี่คะ...ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต แล้วจะกลัวอะไรก็แค่อุบัติเหตุ”
ภาพิศ ที่ยืนโทรศัพท์อยู่หน้าร้านกาแฟ มีแฉล้มยืนอยู่ข้างๆตอบสุดากังวล
“แต่ตอนนี้ฉันกลัว”
สุดาค้อนลมแล้งในรถขวับ “อย่าทำตาขาวสิคะ...ต่อให้มันตายจริงๆ คุณน้องก็แอ๊บ เหมือน
อย่างเคยแอ๊บไปสิ ว่าไม่รู้เรื่อง ข้อสำคัญ มีเงินซะอย่างกลัวอะไร? นี่!!ต่อหน้าพี่...คุณน้องไม่ต้องมาแอ๊บนางเอกหรอกค่ะ พี่รู้ดี คนใจเสาะไม่ใช่นิสัยคุณน้อง”
ภาพิศกังวลหนัก ขณะที่สุดาวางสาย มองโทรศัพท์ ตาวามวับร้ายกาจและน่ากลัว
“ถ้านังกรรณรีมันตายจริงๆ ฉันจะบอกแกทันทีว่าแกฆ่าลูกตัวเอง...บาปกรรมมันจะติดตัวแกไปจนตาย ภาพิศ”
คุณหญิงใจทรามยิ้มเหี้ยมเกรียม




มะยมกับนิคพากรรณนรีมาส่งโรงพยาบาล เฝ้าดูอาการจนถึงตอนค่ำคืน
ในห้องคนไข้ กรรณนรีนอนหมดสติอยู่ มีสายระโยงระยาง สองคนนั่งเฝ้ามองหน้ากัน
“เอาไง” นิคถาม
“จะเอาไง? โทร.บอกที่บ้านกาวก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่” มะยมว่า
“งั้นก็โทร.บอกคุณสรวง..ยังไงฉันก็มั่นใจอยู่ดีว่าคุณสรวงยังรักและห่วงกาว”
มะยมพยักหน้า ควักมือถือกดโทร.ออก

ทั่วทั้งบริเวณสระน้ำมืดสลัว ไม่ได้เปิดไฟ สรวงนั่งอยู่ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่อีกมุมดังขึ้น สรวงจะเดินไปรับ กลับเห็นไฟในบ้านเปิดสว่างพร้อมกับมองเข้าไปเห็น คุณหญิงสุดาที่เพิ่งกลับมา

ยินเสียงสุดาที่เจื้อยแจ้วคุยโทรศัพท์กับสุขหฤทัยอย่างสะใจ “แม่สะใจมากๆ เลยล่ะฤทัย”
สรวงรีบปิดมือถือทันที ยืนนิ่งรอฟัง
นิคมองหน้ามะยม
“คุณสรวงไม่รับสายเหรอ”
“ฮื่อ! ปิดมือถือไปเลย สงสัยไม่อยากคุยกับเรา”
“หรือพูดง่ายๆ ตอนนี้คุณสรวงเกลียดพวกเรา”
สองคนยิ้มให้กันอย่างขื่นขม

สรวงยืนนิ่ง มองสุดาที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในบ้าน สุดาพูดต่อ
“ทุกอย่างมันง่ายยิ่งกว่าที่แม่คิดซะอีก”
สุขหฤทัยอยู่ที่บ้านถามอย่างอยากรู้ “ยังไงคะคุณหญิงแม่”
“ก็...” สายตาสุดาเหลือบไปเห็นสรวงก็ตกใจ กดสายทิ้งทันที “ตาสรวง”
“คุณหญิงแม่..คุณหญิงแม่” สุขหฤทัยงง กดสายโทร.กลับอีก “ปิดมือถือทำไมเนี่ย”

ท่าทางสุดามีพิรุธ รีบยิ้มกลบเกลื่อน
“มานั่งอะไรมืดๆ ตรงนี้ลูก”
“นั่งคิดอะไรหน่อยครับ เกี่ยวกับคุณแม่”
สุดาตกใจ แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน “แม่มีอะไรต้องให้คิด”
สรวงยิ้มนิดๆ แต่จับสังเกตมารดาตลอด “ก็ผมอยากรู้ว่าคุณแม่คุยอะไรกับฤทัย..ถึงได้สะใจ
ถึงได้หัวเราะง่ายๆ...”
สุดาหน้าซีด “อ๋อ..แม่ไปหัดตีสควอชมาน่ะลูก ตอนแรกก็นึกว่าจะเหนื่อย ไม่ไหวแต่เอาจริงง่าย พอตีแล้วก็สะใจ แต่ก็เหนื่อยเป็นบ้าเลยแม่ไปพักก่อนนะ”
สุดาเดินขึ้นบันไดไปเลย

สรวงมองตามด้วยความสงสัย
สรวงพกความสงสัยคาใจ เข้ามาในห้อง ชายหนุ่มครุ่นคิด คลางแคลงใจในตัวสุดา นึกถึงคำพูดกรรณนรีตอนที่บอกเรื่องสุดา

สรวงคิดในใจ “หรือจะเป็นอย่างกรรณรีพูด ทุกอย่างเกิดจากแม่”
สีหน้าสรวงยามนี้เครียดจัด

ค่ำคืนนั้น ภาพิศเป็นกังวลนอนไม่หลับ เสียงแฉล้ม ดังก้อง
“เกิดนังเด็กนั่นมันตายขึ้นมาจริงๆ ล่ะ”
“ไม่ตายหรอก”
ภาพิศบอกตัวเอง พยายามข่มตาให้หลับ แต่แล้วต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนเปิด
ประตูห้องอื่นๆ ในบ้าน ภาพิศผุดลุกขึ้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น มองฝ่าออกไปท่ามกลางความเงียบ เสียงฝีเท้าคนดังแว่วมา ภาพิศล้วงหยิบปืนใต้หมอนออกมา ค่อยๆ ลุกลงจากเตียง เปิดประตูออกไป

ภาพิศเดินออกมานอกห้อง กดสวิทซ์ไฟตรงระเบียง แต่ไฟไม่ติด ภาพิศทำหน้าฮึดฮัดขัดใจ
“ไฟมาดับอะไรตอนนี้?”
ภาพิศกำปืนแน่น มองลงไปด้านล่าง ยินเสียงฝีเท้าดัง แต่ไม่เห็นคน ภาพิศตะโกนก้อง
“น้อยเหรอ?..น้อย” เงียบไม่มีเสียงตอบ ยินเพียงเสียงฝีเท้าดัง ภาพิศหน้าซีด กำปืนแน่นขอสู้ ถามออกไปเสียงดังก้อง “ใคร?..ฉันถามว่าใคร?”
จังหวะนั้นหญิงสาวในชุดสีขาวโพลนก็ปรากฏกายขึ้น ภาพิศมองลงไปยังชั้นล่าง ผู้หญิงคนนั้นหันหลังให้ ค่อยๆ เดินออกไปที่ประตูด้านล่าง ภาพิศวิ่งลงบันไดตามไปติดๆ พลางตะโกนถาม
“หยุดนะ..หยุด ฉันบอกให้หยุด”

ภาพิศวิ่งลงมายังด้านล่าง ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว ภาพิศหน้าซีดเผือด เหงื่อแตก รู้สึกหวั่นกลัว ถามตัวเองเสียงสั่น
“หายไปได้ยังไง”
พอภาพิศจะหันหลังเดินกลับขึ้นข้างบนบ้าน หางตาก็เห็นชายเสื้อสีขาวแวบๆ ภาพิศหันขวับไปมอง เห็นผู้หญิงคนนั้น ยืนหันข้างก้มหน้า ผมยาวสลวยสยายลงมาปรกหน้าดูน่ากลัว ภาพิศถามเสียงสั่น
“เธอเป็นใคร?” ผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบ ภาพิศกำปืนแน่นเล็งใส่ เดินเข้าหา ตะโกนถามเสียงดัง “ฉันถามว่าเธอเป็นใคร?”
ผู้หญิงคนนั้นหายวับไปกับตา ภาพิศร้องกรี๊ดๆๆ หน้าตาตื่นตะลึง ท่าทางลนลานด้วยความหวากลัว และไม่ว่าภาพิศจะหันหน้าไปทางไหน ก็เห็นแต่ผู้หญิงคนนั้นยืนก้มหน้าผมยาวสยายอยู่อย่างนั้น ภาพิศกลัวกรีดร้องเสียงสั่น
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าพรวดขึ้นมาเหมือนฉากสยองในหนังผี
ภาพิศตกใจสุดขีดเมื่อเห็นชัดๆ “ศุภาวีร์”
กรรณนรีพูดตอบด้วยเสียงยานคานเหมือนผี “ฉันเอง”
“อย่าเข้ามานะ แอร๊ยยย” ภาพิศกรีดร้องสุดเสียง ยิงปืนกระหน่ำออกไปไม่นับ
ร่างของกรรณนรีล้มฟุบลง นอนคว่ำหน้า ภาพิศใจสั่น กระชับปืนแน่น เข้าไปใกล้ร่างนั้นจะดูว่าตายหรือเปล่า ทันใดนั้นเอง กรรณนรีก็เงยหน้าขึ้นมาฟึ่บ ภาพิศร้องกรี๊ดผงะหงาย เสียหลัก พริบตานั้นเองที่ผีกรรณนรีก็โผนขึ้นมาคร่อมร่างภาพิศ คำรามเสียงน่ากลัว
“แกฆ่าฉัน ฉันจะฆ่าแก”
ผีกรรณนรีบีบคอภาพิศสุดแรง ภาพิศพยายามแกะมือออก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“แกตั้งใจ ฉันจะฆ่าแก”
ผีกรรณนรีบีบเค้นคอภาพิศสุดแรง ก้มหน้าลงมาต่ำ ในสายตาภาพิศ เห็นกรรณนรีคือปิศาจร้ายน่ากลัวมาก

ภาพิศกรีดร้องออกมาสุดเสียง แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อแตกพลั่ก ภาพิศกวาดสายตา
มองรอบๆ ห้องอย่างหวาดกลัว หายใจหอบถี่ๆ ที่แท้ฝันไป

เช้าวันต่อมา ขณะที่สรวงเดินลงมาจากบ้าน เสียงมือถือดังลั่น สรวงรับ
“สรวงครับ”
ภาพิศอยู่ที่บ้านหน้าตาซีดเซียวยังอยู่ในสภาพตกใจหวาดกลัว เนื้อตัวสั่น
“คุณสรวง... ช่วยพี่ด้วย..พี่มีเรื่อง”
“คุณภาพิศมีอะไรครับ”
สุดาเดินมาได้ยินพอดี จึงเดินตรงมาหา
“ภาพิศโทร.มาเหรอ”
“ครับ”
“แม่พูดเอง” สุดาไม่รออนุญาตคว้ามือถือสรวงมาพูดสาย “ว่าไงคะคุณน้อง”
“ฉัน..ฉันฝันไม่ดีเลยค่ะ”
“ฝันไม่ดี แล้วโทร.มาหาตาสรวง แปลว่าอะไรคะ” สุดาเหน็บ
ภาพิศหน้าตึง “นี่ฉันไม่ได้คิดอกุศลกับคุณสรวงอย่างที่คุณหญิงพี่คิดนะคะ”
“งั้นก็ไม่ต้องโทร.มาหาตาสรวง..คุณน้องอาจจะฝันไม่ดี แต่การกระทำของ
คุณน้องทำให้พี่ใจไม่ดีค่ะ”
สุดกดสายทิ้งเอามือถือคืนสรวงอย่างไม่ใส่ใจ สรวงได้ถอนใจ

ภาพิศบอกแฉล้มที่แวะมาหาทันที ท่าทางฉุนๆ เหนื่อยๆ
“สาบาน! ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณสรวงจริงๆ ที่โทร.ไปก็เพราะ..จะมีใคร คุยกับฉันดีๆ ได้เท่าคุณสรวง”
“ก็ฉันนี่ไง” แฉล้มว่า
“เมื่อเช้าฉันโทร.ไปคุณไม่รับนี่”
“ก็ให้ฉันเข้าห้องน้ำห้องท่าบ้างสิ..นี่! คุณไม่ต้องคิดมากหรอก ถ้านังศุภาวีร์มันตายไปจริงๆ ข่าวลงแล้ว ไม่ก็สปาโทร.มาบอกแล้ว เจ้าของสปาเป็นเพื่อนคุณหญิงสุดาไม่ใช่เหรอ”
ภาพิศคิดตาม “มันก็จริง”
“อย่าเครียด อย่าลืม คุณมีลูกในท้อง...ถ้าคุณกังวลเรื่องนังเด็กนั่นจริงๆ เดี๋ยวฉันไปสืบหาบ้านมันให้ ถ้ามันตายจริงๆ ก็คงมีการจัดงานศพ แต่ถ้ามันไม่ตาย เจอบ้านมันจะได้แท็กทีมไปตบมัน”แฉล้มว่าอย่างเรื่อยเจื้อย ท่าทีขำๆ ไม่อยากให้ภาพิศซีเรียส “เฮ้อ! ทำความเดือดร้อนให้คนอื่นไปทั่ว ศุภาวีร์นะศุภาวีร์ น่าตบจริงๆ”

ที่โรงพยาบาล กรรณนรีฟื้นแล้วนอนหน้าซีด มีมะยมกับนิคคอยเฝ้าอย่างห่วงใย กรรณนรีบอกเสียงแผ่วน้ำตาซึม
“ฉันขอบใจพวกแกมากนะ..ถ้าไม่ได้พวกแก ฉันคงแย่”
มะยมถามอย่างเป็นห่วง “แล้วทำไมแกถึงไปทำอะไรอย่างนั้นได้”
กรรณนรีอึ้งไปนิด นึกถึงภาพิศ เสียใจที่เป็นภาพิศ นึกถึงสุดาขึ้นมา ตอบแค่นั้น “คุณหญิงสุดาทำฉัน”
นิคตกใจ คาดไม่ถึง “คุณหญิงสุดา....โห!ทำไมร้ายกาจอย่างนั้น ถ้ามะยมไม่เข้าไปเห็นแกตายแน่ๆ”
กรรณนรีตาวาวโรจน์ โกรธแต่ก็สะเทือนใจเพราะสุดาคือแม่สรวง “คุณหญิงสุดา..ไม่น่าทำกับฉันถึงขนาดนี้”
มะยมบอกเข้ม “ก็แกอยากไปยุ่งกับสามีเค้า” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นดุ “นี่! ไม่ว่าแกจะมีเหตุผลอะไร แต่แกต้องเลิกยุ่งกับท่านอารักษ์ได้แล้ว”
“แกต้องออกมา” นิคเสริม
“ฉันยังไปไม่ได้” ท่าทีกรรณนรีร้อนรน...พูดอ้อนวอนสองเพื่อน “แต่พวกแกเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้มีอะไรกับเค้า ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยเค้า อย่างที่ใครๆ เข้าใจ”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือกรรณนรีดัง มะยมที่ยืนอยู่ข้างๆ มองเหยียดหยัน
“ท่านอารักษ์”
กรรณนรีมองโทรศัพท์ มะยมว่าต่อ
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน...ว่าแกกับเค้าไม่ได้มีอะไรกันจริงหรือเปล่า”
มะยมกดเป็นสปีกเกอร์โฟน เสียงท่านอารักษ์ดังก้อง มะยม กรรณนรี และนิคนิ่งฟัง
อารักษ์พูดเสียงหวาน “หนูจ๋า...ทำอะไรอยู่จ๊ะ...” เงียบฟัง “หนู...ได้ยินหรือเปล่า...ฉันคิดถึงหนูมากเลยจ้ะ อยากกลับไปหาเร็วๆ...อยากกอด อยาก...”
มะยมกดวางสายทันที ตาเขียวใส่กรรณนรี
“นี่เหรอ?..คนไม่มีอะไรกัน เค้าพูดอย่างนี้เหรอ? สมแล้วที่แกต้องโดนเมียเค้าทำอย่างนี้กาว!” มะยมผลุนผลันออกไปด้วยความโกรธ
“มะยมๆๆ” นิครีบตามออกไป

กรรณนรีได้แต่อ้าปากค้าง มองโทรศัพท์ หยิบมาด้วยความโมโห แทบจะเขวี้ยงทิ้ง
มะยมเดินฉับๆๆ ออกมาจากโรงพยาบาล โกรธกรรณนรีมาก บ่นกับนิค

“ฉันไม่อยากจะด่ากาวเลย แต่ผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยร้อยละ 99.99 ส่วนใหญ่ก็พูดแต่แบบนี้” มะยมทำเสียงเล็กเสียงน้อย “ไม่มีอะไร ไม่คิดอะไร?..เฮ่อ! ไม่คิดอะไร ไม่มีอะไรแล้วไปคุยกับสามีชาวบ้านทำไม”
นิคเย้า “เอามาจากสำนักไหนเหรอ? ร้อยละ 99.99 น่ะน่ากลัว”
“สำนักฉันเอง...นี่นิค..ฉันเป็นผู้หญิง ฉันดูออก อย่างที่เค้าว่าผีเห็นผีน่ะแหละไม่มีอะไรแล้วท่านอารักษ์จะโทร.มาออดอ้อนกาวมันทำไม? ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ”
“กาวเอ๊ย! สิ้นคิดจริงๆ” สองคนเดินไปอย่างเซ็งๆ

ภายในห้องกรรณนรีปวดหัว ทำท่าจะหยิบมือถือมาเขวี้ยง คำรามใส่
“ท่านอารักษ์ ท่านจะโทร.มาทำไมตอนนี้” กรรณนรีเปลี่ยนใจไม่ขว้างลดมือถือลง
กดโทร.ออก “พี่แก้ว..กาวนะ...เบาๆ..อย่าบอกพ่อ ตอนนี้กาวอยู่โรงพยาบาลมารับหน่อย”

ไม่นานต่อมากาวินทร์กับกาวเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยกัน กาวินทร์ฮึดฮัด โกรธสุดขีด
“พี่ไม่อยากใจเย็นแล้ว เล่นกันแรงขนาดนี้ มันต้องพังกันไปข้างหนึ่ง”
“เค้าพังหรือเราพัง จะให้กาวไปกระชากผมคุณหญิงสุดา ตบๆๆๆ กาวก็ทำได้..” กาวินทร์เงียบ กรรณนรีพูดต่อ “แต่นี่..กาวไม่อยากทำ เพราะคุณหญิงสุดาคือแม่คุณสรวง” นิ่งไปนิด “กาวเคยทำพังมาแล้ว เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะฉะนั้น กาวจะพังอีกไม่ได้”
“มันก็จริง...เราต้องหาทางดึงแม่ออกมาจากนายอารักษ์ให้เร็วที่สุด และถึงจะดูใจร้ายกับคุณสรวง...แต่กาวต้องทำให้ท่านหย่ากับคุณหญิงให้ได้ ไว้ยัยฤทัยตกหลุมพรางพี่เมื่อไหร่ พี่จะให้ยัยฤทัยแฉคุณหญิงสุดาเอง กาวจะได้ไม่ต้องลำบากใจ”
“คุณหญิงสุดาไม่น่าเป็นแม่คุณสรวงเลย!”
กรรณนรีเครียดขึ้นมาอีก

กรรณนรีเดินเข้ามาในบ้าน หน้าตาบึ้งตึง สุดาเดินลงบันไดมาจากชั้นบนของบ้านเห็นก็ตกใจ แทบไม่เชื่อสายตา
“นังกรรณรี”
กรรณนรีมองจ้องหน้า ดวงตาวาววับ “ตกใจมากเหรอคะที่ฉันไม่เป็นอะไร เหมือนอย่างที่เค้าว่าค่ะ คนดีตกน้ำไม่ไหล แต่คนอย่างคุณหญิง ผีคงอยากเอาไปอยู่ด้วย”
สุดาโกรธจนตัวสั่น “แกด่าฉัน”
“ถ้าไม่ติดว่าคุณหญิงเป็นแม่คุณสรวง ฉันอยากทำมากกว่านี้อีก จะได้สาสมกับสิ่งที่คุณหญิงทำ” กรรณนรีจ้องหน้าสุดา อยากจะฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ
“ทำไมแกจะทำไมฉัน” สุดาเอามือจิ้มหน้าผากกรรณนรีอย่างแรง
“คุณหญิง”
“ตบฉันสิ จิกหัวฉันสิ ฉันจะได้เรียกตาสรวงมาดู ว่าแกทำร้ายฉัน”
กรรณนรีจ้องหน้าสุดา แทบไม่เชื่อสายตา ว่าจะเป็นไปได้ขนาดนี้ สุดาเหยียดเย้ย
“ฉันให้โอกาสแล้ว แกไม่ทำเองนะ” สุดาตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ และเจ็บปวด “ตาสรวงๆๆๆ ช่วยแม่ด้วย ตาสรวง”
“อย่านะคุณหญิง ไม่งั้นฉันจะเอาคลิปให้คุณสรวงดู” กรรณนรีขู่
สุดาจ้องมองกรรณนรีอย่างโกรธแค้นชิงชัง เป็นจังหวะที่สรวงวิ่งลงมาหน้าตาตื่น
“คุณแม่เป็นอะไรครับ”
“ปวดหัว...ช่วยไปเอายามาให้แม่กินหน่อย”
สรวงลังเล มองสายตาที่สุดากับกรรณนรีจ้องมองกัน สุดาเร่ง
“เร็วสิลูก แม่ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว” สรวงจำต้องเดินออกไป
กรรรณนรีมองตามสรวง นึกเห็นใจจึงถามสุดา “ฉันไม่เข้าใจ คุณหญิงทำร้ายคุณสรวงได้ยังไง?”
“ฉันไม่เคยทำร้ายสรวง แต่ฉันทำร้ายแก ทำร้ายแม่แก พวกผู้หญิงหน้าด้านที่มันชอบเป็นเมียน้อย มันจะได้รู้ การที่มันทำลายครอบครัวคนอื่น ผลจะเป็นยังไง”
กรรณนรีมองอย่างเห็นใจ “ฉันเสียใจ...แต่ฉันขอร้อง ถ้าฉันพาแม่ฉันออกจากชีวิตพวกคุณ
ได้...คุณยุติความแค้นทุกอย่างลงได้มั้ย”
“เขียนด้วยมือ แล้วจะลบด้วยเท้า มันไม่ง่ายอย่างหรอก” สุดาเยาะ ไม่เชื่อในน้ำคำ
“งั้นเราก็ฟาดฟันกันต่อไป เพราะฉันก็ไม่ยอมให้คุณทำร้ายแม่ฉันเหมือนกัน” กรรณนรีบอกด้วยเสียงขุ่นเขียว
สรวงเดินเข้ามาพร้อมยา มองสองคนนิ่งๆ อย่างกลัดกลุ้ม

ครู่ต่อมาสรวงประคองสุดาให้นอนลงที่เตียง
“ผมทราบว่าคุณแม่เจ็บปวดกับการกระทำของคุณพ่อ แต่ถ้าคุณแม่ไม่อยากเจ็บปวด คุณแม่ก็ต้องยุติ
สุดาสวนทันควัน “สรวงจะให้แม่หย่ากับพ่อ แล้วให้พวกเมียน้อยมันชุบมือเปิบน่ะเหรอ? ไม่มีวัน...”
“งั้นถ้าไม่มีใครยุติ...ก็ต้องมีคนเจ็บอีกหลายคน”
“แล้วทำไมคนยุติต้องเป็นแม่...ที่ผ่านมาแม่ไม่ผิดนะสรวง แม่ไม่ผิด นังภาพิศต่างหากที่มันผิด มันเข้ามาทำลายครอบครัวของเรา” สุดาเสียงดัง “แม่เกลียดเมียน้อย แล้วแม่ก็ไม่สนด้วยว่าใครจะเจ็บ แม่รู้แค่ แม่ต้องไม่เจ็บคนเดียว”
ดวงตาของสุดาเกรี้ยวกราดเจ็บช้ำ สรวงกลุ้มไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง จับมือของสุดาบีบเบาๆ
“แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ยังไงผมก็อยู่ข้างแม่”
สุดาร้องไห้โฮ “แม่รักสรวง...”
สรวงกอดปลอบสุดาอย่างเห็นใจ แต่สายตายังคลางแคลงใจ สุดามองสรวงรู้ทัน รีบบอก
“อย่าคิดมากนะลูก เวลาแม่โมโห แม่ก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้แม่ไม่มีอะไรกับภาพิศแล้วจริงๆ มีแต่ศุภาวีร์เท่านั้น ที่เข้ามาเป็นหนามทิ่มแทงใจแม่”

กรรณนรียืนอยู่ในห้อง ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นสรวงยืนกลุ้มที่สระว่ายน้ำ กรรณนรีน้ำตาคลอ
“ฉันรักคุณ...ฉันไม่อยากให้คุณเจ็บแม้แต่นิดเดียว คุณสรวง” หยิบมือถือมาโทร.หากาวินทร์เสียงสั่นเครือ

“พี่แก้ว กาวทนไม่ไหวแล้ว กาวจะไปจากที่นี่”
สายวันต่อมาสุขหฤทัยว่ายน้ำอย่างสบายอารมณ์ ยินเสียงมือถือดัง สุขหฤทัยเห็นเป็นเบอร์กาวินทร์ ก็ลังเลนิดหนึ่งก่อนจะกดรับเสียงเย็นชา

“มีอะไร”
กาวินทร์อยู่ออฟฟิศพูดเสียงหวานแต่ตาร้ายกาจ “ผมคิดถึงคุณ...เมื่อไหร่คุณจะใจอ่อน
ยอมทานข้าวกับผมซักที” สุขหฤทัยนิ่งคิด

คืนนั้นสุขหฤทัยใจอ่อน กำลังเดินนำกาวินทร์เข้ามาในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ดวงตาสุขหฤทัยยิ้มเจิดจ้า แต่แกล้งทำฟอร์ม
“จริงๆ ฉันไม่อยากมากับนายหรอกนะ..แต่ตามตื้ออยู่ได้ รำคาญ”
กาวินทร์ที่เดินตามหลังฉุนคุมอารมณ์ “อย่ารำคาญเลยนะครับ เพราะผมเห็นคุณแล้ว ชื่นใจ”
สุขหฤทัยแอบอมยิ้ม กาวินทร์เลื่อนเก้าอี้ให้เอาใจ

ช่างบังเอิญเหลือแสน เป็นจังหวะเวลาเดียวกับที่สุดาและสรวงมาทานอาหารที่นี่ และสุดาเดินเข้ามากับสรวงบอก
“ขอบใจมากลูก ที่มาทานข้าวเป็นเพื่อนแม่”
สรวงพูดเสียงอ่อนโยนแต่แฝงความเคลือบแคลงสงสัย “ผมเต็มใจทำให้คุณแม่ทุกอย่าง
อยู่แล้วครับ”
“แต่ช่วงนี้แม่เห็นสรวงท่าทางแปลกๆ ดูห่างจากแม่ไป”
“งานยุ่งนะครับไม่มีอะไรหรอก...ทานอะไรดีครับ” ยื่นเมนูให้
สุดารับเมนูมา แต่ต้องชะงักเมื่อมองไปเห็นกาวินทร์กับสุขหฤทัยที่อยู่ตรงโต๊ะอีกมุม สุดาตกใจรีบกลบเกลื่อน
“สรวงช่วยเลือกให้แม่หน่อย...แม่จะไปห้องน้ำ หลายๆอย่างเลยนะลูก แม่หิว”
สุดารีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

สรวงก้มหน้าก้มตาอ่านเมนู

ที่ด้านในของร้านอีกมุม กาวินทร์พะเน้าพะนอเอาอกเอาใจสุขหฤทัย จู่ๆ เสียงมือถือดัง สุขหฤทัยรับมาดูบ่นตามประสา
“โทร.มาทำไมเนี่ย” รับสายเสียงหวาน “มีอะไรคะคุณหญิงแม่”
สุดาอยู่ตรงอีกมุมในร้านอาหาร พูดเสียงเขียวสั่ง
“อยู่เฉยๆ อย่ากระดุกกระดิก”
“ทำไมคะ”
“ตาสรวงนั่งอยู่ข้างหลังเธอ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12/2 วันที่ 11 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager