@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 12/3 วันที่ 1 พ.ย. 55

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 12/3 วันที่ 1 พ.ย. 55

“สายแบบนี้ ฉันโทรไปบอกว่าจะทำงานที่บ้านดีกว่า นี่มันจะยุค 5G แล้วบริษัทฉันควรตามโลกให้ทัน”
มุนินทร์พูดหน้าตาเฉย วีกิจทำตาปริบๆ
เจนภพนั่งหน้าเย็นชาอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีเสียงเคาะประตู รัชนกถือแฟ้มเข้ามาวาง เจนภพพลิกอ่านคร่าวๆ
“จนป่านนี้ นายกิจยังไม่มาอีกหรือ”
“คุณกิจโทรมาลาป่วยแล้วค่ะ แต่แปลกจัง”
“อะไรหรือ”
“นกรู้สึกว่า นกได้ยินเสียงพี่ตาพูดอยู่ใกล้ๆ น่ะซีคะ”
เจนภพขบกราม เซ็นเอกสารอย่างอารมณ์เสีย รัชนกมองตาแป๋วใสซื่อ

ที่แผนกเสื้อผ้าชายของห้างหรูแห่งหนึ่ง มุนินทร์ใส่ชุดลำลองแต่ก็ดูคมเฉียบ หน้าแต่งจางกว่าวันทำงาน วีกิจก้าวออกมาอยู่ในชุดเสื้อกางเกงตัวใหม่ มุนินทร์ถือแจ็กเก็ตรออยู่

“นี่ตัวที่สิบแล้วนะฮะ”
“ใส่นี่ด้วยค่ะ” มุนินทร์ใส่แจ็กเก็ตให้ ดันวีกิจไปที่กระจกบานยาว “โอเค อย่างนี้ขึ้นแคทวอล์คได้เลย”
“เดี๋ยวเราจะไปไหนกัน ต้องใส่แจ็กเก็ตด้วยหรือฮะ”



“น่า ใส่ไปเถอะค่ะ เท่จะตาย ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มุนินทร์ส่งบัตรเครดิตให้พนักงานขายที่ถือชุดเก่าของวีกิจเดินไป วีกิจจะท้วง “ไม่ต้องห้ามฉันนะคะ เพราะฉันเป็นต้นเหตุให้เสื้อผ้าคุณเสียหาย เพราะคุณเคยเลี้ยงข้าวฉันมาตั้งหลายครั้ง เพราะเมื่อกี้คุณก็แย่งฉันเติมน้ำมัน แล้วก็...เพราะฉันอยากซื้อให้คุณค่ะ”
“ไม่เห็นต้องบอกเลย ผมยอมแพ้คุณตั้งแต่เหตุผลข้อแรกแล้ว” มุนินทร์ค้อน “เวลาคุณให้เหตุผลนี่ คุณต้องชนะทุกครั้งใช่ไหมฮะ”
“ค่ะ ในออฟฟิศถ้ามีเรื่องต้องตบตีกับลูกค้า เขาจะให้ฉันรับหน้าที่นี้ แล้วฉันก็เถียงชนะทุกครั้งด้วย”
พนักงานเอาสลิปมาให้เซ็น มุนินทร์เซ็นชื่อ พนักงานเอาถุงชุดที่วีกิจใส่มาส่งให้พร้อมกับสลิปสำหรับลูกค้า สลิปปลิวหล่น วีกิจและมุนินทร์ย่อตัวลงเก็บพร้อมกัน วีกิจกุมมือมุนินทร์ มุนินทร์ทำเฉยๆ หย่อนสลิปกับใบเสร็จใส่ถุง วีกิจแย่งถุงไปถือ

มุนินทร์พาวีกิจมาดูดาวที่ท้องฟ้าจำลอง ดวงดาวพราวไปทั่วท้องฟ้ามืดมิด งดงาม พร่างพราย ระยิบระยับ มีดาวตกวูบวับลับหาย มุนินทร์และวีกิจแหงนมอง มุนินทร์มีแววดื่มด่ำรำลึกความหลัง ส่วนวีกิจก็ดูเหมือนจะรับรู้ได้ เสียงวิทยากรดัง
“แกแลคซี่แอนโดรมีดา ตั้งชื่อตามเจ้าหญิงในเทวปกรณัมของกรีก ผู้ซึ่งวีรบุรุษเพอร์ซูส ช่วยเธอไว้จากอสูรทะเล”
ภาพบนโดมเปลี่ยนเป็นเกลียวแกแลคซี่แอนโดรมีดาหมุนวน แสงสีสดใสงดงาม บนเก้าอี้มุนินทร์นั่งเคียงวีกิจ มุนินทร์มองดูอย่างจดจ่อ วีกิจขยับรูดซิปแจ็กเก็ตปิดคอ
“โอย หนาวจริงๆ ด้วย”
มุนินทร์ขยับตัวมาใกล้ พูดอย่างไม่คิดอะไรมาก
“ถ้าหนาวก็ขยับมาซีคะ”
วีกิจขยับมาชิดพูดอุบอิบ
“มือผมเย็นไปหมดแล้วนะฮะนี่”
มุนินทร์พลันเอื้อมมือมากุมมือวีกิจ
“มือคุณเย็นจริงๆ ด้วย ดีขึ้นไหมคะ”
วีกิจมองดูมุนินทร์ มือบีบกระชับอย่างอ่อนโยนทนุถนอม ภาพแกแลคซี่บนโดมค่อยๆ ห่างออกไป หมู่ดาวพราวฟ้าปรากฏขึ้นใหม่
“สวยจัง”
วีกิจไม่ได้มองบนโดม แต่มองดูมุนินทร์นิ่ง
“ฮะ สวย สวยจนผมแทบลืมหายใจ”

มุนินทร์หันมามองวีกิจ วีกิจรีบทำเป็นแหงนดูดาว มุนินทร์แหงนดูดาวใหม่
ส่วนที่กระทรวงรัชนกกำลังก้าวเข้าลิฟต์ ประสิทธิ์ชัยก้าวมาจากไหนไม่มีใครรู้ก้าวพรวดเข้าไป ประตูลิฟต์เลื่อนปิดลง

“ไงฮะ เมื่อวานให้นายกิจไปส่งหรือ” ประสิทธิ์ชัยถาม รัชนกเชิดหน้า
“ค่ะ”
“มันไปส่งถึงไหนล่ะ ส่งถึงบนเตียงหรือเปล่ามันถึงได้หมดเรี่ยวหมดแรงมาทำงานไม่ได้”
“คุณ คุณหยาบคาย คุณมีสิทธิ์อะไรถึงมาพูดแบบนี้”
“ก็สิทธิ์ของความเป็นผัวคุณไงเล่า ผมจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นเมียผมคุณทนได้ก็ทนไป”
รัชนกถอยกรูดเบิกตากว้างหวาดหวั่น
“คุณ คุณแบล็คเมล์นก คุณไม่ใช่สุภาพบุรุษ”
“ก็ไม่ใช่นะซี นก ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่คุณโกรธเพราะคุณยังรักผมอยู่ ผมรู้ ผมรู้ว่าคุณรักผมมาก”
ประสิทธิ์ชัยเข้ากอดรัดจูบ รัชนกจูบตอบอย่างดูดดื่ม ลิฟต์เลื่อนลงถึงพื้น ประตูลิฟต์ขยับเปิด ทันใดรัชนกก็ร้องกรี๊ดเอามือข่วนหน้าประสิทธิ์ชัย ประตูลิฟต์เปิดอ้า
ที่หน้าลิฟท์ ข้าราชการลูกจ้างของรัฐทั้งหญิงชายมองเป็นตาเดียว มีปริม แจงจิต อรพิม ทิพอาภา
เลอลักษณ์ ฉกรรจ์ นักรบ ครบองค์ประชุม รัชนกน้ำตาไหลพรากวิ่งเซซังออกจากลิฟต์ ประสิทธิ์ชัยยืนกุมแก้มอับอายสายตาผู้คน
“ต๊าย ทำอะไรในเวลาราชการยะ”
“ทำ ทำอะไรกันน่ะ ทำไมหนูนกร้องไห้”
“สงสัยโดนลิฟท์ดูด เอ๊ย ไฟในลิฟท์ดูด”
ประสิทธิ์ชัยขบกรามเดินพรวดๆ ไป สามสาวกอสซิปมีอาการกลัวลิฟต์ ฉกรรจ์เอานิ้วจ่อไม่กล้ากดปุ่มจดๆ จ้องๆ นักรบเลยผลัก
“ว้าย ลิฟท์หนีบจิ๊มิ”

ทางด้านมุนินทร์กับวีกิจ พอออกจากท้องฟ้าจำลองทั้งคู่มานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารริมน้ำ มุนินทร์และวีกิจกินอาหารเย็นกัน วีกิจกินข้าวไม่ลงเพราะความในใจเอ่อล้นขึ้นมา
“ตา วันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย แล้วดาวเต็มฟ้าเมื่อกี้ก็สวยจนเกินบรรยาย”
“ดาวบนฟ้าของเราวันนี้สวย แต่มันไม่ใช่ของจริงนะคะ ท้องฟ้าจริงๆ ของเรามีแต่เมฆหมอกมลพิษจนมองไม่เห็นดาวแม้แต่ดาวดวงเดียว เหมือนกับมิตรภาพของเราในวันนี้ พอพรุ่งนี้คุณก็ต้องกลับไปเข้าข้างญาติคุณ แล้วคุณก็อาจจะไม่ใช่เพื่อนของฉันอีกต่อไปก็ได้”
“ผมก็ไม่ได้ต้องการเป็นแค่เพื่อนของคุณ”
วีกิจโพล่งออกมา มุนินทร์ตะลึงลาน

“วีกิจ”
“ผมเฝ้าบอกตัวเองมาตลอดว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ในระยะหลังมานี่ ผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมรู้สึกอะไรกันแน่และคำตอบก็คือ ผมชอบคุณมากกว่าจะเป็นแค่เพื่อน” วีกิจเลื่อนมือมากำมือมุนินทร์
“ตา เริ่มต้นกับผมใหม่ได้ไหมฮะ ลืมเรื่องเก่าๆ ไปให้หมด ลืมเรื่องอาภพ ลืมเรื่องอานภา ลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น”
“ยังมีเรื่องเลวร้ายบางอย่างที่คุณยังไม่รู้ และมันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะลืมได้”
“ได้ซีฮะ ถ้าคุณจะพยายาม ถ้าเราสองคนจะพยายาม แล้วปล่อยให้มันผ่านไป”
“ฉันมาไกลเหลือเกินค่ะวีกิจ ไกลจนย้อนกลับไปตั้งต้นใหม่ไม่ได้”
“นี่คุณรักอาภพได้เพียงคนเดียวเท่านั้นหรือ รักจนลืมไม่ได้ รักจนไม่มีใครทดแทนได้จริงๆ หรือ”
“วีกิจคะ ขอให้คุณรู้ไว้ ถ้าฉันจะรักใครซักคน คนๆ นั้นก็คือคุณ”
“แต่ แต่แล้วทำไม”
“แต่ ฉันไม่ใช่คนที่คุณคิด คุณแทบไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ คุณคงไม่ได้รักฉันหรอกค่ะ”
วีกิจขมขื่นเพราะคิดว่าคือการปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจ ส่วนมุนินทร์ขมขื่นเมื่อนึกแต่ว่าวีกิจรักเพียงมุตตาไม่ใช่เธอ มุนินทร์ค่อยๆ ดึงมือออก
“เมื่อปีก่อน ผมเคยขอคบคุณเป็นแฟนแต่คุณปฏิเสธ รู้ไหมฮะวันนั้นผมไม่ได้เจ็บเท่าไร ผมถึงบอกตัวเองว่าผมคงไม่ได้รักคุณ แต่ช่วงหลังนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป” วีกิจเสียงสั่น ความเจ็บปวด น้อยใจ ขมขื่น ประเดประดังขึ้น “แต่คราวนี้มันกลับเจ็บ เจ็บอย่างที่ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเจ็บได้ถึงขนาดนี้”
มุนินทร์ใจวาบลึก ไม่อาจทานทนได้ต่อไปกลับเป็นคนกุมมือวีกิจไว้
“ใครบอกว่าฉันปฏิเสธคุณคะ”
“ตา”
วีกิจดึงร่างมุตตามากอดแน่น มุตตาหลบตาพริ้มก่อนจะเงยหน้ามองวีกิจ
“เพียงแต่ คุณยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด อย่ารีบร้อนตัดสินใจไปก่อน รออีกนิดนะคะ แล้วฉันจะบอกคุณทุกอย่าง”
วีกิจใจชื้นขึ้น แล้วรู้สึกอายที่หลุดความในใจทั้งมวลจึงอ้อมแอ้ม
“ฮะ แล้วผมจะรอวันนั้น”
“ตอนนี้ ขอให้เราเป็นเพื่อนที่พิเศษกว่าเพื่อนคนไหนได้ไหมคะ”

วีกิจพยักหน้า มุนินทร์ยิ้ม แต่ดวงตาทั้งสองคู่ฉายชัดว่าเกินกว่าเพื่อน
คืนนั้นวีกิจขับรถเข้ามาจอดลงใกล้เทอเรซแล้วลงจากรถ ถือถุงเสื้อผ้าที่มุนินทร์ลืมลงด้วย เจนภพยิ้มกริ่มเข้ามา

“ไง วันนี้กลับบ้านถูกหรือ อะไรนะทำให้เด็กดีไม่กลับบ้านกลับช่อง แถมยังโดดงานด้วย”
“สิ่งนั้นก็ต้องมีค่าพอที่จะแลกแหละครับ ถ้าผมบอกว่าผมไปค้างกับตามาล่ะฮะ”
เจนภพสะอึก แต่ซ่อนท่าทีไว้ได้หมด ยิ้มพราย
“ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ ม่านรูดไหนล่ะ”
“ไม่ใช่ม่านรูดราคาถูกหรอกฮะ แต่เป็นคอนโดของตาเอง ราคาซักเจ็ดล้านได้มังครับ”
เจนภพอึ้งไปนิดก่อนจะเยาะกลับ
“งั้นไอ้เสี่ยสปอนเซอร์นั่นคงจะรวยน่าดูกับผู้หญิงแบบนี้ยังยอมจ่ายเป็นสิบล้าน”
“ตามีคุณค่ากว่าราคาเล็กๆ น้อยๆ นั้นมั้งครับ”
“แกนี่เก่งนะ แกไม่กลัวไอ้เสี่ยนั่นเข้ามาอัดแกยับคาห้องหรือ”
“แล้วอาภพล่ะฮะ ไม่คิดจะอัดผมให้ยับบ้างหรือ”
เจนภพฝืนยิ้มเข้ามาโอบไหล่ ทั้งคู่เดินเข้ามาเทอเรซ
“นี่แกเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวได้ซะทีนะ”
“ลูกผู้ชายเต็มตัว เขาเป็นกันยังไงหรือฮะ”
“ก็เลิกคิดอะไรโรแมนติกโง่ๆ น่ะซี โลกนี้มันโลกของผู้ชาย โอกาสเข้ามาก็รีบคว้าเอาไว้ รับรองมีเข้ามาไม่ขาดตลอดชีวิต”
“ถ้าลูกผู้ชายต้องคิดแบบนั้น ผมขอเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ดีกว่าครับ”
“นี่ฉันทำใจลำบากเหมือนกันนะนี่ ต้องมาแชร์ผู้หญิงคนเดียวกันกับแก แต่ไม่เป็นไร ฉันกะว่าอีกเดือนสองเดือนฉันก็จะเลิกกับเขาอยู่แล้ว ไอ้เรื่องหย่าเขาก็คงจะเลิกหวังได้แล้ว” วีกิจระงับสติอารมณ์ไว้อย่างสุดความสามารถ “อ้อ ไปนึกเรื่องแก้ตัวกับแม่แกให้ดีก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ”
“เดี๋ยวนี้แกคงรู้แล้วซีนะว่าผู้หญิงคนนี้ลีลาเด็ดขนาดไหน ทำไมฉันถึงเลิกแทบไม่ได้”
“งั้นก็รีบเลิกซะเถอะฮะ อย่าให้ตาสลัดทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆ จะเสียฟอร์ม ซะเปล่าๆ”
วีกิจเดินเข้าบ้านไป เจนภพหุบยิ้มเปลี่ยนเป็นโทสะ หวงหึงรุนแรง กำหมัดขบกรามเดินลงจากเทอเรซไป
วีกิจนั่งแปะลงบนเตียง ถอนใจแล้วเทถุงชุดที่มุนินทร์ให้ยืมเพื่อส่งซัก สลิปและใบเสร็จหล่นลง วีกิจอมยิ้มหยิบสลิปมาดู ลายเซ็น M. Chongsawat วีกิจยิ้มนิดๆ เก็บสลิปไว้ในกล่องของกระจุกกระจิก แม้เป็นแค่สลิปแต่ก็ดูมีความหมายยิ่ง

เช้าวันรุ่งขึ้น วีกิจลงมาจากชั้นบน สร้อยคำนั่งอยู่ที่โซฟาเตรียมหั่นผัก หน้าตาเย็นชา บัวมองมาแล้วหลบตาวูบ
“แม่ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้กลับบ้านแล้วก็ไม่ได้รับโทรศัพท์”
“ถ้าบอกแม่ซักนิด แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก”
“ผมมีเรื่องวุ่นๆ นะฮะ ไม่อยากให้แม่ต้องมาปวดหัวด้วย”
“ทำไมลูก ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้”
“แม่ฮะ” บัวเหลือบมองวีกิจ วีกิจนิ่งอั้น “แม่ครับ ฟังผมบ้าง ตาเขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ คิด”
“แต่ก็อาจเป็นมากกว่านั้นใช่ไหม ตากิจ แกไม่ใช่เด็กๆ แม่เองก็ไม่อยากมาทำตัวเป็นแม่ใจร้าย แม่เคยบอกให้แกอย่ายุ่ง เขาผูกก็ให้เขาแก้กันเอง แต่ตอนนี้บ่วงมันคล้องคอแกแล้ว แกคิดอ่านดูเองก็แล้วกัน”

สร้อยคำลุกเข้าครัวไป บัวมองอย่างเห็นใจ วีกิจถอนใจ
ประสิทธิ์ชัยขบกราม สาดเหล้าลงคอ

“เออ ข้ารู้ซึ้งแล้วว่ามารยาห้าร้อยเล่มเกวียนเป็นยังไง ใจจริงข้าอยากหยุดงานตั้งแต่วันนี้ ข้าทนเห็นหน้าอีนั่นไม่ได้ ถ้าเจอก็อาจฆ่ามันได้ง่ายๆ”
“ไอ้สิทธิ์ ยังไงเขาก็เป็นผู้หญิง อย่าพูดขนาดนั้น ให้เกียรติกันหน่อย”
“ที่ข้าพูดนี่แหละให้เกียรติแล้ว อีนี่มันไม่มีเกียรติอะไรทั้งนั้น ไม่มีความเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ”
“อะไรวะ แค่เลิกกันแค่นี้ แล้วเอ็งต่างหากเป็นคนทิ้งเขาไปแต่งงาน เขาเป็นคนเสียหายนะโว๊ย”
“เสียหาย ข้าต่างหากเสียจนหมดตัว เอ็งไม่รู้หรอกว่าอีนี่มันยิ่งกว่าตีสองหน้าเลวระยำ แพศยาขนาดไหน”
“เขาทำอะไรเอ็ง ข้าไม่เข้าใจเลย”
ประสิทธิ์ชัยกระแทกแก้วเหล้า แก้วแตกเพล้ง
“ถ้าข้าบอก สุภาพบุรุษอย่างเอ็งคงช็อค แต่อย่ารู้เลย รู้แต่ว่ากะหรี่ยังดีกว่าอีนี่”
“ไอ้สิทธิ์ เอ็งเลิกปากหมาซะที”
“ทำไมเอ็งจะทำไม อีพวกนี้เหมือนกันทั้งนั้น มุตตาเมียเอ็งก็ด้วย”
วีกิจจับคอเสื้อประสิทธิ์ชัย อีกมือกำหมัดแน่น
“เฮ้ย ถ้าเสือกต่อยกันอีก คราวนี้ข้าจะสาดด้วยหม้อไฟนะโว๊ย” กริบบอก
“ยังไงเขาก็ผู้หญิง ถ้าเอ็งพูดดีด้วยไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดถึง”
“ถุยไอ้สุภาพบุรุษ เอ็งกับข้าก็เหมือนกันแหละวะ โง่ดักดาน ถูกอีแพศยาหลอกมาแรมปี ระวังมุตตาของเอ็งไว้ให้ดีเถอะ สงบอยู่ได้ไม่เกินเดือนหรอก”
วีกิจหน้าเผือดลง เพราะเอาเข้าจริงก็คือสิ่งที่หวั่นใจอยู่
“ไอ้สิทธิ์”
“ไอ้สิทธิ์มึงหุบปากซะ ไอ้กิจมึงจะไปถือคนบ้าทำไมวะ”
ที่โต๊ะสามสาวก็ส่งสาวซีทรูที่ท่าทางหนาวสุดมายืนระทวยไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ
“โทษค่ะ คุณสามคน ใช่สามพี่น้องในโฆษณารักโลกหรือเปล่าคะ”
กริบนิ่วหน้ามีอาการรังเกียจ วีกิจพยายามสุภาพ ประสิทธิ์ชัยลุกขึ้นรับ
“ไม่ใช่หรอกครับ” วีกิจปฎิเสธแต่กระสิทธิ์ชัยกับตอบรับ
“ใช่”
สาวตาโตหันไปเกี๊ยวก๊าวกับเพื่อน
“ว้ายใช่จริงด้วย ใช่โฆษณารักโลก ปลูกป่าใช่ไหมคะ”
“เออ ปลูกต้นงิ้วไว้ให้พวกแกขึ้นไง อีหน้าเบ้า”
“ว้าย”
“กลับไปเลย คันหูทั้งโต๊ะแบบนี้อีกหน่อยคุณตัวตกงานหมดแน่ๆ”

สาวซีทรูผงะจนมะนาวหก เพื่อนอีกสองนางร้องวี๊ด กริบกับวีกิจอ้าปากค้าง
แจงจิต อรพิม ทิพอาภา กับสองนางไร้ชื่อทำงานง่วน แต่รัชนกไม่อยู่ อรพิมพิมพ์งานง่วงงุนแล้วมีอีเมล์เข้าจึงคลิกดู เห็นมีคลิปแนบมาก็เปิดดูพลางหาว คลิปเริ่มต้น อรพิมตาเหลือกหายง่วงเป็นปลิดทิ้งลุกพรวดขึ้น

“คลิปเอ็กซะวี่ มาดูกันเร็ว”
ทิพอาภา กับสองนางไร้ชื่อลุกพรวดมาสุมหัวดูที่คอมพ์อรพิมวิจารณ์กันแซ่ด แจงจิตเบื่อหน่ายลุกเดินมา
“นี่แม่คุณทั้งหลาย เวลาราชการ คิดถึงประชาชนผู้เสียภาษีบ้าง ว้าย นั่นอะไร ทำอะไรกัน”
“อ๋อ เขาคงยื่นภอดองอ เอ๊ย ภงด. กันค่ะ”

เจนภพผลักบังตาเข้ามา เห็นลูกจ้างของรัฐสุมหัวอยู่ที่โต๊ะอรพิมพลางวิจารณ์กันแซ่ด
“ว้าย มัดมือมัดเท้า”
“แส้เฆี่ยน เทียนลน อี๋”
“เขาเรียกเอสแอนด์เอ็มย่ะ” แจงจิตหลุดบทแสดงภูมิรู้ อรพิม ทิพอาภา สองนางไร้ชื่อมองหน้า “ทำไม ฉันแค่เคยได้ยินมา ไม่ได้เคยลอง”
เจนภพได้ยินก็หน้าเผือด คิดว่าเป็นตัวเอง
“คลิปอะไร ใคร ใครมันแกล้งผมอีก”
ทุกนางหันมามองเจนภพ
“ดูแล้วไม่ใช่ ผ.อ.หรอกค่ะ เพราะหนุ่มกว่า”
“แต่หุ่นไม่ดีเท่าผ.อ.หรอกค่ะ”
รัชนกผลักบังตาเข้ามาพอดีแล้วชะงัก
“ว้าย หนูนกมาดูเร็ว”
รัชนกหน้าแดง ส่ายหน้า
“ไม่เอาล่ะค่ะ น่าเกลียดจะตาย”

ที่ห้องทำงานวีกิจ ปริมตาวาว เลอลักษณ์น้ำลายหก นักรบ ฉกรรจ์ยืนเล็งซ้ายเล็งขวาราวกับจะช่วยให้เห็นได้มากขึ้น
“ต๊าย นี่ข่มขืนจริงหรือเมคขึ้นยะ”
“ฉันว่าเหมือนหนังญี่ปุ่น เพราะมีดวงกระสือเซ็นเซอร์”
“นังสู่รู้ หนังญี่ปุ่นน่ะดวงกระสือมันบังโจ๊ะย่ะ ไม่ใช่บังหน้ายังงี้”
“เลยไม่รู้เลยว่าพระเอกมันหล่อแค่ไหน”
“ส่วนนังผู้หญิง แม่คุณเอ๊ย ตัวอ๊อนอ่อน เปียงยาง กวางเจา เส้าหลิน แพ้อีนี่หมด”
วีกิจกับประสิทธิ์ชัยเข้ามาพอดี
“เฮ้ย ไหน คลิปอะไร เห็นดูกันทุกห้อง”
ประสิทธิ์ชัยถลามาดูตาวาว นักรบ ฉกรรจ์คิกคัก วีกิจนั่งที่โต๊ะมองมาอย่างเซ็งๆ
“แปลกนัก ดูแล้วมันคุ้นๆ ยังไงก็มิรู้ได้”

ประสิทธิ์ชัยดูไปแค่แว่บหนึ่งก็ชะงักหน้าเผือดลง ดวงตาตื่นตระหนก
ประตูห้องรัชนกถูกกระแทกเข้ามา รัชนกร้องกรีดถอยกรูด ประสิทธิ์ชัยเข้ามาตาขวางเหมือนคนบ้า

“นี่มันอะไร เธอทำคลิปปลอมนั่นใช่ไหม ในห้องนอนเธอมีกล้องแอบถ่ายอยู่ใช่ไหม”
ประสิทธิ์ชัยเข้าไปในห้องนอนแล้วกวาดข้าวของทำลาย กระชากผ้าปูเตียงออกมา รัชนกยังยืนนิ่งไม่ทุกข์ร้อน ประสิทธิ์ชัยออกมาแล้วปัดข้าวของบนโต๊ะกลาง รัชนกถอยหลบสีหน้ายิ้มๆ
“เธอร่วมมือกับไอ้พี่ชายใช่ไหม” รัชนกยิ้มหยัน ประสิทธิ์ชัยถลาเข้ามากระชากร่างรัชนกแล้วบีบปาก “ฉันเกลียดรอยยิ้มนี่ที่สุด พูดมาซี พูดมา”
ร่างของศักดิ์ชายก้าวเข้ามาจากห้อง
“ปล่อยน้องฉันเดี๋ยวนี้”
ประสิทธิ์ชัยหันมามองศักดิ์ชาย ประสิทธิ์ชัยยอมปล่อยร่างรัชนก
“แกบอกมา แกร่วมมือกับน้องแกปล่อยคลิปใช่ไหม”
“ไม่ได้อยากทำหรอกนะ แต่นายหลอกลวงน้องสาวฉัน ได้แล้วทิ้งขว้าง อย่าหาแต่กำไรซี้ จะแต่งงานกับคนอื่น บังคับให้น้องสาวฉันเป็นเมียเก็บ”
“แกต้องการอะไร”
“ค่าทำขวัญ”
“คงขวัญอ่อนมากซีนะ จะเรียกซักกี่แสน”
“สาม...สามล้านบาท”
“จะบ้าเหรอ ไม่มีทาง”
“โถ ฉันแค่ขอเศษเงินจากบัญชีคุณ ฉันไม่ได้ขอหมดซักหน่อย”
“จะไม่มีใครเชื่อแกสองคนหรอก ฉันจะให้ทนายสู้คดีกับแก”
“ได้ค่ะ หาหลักฐานมาแก้ต่างให้ดีนะคะ ที่คุณพยายามจะแบล็คเมล์นก บอกจะแฉทุกคนในออฟฟิศ ถ้านกไม่ยอมเป็นทาสสวาทคุณ”
“อะไรนะ”

“คุณหลอกนกไปเที่ยวทะเล วางยาในเหล้า ปลุกปล้ำนก แล้วจากนั้นก็ข่มขืนนกตลอดมา จนถึงขั้นเล่นวิตถาร พี่ชายขาโชว์หน่อยซีคะ
ศักดิ์ชายเดินไปกดภาพที่จอทีวีเครื่องเล่นดีวีดีทำงาน ภาพในจอทีวีมโหฬารเป็นภาพคลิปชนิดไม่
เซ็นเซอร์หน้า ประสิทธิ์ชัยอึ้ง รัชนกกระแอมแล้วพากย์เสียงเครือ
“วันนั้นคุณปลุกปล้ำนก คุณตบนกจนสลบ ฉีกเสื้อผ้านกอย่างป่าเถื่อน” รัชนกน้ำตาหยาดหยด “แล้วข่มขืนนกอย่างทารุณ ยิ่งกว่านั้นคุณยังให้เพื่อนคุณถ่ายวิดีโอไว้แบล็คเมล์ แต่โชคดีที่นกเอาคืนมาได้”
“อีแพศยา”
รัชนกยิ้มยั่วยวน น้ำตายังนองหน้า
“ตำรวจจะเชื่อใครดีคะ ระหว่างเด็กสาวน่าสงสารกับลูกชายคุณหญิงที่เป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ”
“พวกแกทำเป็นอาชีพ เป็นพวกสิบแปดมงกุฎใช่ไหม แล้วไอ้เรื่องเวอร์จิ้นนั่นก็ตอแหลทั้งนั้น”
รัชนกหยิบมีดปอกผลไม้ปลายแหลมแทงปลายนิ้วหน้าตาปรกติ แล้วกดลงบนผ้าปูโต๊ะขาว เลือดซึม
แผ่เป็นวง รัชนกวางมีดลง
“นกไม่ได้บอกซักคำว่าเป็นเวอร์จิ้น นกแค่ทำเข็มตำนิ้ว เฮ้อ ทำไมถึงอยากเป็นคนแรกกันนักนะ”
“แล้วไอ้นี่มันไม่ใช่พี่ชาย มันเป็นผัวแกใช่ไหม”
“เขาชื่อศักดิ์ชาย นกเรียกพี่ชาย มันผิดตรงไหนคะ”
“แก”
“พี่ชายเขาเป็นลูกติดพ่อเลี้ยงฉัน นกก็เป็นลูกติดแม่เลี้ยงเขา เราก็เลยเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก” ศักดิ์ชายลุกขึ้นมาบีบนวดต้นคอรัชนก “แล้วอีกอย่างอย่าคิดว่าเราทำเพื่อเงินนะคะ บ้านนกไม่ได้ยากจน แม่นกเป็นเจ้าของคาสิโน นกทำเพราะว่ามันสนุกดีต่างหาก อย่าเจ็บใจไปเลยค่ะนึกถึงตอนคุณหลอกลวงผู้หญิงหน้าโง่แล้วเขี่ยทิ้งดู นกแค่อยากให้คุณรู้ว่าในโลกของความหลอกลวงใบนี้ ผู้ชายไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไปหรอก”

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 12/3 วันที่ 1 พ.ย. 55

ละครเรื่อง แรงเงา นำแสดงโดย: เจนี่, เคน ภูภูมิ, ปิ๊ป รวิชญ์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ
ละครเรื่อง แรงเงา บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน
ละครเรื่อง แรงเงา บทโทรทัศน์ : วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
ละครเรื่อง แรงเงา กำกับการแสดง : ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง แรงเงา ผลิต : บ. บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด โดย อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครเรื่อง แรงเงา แนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง แรงเงา ออกอากาศวันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง แรงเงา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา ไทยรัฐ