@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/2 วันที่ 4 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/2 วันที่ 4 ต.ค. 55 

       ขณะที่อารักษ์มองกราดไปที่นิคกับมะยม ถามอย่างแปลกใจ
      “พวกเธอมาที่นี่ทำไม?” มองกรรณนรี พอเห็นกรรณนรีร้องไห้รีบเข้าไปโอ๋ “หนู…
       หนูเป็นอะไร” อารักษ์มองนิคกับมะยมอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเค้าทำร้ายหนูใช่มั้ย” นายพลสูงวัยลุกขึ้นชี้หน้าไล่ตะเพิด “ออกไปเลยนะ พวกเธอสองคนออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
       กรรณนรีตกใจรีบห้าม “อย่าค่ะท่าน”
       อารักษ์เสียงแข็ง “ไม่ต้องห้าม ดูก็รู้ว่าพวกเค้ามาเพื่อทำร้ายหนู” พูดพลางกอดกรรณนรีอย่างปกป้อง ออกไป”
       มะยมมองอารักษ์อย่างรังเกียจ และไม่ให้เกียรติอีกต่อไป “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนฉัน”
       อารักษ์ตะคอก “คุยเหรอ? เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ? ออกไป..ฉันบอกให้ออกไป”
       กรรณนรีตัดบทเพื่อตัดปัญหา “กลับก่อนเถอะ”
       นิคกับมะยมบอกเป็นเสียงเดียวกัน “แต่แกมีเรื่องจะบอกฉัน”
       อารักษ์สงสัย “เรื่องอะไร”
       “ไม่มีค่ะ...” กรรณนรีหันไปพูดกับสองเพื่อน “ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับพวกแก กลับไปก่อน เร็ว”
       นิคกับมะยมมองกรรณนรีอึ้งๆ ทั้งผิดหวัง และเข้าใจผิดไปใหญ่ โดยไม่รู้ว่ากรรณนรีกลัวมีเรื่อง จึงรีบตัดบท
       “กลับไปสิ”
       มะยมกับนิคมองกรรณนรี เสียใจมาก
       “ได้...ฉันจะกลับ”
       อารักษ์ขึ้นเสียง “ก็กลับไปเลย มายืนจ้องหน้าอะไร ไม่มีมารยาท ไป๊”
       มะยมกับนิคมองกรรณนรี ทั้งผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวดร้าวราน มะยมร้องไห้สะบัดหน้าไป นิคเหลียวมามองกรรณนรี ด้วยความรู้สึกผิดหวังเสียใจไม่ต่างกัน ก่อนจะวิ่งตามมะยมออกไป
     
       มะยมวิ่งร้องไห้มาตามทางหน้าคอนโด นิคตามมาทันคว้าไหล่เพื่อนรักมากอด มะยมน้ำตาคลอ เจ็บปวดผิดหวังกรรณนรีเหลือแสน
       “แกเห็นแล้วใช่มั้ยนิค กาวกับท่านอารักษ์...กาวมันเปลี่ยนไปจริงๆ”
       “ใช่...กาวเปลี่ยนไป”
       “ต่อไปฉันจะไม่ยุ่งกับมันอีก ฉันจะไม่คบกับมันอีก”
       นิคพยักหน้าเอาด้วย “ฉันเข้าใจ...” นิคเหลียวมองกลับไปที่คอนโดกรรณนรี “ความเป็นเพื่อนของเรา คงจบกันแค่นี้กาว ไป”
       นิคกอดคอมะยมเดินออกไป สองคนเสียใจมากที่ต้องเสียกรรณนรีไปในสภาพที่คาดไม่ถึง
     
       ส่วนภายในห้อง อารักษ์พยายามกอดหมายจะปลอบกรรณนรี ทว่าถูกกรรณนรีผลักออก อารักษ์มอง สีหน้าระแวง
       “พวกมันสองคนมาเป่าหูหนูใช่มั้ย”
       กรรณนรีงง “เป่าหูอะไรคะ”
       “ก็ทำให้หนูรังเกียจฉันไง...” อารักษ์ระแวงผสมกังวล “ใช่....มันสองคนต้องมาว่าหนู ต้อง
       มาทำให้หนูเสียใจ” นายพลนักรักอ้อนวอน “หนู...ฉันยังไม่แก่นะ...ฉันยังสมาร์ท ฉันยังอยู่ดูแลหนู คอยปกป้องหนูได้อีกนาน”
       กรรณนรีมองอย่างสมเพช แต่ในขณะเดียวกันก็คิดแผนในใจ โต้ตอบอารักษ์ทันที
       “ปกป้องได้เหรอคะ? แล้วทำไมท่านถึงปล่อยให้คุณภาพิศไปด่าหนูถึงสำนักพิมพ์”
       อารักษ์ตกตะลึง “ว่าไงนะ? ภาพิศไปด่าหนูถึงสำนักพิมพ์”
       “ค่ะ...เค้าทำให้หนูอับอาย เพื่อนๆ รังเกียจหนู....” กรรณนรี บีบน้ำตาตีหน้าเศร้า ใส่จริต “ตอนนี้ ใครๆ เค้าก็เข้าใจผิดไปหมดแล้วว่าหนูเป็นเมียน้อยท่าน”
       เบื้องแรกอารักษ์ยิ้มอย่างดีใจ กรรณนรีเห็นสีหน้าอารักษ์ก็ยิ่งนึกรังเกียจ
       “แต่หนูไม่ยอมนะคะ หนูไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าหนูว่าเป็นเมียน้อยเด็ดขาด ท่านต้องจัดการให้หนู”
       อารักษ์เสียงเข้ม “ได้..ฉันจะจัดการให้หนู.....รับรองภาพิศจะไม่กล้ามายุ่งกับหนูอีกเป็นอันขาด” หน้าตาอารักษ์ดุดัน และจริงจังมากขณะคว้ากรรณนรีมากอด
       กรรณนรียืนนิ่งคิดในใจ “แล้วแม่จะได้รู้....ผู้ชายคนนี้มันเลวแค่ไหน? แม่จะได้หลุดพ้นจากมันซะที”
       สายตาที่กรรณนรีมองอารักษ์ มีแต่ความเคียดแค้นชิงชัง แต่อารักษ์ไม่ทันสังเกตเห็นเพราะมัวแต่โกรธภาพิศ
     
       ค่ำคืนนั้น ภาพิศถามย้ำกับอารักษ์ ในอาการตกใจสุดขีด หน้าซีดเผือด
       “อะไรนะคะ ท่านจะให้ภาออกจากบ้าน”
       “ใช่!” ภาพิศมองจ้องพูดไม่ออก อารักษ์พูดต่อ “ตอนแรกฉันยังคิด ถึงจะเลิกรากันไป แต่ฉันยังจะให้เธออยู่ที่นี่ มีความสุขสบายเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เธอฉีกหน้าฉัน เธอไม่ไว้หน้าฉัน”
       ภาพิศงุนงง ย้อนถามอย่างตกใจ “ภาฉีกหน้าท่าน ภาไม่ไว้หน้าท่านยังไงคะ”
       “แล้วการที่เธอบุกไปหาหนูศุ ไปอาละวาดตบตีหนูศุ มันแปลว่าอะไร”
       ภาพิศหน้าถอดสี ขมขื่น และเจ็บปวดรวดร้าวในใจ ขณะที่อารักษ์ด่าว่าต่ออีก
       “ขนาดคุณหญิงสุดา เค้ายังไม่ทำ แต่เธอทำ เธอกล้ามาก ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย ภาพิศ” นายพลนักรักชี้ไปทางประตู ภาพิศร้องไห้โฮ
     
       เช้าวันต่อมา ในขณะที่สรวงทำงานอยู่ เสียงโทรศัพท์ดัง สรวงรับ
       “ครับ..คุณภาพิศ”
       ภาพิศดวงหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ท่าทางเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืนคุยสาย
       “ท่านไล่พี่กับลูกออกจากบ้าน”
       สรวงตกใจมาก “ว่าไงนะครับคุณพ่อไล่คุณออกจากบ้าน”
       “ค่ะ...นี่พี่ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน มัวแต่คิด กลุ้มใจ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร พี่รบกวนขอไปหาคุณสรวงนะคะ”
       “ครับ” สรวงรับคำ ในอาการกลัดกลุ้มมาก
     
       ภาพิศวางสายดวงตาวาวโรจน์อย่างคนไม่ยอมแพ้ ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับกรรณนรีแน่นอน
  ภาพิศพาตัวเองมาคร่ำครวญอยู่ต่อหน้าสรวงที่ห้องทำงานของเขา ในสภาพน้ำตาไหลพราก ทุกข์หนักกับสถานการณ์ในชีวิต เสียใจ แต่ไม่ได้ฟูมฟายแต่อย่างใด
     
       “พี่ไม่เคยคิดจริงๆเลยว่าท่านจะหลงหนูก้าง และหนูก้างจะทำกับพี่ได้ถึงขนาดนี้... ฮึ!! ทีแรก พี่ก็นึก..ศุภาวีร์คือใคร? ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะเป็นหนูก้าง” ภาพิศก้มหน้าซบลงกับฝ่ามือร้องไห้สะอึสะอื้น
       สรวงมองภาพิศอย่างเห็นใจ “คุณพ่ออาจจะแค่หลงเค้า”
       “แต่ก็ทำให้ท่านไล่พี่ออกจากบ้านได้”
       “ท่านอาจจะพูดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ” สรวงพยายามปลอบ
       ภาพิศพูดออกมาทั้งโกรธและเสียใจ “แต่คำพูดของท่าน มันก็ทำลายทุกอย่างไปหมดแล้ว” แว่บหนึ่งนั้นภาพิศหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน “พี่อุตส่าห์ทิ้งครอบครัวมาอยู่กับท่าน ไม่คิดจริงๆว่าจะมีวันนี้ นี่ถ้าไม่มีลูกในท้องพี่คง...” ภาพิศเอามือลูบท้องตัวเอง
       สรวงมองภาพตรงหน้าอย่างเวทนา “ยิ่งมีลูก..คุณยิ่งต้องเข้มแข็ง... คิดถึงลูกให้มากกว่าตัวเอง..” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นขมขื่น “เพราะลูกจะไม่มีวันทิ้งคุณ...”
       “...เหมือนท่าน” ภาพิศต่อคำ น้ำตาคลอ
     
       ภาพิศเดินออกมากับสรวง นพเห็นพอดีมองอย่างตกใจ ก่อนจะฉากหลบทำเป็นดูเอกสารบนโต๊ะง่วน ภาพิศบอกด้วยท่าทางที่ดีขึ้น
       “ขอบคุณมากค่ะคุณสรวง...ที่รับฟังพี่..เข้าใจพี่ พี่จะเข้มแข็ง เพื่อลูก” ภาพิศนึกได้ “ความจริงพี่ไม่น่าเอาเรื่องนี้มาบอกคุณสรวงเลย เพราะคุณสรวงคงทุกข์ไม่ต่างจากพี่....ที่ผู้หญิงคนใหม่ของท่าน...คือหนูก้าง”
       สรวงตอบกลับเสียงดุกร้าว “ผมไม่ให้ค่าผู้หญิงประเภทนั้นหรอกครับ...เอาเป็นว่า...คุณภาพิศมีอะไรโทร.หาผมได้ตลอด...ไม่ต้องเกรงใจ”
       “ขอบคุณค่ะ....แต่พี่...ไม่อยากรบกวนคุณสรวงบ่อยๆ หรอกค่ะ....เพราะถ้ารบกวน ก็แปลว่าพี่กลุ้มใจ..กลับก่อนนะคะ...” เดินไป..แล้วทำท่าเหมือนคิดอะไรได้อีก “อ้อ! คุณสรวงต้องได้เจอผู้หญิงคนใหม่ที่ดีกว่าหนูก้างแน่นอนค่ะ”
       “และคงมีมากด้วย” น้ำเสียงของสรวงขื่นขมเหลือแสน
       “อย่างน้อย...ก็คุณฤทัย...เพราะยังไงเธอก็ไม่เคยเป็นเด็กใคร พี่กลับก่อนค่ะ”
       ภาพิศเดินลับตัวไปแล้ว สรวงมองตามหน้าหมอง นพเดินมาหา
       “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
       สรวงบอกด้วยเสียงดุดัน โกรธเกรี้ยว “คุณพ่อไล่คุณภาพิศออกจากบ้าน เพราะหลงกรรณนรี” นพฟังแล้วตกใจยิ่งนัก “ผมดีใจนะครับถ้าคุณพ่อจะเลิกกับเค้า..อย่างน้อยแม่จะได้สบายใจ แต่การที่คุณพ่อไล่เค้าออกจากบ้าน ผมว่ามันเกินไป”
     
       สรวงก้าวเร็วๆ เข้ามาในบ้าน ท่าทางอารมณ์ร้อนพร้อมระเบิดทุกเมื่อ มาถึงก็ถามสุดาทันที
       “คุณพ่อล่ะครับ”
       “อยู่ข้างบน มีอะไรลูก”
       สรวงยังไม่ทันตอบ อารักษ์ที่แต่งตัวหล่อก็เดินลงบันไดมาพอดี สรวงเดินไปเผชิญหน้าอย่างไม่ครั่นคร้าม
       “คุณพ่อหลงผู้หญิงคนใหม่ จนไล่คุณภาพิศกับลูกออกจากบ้านเลยหรือครับ”
       สุดาแอบยิ้มดีใจ ขณะที่อารักษ์สวนคำออกมา
       “แล้วทำไม” สุดาลอบยิ้มดีใจอีก
       “ผมก็แค่อยากให้คุณพ่อ นึกถึงเด็กที่กำลังจะเกิดมาบ้าง”
       อารักษ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ที่สรวงด่า “ฉันจะมีลูกเป็นสิบเป็นร้อย ฉันก็มีได้ เพราะฉันมีเงิน มีอะไรสรวง”
       “ให้เด็กแต่ละคนเกิดมาเป็นเด็กบ้านแตกอย่างนั้นเหรอครับ? คุณพ่อไม่มีความรับผิดชอบ” สรวงเหลืออด
       “ไอ้สรวง” อารักษ์ตบสรวงดังผลัวะ
       สุดาร้อง “ว๊าย” วิ่งไปหาประคองร่างสรวง
       สรวงมองอารักษ์ตาขวาง “นอกจากจะไม่มีความรับผิดชอบแล้ว คุณพ่อยังเห็นแก่ตัวอีก” เดินออกไปในอาการโกรธ
       อารักษ์โกรธจัด “ไอ้สรวง” จะตามไป
       สุดาขึ้นเสียง “หยุดนะคุณ หยุด” คว้าแขวนอารักษ์ไว้ ปากดีใส่“สม ให้ลูกมันว่า เอาแต่หน้ามืดตามัวหลงผู้หญิง”
       อารักษ์หันมาหามองจ้องหน้าสุดาเขม็ง “แล้วไง? ถ้าเธอไม่อยากเจออย่างภาพิศ หุบปาก”
      
       จากนั้นอารักษ์เดินออกไปอย่างฉุนเฉียว ปล่อยสุดาให้ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น
    ไม่นานต่อมา สุดากำลังร้องไห้ร้องไห้ตีโพยตีพายท่าทางทั้งโมโหและคับแค้นใจ อยู่ต่อหน้าภาพิศ สองคนเหน็บแนมถากถางกันอยู่ไปมา
     
       “เจอฤทธิ์นังเด็กนั่น ขนาดคุณน้องที่พี่เคยว่าร้าย ว่าเลว ยังสู้มันไม่ได้เลยนะคะ” สุดาอดถากถางไม่ได้
       ภาพิศได้ฟัง ดวงตาวาววับ “จริงค่ะ...ขนาดหน้าตาเหี้ยมโหดใจดำอำมหิตอย่างคุณหญิงพี่
       เจอคนหน้าจืดเป็นปลาขาดน้ำอย่างนังเด็กนั่น ยังแพ้ราบคาบไปเลย”
       “มันทำให้ครอบครัวพี่แตก พ่อลูกทะเลาะกัน” สุดาว่า
       ภาพิศรู้สึกผิด “เป็นความผิดของน้องเอง น้องไม่น่าแนะนำคุณสรวงให้มันเลย”
       “อ้อ! นี่คุณน้องเองเหรอคะ? ที่พาตาสรวงไปเกลือกกลั้วกับของต่ำๆ” มองภาพิศอย่างโมโห “จริงๆ สามีพี่ก็เลี้ยงดูคุณน้องอย่างสุขสบาย น่าจะลืมอาชีพเดิมนะคะ”
       “น้องพลาดไปแล้วค่ะ แต่ไม่ต้องห่วง น้องจะทบต้นทบดอกให้คุณหญิงพี่เอง”
     
       สรวงก้าวเร็วๆ ตรงดิ่งไปยังหน้าห้องกรรณนรีที่คอนโด ในอาการโกรธเกรี้ยว และโมโหมาก ทุบประตูปังๆๆ
       กรรณนรีอยู่ด้านในตกใจมาก แม้จะยังไม่รู้ว่าใครแต่เคาะดัง น่ากลัวมาก เห็นยังเงียบ สรวงตะคอกเสียงดัง
       “เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะกรรณรี เปิด”
       “คุณสรวง” กรรณนรียืนตัวสั่นอย่างหวาดกลัว น้ำเสียงของสรวงเกรี้ยวกราด
       “ฉันบอกให้เปิด หรือจะให้ฟังเข้าไป” สรวงทุบอีกหลายปัง ก่อนจะเอาไหล่กระแทกให้รู้ว่าจะพังเข้าไปจริงๆ
       “เปิดแล้วค่ะเปิดแล้ว” กรรณนรีถลาไปเปิดประตู
       ทันทีที่ประตูเปิดออกสรวงถลันเข้ามา กระชากร่างกรรณนรีจนตัวแทบปลิว “สะใจเธอแล้วใช่มั้ย? ใช่มั้ย? พ่อฉันไล่แม่เธอออกจากบ้านแล้ว”
       กรรณนรีสลดหดหู่ แต่ดีใจ สะใจอยู่ลึกๆ “แล้วคุณไม่ดีใจเหรอ? ที่ผู้หญิงที่คุณเกลียด ถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว”
       สรวงฟังแล้วยิ่งเกลียดมากขึ้น “ทั้งๆ ที่เค้ากำลังมีลูกอยู่ในห้องด้วยน่ะนะ...” มองอย่างสมเพช “ฉันอาจจะเคยใจร้ายกับคุณภาพิศ แต่ก็ยังแพ้เธอกรรณรี อย่างน้อย คุณภาพิศก็ไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน แต่เค้าคือแม่ของเธอ” สรวงผลักกรรณนรีออกอย่างแรง
       ร่างกรรณนรีเซถลาไปแทบล้มแต่ สีหน้าฮึดเข้มแข็งขึ้นมา เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร “ฉันทำทุกอย่างเพื่อคุณภาพิศ”
       สรวงมองกรรณนรีด้วยความเสียใจ ยิ้มเยาะ “เหรอ?...งั้นเธอลองบอกฉันมาซิ ฉันจะแกล้งโง่ ยืนฟังว่าเธอจะแก้ตัวว่ายังไง?”
       “ฉันเคยจะบอกคุณทุกอย่าง แต่คุณก็ไม่เคยฟังฉัน...เพราะฉะนั้น ถึงตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วค่ะ คุณจะคิดยังไง ก็เรื่องของคุณ”
       ท่าทีกรรณนรีเฉยชา สรวงมองด้วยแววตาเจ็บปวด ร้าวราน
       “งั้นฉันก็ได้แต่คิดว่า ผู้หญิงอย่างเธอมันเลว เลวอย่างไร้ที่ติจริงๆ” ท้ายประโยคสรวงกระแทกเสียงใส่อย่างกราดเกรี้ยว “เลว”
       จากนั้นสรวงก็ผลุนผลันออกไป กรรณนรีใจหล่นวูบ ร้องไห้โฮ เจ็บปวดรวดร้าวไม่ต่างกัน กรรณนรีทำท่าจะเรียกให้สรวงกลับคืนมา แต่มือค้างอยู่อย่างนั้น พยายามตัดใจอย่างเด็ดขาด
     
       สรวงเดินพรวดๆ หน้าบูดบึ้งขึ้นรถขับออกไป พอรถของสรวงลับตาไป สุดากับภาพิศก็เดินออกมาจากอีกมุม ตรงดิ่งเข้ามาในคอนโด ท่าทางภาพิศนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สุดาแอบยิ้มเยาะพอใจ
       “ป่านนี้นังศุภาวีร์มันต้องหัวเราะเยาะเราแน่ๆ ค่ะคุณน้อง...ครอบครัวตีกัน อีรุงตุงนังไปหมด เพราะมัน”
       เห็นภาพิศไม่ตอบ เดินไปอย่างแน่วนิ่ง ดวงตาแข็งกร้าว สุดามอง ชักไม่แน่ใจ ยุต่อ
       “มันต้องคิดว่ามันเจ๋ง มันแน่”
       “ก็ให้มันรู้ไปค่ะ ว่าเราสองคนจะเอาชนะมันไม่ได้”
       สุดาใส่ไฟอีกชุดใหญ่ “อุ๊ย! พี่ไม่เอาหรอกค่ะ พี่กลัวมัน คราวที่แล้วมันจิกผมซะหนังหัวพี่แทบหลุด พี่คงต้องฝากความหวังไว้ที่คุณน้องแล้วล่ะค่ะ”
       ภาพิศยิ้มหยันในสีหน้า “ในเมื่อคุณหญิงพี่ขอร้อง...คุณน้องก็จะจัดให้ จัดหนักจัดเต็มเลย
       ล่ะ คุณหญิงพี่คอยดู!” ภาพิศเดินเข้าไป
       “แม่ลูก ตบกันให้ตายเลยนะ ฉันจะเก็บศพให้”
       สุดายิ้มเยาะ พอใจมาก หยิบมือถือขึ้นมา
     
       สุขหฤทัยอยู่ในผับ คุยโทรศัพท์กับสุดาอยู่ หัวเราะร่วนอย่างสาแก่ใจ
       “ต๊าย! จริงเหรอคะคุณหญิงแม่ นังภาพิศบุกขึ้นไปตบนังกรรณรีแล้ว”
       ขณะนั้นกาวินทร์เดินมาทางด้านหลัง ตามตื้อสุขหฤทัยตามเคย แต่พอได้ยินก็ชะงักกึก
       ด้านสุดาหัวเราะ ยืนยันคำพูดเมื่อครู่
       “ก็จริงน่ะสิ.....นังภาพิศมันบุกขึ้นไปหาลูกมันเดี๋ยวนี้นี่เอง”
       “โอ!!แม่ตบลูก “มัน”ถึงใจ” สุขหฤทัยหัวเราะชอบใจ
       กาวินทร์ได้ยินชัดเจน นิ่งมองอย่างสงสัย สุขหฤทัยยังไม่รู้ตัว ฟังสุดาบอกต่อ
       “แม่ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะมันได้แค่ไหน”
       “งั้นคุณหญิงแม่รีบตามไปดูเลยค่ะ ถ้านังภาพิศมันตบสู้นังกรรณรีไม่ได้ คุณหญิงแม่ก็ไปช่วยนังภาพิศมันหน่อยแล้วกัน” สุขหฤทัยยุส่ง
       “เรื่องอะไรแม่จะช่วย ใครจะแพ้ใครชนะ ยังไงแม่ก็ตบลูก ลูกก็ตบแม่อยู่ดี”
       สุขหฤทัยตาวาว “ใช่ค่ะ...ยังไงแม่ก็ตบลูก ลูกก็ตบแม่อยู่ดี”
     
       กาวินทร์มองสุขหฤทัยนัยน์ตาวาวโรจน์ แต่ในขณะเดียวกันก็นึกสงสัยว่า ภาพิศกับกรรณนรีมีเรื่องอะไรกัน
          กาวินทร์เดินหลบออกมาหน้าผับ สงสัยไม่วาย
      
       “แม่บุกไปตบกาว มันเรื่องอะไร”
       กาวินทร์ตัดสินใจกดมือถือโทร.หากรรณนรี ทว่าไม่มีสัญญาณตอบรับ กาวินทร์ทำหน้าสงสัยคาใจหนัก
     
       ด้านกรรณนรีล้างหน้าล้างตาออกมาจากห้องน้ำ แต่ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงประตูห้อง
       กุกกักๆ แล้วประตูก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างภาพิศ กรรณนรีตกใจมาก
       “คุณภาพิศ”
       ภาพิศชูกุญแจในมือขึ้น น้ำเสียงยิ้มหัวแต่แววตาน่ากลัวมาก “มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะจ๊ะ หนูศุภาวีร์คนสวย...ที่จะใช้กุญแจผี เปิดเข้ามาในห้องเธอน่ะ” เดินเข้ามาในห้อง
       กรรณนรีถอยหลังกรูด ภาพิศเดินตามเข้ามา กระชากผมจนหน้าหงาย กราดตามอง
       ใบหน้ากรรณนรี ทีละจุด แล้วมาหยุดที่ปาก
       “ปากบางๆ อย่างนี้ ช่างฟ้องนักใช่มั้ย” ภาพิศตบปากผลัวะทันทีโดยยังไม่ปล่อยผมกรรณนรี
       “โอ๊ย”
       “ขี้ฟ้องนักใช่มั้ย” ตบอีกที พร้อมกับปล่อยผม ร่างกรรณนรีร่วงลงไปกองกับพื้น
       ระหว่างนั้นสุดาลอบตามภาพิศมา แอบมองอยู่ที่ประตู ควักมือถือมาถ่ายคลิป เห็นภาพิศตามไปกระชากกรรณนรีขึ้นมาตบอีกฉาด
       ภาพิศมองกรรณนรี ทั้งเสียใจ ผิดหวัง และโกรธขึ้ง “เธอไปฟ้องท่านอีกเลยนะ ฟ้องเลย ถ้าเธอคิดว่ายังว่าจะมีปากไปพูดกับท่านอีก” ขาดคำภาพิศตบผลัวะที่ปากจังๆ
       กรรณนรีร้องไห้โฮยกมือไหว้ขอร้อง “คุณภาพิศ...กรุณาเถอะค่ะ อย่าทำฉัน ฉันทำเพราะหวังดีกับคุณจริงๆ”
       “หวังดี? หวังดีเพื่อที่เธอจะได้แทนที่ฉันน่ะสิ” ภาพิศเยาะ ทำท่าลุกจะเดินหนี
       กรรณนรีคว้าขาภาพิศเอาไว้ พยายามอธิบาย “ไม่ใช่ค่ะ ฉันหวังดีกับคุณจริงๆ ท่านอารักษ์ไม่ใช่คนดี คุณควร...”
       ภาพิศสวนคำทันควัน “ควรหลีกทางเพื่อให้เธอได้อยู่กับท่านใช่มั้ย?” มองมาด้วยความเสียใจ “ฉันไม่อยากเชื่อเลย ว่าหน้าจืดๆ ท่าทางเซื่องๆ ซึมๆ โง่ๆ อย่างเธอ พิษสงมันจะรอบตัวอย่างนี้”
       ภาพิศผลักกรรณนรีออกอย่างแรง จนผงะไป ภาพิศเย้ย
       “ถ้าเธอว่าท่านไม่ดี เธอก็ออกไปจากที่นี่ซะสิ จะอยู่ทำไม? หรือว่าเสียดาย ความหรูหรา สะดวกสบาย ที่ชีวิตนี้คนอย่างเธอไม่มีทางจะได้เจอW
       กรรณนรีมองภาพิศแล้วสะท้อน สะเทือนใจ น้ำตาไหลริน ภาพิศมองดูอย่างเกลียดชัง
       “ออกไปจากที่นี่ อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่งั้น...” ภาพิศเชยคางกรรณนรีขึ้น ขู่อีกดอก “เธอเจอหนักกว่านี้แน่”
       เห็นภาพิศทำท่าจะออกมา สุดายิ้มสะใจ รีบผละออกไปอย่างรวดเร็ว
     
       สุดาทำทีเป็นรออยู่ที่ล็อบบี้ด้านล่าง ทันทีที่เห็นภาพิศมา ก็รีบถามแสร้งทำเป็นห่วง เป็นใย
       “เป็นยังไงบ้างคะคุณน้อง? นังหน้าจืดนั่นมันทำอะไรคุณน้องหรือเปล่าคะ”
       สุดาจับตามเนื้อตามตัวภาพิศเหมือนเป็นห่วงเต็มประดา ภาพิศยิ้มดุพลางบอก
       “คนอย่างมัน ก็เก่งแต่ลับหลังเท่านั้นล่ะค่ะ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10/2 วันที่ 4 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager