@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนอวสาน[1] วันที่ 16 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนอวสาน[1] วันที่ 16 ต.ค. 55

ตรงห้องโถงภายในบ้าน รัชนีหยิบเอกสารการหย่าที่วางอยู่บนโต๊ะมาดู แล้วก็คิดถึงเรื่องเมื่อเช้านี้

ระหว่างนั้นสุวิทย์เดินออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบกลางๆ ขณะนั้น รัชนีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“คุณจะไปไหนคะ”
“ผมจะไปพักที่โรงแรม ระหว่างที่คุณเก็บของ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากใจ ผมกำลังทำเรื่องโอนบ้านที่อังกฤษและเงินสดครึ่งนึงให้บัญชีให้คุณ ใบหย่าผมวางไว้ที่ห้อง คุณพร้อมเมื่อไหร่ก็เซ็นชื่อได้เลย ผมเซ็นในส่วนของผมไว้แล้ว”
รัชนีน้ำตาร่วง สุวิทย์เบือนหน้าหนี แล้วก็ตัดใจเดินออกไป

รัชนีร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนใบหย่า รับสภาพอย่างปลงๆ
“มันคงถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำลงไป...ถึงเวลาแล้ว”

ทางด้านสุวิทย์เดินเข้ามาในโรงแรมหรู ด้วยใบหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เสียงปรางทิพย์เรียกขึ้น
“คุณพ่อคะ”
สุวิทย์หันไปมองเห็นปรางทิพย์ยืนอยู่
“จะมาคุยเรื่องแม่อีกล่ะสิ พ่อกับแม่คุยกันรู้เรื่องแล้ว ปรางเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกลูก”
“ปรางทราบค่ะ ปรางก็ไม่ได้จะมาพูดเพื่อให้คุณพ่อเปลี่ยนใจ ปรางแค่พาคนคนหนึ่งมาหาคุณพ่อ บางทีคุณพ่ออาจจะอยากฟังความคิดเห็นของเค้าบ้าง”



“ใคร” สุวิทย์ฉงน ปรางทิพย์หันมาทางด้านหลัง
“พี่ภัคคะ”
ภคพงษ์ลุกขึ้นยืน หน้าตายังมีหนวดนิดๆ ผมยังไม่เนี้ยบอยู่เหมือนเดิม สุวิทย์คลายคิ้วลงด้วยความแปลกใจ
ภคพงษ์กับสุวิทย์เผชิญหน้ากัน

ภคพงษ์ยกมือไหว้สุวิทย์แล้วบอก
“ผมต้องขอโทษคุณอาสำหรับทุกเรื่องที่ทำลงไป”
สุวิทย์มองด้วยความเข้าใจและเมตตา ทั้งสามคนนั่งคุยอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม
“ถ้าปรางเค้าไม่ถือโทษ อาก็ยกโทษให้ แต่ทีหน้าทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก การเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย”
“ผมทราบครับ ผมทราบดี ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ไม่ว่ากับใครก็ตาม”
แวบหนึ่งภคพงษ์แอบคิดถึงรสา ปรางทิพย์มองสังเกตด้วยความแปลกใจนิดๆ ภคพงษ์พยายามดึงสติกลับมา
“ที่ผมมาหาคุณอาวันนี้ นอกจากจะมาขอโทษแล้ว ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณอา เรื่องของคุณแม่”
สุวิทย์ถอนหายใจเบาๆ มองหน้าภคพงษ์และปรางทิพย์ที่นั่งเผชิญหน้าอยู่
“จริงอยู่ที่คุณแม่ทำผิดที่หลอกคุณอา แต่มันเป็นเรื่องอดีตที่ไม่มีใครกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่ตอนนี้ วันนี้ คุณแม่ยอมรับความจริง ยอมรับอดีต ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง คุณอาจะยอมรับคุณแม่ได้หรือเปล่าครับ”
ปรางทิพย์ตาแดงๆ
“ให้โอกาสคุณแม่สักครั้งนะคะ คุณพ่อเคยบอกปรางว่า คุณแม่เป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ ความผิดครั้งนี้เป็นครั้งแรก คุณพ่อให้อภัยคุณแม่เถอะนะคะ”
ปรางทิพย์ร้องไห้ สุวิทย์คิดหนัก
“ปรางไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ต้องแยกทางกัน ปรางอยากได้ครอบครัวของปรางกลับคืนมา”
“ที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้ เป็นเพราะผมเอง คุณอาต้องการให้ผมทำอะไรเพื่อชดใช้ความผิดผมยอมทำทุกอย่างเพื่อคืนพ่อและแม่ให้น้องปราง เพราะผมไม่อยากให้น้องสาวต้องเป็นเหมือนผม”
สุวิทย์มองหน้าปรางทิพย์ที่ร้องไห้ด้วยความสงสาร ภคพงษ์คิดถึงรสา
“เพราะความรักของผู้หญิงคนนึง ทำให้ผมยอมยกโทษให้กับคุณแม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่. ผมหวังว่า ความรักของน้องปรางจะทำให้คุณอายอมยกโทษให้คุณแม่ และเริ่มต้นใหม่ได้เช่นกัน”
สุวิทย์ค่อยๆ หันมามองหน้าปรางที่ร้องไห้อยู่ตรงๆ หน้า แล้วก็คิดหนัก

เวลาเย็นๆ ภายในบ้านวงศ์เธียรสถิตย์ รัชนีพร้อมกระเป๋าเดินทางหรูวางเรียงกันอยู่ 4-5 ใบ ก่อนจะหันมาทางใบหย่า รัชนีเดินมาหยิบใบหย่ามาดู พร้อมกับถอนใจเบาๆ และหันมาหยิบปากกา เซ็นชื่อลงไปด้วยความเสียใจ
สุวิทย์เดินเข้ามา รัชนีเงยหน้าขึ้นมอง
“คุณ”
สุวิทย์เดินเข้ามาหาแล้วถาม
“คุณเซ็นชื่อแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ..ฉันเซ็นเรียบร้อยแล้ว” รัชนีบอกหน้าเศร้า
“ดี”

สุวิทย์หยิบใบหย่าขึ้นมา รัชนีสีหน้าเศร้า ปลงและตัดใจ
ทันใดนั้นสุวิทย์ก็ฉีกใบหย่าทิ้ง รัชนีตกใจและหันมามองสุวิทย์

“ผมไม่ต้องใช้มันแล้ว”
“คุณสุวิทย์”
“ในฐานะแม่ คุณยอมรับความผิดเพื่อลูก ในฐานะที่ผมเป็นพ่อ ผมขอยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น และให้อภัยกับอดีตที่ผ่านมา เพื่อลูกเช่นกัน”
รัชนีน้ำตาร่วง
“คุณ”
สุวิทย์จับมือบอก
“ผมให้อภัยคุณ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”
รัชนีร้องไห้โผเข้ากอดสุวิทย์
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ”
สุวิทย์กอดรัชนี ที่ด้านหลัง ปรางทิพย์แอบยืนร้องไห้ด้วยความดีใจอยู่ รัชนีเห็นพอดีก็คลายกอดจาก
สุวิทย์และเรียกปรางทิพย์
“ปราง”
“คุณแม่”
ปรางวิ่งมากอดรัชนี สุวิทย์กอดทั้งสองคนไว้ ทั้งสามคนกอดกันอย่างมีความสุข
ภคพงษ์ยืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง มองดูทั้งสามคนกอดกันแล้วก็ยิ้มนิดๆ ด้วยความดีใจด้วยก่อนหันหลังเดิน
แยกออกมาอย่างเศร้าๆ
ภคพงษ์เดินมาหยุดที่ห้องรับแขก มองดูรูปรัชนีมีความสุขอีกครั้ง แล้วก็ยิ้มๆ ก่อนหันหลังเดินออกไปอย่างผู้เสียสละ

รัชนีคลายกอดปรางทิพย์ และถาม
“เพราะลูกใช่มั้ย ที่ทำให้พ่อยกโทษให้แม่ ขอบใจลูกมากนะปราง ขอบใจมาก”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เพราะปราง คุณแม่ต้องไปขอบคุณอีกคนค่ะ”
รัชนีมองด้วยความแปลกใจ

ภคพงษ์กำลังเดินออกมาจากบ้าน เสียงรัชนีเรียกไว้
“ภัค ภัค หยุดก่อนภคพงษ์”
ภคพงษ์หยุดเดินแล้วหันมา รัชนีเดินมาหา มองภคพงษ์ด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
“ขอบใจมาก ขอบใจจริงๆ”
“ผมทำเพื่อน้อง ผมไม่อยากให้เค้าต้องอยู่ในสภาพบ้านแตกเหมือนกันผม”
รัชนีมองภคพงษ์ที่ยังมีร่องรอยของความเจ็บปวด รัชนีพูดจากใจ
“ภคพงษ์ ฉันรู้ว่าฉันทำไม่ดีกับเธอไว้มาก มากเหลือเกิน ฉันไม่ขอให้เธอมาเรียกฉันว่าแม่ แต่ฉันขอเรียกเธอว่า ลูกได้หรือเปล่า ได้หรือเปล่า”
ภคพงษ์มองรัชนีด้วยแววตาที่ไม่มีความเกลียดชังและอคติเหลืออยู่แล้ว ภคพงษ์พยักหน้านิดๆแทนคำตอบ รัชนียิ้มและเรียกภคพงษ์ด้วยความรักอย่างไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป
“ภคพงษ์ ลูกแม่”
รัชนีโผเข้ากอดภคพงษ์ด้วยความรัก ภคพงษ์รับอ้อมกอดของรัชนีด้วยความรักเช่นกัน
“แม่ขอโทษ แม่ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา แม่ขอโทษ”
ภคพงษ์กับรัชนีกอดกันด้วยความเข้าใจ ภคพงษ์รู้สึกถึงไออุ่นของแม่เป็นครั้งแรก ภคพงษ์ยิ้มนิดๆอย่างมีความสุข จบกันที ความแค้น ความเศร้าทั้งปวง จบกันสักที
ที่มุมหนึ่งของบ้าน สุวิทย์ยืนอยู่กับปรางทิพย์มองดูภคพงษ์และรัชนีแล้วก็ยิ้ม สุวิทย์หันมาโอบไหล่ปราง
ทิพย์ แล้วบอก
“สบายใจแล้วล่ะสิที่พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกัน และยังมีพี่ชายเพิ่มขึ้นอีกคน”
ปรางทิพย์ยิ้มรับ
“สบายใจค่ะ แต่ ยังไม่ที่สุด ปรางยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ”
ปรางทิพย์คิดถึงรสา

เช้าวันต่อมา ที่บ้านเถลิงยศ สายใจกับเผด็จนั่งมองหน้ากันแล้วก็มองปรางทิพย์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“คุณปรางเรียกเราสองคนมามีเรื่องอะไรคะ”
“ปรางอยากรู้เรื่องระหว่างพี่ภัคกับคุณรสาค่ะ ปรางขอถามตรงๆเลยนะคะ สองคนนี้เค้า รักกันใช่หรือเปล่าคะ”
เผด็จกับสายใจมองหน้ากันอีกที แล้วก็พยักหน้าให้กัน ทำนองว่า บอกไปเถอะ
“ใช่ค่ะ" / "ใช่ครับ”
ปรางทิพย์คิดแล้วถาม
“แล้วทำไม พี่ภัคถึงเป็นแบบนี้ แล้วตอนนี้พี่รสหายไปคะ”

ปรางทิพย์ถามด้วยความอยากรู้
ในเวลาต่อมา ปรางทิพย์กับภคพงษ์คุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน

“รสเค้าเกลียดพี่” ภคพงษ์พูดด้วยความเสียใจลึกๆ
“แต่ป้าสายใจกับคุณเผด็จบอกปรางว่า พี่รสกับพี่ภัครักกันนะคะ”
“มันอาจจะจริงแค่ครึ่งเดียว” ภคพงษ์บอก
“พี่ภัคยอมรับใช่มั้ยคะว่าพี่ภัครักคุณรสา” ปรางทิพย์ซัก
ภคพงษ์ตอบอย่างไม่ปิดบัง
“ความรู้สึกที่พี่มีต่อรสามันมากกว่าความรัก รสาคือผู้หญิงที่ทำให้อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พี่อยากเป็นคนดี ดีพอที่จะรักเค้า และดีพอที่เค้าจะรัก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้”
ภคพงษ์คิดถึงตอนที่รสาไล่ให้กลับไป และไม่อยากเจอกันอีก
“ฉันเสียใจ ทุกข์ใจเพราะคุณมามากแล้ว กรุณาออกไปจากชีวิตฉันได้แล้ว ทุกเรื่องของเรา ขอให้สิ้นสุดกันเพียงแค่นี้ ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีกต่อไป”
ภคพงษ์เศร้าใจ
“พี่ทำผิดกับเค้าไว้มาก มากจนไม่น่าให้อภัย ไม่ว่าพี่จะรักเค้ามากแค่ไหน มันคงไม่มากที่จะทำให้เค้ารักพี่ได้”
ภคพงษ์พูดด้วยความเศร้า ปรางทิพย์มองด้วยความสงสาร
ปรางทิพย์หันมาที่โทรศัพท์มือถือที่ได้กดอัดเสียงการสนทนาของภคพงษ์ทั้งหมดไว้แล้ว

ภายในรีสอร์ตพร้อมในตอนเช้า ชีวินกำลังจัดสวนอย่างมีความสุข ด้านหลังคัพเค้กกับพิทยาเดินเข้ามา พร้อมกับถือถุงของในมืออย่างพะรุงพะรัง
“พี่วิน” คัพเค้กเรียก
ชีวินหันไปยิ้มรับและยกมือไหว้พิทยา
“พี่พิทตี้สวัสดีครับ”
“สวัสดี โห นี่แกจะจัดงานแต่งตรงนี้ใช่มั้ยเนี่ย จัดซะเก๋เลยนะ เวลาทำงานไม่เห็นจะตั้งใจขนาดนี้เลย”
“แหม...พี่พิทตี้ก็ งานปีๆนึงทำตั้งหลายสวน แต่งานแต่งชีวิตนึงจัดแค่ครั้งเดียวนะครับ”
“อู้ย ย่ะ อะนี่ ของที่แกฝากฉันซื้อมา”
พิทยาส่งถึงให้ คัพเค้กพูดสริมทันที
“นี่ด้วยจ้ะ ถ้วยเล็กถ้วยน้อยสำหรับจัดงานเลี้ยง แล้วซองกับการ์ดแต่งงานทางร้านเค้าเอามาส่งให้เมื่อวานนี้เอง”
“ขอบใจมากจ้ะ”
ทันใดนั้น เสียงห้าวก็ดังขึ้น
“จะเว่อร์ไปไหน อีกตั้ง ๒ อาทิตย์กว่าจะถึงวันงาน แล้วนี่มาก้มหน้าก้มตาทำอยู่คนเดียว อยากแต่งอยู่คนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ห้าวพูดลอยๆ กวนๆ แล้วก็เดินไป ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชีวินมองอย่างเซ็งๆ พิทยากับคัพเค้กอึ้งๆ แล้วหันมาถาม
“ใครอ่ะพี่วิน แรง อ่ะ”
“ห้าว หลานของอาพร้อมเจ้าของรีสอร์ตน่ะ เค้าชอบรส เค้าก็เลยไม่ชอบพี่”
พิทยา คิดแล้วก็พูดออกมา
“น่านไง ว่าแล้ว แต่เอ๊ะ จะว่าไป เค้าก็พูดชวนคิดนะ ทำไมแกมาจัดงานอยู่เดียว แล้วว่าที่เจ้าสาวหายไปไหน ทำไมไม่มาช่วยกันทำ”
ชีวินนิ่งคิด ความหนักใจผุดขึ้นมาอีกครั้ง

รสานั่งซึมอยู่ริมทะเล หน้าตาซีดๆ ไม่มีความสดใสเหมือนเดิม เสียงชีวินดังขึ้น
“รส ดูสิใครมาเยี่ยม”
รสาหันมาเห็นพิทยา กับ คัพเค้ก เดินมากับชีวินก็ยิ้มรับนิดๆ พลางยกมือไหว้พิทยา
“พี่พิทสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ นี่มาแอบนั่งหลบมุมทอดอารมณ์อะไรอยู่ตรงนี้ ปล่อยให้ว่าที่เจ้าบ่าวจัดเตรียมงานอยู่คนเดียว” พิทยาว่า
“ใช่ พี่รสทำยังกะไม่อยากจะแต่งยังงั้นแหละ”
คัพเค้กโพล่งออกมาอย่างไม่ได้คิด แทงใจดำทั้งชีวินและรสา พิทยาถึงกับกระทืบเท้าให้หยุดพูด คัพเค้ก
ร้องอย่างไม่สำนึกอีก
“โอ้ย พี่พิทตี้มากระทืบหนูทำไมเนี่ย”
พิทยากัดฟันพูดเบาๆ

“กระทืบให้หยุดพูดน่ะสิ พูดไม่ดูตาม้าตาเรือ เงียบไปเลย”
คัพเค้กตกใจ หันมาทางชีวินและรสาที่ยืนอึดอัดกันอยู่ คัพเค้กรู้ตัวทำหน้าสำนึกผิด ชีวินรอฟังคำแก้ตัว รสาฝืนยิ้มบอก

“ที่ไม่ได้ช่วยเพราะไม่รู้ต่างหาก”
“ใช่พี่ก็ว่างั้น ถ้ารสไม่อยากแต่งก็คงบอกไอ้วินไปตั้งแต่แรกแล้ว นังคัพเค้กมันพูดจาเลอะเทอะ อย่าไปฟังเลยนะ” พิทยาว่าแล้วก็พยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เออ พี่ว่า รสผอมไปนะ เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูซีดๆเซียวๆ ไม่สบายหรือเปล่า”
คัพเค้กเข้ามาหารสาแล้วก็จับแขนยกขึ้นหมุนๆ ดูอย่างพิจารณา
“เออ จริงๆ ด้วยพี่รสดูผอมแล้วก็ไม่สดใสเหมือนพี่รสคนเดิมเลย เป็นเหมือนคนนี้เลย คุณภคพงษ์”
รสากับชีวินสะอึกนิดๆ คัพเค้กยังไม่รู้ตัว พูดต่อไม่หยุด
“คัพเค้กไปเจอเมื่อวันก่อน เห็นเดินอยู่คนเดียวแถวๆหน้าร้านเพชรเค้านั่นแหละ จำแทบไม่ได้ ดูโทรมๆ ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ปล่อยหนวดยาว เสื้อผ้าก็ใส่แบบขอไปที ไม่เหมือนคุณภคพงษ์ไฮโซที่เคยรู้จักเลย ดูๆไปเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เหมือนไปผิดหวังอะไรแรงๆมาสักอย่าง”
พิทยาพยายามสะกิดให้คัพเค้กหยุดพูด แต่คัพเค้กไม่หยุด พูดต่ออย่างไร้สติ พิทยาทนไม่ไหวกระทืบเท้าอีกที
“โอ้ย พี่พิทกระทืบหนูอีกทำไมเนี่ย”
พิทยาไม่ตอบแต่พยักเพยิดไปทางชีวินและรสาที่ยืนอึ้ง นิ่ง ไม่พูดไม่จา จนพิทยาต้องตัดบท
“พี่ว่า พี่พานังคัพเค้กไปฝัง เอ้ย ไปจัดสวนให้วินต่อแล้วกันนะ ยิ่งอยู่ยิ่งน่าตาย ไปเลยไป”
พิทยาลากคัพเค้กไป ชีวินมองที่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ
“รสคิดว่าพี่ภคพงษ์เป็นแบบนี้เพราะรสหรือเปล่า”
รสายังไม่ทันตอบ เสียงห้าวก็ดังขึ้น
“รส มีคนมาหา”
รสาตกใจลึกๆ แอบคิดว่าเป็นภคพงษ์ ชีวินนึกเหมือนกันเลยแอบหวั่นใจ

ปรางทิพย์นั่งลงที่เก้าอี้ในห้องรับแขกของรีสอร์ตพร้อม รสาเดินเข้ามาเห็นปรางทิพย์ก็แปลกใจ
“น้องปรางมาที่นี่ได้ยังไง”
ปรางทิพย์ยิ้มแล้วบอก
“ป้าสายใจบอกทางไปบ้านป้าอาภรณ์ และป้าอาภรณ์บอกทางให้ปรางมาที่นี่ค่ะ”
“น้องปรางมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมต้องพยายามตามหาพี่ขนาดนั้น”
“มีค่ะ เรื่องสำคัญมากด้วยค่ะ”
ปรางทิพย์ตอบด้วยความมุ่งมั่น รสารอฟังอย่างตื่นเต้นนิดๆ แต่ไม่แสดงออก
ที่หน้าห้องรับแขก ชีวินค่อยๆเดินเข้ามามองซ้ายมองขวาแล้วยืนแอบฟังอยู่ที่หน้าห้องอย่างระมัดระวัง
“พี่รสรู้เรื่องระหว่างปรางกับพี่ภัคหรือยังคะ”
“ยังค่ะ และพี่ก็ไม่อยากรู้ ต้องขอโทษด้วยที่พูดตรงๆ”
“ถึงพี่รสไม่อยากรู้ ปรางก็อยากเล่าค่ะ ปรางกับพี่ภัคเป็นพี่น้องกันค่ะ” ชีวินช็อกและแอบฟังต่อ
“เรามีแม่คนเดียวกัน พี่ภัคกับแม่มีปัญหาไม่เข้าใจ พี่ภัคเลยแกล้งคุณแม่ด้วยการจีบปราง”
ชีวินอึ้ง !! เป็นรอบสอง
“เรื่องนี้ พี่ทราบแล้วค่ะ”
ปรางทิพย์แปลกใจ
“อ้าว พี่รสทราบ แล้วทำไมพี่รสยังโกรธพี่ภัคอยู่ล่ะคะ”
รสาอึกอัก
“มีเหตุผลมากมายที่ทำให้พี่โกรธเค้า มันมากจนพี่ไม่อยากจะพูดถึง”
“แต่พี่ภัครักพี่รสมากนะคะ”
แม้รสาจะพยายามคุมสติอยู่ แต่ก็ตกใจไม่น้อย ชีวินทั้งตกใจและใจหาย
“พี่ภัคยอมทำทุกอย่างเพื่อพี่รส พี่ภัครักพี่รสมากๆจริงๆนะคะ”
ชีวินสะอึกด้วยความเศร้า ปรางทิพย์อธิบายต่อ
“พี่ภัคยอมขอโทษ และยกโทษให้คุณแม่ ยอมไปพูดให้คุณพ่อเข้าใจคุณแม่ พี่ภัคยอมทำทุกอย่างเพื่อพี่รส”
“ทุกอย่างที่เค้าทำ ก็เพื่อตัวเค้าเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับพี่” รสาไม่เชื่อ
“ไม่จริงค่ะพี่รสฟังนี่ นี่เป็นคำสารภาพของพี่ภัค ปรางแอบอัดไว้ไม่ให้พี่ภัครู้ตัว”
ปรางทิพย์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดเสียงที่อัดไว้
“ความรู้สึกที่พี่มีต่อรสา มันมากกว่าความรัก รสาคือผู้หญิงที่ทำให้อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พี่อยากเป็นคนดี ดีพอที่จะรักเค้า และดีพอที่เค้าจะรัก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้”
รสาฟังแล้วสะท้านใจ

ชีวินฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจ
“พี่ทำผิดกับเค้าไว้มาก มากจนไม่น่าให้อภัย ไม่ว่าพี่จะรักเค้ามากแค่ไหน มันคงไม่มากที่จะทำให้เค้ารักพี่ได้”

ชีวินฟังแล้วก็อึ้งไป
รสาอึ้ง ภายในใจน้ำตาร่วงด้วยความซึ้งใจ แต่ภายนอกยังคงนิ่งเย็นชา ยังไม่กล้ายอมรับ ปรางทิพย์กดเสียงที่อัดไว้ให้หยุด แล้วรีบอธิบายต่อ

“พี่ภัคบอกคุณพ่อว่า เพราะความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้เค้ายอมยกโทษให้คุณแม่ หวังว่าความรักที่คุณพ่อมีต่อปรางจะทำให้คุณพ่อยกโทษให้คุณแม่ด้วยเช่นกัน”
ปรางทิพย์มองหน้ารสา
“ปรางรู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นคือ พี่รส”
รสาสีหน้ายังนิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่น้ำตาไหลออกมา ปรางทิพย์จับมือรสา
“พี่รสร้องไห้ แสดงว่า พี่รสก็รักพี่ภัคใช่มั้ยคะ”

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนอวสาน[1] วันที่ 16 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ