@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 14 วันที่ 7 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 14 วันที่ 7 ต.ค. 55

“เดี๋ยวเปลี่ยนเอารถไปส่งอาหมอแล้วไม่ต้องกลับมารับฉันนะ วันนี้ฉันจะอยู่เฝ้าไข้รสา”

เปลี่ยนแทบไม่เชื่อหูแต่ก็รับคำเจ้านาย อาภรณ์คาดไม่ถึงเช่นกัน พอเห็นภคพงษ์เอาใจใส่ดูแลรสาอย่างดี ก็แอบปลื้มชื่นชม แต่รสาไม่รู้สึกตัว ไม่รู้เห็นว่าใครมาทำอะไรให้ตัวเองบ้าง...

ที่บ้านเถลิงยศ พิทยากับชีวินมาส่งมอบงาน และรับเช็คค่าจ้างงวดสุดท้ายจากเผด็จ

“ขอบคุณมากนะครับ ที่ควบคุมดูแลอย่างดี คุณภัคพอใจกับผลงานมากครับ”

“ทางเราเองก็พยายามทำทุกอย่างให้คุณภัคพอใจอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะยายรส ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ ถ้ามีอะไรให้รับใช้อีกเรียกพิทได้เลยนะครับ”

“เรียบร้อยแล้ว เรารีบกลับกันเถอะพี่ ผมว่าจะแวะไปเยี่ยมรส” ชีวินเร่ง พิทยาหันมาตำหนิลูกน้องด้วยสายตา...เผด็จมองทั้งคู่แล้วพูดขึ้น

“อย่าเพิ่งรีบกลับสิครับ ผมให้สายใจเตรียมอาหารชุดใหญ่ไว้เลี้ยงฉลอง เชิญอยู่ทานอาหารเย็นกับผมก่อนนะครับ สายใจจะได้ไม่ทำเก้อ”


“ได้เลยครับ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง” พิทยาตอบพรวด แล้วมัดมือชกชีวินที่อิดออด “ไปวิน...ไปกินข้าวเป็นเพื่อนคุณเผด็จ แล้วก็ฉลองกันด้วย จะรีบไปเยี่ยมยายรสไม่ใช่เหรอ รีบกินจะได้รีบกลับ”

ชีวินขัดไม่ได้ จำใจเดินตามพิทยาไป โดยทั้งคู่ไม่เห็นว่าเผด็จลอบยิ้มอย่างมีแผน

ooooooo

เผด็จไม่ต้องการให้ชีวินไปเยี่ยมรสาเพราะทราบดีว่าภคพงษ์อยู่ที่บ้านหลังนั้น ส่วนพิทยาไม่รู้อะไร กระดี๊กระด๊าเรื่องกินอย่างเดียว กระทั่งได้คุยโทรศัพท์กับป้าอาภรณ์รู้ว่าภคพงษ์ดูแลรสาอย่างดี ทั้งทำข้าวต้มให้ เช็ดตัว นวดเท้า พิทยาพอจะเข้าใจ ถามกลับไปด้วยความตื่นเต้น

“แล้วยายรสรู้ตัวหรือเปล่าครับป้า”

“ป้าคิดว่าน่าจะยังนะ เพราะถ้าตื่นแล้วคุณภัคจะต้องลงมาอุ่นข้าวต้มเอาไปให้ แต่นี่ยังไม่เห็นลงมา คงจะยังไม่ฟื้น”

“งั้นวันนี้ผมกับวินคงไม่สมควรจะเข้าไปเยี่ยมรสนะครับ พรุ่งนี้ค่อยไปน่าจะสมควรกว่า”

“ได้เลยค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันค่ะ” อาภรณ์วางสาย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถูกใจสุดๆ

ฝ่ายพิทยายิ้มพราย...หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารของสายใจแล้ว เขายัดเยียดงานให้ชีวินทำต่อทันที อ้างโน่นอ้างนี่จนชีวินเลี่ยงไม่ออก อดไปเยี่ยมรสา

ค่ำแล้ว รสายังนอนซมไม่รู้สึกตัว อาภรณ์เป็นห่วงหลาน บ่นกับภคพงษ์ว่าแบบนี้จะไหวเหรอ ไม่ตื่นมากินอะไรเลย ไข้ก็ลดลงแค่นิดหน่อย

“เมื่อเย็นตอนที่คุณหมอแวะมา คุณหมอให้น้ำเกลือไปแล้วครับ แล้วก็ฉีดยาให้อีก คงต้องรอดูอาการคืนนี้อีกทีว่าจะดีขึ้นหรือเปล่า คุณป้าครับ คืนนี้ผมจะขออนุญาตนอนเฝ้าไข้รสาที่นี่ได้หรือเปล่าครับ”

“นอนที่นี่ แล้วคุณภัคจะนอนยังไงคะ”

“ผมนอนที่พื้นครับ”

“นอนพื้น? มันจะดีเหรอคะ พื้นมันแข็งมากนะคะ นอนไปปวดหลังแย่”

“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนได้...นะครับคุณป้า”

“งั้นก็ได้ค่ะ แต่ป้าขออนุญาตเปิดประตูไว้นะคะ”

“ครับ...ขอบคุณมากนะครับ”

“ป้านอนอยู่ห้องข้างๆ มีอะไรเรียกได้เลยนะคะ”

อาภรณ์เดินออกจากห้องแล้วหันกลับมาแอบมองภคพงษ์จัดแจงปูผ้าที่พื้น ก่อนจะค่อยๆถอยออกไปด้วยความสบายใจ

เมื่ออยู่กันตามลำพัง ภคพงษ์อดใจไม่ไหวหอมแก้มรสาที่นอนหลับสนิท พร้อมกระซิบความในใจ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ผมรักคุณคนเดียวนะรสา” แล้วถอยกลับมานอนในที่ของตัวเองอย่างมีความสุข

ooooooo

เช้าขึ้น รสาเริ่มรู้สึกตัว อาการยังเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ฟังป้าอาภรณ์บอกเล่าว่าภคพงษ์เฝ้าไข้เธอทั้งคืนบ้านช่องไม่กลับ เพิ่งให้คนรถเอาเสื้อผ้ามาให้แล้วก็ไปอาบน้ำเมื่อสักครู่นี่เอง

“คุณป้าครับ” เสียงภคพงษ์ดังเข้ามา รสาได้ยินแว่วๆ อยากตื่นแต่ยังลืมตาไม่ขึ้น

“เมื่อกี้รสขยับตัวนิดๆ แต่ก็หลับต่อน่ะค่ะ” อาภรณ์บอกภคพงษ์ที่เดินเข้ามาในเสื้อผ้าชุดใหม่

“คงจะเพราะยาน่ะครับ คุณหมออยากให้รสาได้พักเยอะๆ คุณหมอกำลังจะเข้ามา เห็นบอกว่าวันนี้รสาน่าจะดีขึ้น”

“งั้นเชิญคุณภัคตามสบาย ป้าขอตัวไปดูลูกค้าข้างล่างนะคะ”

อาภรณ์เดินออกไป ภคพงษ์มานั่งบนเตียงข้างรสา ใช้มืออุ่นๆลูบไล้ใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน...รสา

ตัวร้อนผ่าว สัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษของเขาที่ส่งผ่านมาถึงเธอ

“หายไวๆนะรสา”

รสาได้ยินเสียงชัดเจน แต่ไม่มีแรงจะตอบโต้...เสียงนุ่มทุ้มของภคพงษ์ทำให้เธอสะท้านไปทั้งใจ เขายื่นหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบหน้าผาก แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

แม้จะเป็นห่วงรสามากแค่ไหน แต่เมื่อปรางทิพย์โทร.มา ภคพงษ์รับสายแล้วรีบร้อนออกไปพบเธออย่างไม่ลังเล

“ขอโทษด้วยนะคะ จริงๆปรางก็ไม่อยากรบกวนเวลาของพี่ภัค” ปรางทิพย์รีบออกตัว

“เรื่องของปรางกับคุณแม่...เอ่อ...คุณแม่น้องปราง สำคัญต่อพี่มากกว่าอะไรทั้งนั้น ไม่รบกวนเลยครับ ว่าไงครับ คุณแม่น้องปรางว่าอะไรพี่อีกแน่ๆเลยใช่ไหม”

“พี่ภัคอย่าโกรธคุณแม่เลยนะคะ คงเพราะคุณแม่รักปรางมาก คุณแม่มีลูกคนเดียวก็คือปราง”

“พี่เข้าใจดีครับ เข้าใจมาก ว่าแต่จะเล่าให้พี่ฟังได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น”

“คือปรางไม่ทราบจะทำตัวยังไงดีน่ะค่ะ ระหว่างปราง...กับพี่ภัค ให้มันพอดีๆน่ะค่ะ คุณแม่รู้สึกว่าปรางยังเด็ก แล้วก็ทำตัวมากไปกับพี่ภัค คุณแม่มองว่าถ้าปราง เป็นข่าวกับผู้ชายมากๆ ก็จะเสียหาย แล้วอีกอย่าง...”

“อีกอย่างอะไรครับ”

“คุณแม่มองว่าปรางกับพี่ภัคไม่ได้จะจริงจังอะไรกัน...แต่ไม่ใช่นะคะ ปรางไม่ได้...”

“น้องปรางไม่ได้คิดจริงจังกับพี่เหมือนที่คุณแม่น้องปรางคิดใช่ไหมครับ” เขาหยอดหน้าเศร้า

“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ภัคฟังปรางพูดให้จบก่อน คือปราง...”

“น้องปรางนั่นแหละฟังพี่พูดให้จบ ใครจะพูด จะมองยังไงพี่ไม่รู้ เพราะพี่รู้แต่หัวใจตัวเองเท่านั้นว่าพี่ภัคคนนี้จริงจังกับน้องปรางแค่ไหน ถ้าน้องปรางไม่เชื่อ”

ภคพงษ์ไม่พูดต่อ แต่คุกเข่าลงตรงหน้าปรางทิพย์ โดยไม่แคร์สายตาของคนอื่นที่มองมา

“พี่ภัคจะทำอะไรคะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ ลุกขึ้น”

“เราแต่งงานกันนะครับ...แต่งงานกับพี่นะครับ น้องปราง”

ปรางทิพย์ตะลึงพรึงเพริด ตื่นเต้นดีใจจนพูดไม่ออก...

ooooooo

วันเดียวกัน เผด็จมาหาพิทยาที่ออฟฟิศเพื่อว่าจ้างให้ตกแต่งเรือนสีขาว โดยระบุให้รสาเป็นคนทำ

“เรือนสีขาวเป็นอาคารเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนหลังเล็ก คุณภัคต้องการให้คุณรสาตกแต่งใหม่โดยเร็วที่สุด ถ้าเรียบร้อยแล้วจะเปิดบ้านจัดงานเลี้ยงฉลองไปพร้อมกัน”

“แต่ตอนนี้รสป่วยอยู่นะครับ”

“คุณภัคบอกว่ารอได้ แต่ถ้าหายเมื่อไหร่ ขอให้คุณรสากลับเข้าไปทำงานทันที”

พิทยาแบ่งรับแบ่งสู้ แล้วร้อนรนไปหารสาที่บ้านทันทีเลย รสาอาการดีขึ้นแต่ยังเพลียอยู่บ้าง

“พี่บอกว่ารสป่วย แต่คุณเผด็จก็ยังยืนยันว่าคุณภัคอยากให้รสทำงานให้ พี่ถามตรงๆนะ รสกับคุณภัคเป็นอะไรกันแน่ จะหาว่าพี่สาระแนก็ได้นะ แต่พี่อยากจะรู้จริงๆ บอกพี่มาเถอะ”

“พี่พิทคะ ระหว่างรสกับเขามันไม่มีอะไรจริงๆค่ะ เขาจ้างงานพี่พิท แล้วพี่พิทก็จ้างรส มันก็แค่นั้น”

“ที่พี่ถามเพราะพี่หวังดี เท่าที่พี่เห็นคุณภัคก็เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ อาจจะเจ้าอารมณ์ไปบ้าง แต่เขาก็แคร์รสมากๆ ป้าภรณ์เล่าให้พี่ฟังหมดแล้วเรื่องที่เขามาดูแลรส รสเองก็แคร์เขามาก...รู้ตัวหรือเปล่า”

รสามองหน้าพิทยา...ไม่แย้งแต่ก็ไม่ยอมรับ

“เธอน่ะมีสัญชาตญาณความเป็นแม่สูง แล้วก็ใจอ่อน ขี้สงสาร เธอพร้อมจะให้ความรักอันมากมายของเธอกับใครก็ได้ที่ขาด...และหนึ่งในนั้นก็คือคุณภคพงษ์”

“ถ้ามันเป็นความจริง รสคงโง่มากที่ทำแบบนั้น เพราะมีผู้หญิงมากมายที่พร้อมจะให้ความรักกับเขา”

“ใช่...มีผู้หญิงมากมายที่รักคุณภัค แต่จะมีสักกี่คนที่จะรักเขาอย่างจริงใจ รักเขา...ไม่ใช่รักเงินของเขา คุณภัคไม่ใช่คนโง่ เขาดูออกว่ารสคือคนที่จริงใจกับเขาที่สุด ตอนแรกพี่ไม่แน่ใจ แต่พอคุณเผด็จบอกเรื่องงานใหม่ พี่รู้เลยว่าคุณภัคเขารักเธอ”

รสาชะงักกึก...หน้าแดงก่ำ ใจเต้นแรง

“เขาจะคิดยังไงกับผู้หญิงอื่นพี่ไม่รู้ แต่พี่รู้ว่าเขารักและเป็นห่วงรสมาก พี่พูดในฐานะที่เป็นพี่ ไม่ใช่เจ้านาย พี่อยากให้รสเปิดใจและถามใจตัวเองว่ารสคิดยังไงกับคุณภคพงษ์ ก่อนที่รสจะปฏิเสธงานนี้”

พิทยาวางแฟ้มงานเรือนสีขาวไว้บนเตียง รสา ปรายตามามอง...แววตาเต็มไปด้วยความสับสน ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ จนเมื่อพิทยากลับไปแล้วสายใจมาเยี่ยม รสาน่าจะให้คำตอบกับตัวเองได้

สายใจทำอาหารใส่กล่องมาในฐานะตัวแทนของภคพงษ์

“เย็นนี้คุณหนูติดประชุมสำคัญมาเยี่ยมคุณรสาไม่ได้ เลยสั่งให้ป้าทำอาหารและมาดูแลแทนค่ะ คุณหนูติดประชุมจริงๆนะคะ ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น”

“ถึงเขาไม่ได้ไปประชุมจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับรสนี่คะ รสต้องขอบคุณป้าใจมากนะคะที่ทำอาหารมาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องขอบคงขอบคุณอะไรป้าหรอก ไปขอบคุณคุณหนูเถอะค่ะ ป้าแค่ทำตามคำสั่ง... คุณหนูเป็นห่วงคุณรสาจริงๆนะคะ”

รสานิ่งไป หน้าตาสลดลง สายใจมองออกว่าเธอไม่สบายใจ อดแย้มออกมาไม่ได้ว่า

“เรื่องข่าวของคุณหนูกับคุณปรางทิพย์ ป้าไม่อยากให้คุณต้องเก็บมาคิดมาก เพราะจริงๆแล้วมันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆนะคะ ป้าพูดอะไรมากไม่ได้ เอาเป็นว่าป้าอยากให้คุณรสาสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าคุณหนูกับคุณปรางทิพย์หน้าคล้ายกัน และถ้าเคยเห็นคุณรัชนี แม่ของคุณปรางทิพย์ คุณรสาก็จะเห็นว่าทั้งสาม คนหน้าตาคล้ายกัน”

“อะไรนะคะ หมายความว่า...”

“อย่าถามอะไรต่ออีกนะคะ ป้าพูดได้แค่นี้จริงๆ”

สายใจด่วนตัดบทจนรสาไม่กล้าถามต่อ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ...

ค่ำนั้น ชีวินมาเยี่ยมรสา ถามไถ่อาการเธอด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเล่าให้ฟังเรื่องที่รู้จากป้าอาภรณ์ว่าภคพงษ์มานอนเฝ้า ซึ่งรสายืนยันว่าเธอไม่รู้ ไม่ได้คุยกับเขาสักคำ พอตื่นมาเขาก็กลับไปแล้ว

“รู้เรื่องที่เขาให้รสไปทำบ้านอีกหลังแล้วใช่ไหม รสจะรับทำหรือเปล่า ถ้ายังไม่พร้อมที่จะคิดก็อย่าเพิ่งตัดสินใจ วินว่าตอนนี้พักผ่อนก่อน พอร่างกายแข็งแรงมีสติเต็มที่แล้วค่อยคิด”

รสานิ่งไม่ตอบ ชีวินมองๆ พยายามสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น

“กินข้าวเหอะ ป้าสายใจทำแต่ของอร่อยๆมาให้ทั้งนั้นเลย กินเยอะๆจะได้หายเร็วๆ แล้วก็มาช่วยวินทำงาน รู้หรือเปล่ารสป่วยนะ พี่พิทตี้ถมงานมาให้วินเพียบเลย เพราะฉะนั้นรีบหายเลย ก่อนที่วินจะตายคาออฟฟิศ”

“โอเค รสจะรีบหาย วินก็อย่าเพิ่งรีบตายแล้วกัน” เห็นรสายิ้มออก ชีวินค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย

ooooooo

คืนเดียวกันที่บ้านเช่าของวาริช...พิมพรรณตัดสินใจบอกวาริชว่าเธอท้อง เท่านั้นเองวาริชเป็นฟืน เป็นไฟ โวยวายใส่เธอด้วยความไม่พอใจ

“พิมท้อง? แล้วปล่อยให้ท้องได้ยังไง”

“ทำไมพูดแบบนี้ เรากำลังจะมีลูก มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ”

“เงินจะกินข้าว จะจ่ายค่าเช่าบ้านยังไม่มีเลย ดันจะมีลูกโผล่มาอีก มันน่ายินดียังไง”

พิมพรรณเจ็บแปลบ พยายามตั้งสติแล้วหาทางออก “เรื่องเงิน...ลองถามพ่อแม่ที่เชียงใหม่ดูได้หรือเปล่า หรือเราจะย้ายไปอยู่กับพวกเขาที่เชียงใหม่ก็ได้นะ พิมลาออกจากงานแล้วไปได้ทันที”

“ครอบครัวที่ไหน พ่อแม่ตายไปหมดแล้ว ที่เชียงใหม่ไม่มีใครทั้งนั้น”

“ไม่มี...แล้วที่เคยบอก...”

“ก็โกหกไง ถ้าไม่พูดแบบนั้นแล้วจะไว้ใจเหรอ จะบอกให้นะ ฉันไม่มีอะไรทั้งนั้น ถ้าฉันมีฉันไม่โง่

มาแต่งงานกับผู้หญิงจืดชืดน่าเบื่ออย่างเธอหรอก”

“วาริช...” พิมพรรณเสียใจจนน้ำตาร่วง “ตกลงที่ผ่านมามันมีอะไรที่เป็นจริงบ้าง มีอะไรบ้าง ที่คุณบอกว่ารักฉัน จริงๆแล้วคุณเคยรักฉันบ้างหรือเปล่า เคยรักฉันบ้างมั้ย”

“ถ้ารักแล้วอดอยากจะรักไปทำไม จะบอกให้นะ ถ้าจะเก็บลูกไว้ก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์ ทำให้พ่อเธอใจอ่อนยอมให้ฉันเข้าไปอยู่ในบ้าน แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็เอาออกไปซะ ฉันไม่มีปัญญาเลี้ยง”

วาริชประกาศอย่างเลือดเย็นแล้วผลุนผลัน

ออกไป พิมพรรณทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ปล่อยโฮจนร่างสะท้าน

ooooooo

เช้าวันต่อมา รสาไปพบเผด็จที่บริษัทเพื่อให้

คำตอบเรื่องงานใหม่ที่เรือนสีขาวว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่มีข้อแม้ว่าเผด็จต้องตอบคำถามของเธอมาก่อน

“คุณภัคกับคุณปรางทิพย์เป็นอะไรกัน” คำถามของรสาทำเอาเผด็จสะดุ้งวาบหายใจไม่ทั่วท้อง “ป้าใจบอกบางอย่างกับรส แต่ไม่ได้บอกทั้งหมด รสอยากรู้ว่าความจริงมันคืออะไร ถ้ารสไม่ได้คำตอบรสขออนุญาตไม่รับงานนี้ค่ะ”

เผด็จนิ่งไปครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ ที่สุดก็ตัดสินใจพูดความจริงที่รสาฟังแล้วนิ่งอึ้งอย่างไม่คาดฝัน

“คุณปรางทิพย์เป็นน้องสาวของคุณภัค และคุณรัชนีก็เป็นแม่ของคุณภัค คุณรัชนีเลิกกับคุณพรตตอนคุณภัคอายุห้าขวบ...สองปีต่อมาคุณพรตเสีย เธอกลับมาเพื่อรับมรดก แต่พอรู้ว่าไม่ได้อะไรก็ทิ้งคุณภัคอีกครั้งและไม่เคยกลับมาอีกเลย เราไม่ได้ข่าวจากเธอตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา และไม่นาน...คุณรัชนีก็กลับมาประเทศไทยพร้อมครอบครัวใหม่”

“แล้วทำไม...คุณภัคถึงทำแบบนี้กับน้องสาวตัวเอง”

“เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจ ผมรู้แค่ว่าคุณภัคเสียใจมากที่คุณรัชนีโกหกและปกปิดอดีตของตัวเอง ทำเหมือนไม่รู้จัก และไม่มีลูกชายอีกคนอยู่บนโลกนี้”

“แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำแบบนี้กับน้องสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“เพราะเหตุนี้...ผมถึงอยากให้คุณรสารับงานนี้ คุณเป็นคนเดียวที่จะทำให้คุณภัคมีสติ และล้มเลิกสิ่งที่ กำลังทำอยู่ ตอนนี้ไม่มีใครที่จะหยุดคุณภัคได้...นอกจากคุณ”

รสาเงียบงัน...สมองยังมึนตึ้บกับความจริงที่เหลือเชื่อ!

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 14 วันที่ 7 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ