@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 15 วันที่ 11 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 15 วันที่ 11 ต.ค. 55

หลังจากรัชนีพาปรางทิพย์กลับไปแล้ว สายใจพยายามหว่านล้อมภคพงษ์ให้เลิกหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้น ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายทำให้ใครต่อใครหลายคนต้องเสียใจ รวมถึงตัวเขาเองด้วย

ภคพงษ์รับฟังแต่ไม่ยอมยุติ บอกสายใจว่าตราบใดที่รัชนียังไม่ยอมรับตนเป็นลูก ตนก็ไม่หยุด ในเมื่อเขาชอบเล่นละคร ตนจะจัดฉากใหญ่ไว้ให้

“คุณหนูคิดจะทำอะไรอีกคะ” สายใจถามอย่างหวาดหวั่น

“เดี๋ยวป้าใจก็รู้เอง”

“โธ่...คุณหนู ป้ากับคุณเผด็จแก่แล้วนะคะ เราสองคนคงอยู่ดูแลคุณหนูอีกได้ไม่นาน ป้าไม่อยากให้คุณหนูมีชีวิตอยู่อย่างไม่เหลือใครนะคะ ถ้าคุณหนูไม่หยุดตอนนี้ ระวังว่าวันที่คุณหนูอยากจะหยุด มันจะเป็นวันที่สายเกินไปนะคะ”

ภคพงษ์นิ่งคิดไตร่ตรอง แต่เพราะความเจ็บแค้นมีมากกว่าเหตุผลจึงมองข้ามจุดนั้น มุ่งมั่นในความคิดของตัวเองต่อไป...



ด้านปรางทิพย์ที่เข้าใจผิดความสัมพันธ์ระหว่างรัชนีกับภคพงษ์ เพียงเพราะภาพที่เห็นกับตาเมื่อคืน ความไร้เดียงสาทำให้เธอว้าวุ่นใจอย่างหนัก เกรงจะเกิดปัญหาครอบครัวหากปล่อยทิ้งไว้ เช้านี้เธอหาโอกาสคุยกับพ่อตามลำพัง บอกให้ท่านรู้ว่าแม่อนุญาตให้เธอคบกับภคพงษ์ และยกเลิกเรื่องเรียนต่อต่างประเทศ เธอจะอยู่เมืองไทยและแต่งงานกับภคพงษ์

“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอลูก” สุวิทย์ท้วงขึ้นมา

“ยิ่งเร็วยิ่งดีค่ะ ถ้าปล่อยให้นานมากกว่านี้คุณพ่ออาจจะเดือดร้อนได้”

“ปรางหมายความว่ายังไง พ่อเดือดร้อนอะไร”

“ปรางพูดอะไรมากไม่ได้ ปรางบอกได้แค่ว่า...ที่ปรางต้องรีบแต่งงานกับพี่ภัคเพราะปรางรักคุณพ่อ ไม่อยากให้คุณพ่อต้องเสียใจ ปรางรักคุณพ่อนะคะ”

สุวิทย์ค่อนข้างงงกับคำพูดคลุมเครือของลูกสาว แต่ก็ไม่ซักถามอะไรอีก นอกจากกอดตอบพร้อมบอกรักลูกที่โผเข้าซบกับอกกว้างของเขา

ooooooo

ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับวาริชที่บ้านเช่า แทบไม่มีวันไหนเลยที่พิมพรรณจะมีความสุข นับวันวาริชยิ่งแสดงตัวตนแท้จริงออกมา จากที่เคยพูดจาไพเราะสุภาพอ่อนโยน กลายเป็นหยาบคายดุดัน รีดไถแม้กระทั่ง เงินที่เธอเตรียมไว้สำหรับหาหมอ เขาพูดหน้าตาเฉยว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ อยู่ด้วยกัน ก็ต้องช่วยกันจ่าย

“แต่เงินนี่แม่ให้ไว้สำหรับไปหาหมอนะ พิมเริ่มฝากท้องแล้ว ต้องใช้เงินเยอะ”

“ใช้เยอะก็ไปขอพ่อแม่มาเยอะๆสิ จะได้พอใช้ หรือไม่ก็หาทางกลับเข้าไปอยู่บ้านให้ได้ ฉันจะได้ไม่ต้องมารับภาระอยู่คนเดียว” พูดจบเขาเดินลิ่วออกจากบ้านไปพร้อมเงินจำนวนนั้น ไม่สนใจไยดีว่าวันนี้เธอต้องไปหาหมอ

พิมพรรณนั่งคร่ำครวญด้วยความผิดหวังและเสียใจ ห้าวมาเห็นยิ่งสงสาร อยากให้เธอเลิกกับวาริชแล้วกลับไปอยู่บ้าน แต่เธอทำไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ลูกเกิดมาไม่มีพ่อ ห้าวเหนื่อยใจไม่รู้จะพูดยังไงอีก กลับออกมาด้วยความกลุ้มใจ

เมื่อรสารู้จากห้าวว่าพิมพรรณไม่มีความสุข ต้องทนเจ็บปวดกับความเห็นแก่ตัวของวาริช ทำให้เธออดนึกถึงภคพงษ์ไม่ได้...ภคพงษ์เองก็กำลังเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง การเดินออกมาจากความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้ฉุดกระชากลากถูยังไงก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากคนนั้นๆจะอยากออกมาด้วยตัวของเขาเอง เฉกเช่นเดียวกับพิมพรรณที่ยังไม่เดินหนีออกมา

วางสายจากห้าวแล้ว รสาเข้ามาต้อนรับเผด็จ โดยมีพิทยากับชีวินอยู่พร้อมหน้า เผด็จเป็นตัวแทนภคพงษ์มาเชิญทุกคนไปร่วมงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ในวันอาทิตย์นี้ โดยจัดที่เรือนหลังเล็ก คนอื่นๆยินดีไม่มีปัญหา ยกเว้นรสาที่ดูอึดอัด ยังตัดสินใจไม่ได้ แต่เผด็จอยากให้รสาไปงานนี้ เมื่อมีโอกาสอยู่กันตามลำพังตอนเธอเดินออกมาส่งที่หน้าบริษัท เขาจึงย้ำกับเธออีกครั้ง

“ผมเข้าใจครับ ถ้าคุณรสาจะไม่อยากมาร่วมงานด้วย แต่ผมอยากให้มานะครับ งานนี้เป็นความภูมิใจของคุณเอง คุณภัคต้องการจะเปิดตัวบ้านและเปิดตัวมัณฑนากรผู้ควบคุมการตกแต่งด้วย”

“ค่ะ รสจะลองคิดดูนะคะ คุณเผด็จคะ เรื่องที่คุณเผด็จขอให้รสช่วย เรื่องเปลี่ยนใจคุณภคพงษ์ รสคงทำไม่ได้แล้วนะคะ มันเกินความสามารถรสจริงๆค่ะ”

“ครับ...ผมเข้าใจ ถ้าคุณรสาถึงกับออกปากถอนตัวแบบนี้ เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้มันเป็นไป”

ฟังคำพูดปลงๆของเผด็จแล้ว รสาสีหน้าไม่สู้ดี ชีวินเห็นรสากลับเข้ามาหน้าเครียดก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถามเธอว่าคุยอะไรกับเผด็จ เรื่องภคพงษ์ใช่ไหม?

รสาชะงักอย่างเห็นได้ชัด เท่านี้ชีวินก็รู้ทันทีว่าใช่

“มีอะไรอีก เขาทำอะไรรสอีก บอกวินมาเลยนะ คราวนี้วินไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ งานก็ส่งหมดแล้ว ไม่ได้เป็นลูกค้าบริษัท ไม่ต้องเกรงใจอีกต่อไป บอกมา...มันทำอะไรรส”

“เขาไม่ได้ทำอะไร แค่เป็นตัวเอง ก็ทำให้รสไม่อยาก จะเห็นหน้าเขาอีกต่อไป”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ มันมีอะไรเหรอรส เขาเป็นยังไง”

“เป็นคนเห็นแก่ตัว ใจดำอำมหิต จิตใจหยาบกระด้าง เป็นทุกอย่างที่รสจะไม่มีวันอยู่ใกล้”

“รสคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”

“จริง...พอกันทีกับผู้ชายแบบภคพงษ์” รสาตอบเพราะเหนื่อยใจจริงๆ แต่ลึกๆเธอยังรักภคพงษ์ไม่เปลี่ยนแปลง

ooooooo

นอกจากจะเชิญปรางทิพย์และครอบครัวมาร่วมงานด้วยแล้ว ภคพงษ์ยังจัดส่งเสื้อผ้าและเครื่อง ประดับไปให้ปรางทิพย์เลือกถึงบ้าน โดยที่รัชนีกับสุวิทย์ไม่ทราบมาก่อน

เมื่อถูกรัชนีซักถาม ปรางทิพย์ตอบอย่างเป็นปลื้มว่าภคพงษ์ส่งชุดที่จะใส่ไปงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่วันอาทิตย์นี้มาให้เลือก มีทั้งชุดราตรี รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับ

“ปรางขอตัวขึ้นไปลองชุดก่อนนะคะ”

ปรางทิพย์ท่าทีตื่นเต้นมาก หันไปสั่งสาวใช้ให้ขนของทั้งหมดตามเธอขึ้นไปบนห้อง สุวิทย์มองตาม เริ่มกังวล

“ผมเริ่มเห็นด้วยกับคุณแล้ว ตั้งแต่คบกับภคพงษ์

ปรางเปลี่ยนไปมากจริงๆ ทั้งเรื่องการพูดจา การวางตัว แล้วยังเรื่องเรียนอีก อยู่ๆมาขอยกเลิกไม่ไปเรียนฝรั่งเศส แล้วยังบอกอีกว่าคุณอนุญาตแล้ว”

“ค่ะ ฉันอนุญาตเอง คือเรื่องมันซับซ้อนนิดหน่อยน่ะค่ะ”

“บอกผมได้หรือเปล่าว่ามันซับซ้อนยังไง มีอะไรที่ผมไม่รู้ และควรจะรู้หรือเปล่า วันก่อนลูกบอกผมว่าเขาอยากจะรีบแต่งงานกับภคพงษ์เพื่อผม เขาไม่อยากให้ผมเสียใจ เลยต้องรีบแต่ง ผมไม่เข้าใจว่าปรางหมายถึงอะไร”

“เดี๋ยวรัชจะลองไปถามแกดูค่ะ” รัชนีอยากรู้ไม่น้อยไปกว่ากัน...

แต่แทนที่ปรางทิพย์จะตอบคำถามของแม่ดีๆ เธอกลับยอกย้อนจนรัชนีงุนงงไปกันใหญ่

“คุณแม่ไม่ทราบจริงๆเหรอคะว่าปรางหมายถึงอะไร”

“แล้วทำไมแม่ต้องรู้ด้วย”

“ก็คุณแม่เป็นคนทำ คุณแม่ก็ต้องรู้สิคะ”

“ปราง...แม่งงไปหมดแล้ว ปรางพูดอะไร แม่ไปทำอะไร”

“ปรางเห็นคุณแม่กอดกับพี่ภัค ในวันที่คุณแม่เมา หวังว่าคงจะไม่เมามากจนจำอะไรไม่ได้นะคะ”

รัชนีช็อกไปชั่วขณะ ก่อนเปล่งเสียงออกมาอย่างอัดอั้นเต็มที “ปราง...ปรางกำลังเข้าใจผิดนะลูก มันไม่ได้เป็นอย่างที่ปรางคิด”

“ถ้าไม่ใช่แล้วมันคืออะไรคะ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งโผเข้าไปกอดผู้ชายในที่ลับตาคน มันมีกี่เหตุผล และกอดกันในฐานะอะไร คุณแม่ตอบปรางได้ไหมคะ”

รัชนีอึกๆอักๆ ตอบไม่ถูก นั่นยิ่งทำให้ปรางทิพย์มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิด

“ปรางไม่เคยคิดเลยนะคะว่าคุณแม่จะทำแบบนี้ได้ คุณพ่อรักคุณแม่มาก ทำไมคุณแม่ถึงทำแบบนี้ลับหลังท่าน มันทำให้ปรางรู้ว่าที่ผ่านมาคุณแม่กีดกันปรางเพราะอะไร เพราะคุณแม่รักพี่ภัคใช่ไหมคะ”

“ไม่ใช่นะปราง...มันไม่ใช่” รัชนีพูดระรัว แต่พอลูกสาวสวนกลับ ก็อึ้งไปอีก

“แล้วมันคืออะไรคะ คุณแม่ก็ตอบปรางไม่ได้

เพราะสิ่งที่ปรางคิดมันเป็นความจริง มันทำให้ปรางต้องรีบแต่งงานกับพี่ภัคให้เร็วที่สุด คุณแม่จะได้เลิกคิดแบบนั้นกับพี่ภัคสักที”

ปรางทิพย์พูดจบก็เดินหนีเข้าไปลองชุดในห้องน้ำ รัชนีหน้าซีดหน้าเสีย ทรุดนั่งบนเตียง...ไปกันใหญ่แล้ว เรื่องลุกลามจนเกินกว่าเธอจะควบคุม!

ooooooo

วาริชทำร้ายจิตใจพิมพรรณไม่หยุดหย่อน เมื่อตอนเช้าแย่งเงินเธอไป แล้วตอนค่ำยังพาผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ร่วมชายคาอย่างไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลยสักนิด แถมยังจะลงไม้ลงมือเมื่อเธอโวยวายรับไม่ได้ขึ้นมา...ที่สุด พิมพรรณก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากร้องไห้ด้วยความช้ำใจ!

ถึงวันงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของภคพงษ์แล้ว ชีวินแต่งตัวหล่อกว่าทุกวัน แถมยังซื้อชุดสวยมาให้รสาใส่ไปงานด้วยกัน และตั้งใจว่าค่ำคืนนี้เขาจะขอเธอแต่งงาน

เมื่อภคพงษ์เห็นทั้งคู่มาด้วยกันก็อดหึงหวงรสาไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องเทกแคร์ปรางทิพย์เพื่อทำร้ายจิตใจรัชนีอย่างที่ตั้งใจไว้ รสากับชีวินจึงมีเวลาใกล้ชิดกันมากในงานนี้

หลายสิ่งหลายอย่างที่ภคพงษ์พูดกับรัชนีทำให้สุวิทย์แอบสงสัยขณะที่ปรางทิพย์ไม่รู้อะไร ความไร้เดียงสาของเธอตกเป็นเครื่องมือแก้แค้นของภคพงษ์ได้อย่างเนียนๆ

ภคพงษ์คิดจะขอปรางทิพย์แต่งงานเพื่อบีบบังคับให้รัชนียอมรับความจริงว่าเขาเป็นลูก แต่ไม่ทันพูดกลาง งานก็มีเหตุให้ภคพงษ์ต้องหยุดไว้ก่อน เนื่องจากในระหว่างที่เขากับปรางทิพย์เต้นรำ และรสาก็จับคู่กับชีวิน รัชนีเห็นปรางทิพย์ซบอกภคพงษ์ก็ยิ่งเครียด ดื่มเหล้าหนักจนประคองตัวเองไม่ได้ เซไปชนโต๊ะเครื่องดื่มล้มระเน ระนาดจนแขก เหรื่อตกอกตกใจ

เห็นรัชนีเครียดจนเป็นลม ภคพงษ์ยิ่งสะใจ พาเธอไปให้สายใจช่วยดูแล พอเธอฟื้นขึ้นมา เขายังไม่หยุดทำร้ายจิตใจเธออีก ทำทีจะไปประกาศแต่งงานกับปรางทิพย์ต่อหน้าทุกคน รัชนีสุดทานทน โพล่งออกมาอย่างคับแค้นแสนสาหัส

“เธอจะทำแบบนั้นทำไม? ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เธอก็รู้ว่าเธอแต่งงานกับปรางทิพย์ไม่ได้ ยายปรางหลงไปกับสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดยังไม่พออีกเหรอ เธอจะทำร้ายจิตใจเขาไปถึงไหน”

“ถึงที่สุดไง ทำร้ายจิตใจอย่างถึงที่สุด เหมือนกับที่คุณเคยทำกับพ่อ เคยทำกับผม ถ้าคุณยังไม่ยอมเปิดปากบอกความจริง คุณก็เตรียมตัวเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดได้เลย”

พูดขาดคำ ภคพงษ์เดินออกไปเลย รัชนีลุกขึ้น ตะโกน ขอให้เขาหยุด หยุดเสียที แต่เขาไม่เหลียวหลังกลับมามอง สายใจเห็นแล้วเวทนาสงสาร เข้าประคองรัชนีที่ทำท่าจะทรงตัวไม่อยู่

“คุณผู้หญิงคะ คุณพักก่อนเถอะค่ะ พูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”

“สายใจ...ฉันไม่อยากให้ปรางทิพย์ต้องเสียใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว เธอช่วยฉันหยุดภคพงษ์หน่อยนะ ฉันขอร้อง หยุดเขาที ฉันไม่อยากให้ปรางทิพย์ต้องเสียใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันสงสารลูก”

รัชนีร้องไห้ออกมาอย่างหมดฟอร์ม สายใจสงสารจับใจ เดินตามภคพงษ์ขึ้นไปข้างบน เห็นเขากำลังหยิบกล่องแหวนออกจากลิ้นชัก

“คุณหนูคะ คุณหนูจะทำแบบนี้ทำไมคะ”

ภคพงษ์ไม่ตอบ จะเดินออกจากห้องพร้อมกล่องแหวน

“ป้าไม่ห้าม...แต่ป้าจะขอเตือนคุณหนูเป็น


ครั้งสุดท้าย ป้ารู้ว่าตอนนี้คุณหนูมองอะไรไม่เห็นหรอกค่ะ เพราะความแค้นมันบังตาไปหมด ความแค้นที่มันควบคุมให้คุณหนูทำทุกอย่างเพื่อให้มันหายแค้น แต่คุณหนูลองคิดดูดีๆนะคะ ว่าทำไปแล้ว ความแค้นที่มันฝังอยู่ในใจมันหายไปหรือเปล่า”

สายใจพูดทั้งน้ำตา ภคพงษ์หยุดกึก สะอึกอยู่ในอก

“ต่อให้คุณหนูทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ทำร้ายจิตใจทุกคนแม้แต่ตัวเอง แต่ความแค้นมันก็ยังคงอยู่ แต่สิ่งที่มันจะหายไปอย่างแน่นอนที่สุด...คือความรัก ความรักที่กำลังจะถูกทำลายไปเพราะความแค้น ป้าอยากให้คุณหนูตั้งสติและไตร่ตรองดูดีๆว่าคุณหนูจะเลือกอะไรระหว่าง...ความแค้นกับความรัก”

สายใจค่อยๆหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ภคพงษ์ครุ่นคิดอย่างหนัก...บาดแผลในใจโดนสะกิด ความกังวลเรื่องรสาโดนกระตุ้นให้ครุ่นคิด นึกถึงตอนรสาตบหน้าแล้วบอกว่าเกลียดเขา...

ooooooo

ขณะนั้นที่มุมหนึ่งหน้าเรือนเล็ก รสาหลบมานั่งซึมเศร้า ชีวินตามมาเจอ ลงนั่งข้างเธอ พลางชวนคุยเพื่อสร้างบรรยากาศ

“มานั่งหลบอยู่ตรงนี้ได้ยังไง คนในงานเขาถามหารสกันใหญ่ มีแต่คนชอบงาน พี่พิทหน้าบานคับงานเลย ได้ลูกค้าอีกเพียบ รสดีใจหรือเปล่า”

“ก็ดีใจ...แต่ความจริงงานนี้วินก็มีส่วนช่วยตั้งเยอะ วินเองก็ต้องดีใจด้วยนะ”

“วินดีใจอยู่แล้ว ถ้าวินทำให้รสมีความสุขได้ ถึงมันจะเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆวินก็ดีใจ”

“ขอบใจมากนะวิน ขอบใจที่อยู่ข้างๆรสมาตลอด ขอบใจที่คอยเตือนสติ และช่วยเหลือทุกอย่าง ถ้ามีอะไรที่รสจะตอบแทนวินได้ บอกมาได้เลยนะ”

“บอกได้เลยจริงอ่ะ”

“จริงสิ”

“แต่งงานกับเรานะ” ชีวินโพล่งออกไป...รสาตาพองโตคาดไม่ถึง

“แต่งงานกับเรานะรส” เสียงเน้นย้ำของชีวินทำให้ภคพงษ์ที่เดินเร็วๆมาจากเรือนใหญ่ถึงกับก้าวขาไม่ออก

“วินว่าไงนะ” รสาถามงงๆ

“วินชวนรสแต่งงาน ถ้ารสไม่รังเกียจ”

“พูดอะไรแบบนั้น รสจะรังเกียจวินได้ยังไง วินคือคนที่อยู่เคียงข้างและจริงใจกับรสมาตลอด รสไม่มีวันจะรังเกียจวินอยู่แล้ว”

“ถ้าไม่รังเกียจ...แล้ว...เอ่อ...” ชีวินพูดไม่ออก ทั้งเขิน ทั้งลุ้น ตื่นเต้นจนประหม่าไปหมด

ภคพงษ์เองก็ลุ้น ใจเต้นแรงไม่น้อยไปกว่าชีวิน

“จ้ะ รสจะแต่งงานกับวิน”

คำตอบรสาทำให้ชีวินยิ้มร่าดีใจ แต่...ภคพงษ์ใจหายวาบ ผิดหวังและเสียใจอย่างรุนแรง

“จริงๆนะ รสจะแต่งงานกับวินจริงๆนะ”

รสายังไม่ทันจะตอบอีกครั้ง เสียงปรางทิพย์ดังมาจากหลังซุ้มดอกไม้

“พี่ภัคคะ...”

รสาชะงักด้วยความตกใจ...ภคพงษ์หันไปเห็น

ปรางทิพย์กำลังเดินมา เขารีบเดินหลบออกไปดักหน้าเธอไว้ แล้วพาหายไปในความมืด รสาที่ลุกเดินมาดูจึงไม่เห็นพวกเขาแล้ว

ชีวินสังเกตได้ถึงความลังเลสับสนในแววตาของรสา เขาก้มมองแหวนในมือตัวเองแล้วตัดสินใจพูดออกมา

“รส...ถ้ารสกำลังสับสน อย่าเพิ่งตัดสินใจเรื่องสำคัญตอนที่อยู่ในอารมณ์แบบนี้เลยนะ วินรอได้...แหวนวงนี้วินจะเก็บไว้ให้รสในวันที่รสพร้อมที่สุด วินอยากให้รสแน่ใจ และแต่งงานกับวินด้วยความรัก ไม่ใช่ความสับสน”

รสานิ่งเงียบ...ยอมรับว่าตัวเองเกิดความสับสนขึ้นในใจจริงๆ

ฝ่ายภคพงษ์ที่พาปรางทิพย์กลับเข้าไปในงาน เขากำลังสับสนเช่นกัน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะลุยรัชนีต่อ หรือว่าห่วงเรื่องรสา กระทั่งปรางทิพย์บอกว่าจะขอตัวกลับ เพราะพ่อบอกว่าแม่อาการดีขึ้นแล้ว ภคพงษ์จึงยุติเรื่อง แก้แค้นไว้ก่อน แล้วเผอิญออกไปเจอรสากำลังจะกลับ โดยไม่รอชีวินไปส่ง เขาฉวยโอกาสนี้บังคับเธอขึ้นรถ บอกว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน

“ฉันไม่อยากคุย”

“ถ้าคุณไม่ยอมให้ผมไปส่ง พรุ่งนี้ผมจะจ้างคุณพิทยามาสร้างบ้านให้ผมอีกสักหลัง จ่ายไม่อั้น และคุณจะต้องเป็นออกแบบทั้งหมด จะทนอยู่บนรถกับผมไม่ถึงชั่วโมง หรือจะทนทำงานให้ผมอย่างน้อยหนึ่งปี...เลือกเอา”

“ถ้าฉันเลือกได้ ฉันเลือกอยู่กับคุณให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ภคพงษ์มองหน้ารสา ต่างคนต่างไม่ยอม แววตาเชือดเฉือน

“ขึ้นรถ” เขาสั่งเสียงเข้ม

รสาขึ้นรถไปด้วยความขัดใจ ภคพงษ์ปิดประตูอย่างแรง บ่งบอกถึงอารมณ์หึงหวง

ooooooo

ชีวินมัวแต่ไปห้องน้ำ กลับออกมาอีกทีไม่เห็นรสาแล้ว มองซ้ายมองขวาก่อนเดินไปถามพิทยากับคัพเค้กที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารหลากหลายอย่าง

“รสล่ะ”

“พี่รสกลับไปแล้วค่ะ”

“กลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กลับยังไง”

“สักสิบนาทีแล้ว เห็นบอกว่าจะไปแท็กซี่ค่ะ คัพเค้กกับพี่พิทตี้บอกให้รอพี่วินก็ไม่ยอมรอ”

“ฉันว่ายายรสมันคงจะเบื่อสุดๆ สุดจะเบื่อหน้างี้ เบื๊อเบื่อ มันก็เลยไม่รอแก รีบเผ่นกลับไปเลย”

“เฮ้อ...รสนี่ใจร้อนจริงๆ นี่ก็ดึกแล้ว อันตราย”

ชีวินบ่นด้วยความเป็นห่วง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร.หารสา...

เวลานั้น รสานั่งอยู่ในรถภคพงษ์ มองโทรศัพท์มือถือตัวเองเห็นชื่อชีวิน เธอจะกดรับ ภคพงษ์แย่งไปจากมือแล้วปิดเครื่องก่อนโยนมันไปที่เบาะหลังหน้าตาเฉย

“เฮ้ย...อะไรวะ” ชีวินร้องขึ้นด้วยความแปลกใจ แล้วพยายามกดโทร.อีก แต่ติดต่อไม่ได้

ชีวินเริ่มใจคอไม่ดี สงสัยว่าทำไมรสาถึงปิดเครื่อง หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับเธอ...เขาหันมองไปรอบงานเหมือนจะหาใครบางคน เมื่อไม่เห็นจึงเข้ามาถามคัพเค้ก

“คัพเค้ก...เห็นภคพงษ์หรือเปล่า”

“ไม่เห็นค่ะ เออนั่นสิ เจ้าภาพหายไปไหนนะ”

ชีวินหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่สบายใจ มีลาง สังหรณ์แปลกๆที่ไม่ค่อยดีนัก

ooooooo

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 15 วันที่ 11 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ