@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 18 วันที่ 30 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 18 วันที่ 30 ต.ค. 55

“ฉันด่าเมียน้อย ไม่ได้ด่าลูก”
สรวงบอกด้วยสีหน้าสลด “ผมไม่อยากให้คุณแม่ว่าใคร”
สุดาไม่ฟัง พ่นต่อ “แม่ต้องว่า..และไม่ใช่แค่ว่าด้วย แต่ต้อง ”ด่า” ก็เพราะผู้หญิงหน้าด้านที่มัน
เข้ามาเป็นเมียน้อย บ้านเราถึงเดือดร้อนวุ่นวายกันอยู่อย่างนี้ ลูกแม่ก็ต้องเจ็บ ชีวิตแม่ก็ต้องบรรลัย เพราะมันๆๆๆ”
อารักษ์สุดทน ขึ้นเสียง “คุณหญิง”
“หุบปากเลยนะคุณอารักษ์ไม่ต้องมาห้าม...คุณคิดเหรอว่าฉันอยากเป็นคนเลว คุณคิดเหรอว่าฉันเป็นบ้า อยู่ดีๆ ก็ลุกมาด่าใคร ถ้าไม่ใช่นังภาพิศ เมียน้อย ฉันไม่เป็นคนแบบนี้หรอก ที่ฉันเป็นอย่างนี้ เพราะมันๆๆๆๆ”

“คุณแม่ อย่า”
“สรวงไม่ต้องมาห้าม ยิ่งคิดแม่ก็ยิ่งเจ็บ แม่ถูกลูกผัวดูหมิ่นว่าร้ายว่าเลวก็เพราะมันๆๆๆๆๆ”
สุดากรีดร้องไม่หยุด แถมอาละวาดหนักจนหมดสติเป็นลม อารักษ์ กับสรวงหน้าตื่นตกใจ ร้องออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน
“คุณแม่” / “คุณหญิง”



เวลาเดียวกันนั้น กรรณนรีก้มลงกราบไหว้พระอยู่ในห้องพระ กาวินทร์เดินผ่านมาเห็นจังหวะที่กรรณนรีไหว้พระเสร็จพอดี กาวินทร์ถาม
“ไหว้พระขอพรให้คุณสรวงอีกแล้วล่ะสิ”
“ค่ะ กาวอยากให้คุณสรวงแข็งแรงเร็วๆ”
“กาวรักเค้า กาวคิดถึงเค้า ทำไมไม่ไปหาเค้าล่ะ”
“เพื่อประโยชน์อะไรล่ะคะพี่แก้ว”
แก้วมองหน้าน้อง กรรณนรีบอกต่อ
“กาวรู้..เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้ ความรักของกาวกับคุณสรวงไม่มีทางสมหวังกันได้หรอกค่ะ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือต่างคนต่างไป...เหลือแค่ความรักอยู่ในใจก็พอ”
กรรณนรีร้องไห้ กาวินทร์ดึงร่างน้องสาวเข้ามากอดปลอบ
“แต่ถ้าพี่เป็นกาว...พี่จะสู้ สู้เพื่อรัก...เพราะคุณสรวงรักกาว”
“กาวไม่อยากให้คุณสรวงเป็นลูกอกตัญญู”
กาวินทร์มองหน้าน้องสาว ขณะที่กรรณนรีบอกออกมาอย่างสะเทือนใจ
“กาวจะมองหน้าท่านอารักษ์ได้ยังไงคะ ในเมื่อที่ผ่านมา...” กรรณนรีร่ำไห้ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ “ที่สำคัญ...คุณหญิงสุดาไม่มีวันรับกาวเป็นสะใภ้อย่างเด็ดขาด”
กรรณนรีร้องไห้สะอึกสะอื้น กาวินทร์ได้แต่ปลอบ เพราะสิ่งที่กรรณนรีพูดออกมาคือความจริง

ขณะเดียวกันสุดานอนหลับอยู่บนเตียง ร่างกายถูกให้น้ำเกลือ ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา สุดาหรี่ตาขึ้นมามอง เห็นภาพิศเดินเข้ามาใกล้ๆ
สุดาอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนจะรู้สึกตัว แต่จริงๆ หลับอยู่ เห็นภาพภาพิศในชุดวันที่สุดาสั่งเก็บเดินมาหยุดที่ข้างเตียง สุดาหลับตาอยู่ ร้องโวยวาย
“แกเข้ามาทำไม? ออกไป..ออกไปนะนังภาพิศออกไป”
สุดาหลับตา อาการกระส่ายกระสับ ลักษณะเหมือนคนถูกผีอำ
“ฉันจะเอาแกไปอยู่ด้วย”
“ไม่ไป..ฉันไม่ไป แกออกไปนะภาพิศ ออกไป”
จังหวะนั้นหมอเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมพยาบาลที่เตรียมยามาฉีด
สุดาพึมพำส่ายหน้าไปมา “ออกไปนังภาพิศ ออกไป”
หมอแตะมือเบาๆ พลางเรียก “คุณหญิง...คุณหญิง”
สุดาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เห็นหมอกับพยาบาลยืนอยู่ข้างเตียง
“คุณหมอ” สุดาคราง
หมอตรวจดู และสอบถามอาการ “มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ”
“ฉีดยาหน่อยนะครับ”
หมอบอกแล้วถอยออกมา พยาบาลฉีดยาให้ สุดาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
ระหว่างนั้นอารักษ์กับสรวงเดินตามเข้ามา
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ”
หมอมองหน้าอารักษ์กับสรวง ก่อนบอกเบาๆ
“เชิญข้างนอกดีกว่าครับ คุณหญิงจะได้พักผ่อน”

สามคนอยู่ที่หน้าห้อง หมอบอกอาการสุดาแก่สองพ่อลูก
“คุณหญิงมีอาการอ่อนเพลียและเครียดมาก...หมอแนะนำให้พาคุณหญิงไปพักผ่อน ได้เจอบรรยากาศใหม่ๆสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ คุณหญิงจะได้ดีขึ้น”
“แล้วมีอะไรน่าเป็นห่วงมั้ยครับ” อารักษ์รีบถาม
“หมอกังวลอาการทางจิต” หมอบอกหน้าเครียด
สรวงคราง “อาการทางจิต”
“ครับคุณหญิงเครียดมาก อาจจะต้องให้หมอทางจิตเวชมาดูแล เพราะคุณหญิงเอาแต่เพ้อถึงแต่ภาพิศ” หมอเล่าอาการต่อ
อารักษ์ฉงน “เพ้อถึงภาพิศ”
“ไม่ทราบว่า..คุณหญิงมีอะไรกับคนที่ชื่อภาพิศหรือเปล่าครับ”
อารักษ์กับสรวงมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ

เวลานั้น สุดานอนอยู่บนเตียง ในอาการกระสับกระส่าย กดดันหนัก จิตใต้สำนึกคอยหลอกหลอน ทำให้เห็นภาพภาพิศสวมชุดในวันที่ถูกสุดาสั่งเก็บ เดินเข้ามาหา สุดาหันมาเจอใบหน้าภาพิศในระยะประชิด ดวงหน้าภาพิศซีดเผือดจ้องเขม็ง
“ฉันจะฆ่าแก”
สุดากรี๊ด “อย่าทำฉัน อย่าๆๆๆ อย่าทำฉัน”
สรวงกับอารักษ์ เดินคุยมากับหมออยู่ที่ด้านนอก ได้ยินเสียงสุดาร้องโวยวายก็ตกใจ
“แม่”

สรวงเดินลิ่วนำหน้าอารักษ์และหมอมาที่ประตูห้องทันที
สุดายังคงมองจ้องภาพิศตาเขม็ง ขณะที่ภาพิศไม่พูดไม่จาใดๆ มีแต่เพียงแววตายิ้มอย่างเยือกเย็น นั่งลงบนเตียงและล้มตัวลงนอนข้างสุดา แล้วหันหน้าตะแคงเข้าหา สุดาคลั่ง ไล่ตะเพิดดังลั่น

“อย่า..ออกไปนะ แกออกไป”
สุดาเอามือผลักออก ร่างภาพิศยิ้มอย่างน่ากลัวให้
จังหวะนั้นสรวงวิ่งเปิดประตูเข้ามานำหน้าทุกคน
“แม่..แม่เป็นอะไรครับแม่”
“นังภาพิศ” สุดากวาดสายตามองหา “นังภาพิศ...มันจะมาฆ่าแม่”
สุดาเนื้อตัวสั่นเทา ผวากอดสรวงแน่น ทุกคนหันไปมองรอบห้อง แต่ไม่เห็นใคร สรวงกับอารักษ์มองหน้ากันด้วยท่าทีกังวล ขณะที่หมอเล่าอาการเป็นเชิงหารือต่อ
“นี่ไงครับ..ที่ผมเล่าให้ฟัง...คุณหญิงเพ้อถึงคุณภาพิศบ่อยๆ”
อารักษ์กับสรวงมองจ้องหน้าสุดาอย่างพินิจ สุดาสะดุ้งหน้าซีดรีบบอก
“ฉันไม่ได้บ้านะ ฉันไม่ได้บ้า นังภาพิศมันมาจริงๆ มันจะฆ่าฉัน”
พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมถาดยาและแก้วน้ำ “ทานยาค่ะคุณหญิง”
สุดากรีดร้องปัดออกโวยวายลั่น “บอกแล้วไง ฉันไม่ได้บ้า”
สรวงกับอารักษ์ตกใจ ร้องออกมาพร้อมๆ กัน
“คุณหญิง” / “คุณแม่”
สรวงพยายามตะล่อม โดยเป็นคนป้อนยาให้สุดาเอง
“ครับคุณแม่ไม่ได้บ้า คุณภาพิศมาที่นี่จริงๆ...คุณแม่ทานยานะครับ จะได้หายเร็วๆ” สรวงจดสายตามองหน้าสุดา “จะได้ไปจากภาพิศ”
สุดามองหน้าสรวงตอบ สรวงพยักหน้าปลอบและป้อนยาให้ สุดากินแบบระวังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องกินยากล่อมประสาท สรวงกับอารักษ์เครียดจัด เช่นเดียวกับหมอ และพยาบาลก็เครียดพอกัน

เวลานั้น นากินยาแก้ปวดหัว สีหน้าเครียดเคร่งอยู่ในครัวที่บ้าน บ่นงึมงำ ดวงตาวาววับ
“พวกผู้หญิงหน้าด้าน ไม่มีปัญญาหาผัวหรือไง ถึงได้มาแย่งผัวคนอื่น...ฉันจับได้เมื่อไหร่ล่ะน่าดู”
นาคว้ามีดผลไม้ขึ้นมา หยิบแอ๊ปเปิ้ลขึ้นมาเฉือน หั่นแอ๊ปเปิ้ลสีแดงเป็นชิ้นๆ แลดูน่ากลัว

สุดานอนอยู่ในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล ทันทีที่รู้สึกตัวก็มีอาการหวาดกลัว มองไปรอบๆ ห้อง ร้องตะโกน
“สรวง..คุณอารักษ์ สรวง”
แต่ไม่มีใครเข้ามา คุณหญิงมองรอบๆ ห้อง เดินลิ่วออกไป

ที่ด้านนอก สองพ่อลูกคุยกัน
“แม่คงยังไม่หายโกรธคุณภาพิศ” สรวงปรารภ
“แต่ที่พ่อสงสัย แม่ได้ทำอะไรภาพิศหรือเปล่า? ถึงได้กลัวภาพิศขนาดนั้น”
สุดาเดินออกมาทางด้านหลัง ได้ยินพอดี ดวงตาเป็นประกายวาบขึ้นมา เหมือนคนกลัว
ความผิด ขณะที่อารักษ์พูดต่อ
”สรวงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ...ลูกเองก็เพิ่งจะหาย เดี๋ยวจะแย่”
”ผมว่าจะเข้าไปทำงานที่บริษัท”
“พ่อก็จะแวบไปประชุมหน่อย ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”
สองคนแยกกัน สุดามองตามแววตาเป็นกังวล
พยาบาลเดินเข้ามาในห้อง แต่ไม่เห็นสุดา
“คุณหญิง...คุณหญิง”
สุดาเดินออกมาจากห้องน้ำ ในชุดปกติทะมัดทะแมง “ฉันอยู่นี่”
พยาบาลตกใจ “ตกใจหมด..นึกว่าคุณหญิงหายไปไหน? อ้าว!แล้วทำไมคุณหญิงเปลี่ยนชุด
ล่ะคะ”
สุดายิ้มอ่อนโยน “ฉันหายดีแล้วค่ะ..จะขอออกจากโรงพยาบาลเลย”
“แต่คุณหมอ...” พยาบาลท้วง
สุดายิ้มสดใสสวนคำ “ฉันหายดีแล้วจริงๆ ค่ะ ไม่เป็นอะไร...”
สุดาเดินออกไปเลย พยาบาลมองตาม สีหน้าที่ยิ้มพรายสดใสเมื่อครู่ของสุดา เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที

เย็นนั้น สรวงนั่งทำงานอยู่ในห้องท่าทางเป็นกังวล เสียงของอารักษ์ดังก้องในหัว
“แต่ที่พ่อสงสัย แม่ได้ทำอะไรภาพิศหรือเปล่า? ถึงได้กลัวภาพิศขนาดนั้น”
สรวงฉุกคิดผุดลุกเดินออกไปทันที

คืนนั้นที่บ้านแฉล้ม บรรยากาศเงียบงัน ออกไปทางวังเวง และน่ากลัว เป็นบ้านไม้เก่าๆ ต้นไม้
รกครึ้ม สรวงเดินเข้ามา เห็นแฉล้มนั่งอยู่บนรถเข็นในมือมีลูกบอลสำหรับออกกำลังกายมือ สรวงมองหน้าสลดลง
“ผมเสียใจด้วยนะครับ”
แฉล้มยิ้มแบบปลงๆ “แค่ยังมีลมหายใจอยู่ สำหรับฉันมันมากเพียงพอแล้วค่ะ”
“แต่เพราะคุณแม่” สรวงรู้สึกผิดในใจ
แฉล้มแย้ง “เพราะฉันตะหากล่ะคะ...” น้ำเสียงแฉล้มหนักแน่น รู้สึกผิดมากๆ “ฉันเป็นคนพาตัวเองเข้าไปทำผิดกับคุณหญิง ก็สมควรแล้วที่ต้องได้รับกรรมอย่างนี้...ว่าแต่คุณสรวงมาที่นี่มีอะไร”
“ผมอยากทราบข่าวคุณภาพิศ”
แฉล้มแปลกใจ “คุณภาพิศไม่ได้บอกท่านหรอกหรือคะว่าไปอเมริกา”
สรวงนิ่งงันไป เพราะภาพิศไม่ได้บอก แฉล้มว่าต่อ
“เธอไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องค่ะ เห็นบอกจะไปคลอดลูกที่นั่น และอาจจะไม่กลับมา..ก็ดีนะคะเรื่องทุกอย่างจะได้จบๆ ต่างคนต่างแยกย้ายไปมีชีวิตซักทีคุณสรวงก็เหมือนกันค่ะ..ลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น...ดูแลครอบครัว ดูแลคุณหญิง เพราะคุณหญิงรักคุณสรวงสุดหัวใจ”
สรวงมองแฉล้มด้วยสายตาเสียใจ และรู้สึกผิด “คุณแฉล้มก็เหมือนกันนะครับ เริ่มต้นใหม่”
“ค่ะ..นับตั้งแต่วันนี้ฉันจะทำแต่ความดี ลบล้างความผิดที่ฉันเคยทำมา”
“ผมเอาใจช่วย เราจะลืมเรื่องที่ผ่านมา และเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน”
“ค่ะคุณสรวง”
สรวงยิ้มให้แฉล้มแล้วเดินออกไป แฉล้มมองตามด้วยแววตาสงสาร และเห็นใจ
แฉล้มคิดอยู่ในใจ “การกระทำของพ่อแม่ ส่งผลต่อลูกเสมอ...และลูกก็ต้องเป็นคนได้รับ
กรรม”

ทันทีที่สรวงขับรถกลับไปแล้ว สุดาเดินออกมาจากที่ซ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่หน้าบ้าน เดินสืบเท้าอย่างเนิบช้าเข้าไปด้านในด้วยความใจเย็น แต่หน้าตาถมึงทึงน่ากลัวนัก
พอออกจากบ้านแฉล้ม สรวงจอดรถข้างทาง เอนหัวลงพนักพิงกลุ้มหนัก ก่อนจะหลับตาลงเหนื่อยอ่อน

ส่วนที่บ้านกรรณนรีเวลาเดียวกัน กรรณนรีนั่งมองดูรูปสรวงในมือถือ เป็นภาพสรวงกอดกรรณนรีอย่างรักใคร่ กรรณนรีน้ำตาไหลริน บอกตัวเอง
“คืนวันเหล่านี้มันจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่มั้ยคะคุณสรวง”
ห้วงเวลาเดียวกันนั้นสรวงค่อยๆ ลืมตาขึ้นแบบเหนื่อยล้าคิดในใจ
“ฉันคิดถึงเธอกรรณนรี...โดยเฉพาะตอนนี้...ฉันกำลังอ่อนแอ”
สรวงกับกรรณนรีแหงนมองพระจันทร์บนท้องฟ้า ดวงเดียวกัน คิดถึงกันใจแทบขาดแต่ไม่อาจไปหากันได้

ทางด้านแฉล้ม กำลังเข็นรถไปที่โต๊ะใกล้ๆ วางลูกบอลในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปเตรียมดอกไม้ เป็นชุดๆ และอาหารแห้ง สำหรับไว้ใส่บาตรตอนเช้า มือของแฉล้มเคลื่อนไหวไปมาอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ทดท้อ แต่จังหวะหนึ่งมือเกิดไปถูกลูกบอล จนลูกบอลตกลงพื้น กลิ้งไปตามทาง แฉล้มทำหน้าจิ๊จ๊ะหงุดหงิดหัวเสียตัวเอง ก่อนจะเข็นเลื่อนล้อไปก้มลงหมายจะเก็บ
แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นปลายเท้าของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน แฉล้มเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นสุดายืนนิ่ง แต่ดวงหน้าน่ากลัว แฉล้มตกใจ
“คุณหญิง”
สุดาแค่นยิ้มนิดๆ ก่อนจะก้มลงหยิบลูกบอลยื่นให้ “รับไปสิ”
แฉล้มไม่ยอมรับ สุดามองอย่างฉุนเฉียว
“ฉันบอกให้รับไป ยัง...ยังอีก แกกล้าอวดดีกับฉันใช่มั้ยนังแฉล้ม”
สุดาปาลูกบอลใส่หน้าแฉล้ม แฉล้มหลบได้หวุดหวิด รู้ดีตัวเองเป็นรอง บอกเสียงสั่น
“อย่าคุณหญิง อย่าทำฉัน”
สุดาปรี่เข้าไปกระชากผมแฉล้มจนหน้าหงาย “ฉันไม่ทำอะไรแกหรอก...เพราะยังไงแกก็ไม่มีทางสู้ฉันได้” ผลักหัวแฉล้มออกไป พร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ
แฉล้มถามแบบตื่นกลัว “คุณหญิงมาที่นี่ต้องการอะไร”
“มาจัดการกับแกไง” สุดแหวใส่
แฉล้มยิ่งตกใจกลัว “คุณหญิง” รีบเลื่อนรถเข็นถอยหลังหนี
สุดาหัวเราะร่า พอใจมากที่ตัวเองเหนือกว่า “แกกลัวฉันใช่มั้ย แกกลัวใช่มั้ย” สุดาน้ำตาคลอ “จริงๆ แกน่าจะกลัวฉันตั้งแต่10กว่าปีที่แล้วมากกว่านะ แกจะได้ไม่พานังภาพิศเข้ามาในชีวิตของฉัน”
“ฉันขอโทษคุณหญิง ฉันขอโทษ”
สุดาสะเทือนใจมาก ร้องไห้ออกมา “เธอรู้มั้ยแฉล้ม ทุกวันนี้ฉันทุกข์ทรมานแค่ไหน?...ฉัน
ต้องกลายเป็นจำเลยในสายตาลูก สายตาผัว มีแต่คนมองฉันว่าฉันเลว ฉันโหด ฉันเหี้ยม ไม่มีใครเข้าใจฉันเลยว่าฉันเป็นแบบนี้เพราะอะไร” อารมณ์โกรธแค้นมาเป็นริ้วๆ “เป็นเพราะนังภาพิศไง เป็นเพราะนังภาพิศมันเข้ามาทำลายชีวิตฉัน โดยการชักนำของเธอ” สุดาบันดาลโทสะ กระชากผมแฉล้มจนหน้าแหงนหงาย
แฉล้มร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และเข้าใจ “ฉันขอโทษ..ฉันขอโทษจริงๆ คุณหญิง ฉันขอโทษ
“มันสายไปแล้ว แฉล้ม มันสายไปแล้ว”
สุดาผลักรถเข็นแฉล้มอย่างแรง จนรถล้มลง ก่อนจะเดินตามเข้ามาหา แฉล้มกระถดตัว
ถอยหนี สุดาเริ่มคลั่ง
“เพราะแก แกเป็นต้นเหตุทำให้ฉันเป็นแบบนี้...ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแก”
สุดาตรงเข้าไปขย้ำทุบตีแฉล้มไม่ยั้ง แฉล้มร้องไห้ยกมือไหว้อ้อนวอน
“ฉันไหว้ล่ะคุณหญิง อย่าทำฉันเลย ตอนนี้ฉันกำลังชดใช้บาปกรรมที่ทำกับคุณหญิง ฉันเป็นคนพิการ ฉันไม่สามารถพาใครไปหาใครได้อีกแล้ว” แฉล้มกอดขาสุดาไว้ “เมตตาฉันเถอะคุณหญิง เมตตาฉันเถอะ”
สุดามองแฉล้มด้วยสายตาแห่งความสมเพช ระคนสงสาร
“ถ้าเธอไม่ทำฉันก่อน เธอก็จะไม่มีสภาพแบบนี้ ฉันก็จะไม่เป็นคนเลวแบบนี้ คนร้ายแบบนี้ ไม่น่าเลยแฉล้ม ไม่น่าเลย”
สุดาสะบัดเท้าออกจากการเกาะกุมของแฉล้มแล้ววิ่งออกไป แฉล้มร้องไห้โฮ สลดหดหู่ในใจ
ภาพิศซึ่งรอดชีวิตมาได้ แอบมองอยู่ น้ำตาไหลพราก ด้วยความเจ็บปวด ก่อนเดินเข้ามา
“คุณแฉล้ม”
แฉล้มชะงักคาดไม่ถึง “คุณภาพิศ”
ภาพิศวิ่งไปหากอดแฉล้ม สองคนกอดกันร้องไห้

สุดาเดินไปที่รถเหมือนคนเสียขวัญ เจ็บปวดหัวใจอยู่เหมือนกัน ก่อนปาดน้ำตาบอกตัวเองในใจ
“เธอไม่ผิดสุดา..เธอไม่ใช่คนผิด”
สุดาบอกตัวเอง ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมาใหม่ ก่อนขับรถออกไปไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

ส่วนในบ้าน ภาพิศร้องไห้ถามแฉล้มซ้ำไปซ้ำมา
“ทรมานมากมั้ยคุณแฉล้ม? คุณทรมานมากมั้ย”
“มันเป็นเวรกรรมของฉัน”
ภาพิศกรีดเสียงร้องโหยหวน “ไม่...มันเป็นเพราะนังสุดา คุณรู้มั้ยว่ามันทำอะไรฉันบ้าง”
แฉล้มมองภาพิศ อย่างตื่นตระหนก เห็นสีหน้าเหี้ยมโหด
แฉล้มมองภาพิศอย่างตกตะลึง ภาพิศบอกเสียงกร้าว
“ฉันเกือบตายไปแล้ว ดีที่มีคนมาช่วย”
ภาพอดีตอันแสนปวดร้าวผุดขึ้นมาในหัวภาพิศ

หลายวันก่อนหน้านี้ ในขณะที่ภาพิศนอนหมดสติ ท่ามกลางความมืดมิด ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินถือตะเกียงส่องหาของป่า เห็นเงาตะคุ่มๆ
“เฮ้ย! คนนี่หว่า” ชาวบ้านรีบเข้าดูอาการ เอามืออังจมูก “ยังไม่ตาย มาช่วยกันเร็วๆ”
ชาวบ้านร้องเรียกพวกพ้องมาช่วยภาพิศ
ภาพิศนั่งน้ำตาไหลพราก
“นังสุดามันคิดว่าฉันตายไปแล้ว แต่เสียใจ ฉันยังไม่ตาย”
แฉล้มนึกได้ “แล้วลูกคุณล่ะ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 18 วันที่ 30 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager