@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 12 วันที่ 3 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 12 วันที่ 3 ต.ค. 55

 ชีวินนั่งหน้าเคร่งขรึม มองไปที่ภคพงษ์ด้วยความไม่พอใจ คัพเค้กสังเกตเห็นหน้าเวทีมีการเคลื่อนไหว รีบสะกิดบอกพิทยาว่าเริ่มแล้ว พิทยาตื่นเต้นเป็นการใหญ่ ถามระรัวว่าใครเดินเป็นคนแรก ใช่รสาหรือเปล่า?
ooooooo

ปรางทิพย์ปรากฏโฉมบนเวทีอย่างงามสง่าน่ารัก เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้ไม่น้อย โดยเฉพาะนักข่าวและคนที่เคยเห็นเธอในข่าวกับภคพงษ์มาก่อน อยากรู้นักว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใครมาจากไหน แต่ที่แน่ๆเธอต้องสำคัญสำหรับงานนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ขึ้นเดินเป็นคนแรก
ภคพงษ์ใช้มือถือถ่ายรูปปรางทิพย์ และคอยชำเลืองมองรัชนีอย่างสะใจ...ทุกเสียงล้วนชื่นชมในความน่ารักสดใสของปรางทิพย์ ยกเว้นพักตร์วิมลที่ยืนจ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

“นังเด็กนี่มันได้เดินเปิดงานได้ยังไง” บ่นเสร็จกัดฟันกรอดด้วยความริษยา คิดว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ครู่เดียวเธอตัดสินใจเยื้องย่างขึ้นเวทีทั้งที่ยังไม่ถึงคิว เจ้าหน้าที่จะห้ามก็ไม่ทัน

พักตร์วิมลใช้ความเป็นดาราสวยเซ็กซี่ของตัวเองเดินประชันปรางทิพย์บนเวที ต้องยอมรับว่าเธอโดดเด่นมาก โพสท่าอย่างจัดเจน กะฆ่าปรางทิพย์ให้ตายคาเวที และมันก็ได้ผล ผู้คนฮือฮา นักข่าวรัวชัตเตอร์แทบไม่ทัน ปรางทิพย์เลิ่กลั่กหันซ้ายหันขวา แล้วหันหลังเดินลงเวทีไปแบบเหวอๆ พักตร์วิมลชำเลืองมองสะใจ เดินต่อไปอย่างมาดมั่น

สุวิทย์มองด้วยความแปลกใจ รัชนีสงสารลูกสาว พลางจ้องมองพักตร์วิมลอย่างไม่พอใจ

“ร้ายจริงๆ”

“ผู้หญิงคนนี้ใคร เป็นดาราหรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ เป็นทั้งดารา เป็นทั้งคู่ควงของภคพงษ์”

สุวิทย์พยักหน้าเข้าใจทันที ทั้งสองคนมองพักตร์-วิมลที่เดินบนเวที และก็มองปฏิกิริยาของภคพงษ์ไปด้วย แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจ ก้มหน้าก้มตาอยู่กับมือถือ

พักตร์วิมลเดินครบรอบ หันมาโพสท่าเซ็กซี่และส่งจูบโปรยให้คนทั้งงาน เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนคลับได้พอสมควร จากนั้นเธอเดินยิ้มกริ่มลงจากเวทีอย่างผู้ชนะ โดยที่ปรางทิพย์ยืนหน้าจ๋อยอยู่ข้างเวที แล้วยิ่งจ๋อยหนักขึ้นไปอีกเมื่อพักตร์วิมลเข้ามาเยาะเย้ย

“คราวหน้าถ้าได้มาเดินอีก บอกฉันได้นะ ฉันจะสอนให้ว่าทำยังไงคนดูเขาถึงจะสนใจ ไม่ใช่เดินหน้าตาตื่นๆ ขาสั่นๆแบบวันนี้ ที่นี่มันโลกของมืออาชีพ ไม่ใช่เวทีงานประจำปีของเด็กอนุบาลหมีน้อย”

ปรางทิพย์สูญเสียความมั่นใจจนพูดไม่ออก ได้แต่มองพักตร์วิมลที่เดินเชิดจากไปอย่างนางพญา

บนเวที นางแบบคนอื่นทยอยขึ้นมาเดินอย่างมืออาชีพ รวดเร็ว กระชับ และน่าสนใจ ภคพงษ์นั่งดูนิ่งๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ไม่มีอะไรพิเศษเหมือนตอนปรางทิพย์ นานๆทีก็ปรายตามาทางรัชนีที่ดูก็รู้ว่าเธอพยายามไม่สนใจ ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน เผด็จแอบมองภคพงษ์ด้วยความเป็นห่วง

ฝ่ายพิทยาเริ่มหงุดหงิด บ่นว่าตนนั่งดูจนคอจะเคล็ด มองไปมองมารสายังไม่เห็นออกมาสักที หรือว่าหนีกลับบ้านไปแล้ว

“ไม่มีทาง พี่รสไม่ป๊อดขนาดนั้นหรอก ที่ยังไม่ออกมาเพราะพี่รสได้เดินเป็นคนสุดท้ายในชุดฟินาเล่”

“อะไรนะ ยัยรสได้เดินปิดรันเวย์เหรอ โอ้วววว...มายก๊อด มันเริ่ดมาก” พิทยากรีดเสียงตื่นเต้น ยิ่งพอชีวินบอกว่ารสาออกมาแล้ว พิทยาถึงกับนั่งตัวตรง จ้องเขม็งไปบนเวที

รสาในชุดสวยหรูงามสง่า เจิดจรัสด้วยเครื่องเพชรดีไซน์เก๋ไก๋แปลกตา ตรึงคนดูทั้งงานได้อย่างรวดเร็ว เธอเดินอย่างมาดมั่นบนรันเวย์ด้วยความมั่นใจ ภคพงษ์พอใจอย่างมาก เผด็จแอบเห็น เปรยยิ้มๆ

“คุณรสาสวยมากๆเลยนะครับคุณภัค แถมยังเดินคล่องยังกะนางแบบมืออาชีพอีกต่างหาก”

ภคพงษ์ยิ้มเห็นด้วย หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปรสา รัชนีแอบมองมา นิ่วหน้าอย่างแปลกใจ ฝ่ายชีวินยิ้มปลื้มอย่างแรง คัพเค้กเก็บอาการไม่อยู่ ชื่นชมรสาสวยมาก สวยขนาดนี้น่าจะลาออกไปเป็นนางแบบ

“อ้าว...นังคัพเค้ก ปากอัปมงคล” พิทยาด่าเบาๆ คัพเค้กไม่สน แสดงท่าทีตื่นเต้นชี้ชวนเจ้านายให้ดูภคพงษ์ถ่ายรูปรสา “ถ่ายแล้วไง ตื่นเต้นทำไมยะ”

“อ้าว...ก็ในงานวันนี้คุณภคพงษ์เอามือถือมาถ่ายรูปนางแบบอยู่แค่สองคนนะพี่ ฉันแอบดูอยู่ คนนึงก็ปรางทิพย์ อีกคนก็พี่รสนี่แหละ”

“อือ...แกนี่สาระแนได้โล่จริงๆ” พิทยาประชด ประชัน แต่นางหาได้สนใจ ยังคงดี๊ด๊าต่อไปอย่างเป็นปลื้มแทนรสา แต่สำหรับชีวิน เขานั่งขรึมแอบหึงหวงและห่วงรสาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นท่าทีภคพงษ์สนใจรสาขนาดนั้น ก็ยิ่งใจแป้ว

ข้างเวที ปรางทิพย์ยืนมองรสาด้วยสายตาชื่นชม ตรงข้ามกับพักตร์วิมลที่ยืนอีกมุม เธอเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ บ่นออกมาดังๆท่ามกลางนางแบบคนอื่นๆและทีมงานอีกหลายคน

“นังกรรมกรมันได้ใส่ชุดฟินาเล่ได้ไง ใครเป็นคนจัดคิว ทุเรศ ไร้รสนิยม ถ้ารู้ว่างานนี้มีแต่นางแบบกะโหลกกะลา อย่าหวังเลยว่าฉันจะมา”

นางแบบที่ยืนอยู่แถวนั้นหันขวับไปมองตาขวาง พักตร์วิมลไม่แคร์ ตวาดว่ามองอะไร ไม่เคยเห็นซุปตาร์ อารมณ์เหวี่ยงหรือไง บรรดานางแบบไม่พูดอะไรสักคำ ส่ายหน้าแล้วเดินหนี สวนกับทีมงานคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมช่อดอกไม้ เธอเรียกให้นางแบบขึ้นบนเวทีอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้งเพื่อปิดงาน

นางแบบทยอยขึ้นเวที แต่พักตร์วิมลอิดออดก่อนจะดอดไปถามทีมงานที่ถือช่อดอกไม้ว่าเตรียมมาให้ใคร

“คุณภคพงษ์ เถลิงยศค่ะ”

คำตอบนั้นทำเอาพักตร์วิมลตาวาววับ อาสาเอาให้เขาเอง

“ไม่ได้ค่ะ ตามคิววางไว้ว่าต้องเป็นคุณปรางทิพย์ นางแบบกิตติมศักดิ์ค่ะ”

“แล้วฉันไม่กิตติมศักดิ์ตรงไหน ไม่รู้ล่ะ ฉันจะต้องเป็นคนมอบ ถ้าไม่ให้มอบ ฉันก็ไม่ขึ้นเวที” พักตร์วิมลสะบัดบ๊อบใส่ ทำทีจะเดินหนีไม่ขึ้นเวที แต่แล้วเสียงเรียกทำให้เธอหยุดชะงัก หันกลับมาด้วยรอยยิ้มที่เหนือกว่า พูดอย่างมั่นใจว่า “รู้แล้วใช่ไหม คนอย่างฉัน อยากได้อะไรก็ต้องได้ ส่งดอกไม้มา”

“ไม่ใช่ค่ะ คือจะบอกว่า...ถ้าคุณแพตไม่ขึ้นเวทีแล้ว ก็ขอเครื่องเพชรคืนด้วยค่ะ”

พักตร์วิมลหน้าแตกยับเยิน แต่ยังออกฤทธิ์ไม่ยอมคืนเครื่องเพชร เจ้าหน้าที่สองสามคนเลยต้องกรูกันเข้ามามะรุมมะตุ้ม วุ่นวายโกลาหลกันอยู่พักหนึ่ง

ถึงเวลา ภคพงษ์ขึ้นเวที เขาส่งยิ้มให้รสาก่อนเดินเลยไปหาปรางทิพย์ที่ถือช่อดอกไม้รออยู่ สองคนดูสนิทสนมยิ้มหวานให้กันราวกับคู่รัก รสาเห็นแล้วหน้าเสียไปนิด ขณะที่รัชนีตัวชา ไม่อยากเห็นอะไรอย่างนี้เลย

ภคพงษ์ปรายตามองรัชนีแล้วยิ้มให้ด้วยความสะใจ รัชนียิ่งแน่ใจว่านี่คือแผนของเขา ซึ่งเธอไม่ต้องการให้ปรางทิพย์ถูกใช้เป็นเครื่องมือ

เมื่อลงจากเวที รสาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เสียใจอย่างบอกไม่ถูกกับท่าทีของภคพงษ์ที่มีต่อปรางทิพย์ เธอตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว และคืนเครื่องเพชรให้ทีมงานเพื่อจะไปให้พ้นจากที่นี่ แต่ทีมงานรับคืนเครื่องเพชรทุกชิ้น ยกเว้นแหวนที่ภคพงษ์ยกให้เธอ

รสาไม่พูดอะไร รับกล่องแหวนนั้นมา แล้วถามเจ้าหน้าที่ว่าภคพงษ์อยู่ที่ไหน...เธอตั้งใจนำแหวนไปคืนด้วยตัวเอง แต่พอเดินไปถึงห้องนั้นก็ต้องชะงักยืนอึ้งก้าวขาไม่ออก

ในห้อง ภคพงษ์อยู่กับปรางทิพย์ ถ้อยคำที่พวกเขาพูดคุยกันกระแทกใจรสาอย่างแรง

“น้องปรางหายตื่นเต้นหรือยัง”

“หายแล้วค่ะ แต่กลุ้มใจแทน”

“กลุ้มใจเรื่องอะไร”

“ปรางกลัวว่าจะทำให้งานของพี่ภัคเสียหาย ปรางไม่ได้เป็นนางแบบมืออาชีพ กลัวว่าจะเดินเหมือนเด็กอนุบาลหมีน้อย ทำให้งานของพี่ภัคไม่น่าเชื่อถือ”

“อนุบาลหมีน้อย? มีคนมาพูดแบบนี้ใช่ไหม ถึงได้คิดมาก”

ปรางทิพย์นิ่งเงียบไม่กล้าบอกตรงๆว่าเป็นใคร กลัวจะกลายเป็นคนขี้ฟ้อง

“อย่าไปฟังคำพูดของคนอื่น น้องปรางทำออกมาได้ดีมากๆ ไม่ทำให้งานพี่เสียหายแม้แต่นิดเดียว และเพื่อเป็นการขอบคุณ...พี่ให้” ภคพงษ์หยิบสร้อยคอทองคำขาวพร้อมจี้เก๋ไก๋ออกมา “พี่ออกแบบให้เป็นพิเศษเลยนะครับ สำหรับน้องปรางคนเดียว มีชิ้นเดียวในโลกนะ”

ปรางทิพย์ยิ้มตื่นเต้นดีใจ...แต่รสาตัวชา ขยับขาไม่ออก ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครรู้เห็น...เมื่อภคพงษ์ ใส่สร้อยคอให้ปรางทิพย์ รสานึกถึงตอนที่เขาใส่ให้เธอ ตอนนั้นหัวใจเธอเต้นโครมคราม แต่บัดนี้ใจที่เคยพองฟูอย่างมีความสุข เปลี่ยนเป็นแฟบแบนด้วยความเศร้า ภาพที่เห็นเบื้องหน้าตอกย้ำให้เห็นว่าเธอคิดไปเอง และเธอไม่ได้เป็นคนพิเศษหรือคนสำคัญสำหรับภค
พงษ์แม้แต่นิดเดียว

“น่ารักมาก” เสียงภคพงษ์ชื่นชมหลังจากใส่สร้อยให้ปรางทิพย์แล้ว

รสาหูอื้อตาลาย สะท้านไปทั้งตัว ความผิดหวังถาโถมเข้ามาจนเธอแทบทรุด ค่อยๆดึงสติกลับมาและดึงตัวเองออกจากตรงนั้นทั้งน้ำตาที่ปริ่มเต็มที

รสากลับไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกล่องแหวน เธอปิดประตูร้องไห้ หวนนึกถึงช่วงเวลาที่ภคพงษ์ทำดีให้เธอต่างๆนานา สุดท้ายคิดถึงคำพูดยูโฮะที่โวยวายใส่พักตร์วิมล ก่อนจะเลิกราไปจากภคพงษ์ด้วยความคับแค้นใจ

“ตอนนี้ฉันหลุดออกมาจากการรอคอยที่สิ้นหวังแล้ว เหลือแต่หล่อนที่ยังมีความหวังลมๆแล้งๆไปวันๆ ผู้ชายอย่างภคพงษ์ เถลิงยศ ไม่เคยคิดจะรักใคร และไม่คิดจะจริงจังกับใคร ผู้หญิงก็เป็นเหมือนนาฬิกา เสื้อผ้า แว่นตา ที่เขาเลือกมาใส่ในแต่ละวัน ถ้าเบื่อก็วางทิ้ง อยากใส่เมื่อไหร่ก็หยิบมาใส่”

รสาสะท้อนใจ...และสะท้อนภาพของตัวเองในวันนี้...ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นหนึ่งในเสื้อผ้าและนาฬิกาของภคพงษ์

“พลาดแล้วรสา...เธอพลาดแล้ว” เธอพูดกับตัวเองเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลเป็นทาง เริ่มรู้ตัวว่าเธอตกหลุมรักภคพงษ์เข้าแล้ว...

ชีวินเร้นกายเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่รสาไม่รู้ตัว กระทั่งได้ยินเขาชวนกลับบ้าน รสารีบกล้ำกลืนน้ำตา... ไม่ต้องการให้เขาเห็น

ด้านนอกหน้างาน ปรางทิพย์เดินแย้มยิ้มเข้าไปหาพ่อแม่ที่ยืนรออยู่ รัชนีจับสังเกตก่อนจะถามด้วยความระแวง

“ปรางทำอะไรอยู่ลูก ทำไมนานจัง ไหนบอกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จตั้งนานแล้ว”

“ปรางคุยกับพี่ภัคนิดหน่อยน่ะค่ะ”

“ก็ดีแล้วลูก พ่อกับแม่จะได้มีเวลาคุยกับเพื่อน พ่อก็เพิ่งจะคุยเสร็จเมื่อกี๊นี้เอง งั้นเราก็กลับกันเลยดีมั้ย พ่อให้ที่บ้านจัดอาหารไว้ฉลองให้ลูกสาวคนสวยของพ่อ วันนี้ปรางสวยมากๆเลยลูก สวยจนพ่อแทบจะจำไม่ได้”

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”

ปรางทิพย์กับสุวิทย์คุยกันสนุกสนาน ในขณะที่รัชนีอารมณ์ขุ่นมัวไม่ชอบให้ลูกสาวคุยกับภคพงษ์ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสร้อยที่คอปรางทิพย์

“สร้อยอะไรน่ะลูก”

“อ๋อ...สร้อยของพี่ภัคค่ะ พี่ภัคเขาสั่งทำพิเศษให้ มีเส้นเดียวในโลกนะคะคุณแม่ พี่ภัคบอกว่าให้เป็นการขอบคุณที่ปรางมาเดินแบบให้วันนี้ค่ะ”

ปรางทิพย์ตอบด้วยความตื่นเต้นมีความสุข...รัชนีอึ้งงัน ตรงข้ามกับสุวิทย์ที่ยิ้มอย่างเปิดเผย

“น่ารักดีนะ เหมาะกับปราง คุณภัคนี่เขาก็ช่างคิดเนอะ นึกว่าจะทำเป็นแต่เครื่องประดับสำหรับผู้ใหญ่ ทำให้เด็กวัยรุ่นใส่ก็ได้ด้วย ใช้ได้ๆ”

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 12 วันที่ 3 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ