@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 14 วันที่ 9 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 14 วันที่ 9 ต.ค. 55

“เฮ้อ...ทิฐิ ความยึดมั่น ถือมั่น ไม่ยอมปล่อยวางของลุงไม่เข้าใครออกใคร คนเราถ้าไม่ยอมซะอย่าง ทำยังไงมันก็ไม่ยอม”

“นั่นสินะ ถ้าคนคนนั้นไม่ยอมเปลี่ยน เราจะไปเปลี่ยนความคิดเขาได้ยังไง” รสานึกถึงภคพงษ์

ห้าวฟังแล้วขมวดคิ้ว สงสัยว่ารสาเป็นอะไร หรือว่ายังไม่หายไข้ รสายืนยันหายดีแล้ว และฝากเขาบอกพิมด้วยว่าอาทิตย์นี้เธอยังกลับไม่ได้ มีงานด่วนเข้ามา อาทิตย์หน้าค่อยเจอกัน...

วางสายจากห้าวแล้ว รสายังเฝ้าคิดเรื่องภคพงษ์อย่างหนักใจ เธอต้องทำยังไงถึงจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้...

ooooooo

ในเมื่อภคพงษ์ไม่ยอมยุติเกมแก้แค้น...รัชนีร้อนใจเป็นห่วงความรู้สึกของปรางทิพย์ อีกทั้งต้องการปกปิดอดีตของตนตลอดไป เช้านี้เธอจึงคุยกับสุวิทย์อย่างจริงจังว่าจะให้ปรางทิพย์เลิกคบกับภคพงษ์



“แต่ผมอนุญาตให้เขาคบกันไปแล้ว อยู่ๆไปเปลี่ยนใจ มันจะเสียผู้ใหญ่เปล่าๆ”

“แต่ถ้าปล่อยไว้เราอาจจะต้องเสียลูกไปนะคะ ภคพงษ์ทำให้ปรางไม่สนใจเรียน เมื่อวันก่อนก็พูดเรื่องแต่งงาน รัชว่ามันเกินไปแล้วนะคะ ภคพงษ์พูดแบบนี้ทำไม รู้ทั้งรู้ว่าปรางยังเด็ก จะแต่งงานได้ยังไงกัน ลูกเราพอฟังแล้ว

ก็เก็บไปฝันเป็นเรื่องเป็นราว รัชว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีกับอนาคตลูกแน่ๆค่ะ”

“เรื่องแต่งงานผมก็เห็นด้วยว่ามันเร็วเกินไป”

“ทางที่ดีเราควรจะแยกสองคนนี้ให้ห่างกันให้มากที่สุด รัชจะส่งปรางทิพย์ไปฝรั่งเศสอาทิตย์หน้า รัชตัดสินใจแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดหลังจากนี้รัชขอรับผิดชอบเอง”

“คุณพูดถึงขนาดนี้ ผมก็ไม่อยากขัด เอาเป็นว่าผมปล่อยให้คุณจัดการก็แล้วกัน”

หลังจากคุยกับสามีแล้ว รัชนีรีบขึ้นไปริบโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของลูกสาวมาไว้กับตัว

“นี่คุณแม่จะทำอะไรกันแน่คะ”

“วันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน แม่จ้างครูพิเศษมาติวตัวต่อตัวให้ที่บ้าน และโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์พวกนี้แม่จะเก็บไว้เอง ปรางจะได้ไม่เสียสมาธิ ทุ่มเทให้การเรียนเต็มที่ เตรียมตัวไปฝรั่งเศสอาทิตย์หน้า”

“อาทิตย์หน้า! แต่คุณแม่บอกปรางว่า...”

“แม่เปลี่ยนใจแล้ว และคุณพ่อก็เห็นด้วย เราสองคนไม่อยากให้ลูกคบกับภคพงษ์”

“ไม่จริง ปรางไม่เชื่อ คุณพ่อต้องไม่คิดแบบนั้น ปรางไม่ยอม”

“ปราง...ถ้าปรางรักแม่ ปรางต้องเชื่อแม่ ปรางต้องเชื่อฟังแม่นะลูก” รัชนีขอร้องแกมบังคับ...ปรางทิพย์น้ำตาคลอด้วยความสับสน เสียใจ และผิดหวัง

“ได้ค่ะ ปรางจะฟังคุณแม่ ปรางจะเชื่อคุณแม่ เพราะปรางรักคุณแม่นะคะ แล้วคุณแม่ล่ะค่ะ คุณแม่รักปรางบ้างหรือเปล่า”

รัชนีขอบตาร้อนผ่าว มองลูกสาวที่ร้องไห้สะอึก– สะอื้นอยู่ตรงหน้า...กลั้นน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหล

“เพราะแม่รักลูก...แม่ถึงต้องทำแบบนี้” รัชนีพูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากห้องพร้อมกับโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก...แล้วก็ยืนน้ำตาไหลพรากอยู่ตรงหน้าห้องนั่นเอง

ooooooo

เมื่อรู้ว่าวันนี้รสามาทำงานที่เรือนสีขาว ภคพงษ์รีบมาหาเธอด้วยความดีใจ แต่รสาพยายามคุยเรื่องงานเพียงอย่างเดียว

“คุณมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ ต้องการจะให้ทำอะไรเพิ่มเติมจากแบบที่ให้ไปหรือเปล่า”

“ไม่มี...ผมแค่จะมาบอกว่าผมดีใจมากที่คุณรับงานนี้”

“รอพูดคำนี้ตอนงานเสร็จดีกว่าค่ะ บางทีคุณอาจจะไม่ชอบงานฉันก็ได้”

“พูดตอนนี้ก็เหมือนกัน เพราะคุณไม่เคยทำให้ผมผิดหวังอยู่แล้ว และที่สำคัญ...การที่คุณรับงานมันทำให้ผมรู้ว่าคุณไม่ได้โกรธผมแล้ว”

“ไม่จริงค่ะ ถ้าคุณทำสิ่งที่มันน่าโกรธ ฉันก็ยังโกรธคุณอยู่ แล้วคุณทำอะไรที่มันไม่สมควร ทำอะไรที่มันน่าโกรธอยู่หรือเปล่า” รสาจ้องตารอคำตอบ ภคพงษ์หุบยิ้มแล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น

“ผมมีประชุมพอดี ต้องรีบไป เย็นนี้จะรีบกลับมา ถ้าคุณยังไม่กลับ ทานข้าวด้วยกันนะ ผมมีของบางอย่างจะให้คุณ แล้วเจอกัน”

รสาถูกมัดมือชก ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ขณะมองตามหลังเขาไป...

ภคพงษ์ออกจากบ้านไปได้ครู่เดียว รถของรัชนีก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ สายใจออกมาต้อนรับ ด้วยความแปลกใจ

“ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย” รัชนีเอ่ยปาก

“เรื่องคุณหนูกับคุณปรางทิพย์ใช่ไหมคะ”

รัชนีพยักหน้าแล้วเดินตามสายใจเข้าไปคุยกันข้างใน

“ฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันทำทุกอย่างแล้ว แต่ภคพงษ์ ก็ยังไม่ยอมหยุด” รัชนีเปิดฉากด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

“คุณผู้หญิงคะ ที่คุณหนูทำลงไปทุกอย่างเพราะเหตุผลเดียวเท่านั้น คือต้องการให้คุณบอกความจริงกับทุกคน และยอมรับว่าคุณหนูมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ คุณหนูรักคุณผู้หญิงมากนะคะ ตั้งแต่เล็กจนโต คุณหนูเฝ้ารอวันที่คุณผู้หญิงจะกลับมา คุณหนูอาจจะไม่แสดงออก และดิฉันกับคุณเผด็จรู้ดีว่าคุณหนูไม่เคยลืมคุณเลยนะคะ”

สายใจพูดไปร้องไห้ไป...รัชนีขอบตาร้อนผ่าว ใจสั่นด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอก

“ตอนเด็กๆทุกวันเกิดคุณหนูจะไม่ยอมเป่าเค้ก รอให้คุณผู้หญิงมาหาเธอ คุณหนูเล่นเปียโนเพลงที่คุณชอบทุกวัน และก่อนนอนก็จะถามดิฉันทุกคืนว่าเมื่อไหร่คุณผู้หญิงจะกลับมา...คุณหนูน่าสงสารมากนะคะ”

รัชนีพยายามเก็บความรู้สึก เก็บมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่เหมือนจะนิ่งชา แต่น้ำตากลับไหลออกมาอย่างยากจะกลั้นไว้

“ฉันรู้...แต่ตอนนี้ฉันกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่ฉันจะต้องทำตอนนี้คือก้าวผ่านปัจจุบันไปให้ได้ และไม่ทำสิ่งผิดพลาดอีกในอนาคต...ฉันเหมือนคนที่กำลังอยู่บนหลังเสือ ถ้าฉันกระโดดลงไปตอนนี้ ฉันก็ต้องตาย”

“แต่ถ้าคุณผู้หญิงจะยังคงอยู่บนนั้นต่อไป...มันก็ต้องเหนื่อยนะคะ”

รัชนีจุก...คำพูดของสายใจตอกย้ำทำให้เห็นว่าไม่มีทางออกที่ดีสำหรับเธอจริงๆ

ครู่ต่อมา รัชนีเดินเข้าไปในห้องรับแขก หยิบ

รูปถ่ายวัยเด็กของภคพงษ์มาดูแล้วก็ร้องไห้อย่างหนัก

รสาผ่านมาเห็น ยืนแอบอยู่หลังประตู สองตาจับจ้องรัชนีที่เดินไปหยุดตรงหน้ารูปขนาดใหญ่ของพรตบนผนัง

“ฉันควรจะทำยังไงดีคะคุณ...ฉันควรจะทำยังไงกับลูกดี”

เสียงคร่ำครวญหวนไห้ของรัชนีถึงแม้จะแผ่วเบา แต่มันดังสะท้านเข้าไปในใจของรสาอย่างเต็มๆ

ooooooo

ภคพงษ์เข้าบริษัทได้สักพัก ปรางทิพย์ก็โทร. มาเล่าเรื่องที่รัชนีสั่งห้ามคบกับเขาอีกต่อไป แม่ยึด เครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง และจะส่งเธอไปฝรั่งเศสอาทิตย์หน้า

“ที่ปรางโทร.หาพี่ภัคได้ก็ต้องยืมโทรศัพท์จากพี่แม่บ้าน ปรางไม่เคยคิดเลยนะคะว่าคุณแม่จะทำแบบนี้ คุณแม่ทำเหมือนปรางไม่ใช่ลูกของเขา แต่เป็นนักโทษ ถ้าพี่ภัคไม่บอกให้ปรางใจเย็นๆ ทำตัวให้น่ารัก ปรางไม่มีวันยอมโดนขังแน่ๆ”

“น้องปรางทำถูกแล้วครับ ทำตัวเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ส่วนเรื่องคุณแม่...พี่ภัคจะคุยกับท่านเอง วันนี้คุณแม่อยู่ที่บ้านหรือเปล่าครับ”

“ไม่อยู่ค่ะ คุณแม่ออกไปงานเลี้ยงกับคุณพ่อค่ะ”

“งานเลี้ยงที่ไหนครับ”

ภคพงษ์คลี่ยิ้มอย่างพอใจ หลังฟังคำตอบของปรางทิพย์...

ส่วนที่บ้านเถลิงยศ หลังจากแอบเห็นรัชนีร่ำไห้ในห้องรับแขก รสารู้สึกไม่ดีเลย เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจไปคุยกับสายใจตามลำพัง

“รสมีเรื่องสำคัญที่ไม่รู้จะคุยกับใคร นอกจากป้าใจค่ะ”

“เรื่องคุณหนูใช่ไหมคะ...คุณเผด็จบอกป้าแล้วค่ะว่าคุณรู้ความจริงหมดแล้ว”

“รสงงมากค่ะ รสไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณเผด็จบอกให้รสช่วย รสรับปากว่าจะช่วย แต่รสไม่รู้จะช่วยอะไร ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร รสไม่รู้แม้กระทั่ง...

ตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายอย่างภคพงษ์ รสไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้กับแม่กับน้องสาวของตัวเองได้ยังไง เมื่อกี้รสเห็นคุณรัชนียืนร้องไห้อยู่ในบ้าน รสเห็นแล้วก็สงสาร แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงจริงๆ รสคิดไม่ออกว่าอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งทำเรื่องใจร้ายได้ขนาดนี้”

“คุณหนูเป็นคนน่าสงสารมากนะคะ ตั้งแต่คุณผู้หญิงทิ้งไป ป้าไม่เคยเห็นคุณหนูมีความสุขเลย ที่คุณหนูทำไปทุกอย่างก็เพื่อต้องการการยอมรับจากคนที่เป็นแม่ แต่คุณผู้หญิงก็ให้ไม่ได้ ทุกวันนี้คุณหนูก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าคุณรัชนีและคุณปรางทิพย์เลยนะคะ”

“แต่เขาไม่มีสิทธิ์เอาความน่าสงสารของตัวเองไปทำร้ายคนอื่นนะคะ”

“ที่คุณหนูทำเพราะไม่มีสตินะคะ คุณเผด็จกับป้าก็เลยขอร้องให้คุณรสามาเตือนสติคุณหนูไงคะ”

“แล้วรสจะเตือนเขาได้ยังไงคะ รสไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร”

“ทำตามความรู้สึกของตัวเองสิคะ”

“นั่นล่ะค่ะคือปัญหา รสไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่”

“คุณรสา...ป้าเข้าใจนะคะ คุณหนูอาจจะไม่ใช่คนที่น่ารักในสายตาของคุณ แต่ลองเปิดใจดูสักครั้ง ถามตัวเองว่ารู้สึกยังไง และแสดงความรู้สึกนั้นออกมา ป้าเชื่อว่าความรู้สึกที่คุณมีต่อคุณหนูจะทำให้คุณหนูตาสว่างค่ะ”

รสานิ่งเงียบไป สายใจจับมือเธอบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ

“ค่ะ รสจะลองคิดดูว่าคิดยังไง รู้แล้วจะรีบบอกให้คุณหนูของป้าใจทราบ และหวังว่าเขาจะตาสว่างอย่างที่ป้าบอกจริงๆนะคะ”

สายใจยิ้มออก มองหน้ารสาอย่างมีความหวัง

ooooooo

เย็นวันนั้น ภคพงษ์มาปรากฏตัวในงานเลี้ยง และเป็นจังหวะที่รัชนีกำลังมึนเมา เขาฉวยโอกาสอาสาพาเธอกลับไปส่งบ้าน สุวิทย์ไว้วางใจภคพงษ์อยู่แล้วจึงไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเองยังต้องอยู่กล่าวปิดงานในค่ำคืนนี้

รัชนีออกมากับภคพงษ์ด้วยความอึดอัด เมื่อเขาจอดรถหน้าบ้าน เธอรีบร้อนก้าวลงมาแล้วเกือบล้มถ้าเขาเข้ามาประคองไว้ไม่ทัน...รัชนีมองหน้าภคพงษ์ที่อยู่ใกล้แค่คืบ ความรู้สึกหลายอย่างแล่นเข้ามาในหัว ทั้งเรื่องในอดีตที่เธอทิ้งเขาไป และในปัจจุบันที่เขากำลังแก้แค้นเธอ

“ไม่เป็นไร ฉันเดินเองได้” เธอขืนตัวออก ก้าวเดินต่อไป แต่เพราะความเมาทำให้ทรงตัวไม่อยู่ เดินได้สองก้าวก็ล้มลง

“ให้ผมช่วยจะดีกว่า” ภคพงษ์เข้ามาประคองเธออีกครั้ง

รัชนีนิ่งอึ้ง นึกถึงคำพูดของสายใจที่เพิ่งคุยกันเมื่อเช้า ที่บอกว่าภคพงษ์รักเธอมาก เฝ้ารอเธอกลับมาทุกเมื่อเชื่อวัน...รัชนีมองหน้าลูกชายครู่หนึ่ง แล้วสวมกอดด้วยความสงสารที่ซ่อนอยู่ลึกๆ

ภคพงษ์ช็อกไปอย่างไม่คาดคิด นี่คืออ้อมกอดแรกของแม่ หลังจากที่เธอทิ้งเขาไป...มุมหนึ่ง ปรางทิพย์ยืนมองมา น้ำตาไหลพรากด้วยความเข้าใจผิดอย่างแรง!

“ฉันขอโทษ...ฉันคงจะเมามากไปหน่อย” รัชนีถอยออกห่าง ตั้งสติกลับมาเป็นคนเดิม

“คุณแน่ใจนะครับว่ากอดผมเพราะความเมา...ไม่ใช่กอดเพราะความรู้สึกผิด”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องรู้สึกผิดด้วย”

ภคพงษ์ชะงัก ความโกรธพุ่งขึ้นมาอีก

“ขอบใจมากที่มาส่ง...อ้อ อีกเรื่องที่อยากจะบอก ปล่อยปรางทิพย์ไปซะเถอะ หมดเวลาเล่นเกมกับความรู้สึกแล้ว ยิ่งเล่นต่อไปก็มีแต่คนที่จะต้องเจ็บกับเจ็บ ไม่มีใครมีความสุขแม้แต่คนเดียว”

“ไม่ว่าผมจะทำยังไง คุณก็จะไม่ยอมรับความจริงใช่มั้ย”

“ใช่” รัชนีตอบหนักแน่น แล้วเดินเข้าบ้านไปทันที

ภคพงษ์แค้นหนัก มุ่งมั่นจะทำให้รัชนียอมรับความจริงให้ได้...ฝ่ายปรางทิพย์ไม่ได้ยินการพูดคุยของพวกเขา แค่ภาพที่เธอเห็นแม่ของเธอกอดภคพงษ์ ก็ทำให้เธอเสียใจ คิดเตลิดไปใหญ่โต

เมื่อแม่เข้ามาหาในห้องนอนแล้วเห็นเธอร้องไห้ก็ตกใจ ซักถามว่าเป็นอะไร ปรางทิพย์พูดไม่ออก ได้แต่บอกแม่ไปอาบน้ำให้สร่างเมาก่อนดีกว่า แล้วค่อยกลับมาคุยกัน

แต่ในขณะที่รัชนีไปอาบน้ำ ปรางทิพย์หนีออกจากบ้านไปหาภคพงษ์ ทำให้ภคพงษ์ต้องผิดนัดกับรสาอย่างไม่มีทางเลือก เพราะปรางทิพย์มาในสภาพที่แย่มาก เธอร้องไห้อย่างหนัก กอดเขาแน่น

“น้องปรางใจเย็นๆนะครับ ใจเย็นๆนะ มีอะไรค่อยๆ เล่าให้พี่ภัคฟังนะครับ”

ปรางทิพย์ตั้งสติถอยมานั่งที่โซฟา พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “พี่ภัคอย่าโกรธปรางเลยนะคะ ที่ปรางหนีออกจากบ้านมาแบบนี้ แต่ปรางทนไม่ได้จริงๆ คุณแม่ทำกับปรางเกินไป”

“คุณแม่ทำอะไรน้องปรางอีก”

“ที่จริง...พี่ภัคก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะคะ ว่าคุณแม่ทำอะไรไว้”

“พี่อาจจะรู้ แต่พี่ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่พี่รู้กับเรื่องที่ปรางรู้มันคือเรื่องเดียวกันหรือเปล่า”

“นี่คุณแม่ทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมายจนเรานับกันไม่ถูกเลยเหรอคะว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ปรางไม่อยากเชื่อเลย ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ”

“ตกลงเรื่องที่ปรางรู้คือเรื่องอะไรครับ”

“ปรางเห็นคุณแม่กอดกับพี่ภัคค่ะ ปรางเห็นคุณแม่เป็นคนโผเข้าไปกอดพี่ภัคก่อน ปรางรู้เลยว่าที่ผ่านมาทำไมคุณแม่ถึงกีดกันปราง เพราะจริงๆแล้วคุณแม่รักพี่ภัค”

ภคพงษ์ผงะเล็กน้อย ไม่นึกว่าเรื่องจะเลยเถิดไปแบบนี้ “น้องปรางคิดมากไปแล้วครับ”

“ถ้าปรางคิดมาก พี่ภัคบอกเหตุผลอื่นที่ทำให้คุณแม่กอดพี่ภัคสิคะ ทำไมคุณแม่ต้องกอดพี่ภัคด้วย”

“พี่ว่าเรื่องนี้น้องปรางถามคุณแม่เองดีกว่านะครับ ถ้าคุณแม่หาน้องปรางไม่เจอพี่คิดว่าอีกไม่นานท่านจะต้องตามมาที่นี่แน่ๆ”

ภคพงษ์ลอบยิ้ม และเมื่อปรางทิพย์ยืนยันไม่ยอมกลับบ้าน เขาจึงพาเธอไปนอนบนห้องของเขา โดยให้สายใจมาอยู่เป็นเพื่อน

“พักผ่อนให้สบาย...อีกไม่นานคุณแม่ก็คงจะมา แล้วเราค่อยเคลียร์” ภคพงษ์ลูบศีรษะปรางทิพย์... สายใจใจคอไม่ดี กลัวจะเกิดเรื่องใหญ่ เธอรีบตามภคพงษ์ออกมานอกห้อง

“คุณหนูคะ ป้าว่าพาคุณปรางทิพย์ไปส่งบ้านไม่ดีกว่าเหรอคะ”

“ไม่! ผมอยากเห็นหน้าแม่เขาตอนที่มาตามตัวลูกสาว แล้วเห็นว่าลูกตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนของผม บนเตียงของผม ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไง...ฝากป้าใจดูแลปรางทิพย์ด้วย ผมจะลงไปรอแม่เขาข้างล่าง”

ภคพงษ์รวบรัดตัดความแล้วผละไปด้วยความสะใจ เขาจดจ่อรอคอยรัชนี...ลืมนึกถึงรสาไปเลย

ooooooo

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 14 วันที่ 9 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ