@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนอวสาน[2] วันที่ 16 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนอวสาน[2] วันที่ 16 ต.ค. 55

รสาสีหน้ายังนิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่น้ำตาไหลออกมา ปรางทิพย์จับมือรสา
“พี่รสร้องไห้ แสดงว่า พี่รสก็รักพี่ภัคใช่มั้ยคะ”
ชีวินเจ็บจี๊ด ยืนตัวชาอยู่ที่หน้าห้อง รสาค่อยๆดึงมือออกจากปรางทิพย์แล้วปาดน้ำตา และพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“มันไม่สำคัญว่าพี่จะรู้สึกยังไงกับเค้า ตอนนี้ชีวิตพี่เดินไปข้างหน้า ไม่มีวันจะหันหลังกลับ และผู้หญิงคนนั้น ที่ทำให้ภคพงษ์เปลี่ยนแปลง คงไม่ใช่พี่หรอกค่ะ พี่ไม่สำคัญมากขนาดนั้น ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะคะ”
รสาพูดแล้วก็เดินลุกหนี ปรางทิพย์พยายามเรียกไว้
“พี่รส พี่รส พี่รสคะ”
รสาหยุดฟัง

“พี่ภัครักพี่รสจริงๆนะคะ ปรางไม่รู้ว่าพี่ภัคทำผิดอะไร ยกโทษให้พี่ภัคได้มั้ยคะ ปรางขอร้อง”
รสาเบือนหน้าหนี ไม่อยากจะยอมรับ แล้วก็เดินออกจากห้องไป ชีวินรีบหลบ รสาเดินผ่านไป ชีวินค่อยๆโผล่ออกมา มองตามด้วยแววตาเศร้าแล้วคิด
ปรางทิพย์นั่งอยู่ที่เดิมด้วยความกลัดกลุ้ม

บริเวณริมทะเล รสาเดินออกมาจากบ้าน แล้วก็หยุดคิดถึงสิ่งที่ได้ยินมา
“พี่ภัครักพี่รสจริงๆนะคะ ปรางไม่รู้ว่าพี่ภัคทำผิดอะไร ยกโทษให้พี่ภัคได้มั้ยคะ ปรางขอร้อง”
รสาส่ายหน้าไม่ให้อภัย ให้อภัยไม่ได้ แล้วก็เศร้า ชีวินยืนมองรสาจากมุมหนึ่งแล้วก็มีสีหน้าหนักใจ เศร้า และ เป็นห่วง




ฝนเวลาต่อมา พิทยากับคัพเค้กพูดขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นชีวินกำลังเก็บข้าวของ
“เข้ากรุงเทพ”
“ใช่ ผมมีธุระต้องไปทำ”
“ธุระอะไร ทำไมต้องรีบแบบนี้ด้วยคะ” คัพเค้กถาม
ชีวินวางมือจาการเก็บของแล้วตอบ
“ธุระ สำคัญมาก”
ชีวินหันไปหยิบกระเป๋า พิทยาและคัพเค้กทำหน้าเหวอๆ
“ถ้าพี่พิทกับคัพเค้กจะอยู่ต่อก็ได้นะครับ ผมขอกลับก่อน”
ชีวินพูดแล้วก็เดินไปเลย
“อ้าวเฮ้ย ที่พวกฉันมา เพราะจะมาช่วยแกจัดงาน แกไม่อยู่ แล้วฉันสองคนจะอยู่ทำด๋อยอะไร กลับด้วยสิเว้ย”
พิทยาลุกตามไปอีกคน คัพเค้กรีบหันไปหยิบกระเป๋า
“ว้าย ไปด้วยสิคะ ไปกันหมด แล้วคัพเค้กจะอยู่กับใคร ไปด้วยค่า”
สามคนรีบเดินพรวดพราดออกไป ห้าวมองตามด้วยความแปลกใจ
“มันเกิดอะไรขึ้น”

ปรางทิพย์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่ง
“ตอนนี้ปรางอยู่กับพี่รสค่ะ ภารกิจยังไม่สำเร็จ ปรางขออยู่ต่อนะคะ ม่ต้องห่วงค่ะ ที่นี่เป็นรีสอร์ต ปรางอยู่ได้ค่ะ แค่นี้นะคะคุณแม่ ถ้ามีอะไรคืบหน้า ปรางจะรีบรายงาน ถ้าปรางทำให้พี่รสเปลี่ยนใจไม่ได้ปรางจะไม่กลับค่ะ”
ปรางทิพย์พูดด้วยความมุ่งมั่น ปรางทิพย์วางสายไป

ภคพงษ์เดินสีหน้าอมทุกข์เข้ามาในบ้าน สายใจรีบเดินเข้ามารายงาน
“คุณภัคคะ มีคนมาขอพบค่ะ”
ภคพงษ์มองด้วยความแปลกใจ

ภายในห้อง ชีวินยืนมองดูรูปพรตอยู่ ภคพงษ์เดินเข้ามาทางด้านหลังแล้วพูดขึ้น
“คุณพ่อผมเอง”
ชีวินหันมา
“ผมทราบและผมก็ทราบแล้วว่าคุณแม่คุณเป็นใคร”
ภคพงษ์ชะงักนิดๆ มองหน้าชีวิน ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน
ชีวินเปิดฉาก
“ที่ผมมาวันนี้ ผมมีเรื่องจะขอความร่วมมือ”
ภคพงษ์รอฟังอย่างตั้งใจ

“คุณก็ทราบดีว่า ผมกับรสกำลังจะแต่งงานกัน เพื่อความสบายใจของเราสามคน ผมขอร้องให้คุณปล่อยรสมาให้ผม”
ชีวินพูดตรงๆ ภคพงษ์หันมามองหน้า และพูดตรงๆ เช่นกัน

“ผมก็ไม่ได้จะเหนี่ยวรั้งอะไรเค้าไว้ และที่สำคัญ ผมก็ไม่มีสิทธิจะรั้งเค้าไว้ เพราะเค้าไม่ได้เลือกผม เค้าเลือกคุณ คุณก็รู้”
“ใช่ รสเลือกผม แต่เค้าไม่ได้มาร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะคุณ คุณไม่ได้เหนี่ยวรั้งด้วยการกระทำ แต่คุณรั้งรสไว้ด้วยความรู้สึก ความรักของคุณทำให้รสไม่หลุดออกจากคุณ”
“แล้วคุณจะทำให้ผมทำยังไง”
ชีวินพูดเสียงเข้ม แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“หยุดความรักที่คุณมีต่อรส หยุดรักเธอ และปล่อยเธอไป”
ภคพงษ์อึ้ง เศร้าและคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงได้แต่ทรุดตัวลงนั่งต่อหน้าชีวิน
ชีวินหยิบโทรศัพท์ออกมาวางไว้บนโต๊ะ และเลื่อนมาข้างหน้า
“พูดออกมาว่าคุณไม่รักรสแล้ว เพื่อความสุขของเธอ คุณทำได้หรือเปล่า”
ภคพงษ์อึ้งคิดหนัก ชีวินรอด้วยใจระทึก ทั้งสองคนมองหน้ากันภายใต้บรรยากาศกดดันสุดๆ

ในเวลาต่อมา ชีวินเดินยิ้มนิดๆออกมา ในมือถือโทรศัพท์ไว้ ภคพงษ์ยืนอยู่ในบ้าน สีหน้าเศร้าโคตรๆ

ท้องทะเลยามเช้าวันต่อมา ปรางทิพย์เดินวนไปมาด้วยอาการครุ่นคิด ห้าวกำลังเสิร์ฟอาหารเช้าให้ลูกค้าคนอื่นอยู่ก็เดินมาหาวิมลที่กำลังจัดอาหารใส่จาน
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครน่ะป้า เห็นมาคุยกับรสตั้งแต่เมื่อวาน แถมยังเช่าห้องพักแบบไม่มีกำหนดกลับอีก”
วิมลเงยหน้ามองนิดๆแล้วบอก
“น้องสาวคุณภคพงษ์”
ห้าวหันขวับมาทางวิมล
“หะ น้องสาวไอ้ไฮโซนั่นน่ะนะ แล้ว เค้ามาทำไม มาทำอะไร”
วิมลชักสีหน้าบอก
“เค้าจะมาทำไม มาทำอะไรก็เรื่องของเค้า มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของแก เอาอาหารไปเสิร์ฟ เนี่ยหน้าที่ของแก ไป”
วิมลวางจานอาหารลงบนถาดแล้วก็ส่ายหน้าด้วยความเซ็ง
“อยู่น้องๆสาวไอ้ไฮโซก็มา แล้วอยู่ๆไอ้ชีวินมันก็กลับกรุงเทพไม่บอกไม่กล่าว สถานการณ์แปลกๆเว้ย ไม่น่าวางใจ”
ชีวินเดินหน้านิ่งๆเข้ามาพอดี ห้าวมองด้วยความแปลกใจ
“เฮ้ย เมื่อวานเพิ่งไป วันนี้มาอีกแหละ มั๊ยล่ะ แปลกจริงๆด้วย”
ชีวินกับห้าวสบตากัน ชีวินไม่สนใจเดินเลี่ยงไปที่บ้านพักของรสาทันที

ชีวินกับรสานั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขก รสาถามด้วยความแปลกใจ
“วินจะให้รสฟังอะไรนะ”
“ฟังคำสารภาพของภคพงษ์ รสจะได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้จริงๆแล้วคิดอะไรกันแน่”
รสาสะอึก ชีวินวางโทรศัพท์ที่อัดเสียงไว้ตรงหน้ารสา รสารอฟังด้วยความตื่นเต้นลึกๆ

ภคพงษ์นั่งอยู่ด้วยความลำบากใจ ขณะที่ชีวินกำลังอัดเสียง
“รสาเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนคนอื่น เธอทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากเธอได้ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน”
ภาพของรสาที่ภคพงษ์เจอครั้งแรกในงานแต่งงานของเพื่อนที่สวน
รสานั่งฟังและพยายามคุมสติ
“เธอมีอะไรบางอย่างที่ดึงให้ผมต้องสนใจเธอ ความไม่ยอมคน ความไม่ยอมแพ้ ทำให้ผมยิ่งอยากเอาชนะ”
บรรยากาศที่ภคพงษ์กับรสาแกล้งกันไปมา ทั้งตอนไปดูโอ่งที่ราชบุรี ตอนไปเที่ยวทะเล ผ่านเข้ามา
ภคพงษ์นั่งพูดต่อ
“ผมสนใจรสา เพราะผมต้องการเอาชนะเธอ”
ภคพงษ์กัดฟันพูดด้วยความเศร้า ตาเริ่มแดงๆ ชีวินมองหน้าภคพงษ์อย่างไม่วางตา จับสังเกตทุกคำพูด
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่สนใจผม เพราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่ผมต้องการ คือทำให้รสารักผมให้ได้”
รสานั่งฟัง ใจเต้นโครมคราม ดวงตาร้อนผ่าว ความผิดหวังค่อยๆเพิ่มขึ้น
ชีวินมองหน้ารสาอย่างไม่วางตาเช่นกัน รสานั่งฟังด้วยตาร้อนผ่าน กำมือแน่นด้วยความเสียใจ
ภคพงษ์กำมือแน่นกัดฟันพูดต่อ
“ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักจากเธอ ทั้งๆที่ ผมไม่ได้รักเธอเลย ทุกอย่างที่ทำ เพื่อต้องการเอาชนะเธอเท่านั้น”
รสา ตาแดงกร่ำ และน้ำตาก็ค่อยๆร่วงลงมา ชีวินมองแล้วก็เศร้าใจ ชีวินคิดดหนัก
“ผมไม่เคยรักรสา ทุกสิ่งที่ผมทำเพื่อจะเอาชนะเธอเท่านั้น รวมทั้งคลิปเสียงของปรางทิพย์ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริง ความจริงคือผมไม่เคยรักเธอ”
ภคพงษ์น้ำตาร่วง ไม่ต่างจากรสา ชีวินมองด้วยความเศร้าใจหนักกว่าเดิม

ภคพงษ์ร้องไห้แบบแมนๆ น้ำตาไหล ทั้งที่หน้ายังนิ่ง และเสียงไม่สั่น
รสาร้องไห้ น้ำตาร่วงรินอาบสองแก้ม แต่หน้านิ่ง กดข่มความรู้สึกสุดๆ ชีวินกดปิดหยุดเสียงที่บันทึกไว้แล้วก็พูดขึ้น

“รส ผมตัดสินใจแล้ว ผมขอยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมด”
รสาอึ้ง ชีวินพูดต่อ
“เราแต่งงานกันไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้รักผม”
รสาอึ้งไปมองหน้าชีวิน
“วิน”
“คุณรักภคพงษ์ และเค้าก็รักคุณ รักมากด้วย”
รสาอึ้ง
“แต่สิ่งที่เค้าพูดเมื่อกี้ วินก็ได้ยิน”
ชีวินพูดต่อ
“ภคพงษ์โกหก เค้ายอมที่จะเจ็บปวดเพื่อปล่อยให้คุณมีความสุข สิ่งที่เค้าพูดมาทั้งหมด มันไม่ใช่ความจริง และเค้าก็เสียใจมากที่ต้องพูดแบบนี้”
“วิน พูดอะไร รสไม่เข้าใจ”
“วินบอกว่า รสยังตัดใจจากเค้าไม่ได้ เพราะความรักของเค้า ถ้าเค้าอยากให้รสมีความสุข ต้องพูดว่าเค้าไม่ได้รักรส และผู้ชายที่แสนจะถือตัว เย่อหยิ่ง ทะนงตน ก็ยอมทำ ยอมที่จะเป็นผู้ร้าย เป็นคนผิด ยอมให้รสเกลียด เพื่อรสจะได้มีความสุข”
ชีวินมองจ้องหน้ารสา
“สิ่งที่เค้าทำ มันพิสูจน์แล้วว่า ภคพงษ์รักรส มากกว่าที่วินรัก”
รสาอึ้ง ชีวินพูดต่อ
“เพราะถ้ามีคนมาสั่งให้วินพูดว่าวินไม่รักรสแล้วเพื่อปล่อยให้รสไปรักคนอื่น วินคงทำไม่ได้”
รสามองชีวินด้วยความสงสาร ชีวินหยิบการ์ดแต่งงานที่วางกองแล้วก็ทิ้งขยะ
“การ์ดพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว”
รสาตกใจนิดๆ
“วิน”
“วินไม่ได้ทิ้งประชดให้สะใจนะ แต่วินขอยกเลิกงานแต่งงานจริงๆ รสคงไม่ว่าอะไรวินนะ”
“รส รส”
จู่ๆ รสาก็พะอืดพะอม แล้วก็ลุกพรวดขึ้นไปที่ห้องน้ำ แล้วก็อาเจียนเสียงดังออกมา ชีวินมองด้วยความแปลกใจ
“รส”
รสาอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ อาเจียน อาเจียน และอาเจียน

ปรางทิพย์เดินเข้ามา เห็นการ์ดแต่งงานอยู่ในถังขยะก็มองอย่างงงๆ พลางหยิบขึ้นมามองดูด้วยความสงสัย

รสาอาเจียนอยู่ในห้องน้ำจนหมดไส้หมดพุงก่อนจะล้างปากและเดินออกมา ชีวินยืนรออยู่
“รสเป็นอะไร แค่วินยกเลิกงานแต่งงานถึงกับอาเจียนใส่หน้าเลยเหรอ” ชีวินพูดยิ้มๆ
มุมหนึ่งไม่ห่างกัน ปรางทิพย์เดินเข้ามาพอดีก็ชะงัก
“ยกเลิกงานแต่งงาน”
ปรางทิพย์รีบเข้ามาแอบฟัง ด้วยความเป็นห่วง รสามองชีวินด้วยความเสียใจ
“วิน เรื่องงานแต่งงานของเรา”
รสาจะพูดต่อ แต่ ชีวินส่ายหน้า
“ไม่ต้องพูดแล้วรส วินตัดสินใจแล้ว”
รสาคิดหนัก แต่ก็ต้องยอม
“รส ขอโทษนะวิน”
“ไม่ต้องขอโทษ เพราะวินไม่โกรธรสอยู่แล้ว รสก็รู้”
“ขอบใจมากนะวิน รสขอบใจมาก วินเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ดีที่สุดในโลกเลย”
“แต่มันก็ยังไม่ดีพอที่รสจะรัก”
รสาชะงักไปนิดๆ แววตารู้สึกผิด
“แต่ก็อย่างว่าความดีกับความรักมันเทียบกันไม่ได้ แล้วมันก็แทนกันไม่ได้”
“ผู้หญิงคนไหนที่ได้แต่งงานกับวิน จะต้องโชคดีมากๆ รสคงไม่มีบุญพอ”
ชีวินยิ้มเขินๆ
“วินก็คงไม่มีวาสนาจะได้แต่งกับรสเหมือนกัน”

ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความเข้าใจ ความเป็นเพื่อนกลับมาอีกครั้ง
ความรู้สึกดีๆ ทำให้วิกฤติคลี่คลายได้ อย่างมหัศจรรย์ ชีวินถามตรงๆ

“รสไม่ต้องแต่งงานกับวินแล้ว รสจะทำยังไงเรื่องภคพงษ์”
รสาหุบยิ้ม
“รสไม่แต่งกับวิน ไม่ได้แปลว่ารสจะได้อภัยเค้า”
ปรางทิพย์แอบเศร้านิดนึง ชีวินถามต่อ
“ทำไม”
“รสไม่อยากเป็นเหมือนพิม รักคนที่จิตใจหยาบ รักคนที่พร้อมจะทำลายทุกอย่าง แม้แต่คนที่ตัวเองรัก รสอยู่กับคนแบบนั้นไม่ได้”
“รสไม่ควรจะเอาตัวเองไปเปรียบกับพิม เพราะไอ้วาริชมันไม่ได้รักพิม แต่ภคพงษ์ไม่ใช่ รสต้องเลิกดูที่ความผิดถูก แต่ต้องดูทีหัวใจ ดูว่ารสรู้สึกยังไงกับภคพงษ์”
ปรางทิพย์แอบฟังแล้วก็อมยิ้มนิดๆ..พอใจกับคำพูดของชีวิน
“ ไม่ว่ารสจะดูจากอะไร รสก็ไม่มีทางไว้ใจคนอย่างภคพงษ์”
ชีวินส่ายหน้าแล้วก็นึกบางอย่างได้
“ดื้อจริงๆ เฮ่อ เออ แล้วรสอาเจียนแบบนี้ มานานหรือยัง”
“ก็สามสี่วันแล้ว กินอะไรก็ไม่ค่อยลง เวียนหัว แล้วก็อาเจียน ช่วงเช้าจะเป็นหนักหน่อย”
ชีวินชะงักคิดถึงคำพูดของภคพงษ์ที่มาระยองเมื่อครั้งที่แล้ว
“แต่รสากำลังจะเป็นภรรยาของผม ผมต้องเกี่ยว คุณมีอะไรก็พูดมาตรงนี้ พูดออกมาเลย”
“คงต้องถามรสาอนุญาตให้ผมพูดหรือเปล่า เรื่องระหว่างเราสองคน มันลึกซึ้งจนบางที เธออาจจะไม่อยากให้คนอื่นรู้”
ชีวินเริ่มเอะใจ
“ รส ขอถามหยาบคายหน่อยนะ ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
รสาคิด
“ก็ประมาณ...”
รสาไม่กล้าพูดออกมาว่าสองเดือนที่แล้ว
ชีวินมองหน้ารอคำตอบ รสาเงียบตอบไม่ได้ ชีวินเหมือนจะรู้คำตอบทันที ชีวินพูดต่อ
“รส ไปตรวจเถอะ วินพาไปเอง”
รสาคิดตามก็ใจหายวาบ ชีวินมองด้วยความเห็นใจและเป็นห่วง ที่หน้าห้อง ปรางทิพย์อึ้ง เฮ้ย หรือว่า...

ปรางทิพย์รายงานสดจากภาคสนามถึงภคพงษ์ทันที
“จริงเหรอปราง”
ปรางทิพย์รีบรายงาน
“จริงค่ะ ปรางได้ยินกับหูเลยค่ะ งานแต่งงานยกเลิกแล้ว และคุณชีวินก็ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้พี่รสให้อภัยพี่ภัคด้วยนะคะ พี่รสเหมือนจะใจอ่อนแล้วค่ะ พี่ภัค รีบมาหาพี่รสตอนนี้เลยนะคะ”
ภคพงษ์รีบบอก
“โอเค พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ปรางนึกได้รีบพูดขึ้น
“พี่ภัคคะ ยังมีอีกเรื่องนึงค่ะ แต่ปรางยังไม่บอกตอนนี้ดีกว่า รอให้ปรางแน่ใจกว่านี้ก่อน แล้วจะรีบบอก พี่ภัคขับรถดีๆนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
ภคพงษ์ไม่ติดใจเพราะห่วงจะไปหารสาอย่างเดียวเท่านั้น
“ครับ เจอกัน เอ่อ ปราง ขอบใจมาก น้องสาว”
ปรางทิพย์ยิ้มรับ
“ด้วยความยินดีเลยค่ะพี่ชาย”
ปรางทิพย์ยิ้มสดใส วางหูไปอย่าง ลุ้นๆ

ภคพงษ์วิ่งมารื้อของที่โต๊ะ แล้วก็เจอกล่องแหวนแต่งงานที่เตรียมไว้ที่จะขอรสาหลายครั้งแล้ว ไม่ได้ขอสักที ภคพงษ์มองแล้วก็ยิ้ม รีบหยิบมากำไว้และวิ่งออกไป

ทันทีที่ห้าวรู้ข่าวก็โพล่งขึ้นมาด้วยความดีใจ
“ยกเลิกงานแต่งงาน”
ชีวินทำหน้าเซ็งๆ พร้อมกับวิมลหันมาเอ็ดห้าว
“ทำไมต้องแหกปากด้วยวะไอ้ห้าว” พร้อมถาม

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนอวสาน[2] วันที่ 16 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ