@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 17/3 วันที่ 28 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 17/3 วันที่ 28 ต.ค. 55

อารักษ์ตวาด เรียกสติ “คุณหญิง”
“ไม่ต้องมาพูดดี ที่คุณห้าม เพราะคุณยังรักมันใช่มั้ย คุณยังรักมัน ทั้งที่มันจะฆ่าลูกคุณ ฉันจะไปฆ่ามัน ฉันจะไปฆ่ามัน” สุดาขืนตัวจะไปอีก
อารักษ์เข้ามาล็อก ห้าม “อย่า”
“ปล่อยฉัน ปล่อย ฉันจะไปฆ่านังภาพิศ”
สุดากรี๊ดดิ้นพล่าน จนหมดสติไป
“คุณหญิง”

อารักษ์ร้องออกมาด้วยความตกใจ
ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลแห่งนั้น แฉล้มนอนแบบอยู่บนเตียง สีหน้าเหมือนคนอมทุกข์ แต่เห็นแววตาเข้มแข็ง มากกว่าภาพิศเสียอีกที่มีท่าทีอ่อนแอกว่า เพราะเจ็บปวดรวดร้าวในใจที่ถูกเกริกด่าทอต่อว่า และยังถูกลูกทั้งสองคนตัดทิ้ง ภาพิศบอกกับแฉล้มน้ำตาไหลพราก



“พี่เกริก เค้าด่าว่าฉัน..อย่างที่ไม่เคยว่ามาก่อน แล้วลูก..ลูกก็ไม่เรียกฉันว่าแม่ซักคำ” ภาพิศอัดอั้นปล่อยโฮออกมาอีก
แฉล้มปลอบ “ฉันรู้ว่าคุณเจ็บ คุณปวด แต่คุณต้องยอมรับมันให้ได้”
ภาพิศต่อคำ “เพราะมันเป็นกรรมที่ฉันก่อ” พร้อมกับยกมือปาดน้ำตา “คุณจะว่าฉันมั้ย...ถ้าฉันจะไปอเมริกาก่อนที่คุณจะหาย”
“ไม่หรอก...ฉันเข้าใจ ถ้าฉันเป็นคุณ...ฉันก็คงต้องไปเหมือนกัน...” มองภาพิศอย่างเห็นใจและห่วงใย “อีกไม่กี่เดือน คุณก็จะคลอด คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ”
ภาพิศเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ “ฉันจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด เพราะเค้าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่ยังเหลืออยู่ของฉัน”
แฉล้มบีบมือภาพิศเบาๆ ให้กำลังใจ ภาพิศนึกได้ นึกถึงเรื่องตัวเองก่อนเสมอ
“แล้ว..คุณเป็นไงมั่ง??..จะออกจากรพ.ตอนไหน”
แฉล้มบอกด้วยน้ำเสียงขื่นๆ ท่าทีปลงๆ “คงอีกนาน”
ภาพิศมองมาอย่างสงสัยค้างคาใจ เพราะท่าทางแฉล้มดูปกติ “ทำไม”
จังหวะนั้นหมอเวรเจ้าของไข้เดินเข้ามา ตรวจอาการพลางถาม
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
แฉล้มฝืนยิ้ม “ดีค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะมารับ พาไปกายภาพบำบัดนะครับ”
แฉล้มรับคำ “ค่ะ” จากนั้นหมอก็เดินออกไป
ภาพิศฉงน “ทำไมต้องทำกายภาพบำบัด”
แฉล้มบอกน้ำเสียงเรียบ “ฉันเดินไม่ได้”
ภาพิศตกใจมาก “เดินไม่ได้”
“หลังฉันกระแทกต้นไม้อย่างแรง ฉันคงเป็นอัมพาตตลอดชีวิต”
ภาพิศกรีดร้องด้วยความตกใจ ”ไม่จริง..ไม่จริง” นึกโกรธแค้นสุดาขึ้นมาอีก “นังสุดา..นังสุดา ฉันจะไปฆ่ามัน”
แฉล้มคว้ามือไว้ “อย่าคุณ”
“คุณจะห้ามฉันทำไม ในเมื่อมันทำร้ายคุณ” ภาพิศขัดใจ
แฉล้มหน้าสลดลง มีท่าทีเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันเป็นคนทำร้ายเค้าก่อน.. เพราะถ้าฉันไม่พาคุณเข้าไป”
ภาพิศกรีดร้องไม่ยอมท่าเดียว “ต่อให้ไม่มีฉัน ไอ้อารักษ์มันก็ไปมีคนอื่นอยู่ดี นังสุดามันทำลายชีวิตฉัน มันทำลายชีวิตคุณ มันทำลายชีวิตทุกคน ฉันจะฆ่ามัน”
ภาพิศผลุนผลันออกไปเร็วรี่ ลืมไปว่าตัวเองท้อง แฉล้มได้แต่ตะโกน
“อย่าคุณอย่า ฉันอโหสิกรรมให้เค้าแล้ว อย่าไป”
ภาพิศไม่ฟังเสียง

ภาพิศเอามือประคองท้องเดินแกมวิ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ น้ำตาไหล ดวงตามีแต่ความ โกรธแค้นอาฆาต
“ฉันขอกระเป๋าที่ฝากไว้ค่ะ”
เจ้าหน้าที่เลื่อนกระเป๋าออกมาให้ ภาพิศลากไป พอมาถึงมุมลับตา ภาพิศเปิดกระเป๋าเดินทางออก หยิบปืนพกออกมา บอกตัวเองในใจ
“แกกับฉันจะอยู่ร่วมโลกกันต่อไปไม่ได้แล้วนังสุดา”
ภาพิศเก็บปืนใส่กระเป๋าถือ ลากกระเป๋าเดินทางออกไป

ขณะเดียวกันสุดาซึ่งนอนอยู่พักฟื้นอยู่บนเตียง ทำท่าจะลุก อารักษ์ที่อยู่ด้วยเข้ามาห้าม
“อย่าเพิ่งลุก คุณหญิงต้องพักผ่อนเยอะๆ”
สุดาน้ำตาคลอ “ฉันไม่เป็นไร” จะลุกให้ได้
“คุณหญิงอย่าดื้อสิ”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ฉันอยากกลับบ้าน กลับไปเอาเสื้อผ้าตาสรวง...ตาสรวงฟื้นเมื่อไหร่” น้ำตาไหลริน “จะได้ใส่เสื้อผ้าหล่อๆ กลับบ้านด้วยกัน”
สุดาลุกออกมาจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอารักษ์มองตาม สลดใจ

สุดาเปลี่ยนชุดแล้ว เดินมาเกาะประตูมองผ่านกระจกเข้าไปในห้อง เห็นร่างของสรวงยังนอนนิ่ง ตามเนื้อตัวมีสายห้อยระโยงรยาง สุดาน้ำตาไหลคิดแค้นในใจ
“ใครมันทำลูกแม่...มันต้องตาย” สุดาผละออกมาดวงตาแข็งกร้าว ขณะหยิบมือถือออกมา “ ส่งคนมาหาฉันที่บ้านด่วน ฉันมีงานจะให้ทำ”
สุดาวางสายหน้าตาเหี้ยมเกรียม

สามคนพ่อลูกเดินมายังริมน้ำ เกริกกอดกรรณนรีกับกาวินทร์เอาไว้ กรรณนรีนั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น ขณะที่กาวินทร์น้ำตาคลอเบ้า
เกริกมองลูกด้วยความสงสาร “พ่อขอโทษ...ที่พ่อทำเหมือนคนใจดำ แต่..มันจำเป็น ไม่งั้น...แม่ก็คงถึงลูกเข้าไปเกี่ยวอีก”
“พ่ออย่าว่าแม่เลยนะคะ กาวเองเป็นคนที่ผิด กาวเดินเข้าไปหาแม่เอง”
“เป็นเพราะผมต่างหากครับพ่อ ทั้งแม่ทั้งน้องถึงถูกดึงเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องบ้าๆ พวกนั้น”
สามคนโทษตัวเองกันไปมา เกริกตัดบท “พ่อจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่แก้วต้องไม่ทำตัวมักง่ายอย่างนั้นอีก”
“ครับพ่อ”
“ส่วนแม่ ..ก็ถือว่าเรากับเค้าจบกันไปแล้ว นับตั้งแต่วันนี้ ก็ต่างคนต่างไป จะไม่มีทั้งนุดี ทั้งภาพิศอยู่ในชีวิตของพวกเราอีก”

เกริกพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด แต่แววตาเศร้าหมอง กอดลูกเอาไว้ อย่างรักใคร่และหวงแหน กาวินทร์น้ำตาซึม กรรณนรีน้ำตาไหลหดหู่ใจเหลือแสน
คืนนั้นประตูบ้านอริยะวรรตเปิดออก ขณะที่สุดาขับแล่นรถเข้าไป ภาพิศซึ่งมาซุ่มดักรออยู่ในความมืด แฝงกายตามเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

สุดาเดินเข้าไปในบ้านท่ามกลางความมืดมิด จังหวะนั้นสุดาเหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา สุดาหันขวับ แต่ไม่เห็นอะไร สุดาทำหน้าสงสัย จะเปิดสวิทซ์ไฟแต่ก็ต้องร้องออกมาสุดเสียงเมื่อมีด้ามปืนสับเข้าที่ข้อมืออย่างแรง
“โอ๊ยย”
สุดาร้องด้วยความเจ็บปวด พอหันกลับมาก็ถูกภาพิศตบพลัวะเข้าที่หน้าอย่างแรงจนสุดาล้มลง ภาพิศเอาปืนเล็ง
“อย่า....อย่าทำฉัน” สุดากระถดหลังหนี
ภาพิศน้ำตาคลอ แค้นใจ เสียใจ “มันสายไปแล้ว แกทำลายฉันทุกอย่าง ลูกฉัน เพื่อนฉัน ชีวิตฉัน” ร้องไห้โฮออกมาอย่างคับแค้น “ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
สุดามีท่าทีลนลาน...หวาดกลัว “เหลือสิ ลูกในท้องเธอไง ลูกเธอจะเป็นยังไง ถ้าเค้าเกิดมาแล้วมีแม่เป็นคนขี้คุก”
ภาพิศชะงัก สำนึกผิดชอบชั่วดีตีกันให้วุ่น สุดาเล็งที่ปืนเขม็ง พยาบามตะล่อม
“ต่างคนต่างอยู่เถอะ อโหสิกรรมให้แก่กัน ฉันเองก็จะเลิกกับท่านอารักษ์ บอกตรงๆ” สุดาร้องไห้ออกมา “ฉันทนสภาพแบบนี้ไม่ไหวแล้ว มันทรมาน”
“มันเรื่องของคุณ”
ภาพิศทำท่าจะกดไกปืน สุดาร้องลั่น ขณะเดียวกันด้านหลังภาพิศ คนของสุดาสองคนเดินย่องเข้ามา ขณะที่สุดาร้องกรี๊ด
“แต่คนที่ผิดคือเค้านะภาพิศ” พยายามตะล่อมถ่วงเวลา “คนที่ผิดคือเค้า เพราะถ้าเค้าไม่เลวไม่ชั่ว ไม่มักมากหลายใจ เราสองคนก็ไม่ต้องทะเลาะกันแบบนี้...ฮึ! จริงๆ แล้ววันนั้นกระสุนน่าจะลั่นถูกเค้า ไม่ใช่ตาสรวง”
“เลิกพล่ามได้แล้ว ยังไงแกก็ต้องตายนังสุดา”
ภาพิศตะคอก และจะลั่นไก แต่แล้วเกิดเจ็บท้อง ภาพิศร้องตัวงอเป็นกุ้ง คนของสุดาเข้ามา
ด้านหลัง สับมือเข้าที่ข้อมือภาพิศ ปืนหล่นภาพิศร้องลั่น สีหน้าเจ็บปวด ขณะที่ร่างซวนเซจะล้มลง สุดาทะยานเข้ามากระชากจิกผมภาพิศขึ้นมาทันที หัวเราะใส่หน้า
“ใครจะตายกันแน่นังหน้าโง่” ตบผลัวะ ภาพิศหน้าหัน สุดากระชากผมอีก “รู้เอาไว้ ถ้าแกคิดจะทำเลว แกห้ามใจอ่อน”
“ได้ฉันจะไม่ใจอ่อน”
ภาพิศกัดฟันพูด พร้อมกับกระโจนใส่สุดา ตบผลัวะแล้วจะคว้าปืนที่หล่นอยู่ แต่กลับช้ากว่ามือของคนร้ายที่หยิบปืนขึ้นมา ภาพิศหยุดชะงัก น้ำตาไหลแค้นใจ สุดาตวาดก้อง
“เอามันไป”
คนร้ายกระชากภาพิศขึ้นมา ภาพิศดิ้นรนขัดขืน
“ปล่อยฉัน”
“พวกแกจะพามันไปตายไหนก็ไป” สุดากำชับ
“ปล่อยฉัน”
ภาพิศดิ้นรนแต่คนร้ายไม่ฟัง ช่วยกันลากภาพิศออกไป สุดามองตามแววตากร้าว
“นังเมียน้อย ถ้าแกไม่เข้ามาในชีวิตฉัน ครอบครัวฉันก็ไม่เป็นอย่างนี้ ลูกชายฉันก็ไม่เป็นอย่างนี้”
สุดาร้องไห้โฮ ทั้งเจ็บปวด แค้นใจ และเป็นห่วงสรวงจับจิต

สรวงยังไม่ฟื้น อารักษ์จับมือสรวงแตะเบาๆ
“สรวง...ฟื้นขึ้นมาสิลูก พ่อสัญญา จะเป็นพ่อที่ดี พ่อจะไม่ให้สรวงเสียใจ ผิดหวังในตัวพ่ออีก ฟื้นขึ้นมาสิสรวง”
สรวงนอนนิ่ง ไม่มีทีท่าจะฟื้นตื่น อารักษ์น้ำตาไหล ร้องไห้โฮ เป็นครั้งแรกที่เจ็บปวดอย่างที่สุดกับการกระทำของตัวเอง
อารักษ์เดินออกมาด้านนอกโรงพยาบาล น้ำตาไหลริน แหงนหน้ามองฟ้า ร่ำร้องต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่ในใจ
“สรวงเป็นคนดี อย่าให้สรวงต้องเป็นอะไรเลย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกผมด้วย”
อารักษ์เครียดจัด

ไม่นานนักกรรณนรีเดินไปเข้าไปในห้อง เห็นสรวงนอนนิ่ง เหมือนคนหลับสนิท กรรณนรีขยับเดินเข้าไปหา จับมือสรวง...ร้องเรียกเบาๆ
“คุณสรวงๆ”
สรวงเงียบ ร่างนอนนิ่งไม่ไหวติง กรรณนรีสงสัย จับมือแตะเบาๆ
“คุณสรวง”
สรวงเงียบอีก คราวนี้กรรณนรีใจไม่ดี จับมือสรวงเขย่า
“คุณสรวง...” สรวงแน่นิ่ง กาวมองรู้ทันทีเกิดอะไร ปล่อยโฮ “คุณสรวง ลุกขึ้นมาคุยกับฉันสิ คุณสรวง ลุกขึ้นมาๆ” สรวงไม่ฟื้นขึ้นมา กาวผวากอดร่างสรวงเอาไว้แน่น ร้องไห้คร่ำครวญ
“ลุกขึ้นมา คุณต้องลุกขึ้นมา ฉันรักคุณ..คุณสรวง ฉันรักคุณ”
กรรณนรีร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ กอดสรวงแน่น แต่สรวงก็ไม่ฟื้นขึ้นมา กรรณนรีบอกเสียงแผ่ว
“ฉันเสียแม่ไปแล้ว...อย่าให้ฉันต้องเสียคุณไปอีกเลยนะ ....ฉันอยู่ไม่ได้..อยู่
ไม่ได้”
กรรณนรีร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดร่างสรวงแน่น แต่สรวงก็ไม่ฟื้นขึ้นมา

ขณะที่กรรณนรีเดินร้องไห้มาตามทางในซอยหน้าบ้าน กาวินทร์มาดักรอ
“กาวไปไหนมา”
“กาวไปหาคุณสรวง คุณสรวงยังไม่ฟื้นเลยพี่แก้ว...” กรรณนรีปล่อยโฮ “คุณสรวงยังไม่ฟื้น
เลย กาวกลัว..กลัว”
กาวินทร์กอดน้องสาวเอาไว้ กรรณนรีร้องไห้พร่ำรำพันต่อ
“กลัวว่าคุณสรวงจะเป็นอะไรไป?..กาวอยู่ไม่ได้นะพี่แก้ว กาวรักคุณสรวง รักคุณสรวง
“คนดีๆอย่างคุณสรวง ต้องไม่เป็นอะไรกาว…”
กาวินทร์ได้แต่ปลอบ ดวงตาเป็นกังวล ที่ด้านหลังสองพี่น้องเกริกยืนมองอยู่ ด้วยแววตาทั้งเจ็บปวด และสงสารกรรณนรี

เกริกกลับเข้าห้องเปิดกระเป๋าตังค์หยิบรูปภาพิศขึ้นมาดู สายตาเสียใจ สลดใจ
“ถ้านุดีไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น....ความรักของกาวก็คงไม่เป็นแบบนี้ ไม่น่าเลยนุดี ไม่น่าเลย”

เกริกดึงรูปของภาพิศออกมา ขยำแล้วทิ้งลงถังขยะ ด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว ของคนตัดใจได้เด็ดขาดแล้ว
ดึกสงัด รถของคนร้าย วิ่งมาจอดที่ข้างทางบริเวณป่าเปลี่ยว ลักษณะด้านล่างเป็นหุบเขาน่ากลัว คนร้ายลากภาพิศลงมา ภาพิศดิ้นรน ตะโกนไม่หยุด

“ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน ปล่อย”
“ได้...งั้นเธอก็เลือกเอา...” วายร้ายคนนั้นมองภาพิศด้วยสายตาโลมเลียและน่ากลัว “จะอยู่กับฉัน...หรือมัน”
วายร้ายสองคนก้าวย่างเข้ามา ภาพิศถอยหลังกรูด
“ไม่...อย่าเข้ามา...ไม่”
เหล่าวายร้ายไม่ฟังเสียง ย่างเท้าเข้าหา บังคับให้ภาพิศเดินถอยหลัง
จังหวะนั้นเท้าภาพิศเหยียบที่พื้น เห็นอีกนิดเดียวจะตกเขา คนร้ายย่างสามขุมเข้ามา
ภาพิศร้องกรี๊ดสุดเสียง “อย่า” ออกแรงผลักคนร้ายเต็มแรง จะวิ่งฝ่าไป
“จะหนีไปไหน” คนร้าย 1 ใน 3 กระชากภาพิศกลับมา
ภาพิศดิ้นรน สู้สุดชีวิต “ปล่อยฉัน ปล่อย ปล่อย อ๊าย...”
ภาพิศดิ้นสุดแรง แรงเหวี่ยงทำให้ร่างเซถลา ร่วงลงสู่หุบเขาด้านล่างทันที เสียงภาพิศดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณขณะที่ร่างร่วงไถลลงไป ในป่าทึบ คนร้ายชะโงกหน้าลงไปมอง
“ยังไงก็ไม่รอด” คนหนึ่งบอกอย่างมั่นใจ
“แล้วกระเป๋าเสื้อผ้ามัน ที่เอามาจากหน้าบ้านล่ะ” อีกคนถาม
“โยนลงไป ให้มันไปใช้ที่นรกด้วยแล้วกัน”
คนร้ายคว้ากระเป๋าเดินทางของภาพิศ เหวี่ยงตามลงไปสุดแรง แล้วเดินขึ้นรถขับออกไป ไม่นานต่อมาทั่วทั้งบริเวณ มืดมิด เงียบกริบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กลางป่าเปลี่ยว ร่างของภาพิศนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น ขณะที่ยมทูต ซึ่งแต่งกาย นุ่งโจงกระเบนสีแดง ท่อนบนเปลือยเปล่ามีสร้อยสังวาลย์ห้อยที่คอ และมีเขายาว เดินมาหา
“หมดเวลาของเจ้าแล้ว ไปกับเรา”
วิญญาณของภาพิศล่องลอยออกจากร่าง เดินตามยมทูตไป
ที่แท้กรรณนรีฝันร้าย นอนกระสับกระส่ายไปมา
“ไม่..ไม่...” กรีดร้องขึ้นสุดเสียง “แม่” กรรณนรีลุกขึ้นมา ยังร้อง และดิ้นเหมือนคนขาดสติ “อย่า..อย่าเอาแม่ฉันไป อย่า”
เกริกกับกาวินทร์ได้ยินเสียงร้องพากันเปิดประตูเข้ามาท่าทีตื่นตระหนก
“กาวเป็นอะไรไปลูก”
กรรณนรีผวาตัวกอดพ่อแน่น พูดเสียงละล่ำละลัก “แม่..แม่”
“แม่ทำไม” กาวินทร์ฉงน
กรรณนรีได้สติ เหลียวมองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะทอดถอนลมหายใจ
“กาวฝันร้าย ฝันว่าแม่ตาย แล้วยมทูตมาเอาวิญญาณของแม่ไป
เกริกกับกาวินทร์มองหน้ากัน ใจคอไม่ดีเอาเสียเลย

เช้าวันนี้ สามพ่อลูกร่วมกันใส่บาตรอยู่ที่หน้าบ้าน เสร็จแล้ว พระให้พรก่อนที่จะเดินไปต่อ เกริกเอ่ยขึ้น
“ไปกรวดน้ำไปลูกจะได้สบายใจ”
“แม่ไปอเมริกาไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอก กาวแค่คิดมากไป” กาวินทร์ปลอบน้องสาว
กรรณนรีหน้าสลด ท่าทางเศร้าสร้อย เดินไปกรวดน้ำ สองป้าแอบมอง
“ท่าทางแปลกๆ กันทั้งบ้าน ป้าจักจั่นว่ามั้ย”
“ใช่! หน้าตาอมทุกข์กันทั้งบ้าน ฉันว่ามันต้องเกี่ยวกับที่พ่อเกริกเข้าโรงพยาบาล วันนั้นแน่ๆ
ตั๊กแตนฉงน “มันเรื่องอะไรกันล่ะ”
สองป้ามองหน้ากันด้วยความสงสัย

สองพี่น้องขับรถมาตามทาง กรรณนรีหน้าหมองเศร้า กาวินทร์ถามอย่างห่วงใย
“ยังไม่สบายใจอยู่เหรอกาว”
“ค่ะ...ห่วงทั้งแม่ ทั้งคุณสรวง ยิ่งฝันถึงแม่อย่างนี้ กาวยิ่งไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าแม่มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“งั้นลองไปถามแม่บ้านแม่ดู เผื่อเค้าจะรู้”
กาวินทร์ขับรถตรงไปยังบ้านภาพิศ

สองพี่น้องมาถึงหน้าบ้านภาพิศ ฟังน้อยเล่าท่าทีเหนื่อยใจ
“ตั้งแต่คุณหญิงไปอเมริกา เธอก็ไม่ได้ติดต่อมาเลย”
สองพี่น้องมองหน้ากัน ก่อนที่กาวจะถาม
“แล้วอีกนานมั้ยคะ เธอถึงจะกลับมา”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 17/3 วันที่ 28 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager