@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 18/2 วันที่ 31 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 18/2 วันที่ 31 ต.ค. 55

“นังสุดามันคิดว่าฉันตายไปแล้ว แต่เสียใจ ฉันยังไม่ตาย”
แฉล้มนึกได้ “แล้วลูกคุณล่ะ”
“คลอดก่อนกำหนด ตอนนี้ยังอยู่ในตู้อบ” ภาพิศบอก นัยน์ตาวาวโรจน์ “เพราะมันนังสุดา มันทำลายชีวิตฉันทุกอย่าง ฉันจะจองเวรจองกรรมมันไม่มีที่สิ้นสุด”

ดวงตาของภาพิศเป็นประกายวาววับ เห็นเปลวไฟแห่งความแค้นปะทุขึ้นมาโชติช่วงในดวงตาคู่นั้น
อารักษ์ย้อนถามสรวงอย่างตกใจหลังรู้เรื่อง

“ว่าไงนะ แม่ออกจากรพ.แล้ว
ในมือของสรวงถือโทรศัพท์ “ครับ...ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า เป็นความต้องการของคุณแม่”
อารักษ์กังวล “ยังไม่หายดีเลย จะออกมาทำไม”
สุดาเดินเข้ามาในโถงกลางบ้าน ด้วยสีหน้าสับสน จากเหตุการณ์เมื่อครู่ เพราะโดยเนื้อแท้แล้วสุดาไม่ใช่คนเลว แต่ต้องลุกขึ้นมาร้ายสุดขั้ว เมื่อภาพิศเข้ามาในชีวิต สุดาตอบเสียงแผ่ว



“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ
อารักษ์ถามสุ้มเสียงอ่อนโยน ด้วยความเป็นห่วง “แน่ใจเหรอคุณหญิง ท่าทางคุณหญิงยังไม่ค่อยดีเลยนะ”
สุดาย้ำเสียงแผ่ว “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ แค่อยากพักผ่อน”
“งั้นไปพักผ่อนนะ”
อารักษ์กับสรวงประคองสุดาเดินขึ้นบ้านอย่างห่วงใย

อารักษ์ ประคองสุดานอนลงบนเตียง สรวงหยิบยาและน้ำยื่นให้
“ทานยาครับคุณแม่”
สุดารับยามาทานอย่างว่าง่าย อารักษ์ลูบหน้าลูบตาสุดา
“นอนเถอะ ผมจะอยู่ข้างๆ คุณหญิง ไม่ไปไหนอีกแล้ว”
สุดาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า สรวงจับมือสุดากุมเอาไว้แน่น สงสารแม่เหลือเกิน
ไม่นานนักลมหายใจสุดาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
“แม่หลับแล้ว..ฝันดีนะครับแม่”
อารักษ์มองสรวงชั่งใจก่อนบอก “พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
สรวงมองหน้าพ่อ สงสัย พ่อจะคุยอะไร ขณะที่อารักษ์ดับไฟเดินนำออกมา

ไม่นานต่อมา ภายในร้านอาหารแห่งนั้น สองพ่อลูกนั่งคุยกัน สีหน้าเศร้า อารักษ์เอ่ยขึ้น
“ที่ผ่านมาพ่อรู้ว่าพ่อเป็นคนผิด ผิดจนไม่กล้าไปสู้หน้าใคร พ่อเลว...แต่มาถึงวันนี้พ่อเสียใจจริงๆ สรวง เสียใจที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”
“ผมดีใจครับ...ที่ต่อไป..พ่อจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีก”
อารักษ์ทำท่าหนักใจ “พ่อจะพยายาม...แต่แม่อาจจะต้องเสียใจอีก”
สรวงงง “ทำไมครับพ่อ”
“แม่เกลียดภาพิศ เกลียดกรรณนรี”
สรวงมองอย่างไม่เข้าใจ “คุณพ่อพูดถึงเค้าทำไม”
“เพราะพ่อรักกรรณนรี พ่อเอ็นดูเด็กคนนี้จริงๆ”
สรวงหน้าซีดเผือด ตรงข้ามกับดวงหน้าของอารักษ์ดูอ่อนโยน ขณะพูดประโยคต่อมา
“แม่..คงทำใจไม่ได้ ถ้าจะเห็นกรรณนรีในบ้านเราอีก”
สรวงงงหนัก “คุณพ่อจะทำอะไร”
“ทำในสิ่งที่สมควรทำซักที”
สรวงมองอารักษ์อย่างงวยงง ไม่เข้าใจในคำพูดและท่าทีของพ่อ

สุดาตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นแต่ความมืด ข้างๆ สุดาไม่มีใคร
สุดามีท่าทีเหนื่อยล้าโรยแรง “ไหนบอกจะอยู่ข้างๆ เอาเข้าจริงก็ไม่อยู่
สุดาส่ายหน้า ทำท่าปวดหัว เครียด ก่อนจะควานไปหยิบยามากิน ยิ้มขื่น
“นี่ถึงขั้นต้องกินยากล่อมประสาทแล้วเหรอสุดา”
สุดาถามตัวเอง ก่อนกินยาลงไป แล้วล้มตัวลงนอน

ดึกสงัด ความมืดโรยตัวเข้าห่อคลุมทั้งคฤหาสน์อริยะวรรต ภาพิศลอบเข้ามาในบ้าน เดินมาอย่างเนิบช้า ใจเย็น แต่ดวงหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ผมยาวตรง สวมชุดขาวแต่ดูเหมือนปิศาจร้าย

สุดานอนอยู่ แต่รู้สึกงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อสัมผัสว่าเตียงยวบลงเหมือนคนมานั่ง สุดาหันมามองก็ต้องร้องกรี๊ดเมื่อภาพิศนั่งอยู่
“นังภาพิศ” สุดาตระหนก ตกใจกลัวมาก “ แกตายไปแล้ว แกมาได้ยังไง”
ภาพิศบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “มาเอาแกไปอยู่ด้วยไง”
“ไม่ ฉันไม่ไป”
สุดาจะกระถดตัวหนีแต่ภาพิศขึ้นคร่อม บีบคออย่างแรง ภาพิศคำราม
“แกฆ่าฉัน แกต้องตายๆ”
ภาพิศบีบคอสุดาอย่างแรง ดวงตาของสุดาเหลือกถลนออกมา กลัวมาก
“ปล่อยๆ”
สุดาผลักภาพิศสุดแรงเกิด แล้ววิ่งหนีเตลิดออกไปอย่างตื่นกลัว

ระหว่างนั้นอารักษ์ กับสรวงกลับเข้ามาถึงพอดี สองคนอยู่ตรงห้องโถง สุดาวิ่งหน้าตาตื่นทะเล่อทะล่ามาหา ร้องโวยวาย
“ผีๆๆ ช่วยแม่ด้วย ผี”
สองคนมองหน้ากันงุนงง
“ผีอะไรคุณ”
สุดาละล่ำละลัก “ผีนังภาพิศ มันจะฆ่าฉัน มันจะเอาฉันไปอยู่ด้วย ไม่นะสรวง...แม่ไม่ไป สรวงช่วยแม่ด้วย ช่วยแม่ด้วย” ผวากอดสรวง
“คุณภาพิศจะเป็นผีได้ยังไงครับแม่”
สรวงกับอารักษ์มองหน้ากันอย่างงุนงง และไม่สบายใจ ไม่ได้คิดว่าสุดาจะไปทำร้ายฆ่าแกงภาพิศอีก แต่กลัวว่าภาพิศจะเป็นอะไรไป
“สรวงไปดูให้แม่หน่อยไป”
อารักษ์พูดไปอย่างนั้น หวังให้สุดาสบายใจ

สรวงเดินขึ้นมา ภาพิศที่อยู่ด้านบนรีบหาที่หลบซ่อนตัว ภาพิศจดสายตามองสรวงตลอดเวลา เห็นสรวงเปิดประตูเข้าไปในห้องของสุดาแล้วเปิดไฟ ซึ่งก็ไม่เห็นใคร เห็นแต่เพียงผ้าห่มกองอยู่สภาพเหมือนคนนอนอยู่

สรวงไม่เห็นอะไร จึงปิดไฟ เดินออกมา ผ่านหน้าภาพิศที่ยืนใจสั่นอยู่ตรงนั้น

ขณะที่สรวงเดินลงบันไดไป ภาพิศออกจากที่ซ่อน ชะโงกหน้าลงไปมองเบื้องล่าง เห็นอารักษ์กอดสุดาอยู่ พอสรวงเดินลงไปถึง ก็ถาม
“มีอะไรมั้ย”
“ไม่ครับพ่อ”
“ก็ภาพิศมันเป็นผี...มันจะอยู่ทำไม? มันก็หายตัวไปแล้วสิ” สุดาว่า
ภาพิศได้ฟังก็ยิ่งโกรธแค้นสุดา ขณะที่สรวงถามแม่
“แล้วทำไมคุณแม่ถึงคิดว่าคุณภาพิศเค้าเป็นผีครับ”
คราวนี้สุดาอึกอัก ก่อนจะคิดคำแก้ตัว
“ก็...แม่เห็นเค้าอยู่บ่อยๆ บางครั้งเค้าก็มา บางครั้งเค้าก็หายตัวไป จะให้เข้าใจว่าอะไร ถ้าไม่ใช่ผี”
“ภาพิศไม่ใช่ผี...เพราะเค้ายังไม่ตาย เค้าอยู่เมืองนอก”
สุดามองอารักษ์อย่างไม่เชื่อ “อยู่เมืองนอก”
“ใช่”
สุดาก้มหน้าซ่อนแววตา เหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ สรวงบอกกังวลใจ
“ผมว่าคุณแม่ยังไม่หายดี ไปพักผ่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมพาไป”
“ไม่เป็นไร..แม่ไปเอง
สุดากวาดสายตามองไปบนบ้านแบบกลัวๆ อยู่เหมือนกัน ก่อนตัดสินใจเดินขึ้นไป ภาพิศมองอยู่รีบฉากหลบทันที

สุดาเดินผ่านภาพิศเข้าไปในห้องอย่างระแวดระวัง ก่อนปิดประตูลง แล้วเปิดไฟ กวาดสายตามองรอบๆ กลัวๆ กล้าๆ ก่อนบอกตัวเอง
“นังภาพิศมันจะไปเมืองนอกได้ยังไง มันตายไปแล้ว”
สุดากวาดตามองรอบห้องอีกที ก่อนเดินไปนอนที่เตียงเปิดไฟทิ้งไว้อย่างนั้น

ภาพิศรีบชะโงกหน้ามองด้านล่าง ไม่เห็นสรวง แล้วอารักษ์ จึงรีบย่องลงบันไดไป

พอแฉล้มรู้เรื่องก็ดุภาพิศ
“ทำไมคุณทำอะไรอย่างนั้น”
“....ฉันอยากให้นังสุดาเป็นบ้า มันคิดว่าฉันตายไปแล้ว มันคิดว่าฉันเป็นผี”
แฉล้มเหนื่อยใจเต็มทน “พอเถอะคุณ..จองเวรจองกรรมกันอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เรื่องมันจะจบจะสิ้นกันซักที”
ภาพิศท้วง “มันทำลายชีวิตฉัน จนพังยับเยิน คุณจะให้ฉันอภัยมันเหรอ? ไม่มีทาง”
“มีสิ...ฉันยังให้อภัยคุณหญิงได้...”
ภาพิศมองแฉล้ม แฉล้มพูดต่อ
“เพราะฉันเองก็ผิด ที่พาคุณไปหาท่านอารักษ์”
ภาพิศไม่ยอมรับ “ฉันก็เคยบอกคุณไปแล้วเหมือนกัน ต่อให้ไม่มีฉัน ไอ้อารักษ์มันก็ไปหาคนอื่นอยู่ดี ที่สำคัญ...ฉันให้อภัยนังสุดาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันก็จ้องจะเอาแต่ชีวิตฉัน ชีวิตลูกฉัน แต่ฉันไม่โหดเหมือนมันหรอก อย่างมาก นังสุดามันก็กลายเป็นคนบ้าตลอดชีวิต เท่านั้นเอง”

พูดจบภาพิศก็หัวเราะดังก้อง แฉล้มมองภาพิศท่าทีสยองและหวั่นกลัว ท่าทางของภาพิศกับสุดายามนี้เหมือนคนโรคจิตพอๆ กัน
สุดาเครียดจัด เอามือขยี้ผมตัวเองจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบยา มือของสุดาสั่นระริก เห็นได้ชัดว่าเริ่มควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่แล้ว

สุดากรอกยาคลายเครียดเข้าปาก ก่อนนั่งนิ่งๆ พยายามสงบสติอารมณ์ ในสายตาของสุดายามนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพิศยิ้มแสยะเยาะเย้ย สุดาตาเหลือกลาน
“นังภาพิศ! เอาซี้...มาเลย ฉันไม่กลัวแกแล้ว มาเลย”
สุดาขว้างปาข้าวของใส่ภาพิศในจิตนาการ ดวงตาแข็งกร้าว
“ฉันไม่กลัวแกแล้ว เข้ามาเล้ย”
ร่างภาพิศในจินตนาการหายไป เมื่อสุดาตั้งสติได้ แต่สุดาไม่เข้าใจ หัวเราะก้องนึกว่าตัวเองชนะภาพิศอีกตามเคย

ที่อีกมุมหนึ่งในบ้าน อารักษ์บอกกับสรวงด้วยท่าทางไม่สบายใจเอามากๆ
“พ่อว่า..แม่เครียดมากเลยเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะ”
“ผมอยากพาคุณแม่ไปพักผ่อน”
อารักษ์เห็นดีด้วย “ก็ดีลูก แม่จะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง”
“คุณพ่อไปด้วยกันนะครับ”
อารักษ์นิ่งคิด..เหมือนมีเรื่องในใจ “พ่อมีธุระ”
สรวงมองพ่ออย่างผิดหวัง น้อยใจขึ้นมาอีก แต่ไม่อยากมีเรื่อง
“งั้นผมไปกับแม่แค่สองคนก็ได้ครับ”
“พ่อฝากแม่ด้วย พ่อมีธุระจริงๆ”
สรวงมองพ่อด้วยอาการผิดหวัง น้อยใจ และเสียใจ

เช้าวันนี้ สรวงพาสุดาเดินมาที่รถ มีอารักษ์เดินมาด้วย สุดายิ้มหน้าขื่นขม
“นึกยังไง ถึงได้พาแม่ไปพักผ่อน”
“ผมกับพ่ออยากให้แม่สบายใจ”
สุดาดักคอ “กลัวแม่จะเป็นบ้าเหรอลูก? แม่ไม่เป็นอะไรหรอก ยังอยู่อีกนาน”
“อย่าพูดอย่างนี้สิคุณ...ลูกอยากให้คุณสบายใจจริงๆ สรวงพาแม่ไปเถอะ” อารักษ์บอก
“ครับพ่อ” สรวงประคองสุดาขึ้นรถ สุดาหันมาเหน็บอารักษ์อีก อย่างปวดใจ
“คุณบอกจะอยู่เคียงข้างฉัน แต่สุดท้ายฉันก็ไม่มีคุณอยู่ดี”
สรวงมองแม่อย่างรู้สึกผิด ขณะที่อารักษ์เงียบกริบ มองสรวงขับรถออกไป พึมพำในใจ
“ผมขอโทษ..ผมจะทำตามใจตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ คุณหญิง”

ขณะที่เกริก ก้มหน้าก้มตารดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน อารักษ์เดินตรงเข้าไปหา เกริกง่วนอยู่กับรดน้ำ เห็นเท้าอารักษ์ จึงเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นอารักษ์ก็ตกใจ
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
เกริกมองอารักษ์ งงๆ ตกใจไม่หาย เพราะคาดไม่ถึง อารักษ์มองเกริกอย่างจริงใจ แววตาขอโทษ
สองคนเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนั้น สองป้าเดินผ่านมาเห็น ก็ตะลึงตกใจ
ตั๊กแตนร้อง “ตาย..ผัวเก่ากับผัวใหม่”
“มาป๊ะหน้ากันอย่างนี้...หมายความว่ายังไง”
สองป้ามองอยากรู้มาก

ภายในร้านแห่งนั้น อารักษ์กับเกริกมองหน้ากัน ต่างคนต่างนิ่ง เกริกถาม
“คุณมีอะไรก็พูดมา”
อารักษ์เอ่ยขึ้น “ผมอยากจะขอกรรณนรี”
เกริกมองหน้าอารักษ์อาการตื่นตะลึง

สรวงพาสุดามาถึงบ้านพักตากอากาศแล้ว ตกกลางคืนสุดายืนกอดอกมองฟ้ามองพระจันทร์ด้วยท่าทางสงบมากขึ้น สรวงเดินมาทางด้านหลัง เอาผ้ามาคลุมไหล่ พร้อมกอดสุดาอย่างประจบ
สุดามองหน้าลูกชายถามเสียงอ่อนโยน “สรวง..สรวงรักแม่มั้ยลูก”
“รักสิครับ..ผมรักแม่สุดหัวใจ สุดชีวิตของผมเลย”
สุดาหันมามองลูก ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ก็นึกหวั่นๆ “สรวงไม่กลัวแม่แล้วเหรอลูก”
“ผมไม่เคยกลัวคุณแม่”
สุดาเสียงเครือ สั่น “กลัว...สรวงกลัว แม่รู้บางทีสรวงก็คิดว่าแม่เป็นคนใจร้าย ใจดำ โหดร้ายทารุณ...แต่มันเป็นเพราะภาพิศนะลูก ภาพิศเข้ามาทำลายครอบครัวเรา”
สรวงปลอบ “เรื่องทุกอย่างมันจบไปแล้ว คุณแม่อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะครับ ผมขอร้อง”
สรวงมองสุดาด้วยสายตาอ้อนวอน สุดามองนิ่ง ทั้งสงสาร เห็นใจ และเข้าใจความรู้สึกของลูก
“ใช่..เรื่องมันจบไปแล้ว....ต่อไป แม่จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก...แม่จะเป็นแม่ที่ดีของสรวงเหมือนเดิม”
“ครับแม่” สรวงกอดสุดาแน่น
“แม่รักสรวง..รักสรวงที่สุดลูก”
สุดากอดสรวงอย่างหวงแหน เสมือนเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิต ขณะพูดต่อ
“แต่แม่ก็รู้..สรวงรักกรรณนรี”
สรวงมองสุดาไม่เข้าใจว่าจะพูดอะไร สุดามองสรวงบอกต่อ
“แต่แม่ขอนะลูก...สรวงจะรักใครก็ได้ แม่ไม่ห้าม แม่ขอแค่คนเดียว ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่กรรณนรี”
สายตาของสุดาที่มองมา อ้อนวอนร้องขอ จนสรวงก็ได้แต่เงียบงันลำบากใจ

ที่หน้าบ้าน กรรณนรีกับกาวินทร์จะเดินเข้ามาในบ้าน สองป้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
ตั๊กแตนทักก่อน “ไปไหนกันสองคนพี่น้อง ทำไมถึงเพิ่งกลับมา”
กาวินทร์งง “จะกลับมาตอนไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับป้า”
“ไม่ได้เกี่ยวกับป้าหรอก แต่เกี่ยวกับเราสองคน” จักจั่นชี้กาวินทร์กับกรรณนรี
กรรณนรีสงสัย “มีอะไรป้า”
จักจั่นรีบบอก “ก็ท่านอารักษ์มาหาพ่อเราน่ะสิ”
สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างตกใจ

เกริกถูกซัก หน้านิ่ง ครุ่นคิด บอกลูก
“ใช่...ท่านอารักษ์มาหาพ่อที่บ้าน”
กาวินทร์ยิ้มขื่น “อย่าบอกนะว่ามาตามหาแม่”
“เปล่า..เค้าไม่ได้มาหาแม่ แต่มาหากาว”
กรรณนรียิ่งตกใจ “มาหากาว”
“เค้ามาขอกาวกับพ่อ”
กรรณนรีหน้าซีดหนัก ขณะที่กาวินทร์ตาเขียวขึ้นมาทันที

ขณะเดียวกันบุญยิ่งคุยโทรศัพท์ หน้าซีดตกใจ
บุญยิ่งสุ้มเสียงไม่สบายใจ “ถ้าฉันว่าง..ฉันจะไป” วางสายเลยอย่างงๆ
ภรตเดินเข้ามา ถามอย่างแปลก “มีอะไรครับพ่อ”
“อารักษ์โทร.มาบอก...ที่บ้านจะมีงานมงคล...งานมงคลของอารักษ์ กับกาว”

ภรตหน้าซีดตกใจอีกคน

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 18/2 วันที่ 31 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager