@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/3 วันที่ 5 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/3 วันที่ 5 ต.ค. 55 

   สุดาจับตามเนื้อตามตัวภาพิศเหมือนเป็นห่วงเต็มประดา ภาพิศยิ้มดุพลางบอก
       “คนอย่างมัน ก็เก่งแต่ลับหลังเท่านั้นล่ะค่ะ”
      “แปลว่ามันไม่ได้ทำอะไรคุณน้องใช่มั้ยคะ? โอ๊ย! พี่ล่ะโล่งใจ ทีแรกพี่กลั๊วกลัวว่ามันจะตบน้อง จนลูกหลุดแล้วนะคะเนี่ย คุณน้องนี่เก่งสุดยอดจริงๆ เลย”
       “นี่ล่ะค่ะมือตบอันดับหนึ่ง คุณหญิงพี่ก็เคยเจอมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
       สุดาหน้าเจื่อน รู้สึกโกรธ และเสียหน้า แต่แกล้งยิ้ม “ใช่ค่ะ..ยังเจ็บฝังใจมาจนถึงเดี๋ยวนี้”
       “งั้นนังศุภาวีร์มันก็ต้องเจ็บฝังใจเหมือนกัน...และถ้ามันยังกล้า มันจะเป็นรายต่อไป ที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้”
       ภาพิศพูดแทบเป็นคำราม ก่อนจะเดินออกไป สุดาเหยียดยิ้มทั้งพึงพอใจ และสาแก่ใจมาก
     
       ขณะที่สุขหฤทัยแด๊นซ์กระจายอยู่กับก๊วนเพื่อนอย่างสนุกสนานนั้น จู่ๆ กาวินทร์ก็ตีหน้าเศร้าเดินเข้ามา เพื่อนในกลุ่มเห็นรีบสะกิด สุขหฤทัยหันไปมอง พอเห็นเป็นกาวินทร์ก็เบ้ปากใส่ ทำท่าเชิด กาวินทร์เห็น รู้สึกแค้นเคือง แต่ต้องข่มใจทำเป็นไม่มีอะไร เดินมาง้อ
       “คุณฤทัยครับ”
       สุขหฤทัยเชิดใส่ “จะมายุ่งอะไรกับฉันนักหนา น่ารำคาญ” เดินหนีไป
       “คุณฤทัยครับ” กาวินทร์รีบเดินตามไวๆ และเดินมาขวางหน้าไว้
       “เอ๊ะ!!ยังมาขวางทางฉันอีก อยากโดนดีรึไง”
       “คุณทำอะไรผม..ผมก็ยอม...เพราะผมรักคุณ” กาวินทร์เล่นละคร
       สุขหฤทัยเบ้ปากอย่างรังเกียจ “แต่ฉันขยะแขยงนาย!” พร้อมกับเดินเชิดออกไป
       “ฉันก็ขยะแขยงเธอเหมือนกัน”
       กาวินทร์มองตามอย่างอาฆาต ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นกลุ้มใจ
     
       กาวินทร์เดินเข้ามาในบ้าน เห็นเกริกยืนกระวนกระวายอยู่
       “อ้าว!พ่อ ป่านนี้ทำไมไม่นอน”
       “พ่อก็รอกาวน่ะสิ กาวไปไหน หมู่นี้พ่อไม่เห็นเลย โทร.ไปก็ไม่ติด”
       กาวินทร์รีบแก้ตัวกลบเกลื่อนแทนน้อง “อาจจะคลาดกันกับพ่อน่ะ บางวันผมยังเจอกาวอยู่เลย
       เดี๋ยวผมเจอน้อง ผมจะบอกให้แล้วกัน ว่าให้อยู่เจอพ่อก่อน” กาวินทร์เดินเลี่ยงไป
       เกริกงง บ่นตามหลัง “พ่อก็อยู่บ้านตลอด แล้วไปคลาดกับกาวกันตอนไหน”
       กาวินทร์ว่อนหน้า ไม่สบายใจหนัก
     
       พอเข้าห้องกาวินทร์พยายามโทร.หากรรณนรี แต่โทร.เท่าไหร่ก็โทร.ไม่ติด ได้แต่กระวนกระวาย
       “แกมีปัญหาอะไรของแกรึเปล่าวะกาว”
       กาวินทร์ทั้งกังวลและสงสัย  
     
       เวลาเดียวกัน กรรณนรีนั่งเศร้าร้องไห้เสียใจอยู่ในห้อง ในขณะที่สรวงยังอยู่ในออฟฟิศ นั่งดื่มอยู่คนเดียวจนเมามาย กลัดกลุ้มในใจ
     
       จังหวะหนึ่งสรวงเขียนหนังสือระบายความในใจ “ทำไมต้องเธอ” ตัวโตๆ ก่อนจะขีดฆ่าทิ้งอย่างปวดร้าวใจ
       คืนเดียวกันนั้น เกริกเอาแต่ชะเง้อชะแง้คอยมองไปทางหน้าบ้าน พลางกดมือถืออยู่ตลอดเวลา จังหวะนั้นสองป้าขาเม้าท์ประจำซอยเดินถือขนม กับผลไม้เข้ามาหา
     
       ป้าตั๊กแตนเอ่ยขึ้นนำร่อง “พ่อเกริก ฉันได้กล้วยมาฝาก”
       เกริกไม่ได้สนใจนัก “ขอบใจมากป้า”
       ป้าจักจั่นดูออก “ไม่สนใจพวกฉันเลย ...มัวโทรฯหาใครน่ะ”
       “กาวน่ะสิ...ช่วงนี้ฉันไม่ได้เจอลูกเลย”
       “ไปอยู่กับแฟนเค้ารึเปล่า” ป้าตั๊กแตนออกความเห็น
       เกริกฟังแล้วหน้าเสีย จักจั่นรีบเอ่ยขึ้น
       “ไม่มั้ง..ฉันอ่านเจอข่าวซุบซิบ เขาว่าช่วงนี้คุณสรวงเมาตลอด เลิกกันกับกาวแล้วรึเปล่า”
       “เหรอ” สายตาเกริกแอบยิ้มอย่างดีใจ
     
       เช้าวันต่อมา สรวงเดินอาการเซนิดๆ เข้าออฟฟิศมา นพมองมาเห็น ดูสภาพก็ตกใจ
       “ไม่สบายเหรอสรวง” นพรีบตรงเข้ามาหา พอเข้าใกล้จมูกก็ได้กลิ่นละมุดโชยหึ่ง “โห! ตกถังเหล้ามารึไงเนี่ย ไป..นั่งพักก่อน”
       นพประคองสรวงเดินเข้าไปข้างใน
     
       นพประคองสรวงพานอนบนโซฟาในที่ทำงาน
       “นี่ดื่มแต่เช้าเลยเหรอ”
       “นิดหน่อยครับ...” น้ำเสียงสรวงเนือยๆ ขณะนอนเอกเขนกท่าทีเบื่อๆ
       “สรวงก็รู้มันไม่ใช่การแก้ปัญหา” นพเป็นห่วง
       สรวงถอนหายใจหนักหน่วง “ผมรู้...แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าผมจะแก้ปัญหาครั้งนี้ยังไง”
       นพมองมาอย่างเห็นใจ
     
       ไม่นานต่อมา มะยมเดินดิ่งออกมาพบนพที่รออยู่หน้าออฟฟิศ
       “มีเรื่องอะไรเหรอคะคุณนพ..ถึงมาหามะยมถึงนี่”
       “เรื่องคุณกาว....กับนายสรวง”
       มะยมหน้าเสีย “อ้อ!งั้น...เชิญข้างนอกดีกว่าค่ะ”
       สองคนเดินออกไป ที่ด้านหลังนิคเดินออกมามองดู สงสัยใคร่รู้ว่านพมาทำไมแต่เช้า
     
       นพเดินคุยกับมะยมอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งนั้น ท่าทีของสองคนไม่สดชื่นนัก แต่ก็ไม่ถึงกับเครียด เหมือนปิยะมิตรที่มาปรึกษาหารือ เพราะห่วงคนที่รัก
       จังหวะหนึ่งมะยมเอ่ยขึ้นก่อน ใบหน้าเศร้าเสียงก็เศร้า
       “อย่างที่เราคุยกันที่ทะเลน่ะค่ะ มะยมก็ไม่เข้าใจจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้น กาวถึงได้เปลี่ยนไปเป็นอย่างนั้น”
       “สรวงเสียใจมาก”
       มะยมหน้าหมองลงไปอีก พูดเสียงเครือออกมา “ขนาดพ่อมีเมียน้อย มะยมยังเจ็บฝังใจมาจนถึงตอนนี้ แต่นี่....ผู้หญิงที่ตัวเองรัก...” สะเทือนใจจนน้ำตาคลอ พูดออกมาอย่างยากเย็น “เป็น...เป็น” กระแทกเสียงพูดออกมา “ผู้หญิงของพ่อตัวเอง” เสียงเครือหนัก “และถ้ามะยมหยาบคายกว่านี้ก็คงจะใช้คำอื่น” มะยมสุดจะกลั้นร้องไห้ออกมา “ดีแล้วค่ะที่คุณสรวงไม่กระอักเลือดตาย”
       นพสงสารเอื้อมมือมาแตะไหล่มะยมเบาๆเป็นเชิงปลอบให้กำลังใจ
       นิคตามมาเห็นภาพนั้นพอดี หน้าเจื่อน ตกใจ หลากหลายความรู้สึก อยากรู้ว่าสองคนคุยเรื่องอะไรกัน มะยมเป็นอะไร นพสนิทกับมะยมขนาดไหน หวงเพื่อน/น้อยใจเพื่อน มีอะไรทำไมไม่บอก
       นิคเดินหน้าบึ้งออกมา เลยไม่ทันได้เห็นมะยมเบี่ยงตัวออก พร้อมกับหัวเราะเบาๆ
       “ตาย....กลายเป็นคุณนพต้องปลอบมะยม” มะยมฝืนยิ้มเต็มที่ และพยายามทำตัวให้สดใส “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ มะยมเพียงแค่ห่วงกาว สงสารคุณสรวง”
       นพมองอย่างเอ็นดูแกมประทับใจ ว่าผู้หญิงคนนี้จิตใจดี และรักเพื่อนดีจัง
       “ผมก็รู้สึกเหมือนมะยมนั่นแหละ” น้ำเสียงนพขณะพูดออกมาฟังดูจริงจัง “คนที่มาทีหลัง มีแต่ทุกข์”
       มะยมพูดโดยที่ยังไม่ได้นึกถึงตัวเอง “เพราะคนที่มาทีหลัง ยังไงก็ผิดอยู่ดีโดย เฉพาะตำแหน่งอย่างกาว ..เราอย่าพูดถึงเรื่องเศร้าๆ เลยค่ะ คุยกันเรื่องสนุกๆ ดีกว่า”
       สองคนเดินคุยกันไป
       นพนั้น ไม่ได้สำเหนียกเลยว่า ในวันข้างหน้าคำพูด “คนมาทีหลัง” จะย้อนคืนมาใช้ในชีวิตเขา
     
       ที่สวนสาธารณะแห่งเดียวกันนั้น ขณะกรรณนรีเดินทอดน่องมาในอารมณ์เศร้า นิคเดินหน้าบึ้งสวนมาตรงหน้า สองคนชะงัก ไม่ได้เจอกันนานแล้ว นิคปากไวค่อนขอดตามประสา
       “นึกว่าแกจะมาเดินที่โลโซๆแถวนี้ไม่ได้ซะแล้ว”
       กรรณนรีสะท้อนใจ บอกนิคเสียงเศร้า “ฉันยังคิดถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกเรา”
       นิคมองมาด้วยสายตาไม่เข้าใจ “แล้วทำไมแกถึงทำความทรงจำที่ดีๆ ให้มันหายไป”
       “ฉันไม่รู้จะบอกพวกแกยังไง”
       นิคเสียงดุพูดแกมด่า “ก็พูดมาสิ มีอะไรก็พูดออกมา แกจะหุบปากทำไม? หรือที่แกไม่พูด เพราะคิดคำพูดแก้ตัวที่สวยหรูยังไม่ได้”
       “สิ่งที่ฉันทำไม่ใช่ฉันไม่เจ็บนะนิค ฉันเจ็บ ยิ่งพวกแกเกลียดฉัน ฉันก็ยิ่งเจ็บ แต่ ฉันพูดไม่ได้ พูดไม่ได้จริงๆ แกกลับมาเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันเหมือนเดิมได้มั้ย” กรรณนรีขยับเข้ามาหมายจะจับมือนิคขอร้อง
       นิคสะบัดออกเสียงดังใส่ “ไม่ได้...เพราะฉันไม่เข้าใจสิ่งที่แกทำ” มองจ้องหน้า “แกมีความลับกับเพื่อน แกก็ไม่เห็นว่าพวกฉันเป็นเพื่อน แล้วแกจะมาเรียกร้องให้เหมือนเดิมทำไม”
       กรรณนรีเสียใจจนร้องไห้ออกมา นิคมองอย่างสลด
       “มะยมมันก็ร้องไห้เสียใจไม่ต่างจากแกหรอก แต่มะยมมันมีคุณนพคอยปลอบ ไม่เหมือนแก แกเลือกที่จะทิ้งคุณสรวงเอง”
       นิคเดินหนีไป กรรณนรียืนนิ่งอึ้ง นึกทวนคำพูดนิค ก่อนรีบเดินไปในทางที่นิคเพิ่งเดินมา
     
       ด้านนพกับมะยมนั่งเล่นด้วยกัน นพเล่นกีตาร์ เป็นบทเพลงซึ้ง เศร้า มะยมก็นั่งฟังแบบเศร้าๆ สองคนนั่งกันนิ่งๆ ถึงจะไม่พูดอะไรออกมาแต่ก็มองกันเข้าใจกัน เป็นมิตรภาพอันดีงามไม่มีเรื่องชู้สาวเจือปน
       กรรณนรีเดินมา เห็นสองคนนั่งอยู่ด้วยกันอาการสนิทสนม แถมดีดกีตาร์ร้องเพลงอย่างซาบซึ้งในอารมณ์คนจีบกัน กรรณนรีตกใจยืนมองนิ่ง นึกถึงคำพูดสรวงที่เคยบอก
       “ รู้ไว้ด้วย พี่นพมีลูกมีเมียแล้ว นอกซะจากเธอตั้งใจเป็นเมียน้อยเค้า”
       กรรณนรีตกใจนึกเป็นห่วงเพื่อน “มะยม” ก้าวพรวดเข้าไปหา “มะยม”
       มะยมกับนพหันมามองอย่างแปลกใจ ก่อนจะลุกขึ้น กรรณนรีกับมะยมสองคนเผชิญหน้ากัน มะยมมองกรรณนรียังโกรธอยู่ หันไปบอกนพ
       “ไปค่ะคุณนพ บรรยากาศไม่ดีแล้ว ไปที่อื่นดีกว่า”
       มะยมเดินไป นพเดินตาม กรรณนรีเรียกไว้
       “เดี๋ยวมะยม ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
       มะยมแอบดีใจ “แกจะบอกใช่มั้ย ทำไมแกถึงไปยุ่งกับท่านอารักษ์”
       กรรณนรีเงียบ มะยมเห็นสีหน้ากรรณนรีก็นึกรู้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นโกรธ เฉยชาและปั้นปึ่งใส่ทันที
       “ถ้าไม่ใช่...ฉันก็ไม่มีอะไรต้องพูดกับแก”
       มะยมเดินหนีไปกรรณนรีคว้าแขนไว้ มะยมสะบัดออก กรรณนรีคว้าแขนนพอ้อนวอน
       “คุณนพช่วยพูดกับกับมะยมให้ฉันหน่อย”
       มะยมหันมามองเห็นก็ยิ่งโกรธ ปัดมือกรรณนรีออก “กาว..แกนี่มันยังไง? เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้”
       “งั้นแกก็พูดกับฉันสิ...ฉันจะได้ไม่ต้องอ้อนวอนคุณนพ ให้ขอร้องแก”
       “มีอะไรพูดจากันดีกว่าครับ”
       มะยมมองหน้ากรรณนรีแบบไม่อยากเห็นหน้า จึงเดินเลี่ยงไปทางอื่น กรรณนรีตามติด
     
       มะยมเดินมาหยุดยืนที่มุมหนึ่ง กรรณนรีตามมา
       “มีอะไรก็ว่ามา” มะยมถาม
       “แกกับคุณนพคบกันเหรอ”
       มะยมหันขวับมองกรรณนรีตาขวาง “มันไม่เกี่ยวอะไรกับแก หรือแกอยากได้คุณนพอีก”
       “คุณนพเค้ามีเมียแล้ว”
       มะยม อึ้ง งง เพราะไม่เคยคิดหรือมองนพแง่ชู้สาวมาก่อน ย้อนถามกรรณนรี “มีแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน”
       “แกก็ด่าแต่ฉัน แต่แกก็เป็นซะเอง แย่งแฟนคนอื่น หน้าไม่อาย สุดท้ายแกก็เลือกที่จะเป็นเมียน้อย”
       มะยมโกรธจัด ตบหน้ากรรณนรีอย่างแรงพร้อมกระชากคอขย้ำ น้ำเสียงตะคอก
       “ใคร? ใครเป็นเมียน้อย ใคร?”
       “ก็แกนั่นแหละ เมียน้อย”
       “ปากเสีย” มะยมตบสุดแรง กรรณนรีล้มลง มะยมมองเหยียด “เน่าคนเดียวไม่พอ ยังโยน
       ความเน่าให้คนอื่นอีก คนใจสกปรกตัวสกปรก อย่ามายุ่งกับฉันอีก” พร้อมกับเดินหนีไป
       กรรณนรีเดินตามแต่รีบลุกจนเสียงหลัก ร่างถลาล้มพรวด หัวกระแทกหินอย่างแรง กรรณนรีร้องสุดเสียง
       “โอ๊ย”
     
       มะยมหันกลับมามองเห็นกรรณนรีหน้าคว่ำอยู่กับพื้น แว่บแรกนึกเป็นห่วง แต่ตัดใจเดินหนีอย่างไม่แยแส
        มะยมเดินหนีมาเร็วๆ ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากเห็น แต่เสียงกรรณนรีร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดยังดังแว่วมา มะยมจำต้องเดินกลับไป
     
       กรรณนรีนั่งก้มหน้าร้องโอดโอย เพราะรู้สึกเจ็บมาก จู่ๆ มือมะยมยื่นออกมา บอกเสียงดุ
       “ลุก”
       กรรณนรีเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความดีใจ “มะยม”
       มะยมพูดเสียงมะนาวไม่มีน้ำ “หมาตกน้ำฉันยังช่วย นับประสาอะไรกับคน”
       กรรณนรีชักสีหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ “แต่สำหรับฉัน แกคือเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด...ไม่เป็นไร ฉันล้มเอง ฉันก็ต้องลุกเอง ในเมื่อวันนี้ฉันไม่เหลือใคร”
       “ใช่!แกไม่เหลือใคร เพราะแกทำตัวเอง”
       มะยมบอกเสียงเครือ เดินหนีน้ำตาไหลพราก ทั้งเสียใจและน้อยใจ ไม่หันมอง กรรณนรีที่ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเช่นกัน
     
       เห็นมะยมเดินมาน้ำตาไหลพราก นพตกใจ
       “เกิดอะไรขึ้นคุณมะยม”
       “ไม่มีอะไรค่ะ...กลับกันเถอะ”
       มะยมเดินลิ่วไปเลย นพเหลียวมองไปทางที่มะยมเดินมา แต่ไม่เห็นกรรณนรี นพเดินตามมะยมไป
     
       ด้านกรรณนรีเดินขากระเผลก หัวเจ็บ ร้องไห้มาตามทาง อย่างเดียวดายอ้างว้าง เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก
     
       ขณะที่สรวงนั่งทำงานอยู่ นพเดินมาเคาะประตู สรวงเงยหน้าขึ้นมอง นพปิดประตู บอก
       “พี่ไปหาคุณมะยมมา เจอคุณกาวด้วย...ไม่น่าเลยที่เพื่อนรักจะมาทะเลาะ”
       “เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความร้ายกาจของกรรณรี” สรวงสรุปอย่างโกรธๆ ก่อนบอกนพ “เลิกงานไปดื่มกันนะพี่
     
       สรวงมาเที่ยวผับกับนพ สรวงเอาแต่นั่งดื่มเหล้าเผากลุ้ม ราวกับดื่มน้ำแก้วต่อแก้ว นพต้องปราม
       “เฮ้ย!พอแล้ว พี่พามาดื่ม ไม่ได้พามาอาบ”
       “แต่ผมอยากเมา.. สนุกด้วยกันดีกว่าพี่นพ...เอ้า! ชน”
       นพชนไปงั้นๆ แต่สรวงดื่มยกดื่มรวดเดียวอีก นพมองอย่างเห็นใจก่อนจะลุกเดินเลี่ยงออกมา
     
       นพเดินออกมาด้านหน้าผับ ท่าทางกลุ้มใจหนัก โทร.หามะยมที่ยังอยู่ในออฟฟิศ ง่วนกับงานพิมพ์ต้นฉบับ เสียงมือถือดัง มะยมรับน้ำเสียงสดใส
       “ว่าไงคะคุณนพ”
       นิคทำงานอยู่ข้างๆ ได้ยินหันไปมองมะยมยิ้มงงๆ เพราะน้ำเสียงสดใสเกิ๊น
       “ขอโทษนะครับที่โทร.มากวนกลางดึก..คือ..นายสรวงแย่มาก”
       มะยมอึ้ง สีหน้าฉงน “คุณสรวงเป็นอะไรคะ”
       “ก็กลุ้มใจเรื่องคุณกาวตอนนี้เมาเละเทะอยู่ที่ผับ”
       มะยมฟังแล้วทำหน้าไม่สบายใจ
     
       มะยมเดินออกมาที่มุมหนึ่งของออฟฟิศ ท่าทีลังเลใจ ก่อนตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมา
       กรรณนรีอยู่ที่คอนโด เห็นมะยมโทร.มา แต่ไม่กล้ารับ ไม่อยากทะเลาะให้เสียใจไปมากกว่านี้
       ระหว่างนั้นนิคเดินตามออกมา เห็นมะยมออกอากาศโมโหและหงุดหงิด ก็นึกสงสัย
       “มีอะไร”
       “กาวมันไม่ยอมรับสาย”
       “ถ้ามันไม่อยากคุยด้วย แกก็ไม่ต้องคุยกับมัน”
       “ฉันไม่ได้อยากคุยกับมัน แต่ฉันเป็นห่วงคุณสรวง”
       มะยมว่าพลางกดโทร.หาอีก แต่กรรณนรีก็ไม่รับเช่นเคย
       “บ้าเอ๊ย! มันไม่ยอมรับสาย” มะยมหงุดหงิดหนัก
       “ก็ส่งข้อความไป” นิคบอก
       มะยมตัดสินใจส่งข้อความผ่านไลน์ กรรณนรีรับมาดู แล้วอ่าน
       “ฉันไม่ได้อยากคุยกับแก ที่โทร.มาเพราะอยากคุยเรื่องคุณสรวง”
       กรรณนรีร้อนใจ ตัดสินใจโทร.กลับไปทันควัน มะยมรับสายอย่างโมโห
       “เหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชายแกคงไม่โทร.กลับ แต่ก็ยังดี อย่างน้อยฉันก็รู้ว่า คนไม่มียางอายอย่างแก ยังมีหัวใจอยู่”
       “คุณสรวงเป็นอะไร” กรรณนรีโพล่งขึ้น
       “ทุกข์ใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนแกเพราะแก อยากรู้ว่าเป็นยังไงแกก็ไปที่...อลิสผับสิ หรือไปไม่ได้ เพราะต้องอยู่ออเซาะคอยปอกลอกคนแก่” มะยมวางสาย กรรณนรีหน้าซีดขาวราวกระดาษ
       นิคปรบมือดังๆ มะยมหันขวับไปมอง
       “ตบมือทำไม”
       “รู้เลย...หญิงไทยถ้าตั้งใจด่า ไม่แพ้ชาติใดในโลก”
       มะยมค้อนขวับ  
     
       กรรณนรีเดินแกมวิ่งเข้าไปในผับ ด้วยความเป็นห่วงสรวง กรรณนรีกวาดสายตามองไป
       แล้วเห็นสรวงลุกเดินเซๆ ออกจากโต๊ะ โดยมีนพห้าม แต่สรวงไม่ฟัง ปัดมือออก
       “ไม่เป็นไรพี่ผมไม่เมา...ผมแค่อยากสนุก..ผมอยากร้องเพลง” สรวงเดินไปที่เวทีขอกับนักดนตรี “ขอซักเพลงนะครับ”
       สรวงรับไมค์มาร้องเพลง เนื้อหาอกหัก สรวงร้องออกมาอย่างขมขื่น กรรณนรียืนฟัง น้ำตาไหลพรากสงสารสรวงจับใจ หวนคิดถึงภาพวันคืนเก่าๆ ระหว่างตนกับสรวง แล้วน้ำตาของกรรณนรีก็ยิ่งไหลออกมา น้ำเสียงขมขื่นที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกของสรวง กรีดแทงหัวใจกรรณนรีเต็มๆ
     
       เวลาต่อมานพประคองสรวงที่เมาปลิ้นเดินออกมาที่รถ บอกอย่างเป็นห่วง
       “ไง..บอกไม่ให้ดื่มเยอะ นี่เมาเละเทะเลย”
       “ผมไม่มาวๆๆ”
       “ขนาดไม่เมายังร้องซะสิบอัลบั้ม ถ้าเมาจะขนาดไหน เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามเมาแล้วขับ”
       นพหยิบเอากุญแจรถมาจากสรวง ประคองพาเข้าไปนั่งในรถ สภาพคอพับคออ่อนหลับ
       กรรณนรีเข้าไปช่วย “ฉันช่วยค่ะ”
       นพมองเห็นเป็นกรรณนรีก็ยิ้มดีใจ “ผมดีใจที่คุณมา”
       “เดี๋ยวฉันไปส่งคุณสรวงเองค่ะ”
       นพยื่นกุญแจให้กรรณนรีพลางว่า “ฝากนายสรวงด้วยนะครับ”
       กรรณนรียิ้มเยื้อนให้นพเป็นการรับคำ ก่อนขับรถพาสรวงออกไป นพมองตามยิ้มอย่างเอาใจช่วยเต็มที่
       “ขอให้ลงเอยกันด้วยดีเถอะ”
     
       กรรณนรีประคองสรวงที่เมามายแทบไม่ได้สติ พาเข้าไปในห้องนอนวางลงที่เตียง ในจังหวะนั้นเองร่างสูงใหญ่ของสรวงก็คว้าเอาร่างของกรรณนรีตามลงไปด้วยโดยไม่ตั้งใจ
       สรวงพูดระบายเสียงแผ่วๆ “กรรณรี...ทำไม..ทำไมต้องเธอ”
       กรรณนรีมองหน้าสรวง ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “โธ่...คุณสรวง” กรรณนรียกมือลูบหน้าสรวงอย่างรักเหลือแสน
       สรวงอาเจียนออกมา กรรณนรีตกใจ ลูบหน้าลูบตา ลับหลังไหล่ ปล่อยให้สรวงอาเจียนออกมา กรรณนรีวิ่งไปเอาผ้าเย็นมาซับหน้าซับตาให้
       สรวงนอนแผ่ลงหมดแรง “ฉันรักเธอ....ฉันรักเธอ”
       กรรณนรีจับมือสรวงมากุมไว้แนบกับแก้มร้องไห้ มองดูจนสรวงหลับไป กรรณนรีค่อยๆ ลุกเดินไปหยิบผ้าเย็น มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ก่อนจะหันมาทำความสะอาดห้อง โดยไม่มีความรังเกียจเลย
     
       รุ่งเช้าพระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ทอแสงเรื่อเรือง สรวงลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นกรรณนรีนอนซบหน้าหลับอยู่ในสภาพมือถือผ้าเย็นคาไว้ เหมือนคอยดูแลสรวงตลอดคืน
       สรวงมองจ้อง นึกสะท้อนใจ ทั้งรัก ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด เอื้อมมือออกไปทำท่าจะลูบเรือนผม แต่ชะงัก สีหน้าเปลี่ยนแปรมาเป็นบึ้งตึง เมื่อมองแล้วเห็นว่าตนอยู่ที่คอนโดกรรณนรี สรวงลุกพรวดลงจากเตียง แรงขยับของสรวง ทำให้กรรณนรีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
       “คุณสรวง...ดีขึ้นแล้วเหรอคะ” กรรณนรีขยับตัวจะเข้าไปหา
       สรวงมองมาอย่างดูถูก “ไม่ดี ตั้งแต่รู้ตัวว่า...ฉันได้มาอยู่ในที่สกปรกๆ” ชี้ห้อง “ตรงนี้”
       กรรณนรีน้ำตาคลอเบ้า “ซักวันคุณจะเข้าใจ”
       “จะเอาเหตุผลอะไรมาอ้าง ฉันก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำหรอก”
       สรวงเดินออกไป กรรณนรีผวาเข้าไปกอดสรวงเอาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น สรวงแกะมือออก
       “ปล่อยฉัน ปล่อย”
       “ฉันไม่ปล่อย” กอดสรวงไว้แน่นขึ้นอีก ร้องไห้ครวญคร่ำ “ทุกวันนี้ฉันอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ไม่ได้ต่างจากคุณเลย”
       สีหน้าสรวงขมขื่นเจ็บปวดใจ มือที่จะแกะมือกรรณนรีออก อ่อนยวบลง กุมไว้เฉยๆ
       กรรณนรีอ้อน “ขอฉันได้มั้ยคะคุณสรวง...หยุดเวลาไว้แค่นี้...เหมือนที่คุณเคยบอก ว่ามีแค่คุณกับฉัน ฉันอยากดูแลคุณ...เหมือนวันที่คุณดูแลฉัน...ขอฉันได้มั้ย?”
       กรรณนรีมองสรวงด้วยแววตาอ้อนวอนอยู่อย่างนั้น
       “ได้...ถ้าเธออยากดูแลฉัน”
     
       กรรณนรียิ้มกว้าง ดีใจอย่างยิ่ง
            เวลาต่อมากรรณนรีง่วนอยู่ในห้องครัว กำลังทำอาหารเช้าง่ายๆ ให้สรวง บรรยากาศหมางเมินและห่างเหินแตกต่างจากวันชื่นคืนสุขที่อยู่ทะเลสองคน
     
       สรวงยืนหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่มองกรรณนรีแม้แต่นิดเดียว กรรณนรีมองตาละห้อย เสียใจ น้อยใจ แต่ก็พยายามเข้าใจ ยกอาหารมาวางที่โต๊ะทานอาหาร
       “คุณสรวงคะ....อาหารเสร็จแล้วค่ะ”
       สรวงหันมามองบอกเสียงเรียบ “น่ากินดีนี่”
       “งั้นคุณสรวงทานเยอะๆ นะคะ”
       กรรณนรียิ้มละไม พลางยื่นจานไปให้ สรวงรับจานข้าวมาจับช้อนรวบ กรรณนรีมองอย่างดีใจ แต่แล้วสรวงกลับทำร้ายน้ำใจ ด้วยการเดินไปเทอาหารทิ้งใส่ถังขยะ อย่างไม่ใยดี
       กรรณนรีตกใจ น้อยใจ หน้าซีดเผือด จู่ๆ น้ำตาเจ้ากรรมก็รินไหลออกมาด้วยความเสียใจ
       “ทำไมคุณสรวงทำอย่างนี้ ไหนว่าจะให้ฉันดูแล”
       สรวงทำปั้นปึ่งเฉยชาใส่ พร้อมกับพูดเย้ยหยัน “เธออยากดูแลฉัน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากให้เธอดูแล...” เดินออกไป กรรณนรีจะตาม สรวงบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบในท่าทีอันเฉยชา “หยุดอยู่ตรงนั้น..อย่าเข้ามา เธอสกปรก เกินกว่าจะอยู่ใกล้ฉัน กรรณรี”
       พูดจบสรวงก็เดินออกไป กรรณนรีร้องไห้โฮถลาตาม
     
       ขณะที่สรวงกำลังก้าวออกไป อารักษ์เดินเข้ามาพอดี พออารักษ์เห็นลูกชายก็ตกใจ
       “สรวงมาที่นี่ทำไม”
       สรวงยิ้มเย้ยอยู่ในที “คุณพ่อก็น่าจะทราบนี่ครับ ว่าที่นี่มีอะไร”
       “แกหมายความว่า...?”
       สรวงกวาดตามองคอนโด “มากไปหน่อยนะครับ ที่คุณพ่อลงทุนกับผู้หญิงราคาถูกพรรณ์นั้น”
       กรรณนรีวิ่งร้องไห้ออกมา เห็นสรวงเผชิญหน้ากับอารักษ์ ก็ตกใจ อารักษ์กราดตามอง
       กรรณนรีสลับสรวง เห็นกรรณนรีร้องไห้ นายพลอารักษ์มองลูกชายอย่างโมโห

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/3 วันที่ 5 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager