@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 11 วันที่ 6 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 11 วันที่ 6 ต.ค. 55

“ทำไมไม่รับสาย” ภรตยิ้มอย่างรู้ทัน “แก้วโทร.มาเหรอ”
มาลินีบอก น้ำเสียงยังโกรธกาวินทร์อยู่ “ค่ะ”
“เดี๋ยวแก้วก็ต้องโทรฯมาหาพี่ คอยดู” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงมือถือดัง ภรตหยิบมาดูแล้วหัวเราะร่า “นั่นไง ว่าแล้ว” พลางกดรับสาย “ว่าไงเพื่อน”
กาวินทร์หน้าหงิก “นายอยู่กับมดใช่มั้ย”
“ใช่...กำลังนั่งปิกนิคกันอยู่ที่สวนสาธารณะ แถวบ้านนั่นแหละ มากินด้วยกันสิ”
มาลินีหน้าง้ำร้องออกมาอย่างตกใจ “พี่ภรต”
“ได้..เดี๋ยวไป” กาวินทร์ลุกพรวดสีหน้าบึ้งตึง

มาลินีหน้างอ ไม่อยากเจอหน้า “ไม่รู้พี่ภรตจะชวนมาทำไม”
“กินกันหลายๆ คนสนุกดี”
ภรตยิ้มขำ ส่วนมาลินีหน้างออยู่อย่างนั้น

สรวงโทร.หา กรรณนรีอยู่ในสวนสวยที่เดิม มองอย่างลังเลและชั่งใจ ก่อนจะกดรับ และพูดประชดทันที ที่เคยถูกสรวงต่อว่า
“ไม่ต้องโทร.มาอีกนะคะ...ผู้หญิงสกปรกอย่างฉัน ไม่สมควรที่คุณจะพูดด้วยแม้แต่คำเดียว” กรรณนรีสะบัดหน้าเดินหนีจากตรงนั้น
“เธอเจอดีแน่ กรรณรี”
สรวงโกรธจัดคำรามออกมา พร้อมกับลุกพรวดออกไปจากห้องทำงานทันที



มาลินีกับภรตกำลังช่วยกันเก็บของ กาวินทร์เดินดิ่งเข้ามากลางวง อย่างคนพาลพาโล ปัดของในมือภรตมาลินีทิ้ง มาลินี กับภรตตกใจ ภรต ถามงงๆ
“เป็นบ้าอะไรของแกวะแก้ว ถึงทำแบบนี้?”
“อยากทำ” กาวินทร์มองมาลินีพูดน้ำเสียงถากถาง “ไง..อร่อยถึงใจเลยใช่มั้ย”
มาลินีโกรธมากที่กาวินทร์ดูหมิ่น “อย่ามาหยาบคายกับมดนะ”
คราวนี้กาวินทร์กระชากแขน “ทำไมจะทำไม่ได้” มาลินีร้อง “โอ๊ย”
ภรตสุดจะทนผลักกาวินทร์ออก “ไม่ได้ถ้าฉันยืนอยู่ตรงนี้”
“อ๋อ นี่แกคิดจะกินของเหลือเดนจากฉันเหรอวะ” กาวินทร์พาลหนัก
ภรตกับมาลินีตะลึง เอ่ยขึ้นพร้อมกัน “พี่แก้ว” / “ไอ้แก้ว”
ภรตบันดาลโทสะเงื้อหมัดต่อยเข้าที่ใบหน้ากาวินทร์อย่างจัง แต่กาวินทร์เซียนกว่า หันมาชกสวนกลับเข้าที่หน้าภรตเช่นกัน
สองหนุ่มต่อยกันอย่างไม่มีใครยอมใคร มาลินีได้แต่ร้องกรี๊ด กาวินทร์ซัดภรตจนล้มลง
มาลินีตกใจ “พี่ภรต” รีบเข้าไปประคองภรต มองกาวินทร์ตาขวาง “พี่แก้วเลวมาก”
สีหน้าแก้วสลดลงทันที ทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“ถึงมดจะรักพี่ แต่เราไม่เคยมีอะไรกัน แล้วพี่มาพูดจาเหยียดหยามให้มดเสียหายทำไม? ความเป็นลูกผู้ชายของพี่หายไปไหนหมด”
กาวินทร์สลดลงไปอีก เสียใจ อับอาย หวงหึงมาลินีอยู่ในที ภรตลุกขึ้นจ้องหน้าแก้ว
“เราเพื่อนกัน ต่อยกัน ฉันไม่โกรธ แต่ฉันโกรธที่แกดูถูกมด”
ขาดคำภรตซัดเข้าที่หน้ากาวินทร์อย่างแรง จนถลาล้มลงไป กาวินทร์เหลียวขวับมามอง อย่างเสียใจ ภรตย้ำคำ
“อย่ามายุ่งกับมดอีก ไปมด” ภรตขู่ แล้วจูงมือมาลินีเดินไปเลย
กาวินทร์มองตามสองคน สายตามีความหวงแหนและเสียดายอยู่ในนั้น

กาวินทร์เดินมาอีกมุมของสวนสาธารณะแห่งนั้น ดวงหน้าหม่นหมอง กลุ้มเรื่องปัญหาสุขหฤทัย สลดใจเรื่องมาลินีหมางเมิน ไม่ได้เห็นความสำคัญกับตัวเองเหมือนเดิมแล้ว
เมื่อคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก กาวินทร์จึงได้แต่ชกต้นไม้ระบายอารมณ์ตะโกนก้อง
“โธ่เว้ย”

ส่วนภาพิศยังไม่ยอมย้ายออกจากคฤหาสน์ บ่ายนั้นสุดาแวะมาหา ไม่ได้มาปรับทุกข์หรือหารือแต่อย่างใด แต่มาเพื่อเสี้ยม สุดาออกอาการโมโหกรรณนรีมาก
“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะ ว่าหน้าจืดๆอย่างนังเด็กนั่น มันจะกำแหงกล้าจิกหัวพี่ตบ”
“คุณหญิงพี่ก็คงน่าตบจริงๆ ล่ะสิคะ” ภาพิศแขวะ สุดาจ้องหน้า ภาพิศยิ้มน้อยๆ ก่อนจะว่าต่อ “ตามธรรมดาค่ะ คนมาก่อนกับคนมาทีหลัง ยังไงก็ต้องฟาดฟันกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็น้องกับคุณหญิงพี่ก็ใช่ย่อย”
“แต่ตอนนี้เราต้องร่วมมือกันนะคะคุณน้อง บอกตามตรงว่าพี่ไม่ไหว”
“น้องเข้าใจค่ะ คุณหญิงพี่แก่แล้ว จะไปสู้รบปรบมือกับใครก็คงไม่ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะน้องจะจัดหนัก จัดเต็ม เอาแบบพิเศษ ครบเครื่องทุกอย่าง นังเด็กนั่นสู้เราสองคนไม่ได้หรอกค่ะ”
ฟังภาพิศพูดอย่างมั่นใจ สุดาลอบยิ้มอย่างพอใจ

ขณะที่ภาพิศก็แอบยิ้มสะใจ หมายมาดว่าจะใช้เรื่องกรรณนรีดึงสรวงมาเป็นพวกให้ได้

เย็นนั้นยินเสียงสรวง เอ็ดตะโรพนักงานลั่นออฟฟิศ ขวางตาขัดใจ ไม่พอใจทุกสิ่งอย่าง

“นี่พวกคุณใช้มือทำงานกันหรือเปล่า?” มองงานในคอมพ์ “นี่ก็เหมือนกัน...งานแบบนี้ผมจะคุยกับลูกค้าได้ยังไง?ไปทำมาใหม่ไป”
พนักงานลูกน้องเดินออกไป นพที่ยืนมองอยู่นาน บอกเตือนด้วยน้ำเสียงอาทร
“อย่าโกรธนะ...แต่พี่ว่า...สรวงใช้อารมณ์กับน้องๆ มันไม่ถูก”
สรวงชะงัก...เหมือนได้สติ นพรีบว่าต่อ
“แต่โอเคล่ะ...พี่ว่า...น้องๆ คงเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาสรวงไม่เคยเป็นแบบนี้...ทุกคนรักชื่นชมสรวงมาก..สรวงไม่ควรทำให้ความรู้สึกน้องๆ เปลี่ยนไปไม่ใช่เหรอ”
สรวงอึ้ง นึกเสียใจ “มันก็จริง”
“เพราะฉะนั้น...มีอะไรค้างคาใจ ไม่ว่าเป็นเรื่องไหน...พี่อยากให้สรวงเคลียร์ ไม่ใช่เพื่อใคร...แต่เพื่อตัวสรวงเอง”
สรวงนิ่งฟังที่นพตักเตือนและคิดตาม

ตกกลางคืนกรรณนรีเดินหน้าซีดจะกลับขึ้นห้องที่คอนโด ดวงตามีรอยแดงช้ำเศร้า สรวงเดินเข้ามา พูดน้ำเสียงอ่อน พยายามคุมอารมณ์เต็มที่
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
กรรณนรีเสียงอ่อนอย่างคนเหนื่อยใจ “ระหว่างเราอย่าพูดคุยกันอีกเลยค่ะ มันไม่มีอะไรดีขึ้น
...มีแต่จะทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลง”
“แต่ฉันคิดไม่เหมือนเธอ เพียงแค่เราจะเปิดใจคุยกัน”
“คุณคิดอย่างนั้นจริงเหรอคะ” กรรณนรีจ้องหน้าชายเดียวในดวงใจ
สรวงพูดจริงจัง “จริง”
กรรณนรีมองสรวงอย่างดีใจ
ระหว่างนั้นภาพิศมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จู่ๆเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน สีหน้าอ่อนล้าคำพูดเนือยๆ
“ไม่ต้องคุยอะไรหรอกค่ะคุณสรวง ไม่มีประโยชน์...ที่พี่มานี่...เพราะอยากบอกกับหนูศุ” หันมาหากรรณนรี “ถ้าหนูอยากจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน ฉันก็ให้ เพราะฉันสู้หนูไม่ได้ แต่ขอร้อง” ภาพิศเอามือกุมอาวุธ...ท้องที่โตขึ้นทุกวัน “อย่าทำลายลูกฉันเลยนะ เพราะเค้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน”
กรรณนรีมองอาการงวยงง ขณะที่ภาพิศทำท่าเหมือนจะเป็นลม และแล้วภาพิศก็ล้มลงไป สองคนตกใจ ร้องออกมาพร้อมกัน
“คุณภาพิศ” สรวงรีบประคอง กรรณนรีจะช่วย
“ฉันช่วยค่ะ”
สรวงตะคอก “ช่วยให้คุณภาพิศตายเร็วขึ้นน่ะสิ ไม่ต้องมายุ่ง”
พร้อมกันนั้นสรวงปัดมือกรรณนรีออก และประคองภาพิศออกไป กรรณนรีมองเป็นห่วง
ภาพิศลืมตาขึ้นมองสบตากรรณนรี ยิ้มเย้ย บอกให้รู้...การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว กรรณนรีหน้าซีดราวกับกระดาษ

ไม่นานต่อมาสรวงประคองพาภาพิศเข้ามาห้องโถง ภาพิศยังอยู่ในอินเนอร์แกล้งทำทีเป็นอ่อนระโหยโรยแรง จะเป็นจะตายอยู่อย่างเดิม
“จริงๆ คุณน่าจะพักที่โรงพยาบาล”
ภาพิศยิ้มเสียงแห้งโหย “พี่ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
สรวงบอกด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร “แต่คุณหน้าซีดมาก”
ภาพิศยิ้มเยื้อน พูดอ้อน “ไหนๆ..พี่ก็จะไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว” ภาพิศทำเป็นกวาดสายตามองอย่างอาลัยอาวรณ์ “พี่เลยอยากอยู่ที่นี่นานๆ อยากจดจำทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นความทรงจำของพี่กับท่าน...” พลางเอามือลูบท้อง ยิ้มบางๆ อย่างน่าสงสาร “เอาไว้เล่าให้ลูกของพี่ น้องคุณสรวงฟัง”
สรวงมองภาพิศ รู้สึกสงสารมากยิ่งขึ้น “ผมไม่ให้คุณไปไหนหรอกครับ...คุณและน้องของผม ต้องอยู่ที่นี่”
ภาพิศลอบยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะแกล้งทำน้ำเสียงตกใจ “คุณสรวง”
“ผมพูดจริงครับ ผมไม่ให้คุณไปไหน...คุณและน้องของผม ต้องอยู่ที่นี่ ถึงจะต้องทะเลาะกับคุณพ่อ ผมก็ยอม”
ภาพิศจับมือสรวงมากุม “พี่ขอบคุณค่ะคุณสรวง ขอบคุณจริงๆ”
ภาพิศมองด้วยแววตาตื้นตัน สรวงเอามือแตะมือภาพิศเบาๆ ยิ้มให้กำลังใจ
แผนของภาพิศลุล่วงไปอีกเปลาะหนึ่ง ไม่ได้หวังผลทางชู้สาว แค่ต้องการแกล้งกรรณนรีกับสุดาและดึงสรวงมาเป็นพวกเท่านั้น

กรรณนรีตัดสินใจไม่เข้าคอนโด หญิงสาวเดินเอื่อยๆ อยู่ริมน้ำ สีหน้าเบื่อหน่าย กลัดกลุ้ม กาวินทร์โทร.มาพอดีในจังหวะนั้น กรรณนรีรับ
“อยู่ไหนกาว” กาวินทร์ถามทันที
“อยู่ริมน้ำพี่แก้ว กาวไม่กล้ากลับคอนโด กลัวนายอารักษ์จะบุกเข้าหา”
“งั้นจะเสี่ยงทำไม กลับบ้านเรามาเลย”
“กาวกลัวแผนจะไม่สำเร็จ”
“แต่ถ้ากาวกลับคอนโดมันอันตราย ไม่ต้องเสี่ยงขนาดนั้น กลับมาบ้าน เดี๋ยวพี่จะช่วยคิหาทางออกเอง”
เมื่อได้กาวินทร์มาช่วยคิด กรรณนรีมีอาการ ดูปลอดโปล่ง และผ่อนคลายขึ้นบ้าง

สองพี่น้องปรึกษาคุยกันอยู่ตรงมุมหนึ่งในบ้าน
“พี่แก้วจะให้กาวทำยังไงบอกมา”
กาวินทร์เอียงหน้าเข้าไปกระซิบที่หู...กรรณนรีทำหน้าลุ้นตื่นเต้น
เกริกเดินออกมา พอเห็นลูกสองคนอยู่ด้วยกันก็ยิ้มออก
“เอ้า...วันนี้วันอะไร กลับมาพร้อมกันเลย”
กรรณนรียิ้มแหยๆ “พอดีเลิกงานพร้อมกัน พี่แก้วเลยแวะไปรับกาวน่ะค่ะ”
“กินข้าวกินปลากันมารึยัง? มา...มากินเลย..พ่อเตรียมไว้เยอะแยะ”
เกริกเดินเข้าไปพลางพูดพร่ำตามประสา “วันนี้ไม่เป็นหมันแล้ว...ไม่งั้น ตอนเช้าทีไร พ่อได้อุ่นกินทุกที”
สองพี่น้องมองพ่อทั้งสงสารและเห็นใจ กาวินทร์กระซิบย้ำคำกำชับกรรณนรี
“พรุ่งนี้ จัดการตามที่พี่บอกเลย
“ค่ะ”

สองคนเดินเข้าตามเกริกไปในบ้าน
วันต่อมาอารักษ์อยู่ที่คฤหาสน์ เดินมาด้วยหน้าตาว้าวุ่นใจ เสียงโทรศัพท์ดัง อารักษ์รับมาดู

“หนูศุ....หนูหายไปไหนจ้ะ เมื่อคืนฉันไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่”
เสียงของอารักษ์ดังก้อง เพราะมือถือเปิดสปีกเกอร์เอาไว้ กรรณนรีที่ยืนอยู่ข้างๆ กาวินทร์ บอกอย่างจริงจัง
“หนูจะไม่กลับไปที่นั่นแล้วค่ะ”
อารักษ์ร้อนรน “หนูศุโกรธฉันเหรอ?...ฉันขอโทษ..ฉันจะไม่ทำอย่างวันนั้นอีก”
กรรณนรีทำเสียงสะบัดสะบิ้งตบท้ายด้วยคำหวาน “หนูไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหนูรังเกียจท่าน เพียงแค่หนูไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อย..หรือแม้แต่นางเล็กๆ”
อารักษ์โล่งใจ ยิ้มออกมาได้ “ฉันก็ไม่เคยตีค่าหนูอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“งั้น...เหมือนเดิมค่ะ ท่านต้องหย่ากับคุณหญิงสุดา...ถ้าท่านหย่าไม่ได้ หนูจะไม่กลับไปคอนโดอีก” กรรณนรีวางสายทันทีแล้วหันไปยิ้มกับพี่ชาย
“ต่อไป สนุกแน่เชื่อพี่” กาวินทร์ยิ้มเหี้ยมออกมา

ในเวลาต่อมาบริเวณริมสระน้ำ สุดาถามอารักษ์ตาค้าง
“อะไรนะคะคุณจะขอหย่าฉัน...” สุดาไม่ได้ตกใจเรื่องหย่าเพราะคุ้นชินแล้ว แต่แปลกใจว่าทำไมเรื่องวกกลับมาหา เหมือนโดนซะเอง
“จะตกใจทำไม? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อยที่ผมขอหย่าคุณ...หย่าได้แล้ว คุณหญิง ผมจะได้แต่งงานใหม่กับหนูศุซักที”
“เฒ่าหัวงู” สุดาบันดาลโทสะผลักอารักษ์เต็มแรงจนตกน้ำไปเสียงดังตูม
แต่ไม่หนำใจ สุดาคว้าไม้ทำความสะอาดตรงขอบสระ มาฟาดตามไม่ยั้ง ถูกมั่งพลาดมั่ง อารักษ์ร้องลั่น
“โดนนังเด็กนั่นมันหลอกยังไม่รู้ตัวอีก ถ้าอยากหย่าเอาสมบัติทุกชิ้นมาให้ฉันแล้วหย่าเลย”
อารักษ์ซึ่งลอยหนีออกไปอยู่กลางสระตะโกนบอก “ไม่..ฉันจะเอาไปใช้กับหนูศุ”
สุดาแผดเสียง “ไอ้อารักษ์!” ทำท่าจะเขวี้ยงไม้ไปใส่อารักษ์
“อย่าคุณแม่” สรวงวิ่งเข้ามาคว้าตัวสุดา แต่ไม่ทัน ไม้ลอยไปแล้ว
“นังเด็กนั่นมันทำอีท่าไหน คุณถึงได้หลงมันหัวปักหัวปำ”
อารักษ์ตะโกนใส่หน้า “ก็เพราะเค้าหวงเนื้อหวงตัวไม่ให้ผมแตะต้องน่ะสิ.....มันถึงน่าค้นหา”
สรวงตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน
ขณะที่อารักษ์ว่าต่อ
“ไม่เหมือนคุณ...ให้ท่าผมตั้งแต่ใส่คอซอง”
“ไอ้อารักษ์”
สุดากระโจนพรวดลงไปในสระ ไล่ตีอารักษ์ แต่อารักษ์ว่ายน้ำหนีขึ้นมาวิ่งเข้าบ้าน สุดาตีน้ำอาละวาด ด่าท่อต่อว่าอารักษ์ต่อ
“กล้ามากที่เปรียบเทียบฉันกับนังเด็กนั่น...ฉันกับมันคนละชั้นกัน แอร๊ยย”

สุดากรี๊ดไม่เหลือมาดคุณหญิงตราตั้ง ยกมือตีน้ำกระจายระบายอารมณ์

กรรณนรีอยู่ที่บ้านสีหน้าดีขึ้นมาก หยิบมือถือเดินมา มองนิ่ง ก่อนตัดสินใจโทร.ออก
มะยมกับนิค นั่งทำงานกันอยู่ เสียงมือถือดัง มะยมสะดุ้งโหยง
“อะไร?” นิคสงสัย
มะยมมีหน้าหนักใจ “กาวโทร.มา”
“ก็รับสิ”
“ฉันไม่อยากทะเลาะ”
“มันโทร.มาขนาดนี้ คงไม่ได้ชวนแกทะเลาะหรอก..คงอยากจะคุยอะไรด้วยมั้ง” นิคว่า
มะยมลังเลมองมือถือ ถอนใจเฮือก “รับก็ได้” กดรับสาย “ว่าไง”
กรรณนรียิ้มดีใจ “มะยม...บอกนิคด้วยนะ เดี๋ยวฉันไปหา...แล้วไปทานข้าวกัน”
มะยมงอน หน้าบึ้งแต่ไม่ได้ดูร้ายกาจ “ใครเค้าอยากจะไปกินข้าวกับเธอ”
“น่า..ไปด้วยกันนะ..ฉันมีเรื่องสารภาพผิด...ฉันจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้แกกับ”
นิคแหลมเข้ามาร่วมฟัง
“จริงเหรอ” มะยมย้อนถาม
กรรณนรีบอกด้วยเสียงจริงจัง “จริงสิ...ให้ฉันไปหานะ...เชื่อฉัน...ฉันยังเป็นเพื่อนคนเดิมของพวกแก..และไม่ได้เป็นคนเลว”
มะยมวางสาย หันไปมองหน้านิค

มะยมเดินออกมา นิคเดินตามประกบหน้าตายิ้มแย้ม ตบไหล่มะยม
“เอาน่า..มะยม...ให้กาวมันมาเถอะ...มันพูดขนาดนี้แล้ว แสดงว่ามันมีต้องมีอะไร”
“ก็ใครไม่ให้มันมา...ฉันก็ให้มันมา..มายืนรออยู่นี่ไง” มะยมว่า
“อ้าว! แล้วแกทำหน้างอทำไม” นิคงง
มะยมหัวเราะคิก “หิวข้าว”
“แกนี่” ผลักหัวมะยม สองคนเล่นหัวกันอย่างสนุกสนาน
มะยมร้อนใจชะเง้อมองไปด้านหน้า “เมื่อไหร่จะมาวะไอ้กาว”
“บ้า! มันเพิ่งวางสาย”
สองคนหัวเราะสนุก แต่นิคเองก็แอบลุ้นรอกรรณนรีเหมือนกัน

ขณะที่กรรณนรีเดินออกมาจากบ้านด้วยท่าทางสดใส แต่แล้วต้องชะงักเมื่อสรวงที่ดักรออยู่ และถลันออกมาหาเมื่อเห็น กรรณนรี
“คุณสรวง” กรรณนรีคราง
“นึกว่า...จะจำได้...” น้ำเสียงต่อมาของสรวงเย้ยหยันแดกดัน “แต่ท่านอารักษ์ซะแล้ว”
กรรณนรีรำคาญ “คุณมีอะไรพูดมา”
สรวงแกล้งมองมาด้วยสายตาโลมเลีย “คนอย่างเธอ พูดอย่างเดียวไม่ได้หรอก...มานี่”

ขาดคำสรวงกระชากร่างกรรณนรีขึ้นรถ และขับทะยานออกไปทันที เป้าหมายคือบ้านพักริมทะเลแห่งนั้น
จากเที่ยง นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมงแล้ว มะยมกับนิคที่รอกรรณนรีมานานเริ่มหน้าหงิกหน้างอตามๆ กัน จ๋าเดินมาเห็นก็แปลกใจ

“อ้าว! มานั่งหน้าหงิกหน้างออะไรไม่ไปทานข้าว”
“ก็กาวสิคะ..บอกจะเข้ามา...บ่ายสองแล้วยังไม่มาอีก”
“มะยมหิวข้าวจนท้องกิ่วน่ะครับ เลยรมณ์เสีย”
จ๋าอมยิ้ม “ไปเชื่ออะไรกับคนมีพันธะ” ท่าทีเปลี่ยนเป็นขึงขัง “พี่ไม่ได้เสี้ยมนะ ยังใหม่ขนาด
นั้น พี่ว่าท่านอารักษ์ไม่ปล่อยให้กาวออกมาหรอก..ไปกินข้าวได้แล้ว ไป”
พูดจบจ๋าก็เดินไปทำงานต่อ จ๋าพูดไปงั้นๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่นิคกับมะยม มองหน้ากันอย่างนึกโกรธกรรณนรีจริงๆ

สรวงขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพักยามค่ำ แล้วฉุดกระชากกรรณนรีที่ดิ้นรนขัดขืนเข้าบ้านไป
“ปล่อยนะคะคุณสรวง ปล่อย”
สรวงกร้าว ตวาดใส่ “ไม่ปล่อย ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำความวุ่นวายให้ใครอีก เธอต้องอยู่ที่นี่” พลางผลักกรรณนรีเข้าไปคนเดียวแล้วล็อกประตูห้อง
กรรณนรีทุบประตู ร้องลั่น “ปล่อยฉันนะคะ ปล่อย” ออกแรงทุบๆๆๆ อยู่อย่างนั้น
สรวงโมโหกระชากประตูออกอย่างแรง “จะทุบอะไรนักหนา?..อ้อ! เรียกร้องความสนใจ อยากให้ฉันอยู่ด้วย..ได้” เดินพรวดเข้าไป กรรณนรีถอยหลัง “ทีอย่างนี้ละถอย”
สรวงหัวเราะ พลางพูดเหยียดหยัน “คงจะรู้สินะ..ผู้ชายเป็นนักล่า” ขยับเข้าหากรรณนรี เชยคางขึ้น “คืนนี้ฉันจะล่าเธอเอง”
สรวงกระชากร่างกรรณนรีมากอด และก้มลงจูบไซร้ทั่วใบหน้า

เวลาเดียวกัน ที่ห้องอาหารในสปาแห่งหนึ่ง สองคนนั่งอยู่ด้วยกัน แฉล้มเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย
“ดีแล้วค่ะเวลามีอะไร คุณเล่าให้คุณสรวงฟัง เพราะคุณสรวงเป็นคนใจอ่อน”
“แต่คุณสรวงรักนังเด็กนั่น” ภาพิศกังวลอยู่
“ความหึงความหวงมันไม่เข้าใครออกใครนะคุณ..โดยเฉพาะ...คนที่ตัวเองรัก ตัวเองชอบ ไปเป็นเมียน้อยพ่อ ไม่มีใครรับได้หรอก ต่อให้คุณถูกหรือผิด ยังไงคุณสรวงก็ต้องเข้าข้างคุณ เพราะเกลียดนังเด็กนั่นแล้ว”
ภาพิศยิ้มร้าย “มันก็จริง”
“สำคัญก็แต่คุณต้องขยันหมั่นโทร.หาติดต่อคุณสรวง...อ้อนเข้าไว้ ทำตัวให้น่าสงสารเข้าไว้ ยังไงอริยะวรรต ก็ไม่ทิ้งคุณหรอก”
ภาพิศยิ้ม..นิ่งคิด ก่อนหยิบมือถือขึ้นมา

ในขณะที่สรวงใช้แรงปลุกปล้ำกรรณนรีอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น กรรณนรีรีบบอกเสียงรัวเร็ว
“คุณสรวง...โทรศัพท์..รีบรับเร็ว”
สรวงแสยะยิ้มน่ากลัว “ไม่รับ”
“รับเถอะค่ะ..รับเถอะ”
สรวงยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ กรรณนรีถอนใจอย่างโล่งอก ถดตัวจะถอยตัวหนี ทว่าสรวงหันมาเห็น จึงโยนมือถือทิ้งหันมาคว้าร่างกรรณนรีเอาไว้ กรรณนรีร้อง “ว๊าย” สรวงคำราม
“ฉันไม่ปล่อยให้เธอไปแย่งผู้ชายกับแม่เธอหรอก”
สรวงโถมตัวเจ้าปลุกปล้ำกอดจูบกรรรณนรีพัลวัน

ภาพิศอยู่ที่สปากับแฉล้ม ถือหูรอนาน จนแฉล้มถาม
“คุณสรวงไม่รับสาย”
ภาพิศพยักหน้า “สงสัยติดธุระสำคัญอยู่”
“สำคัญไม่สำคัญก็คงมากกว่าคุณล่ะ” แฉล้มยิ้มพูดเย้า “เค้าถึงไม่รับสายคุณ”
ภาพิศชักสีหน้าไม่พอใจ รู้สึกขัดใจนิดๆ แฉล้มกระเซ้า
“เออน่า..ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากให้คุณโกหกแล้วกัน”
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าบ้านเด็กนั่นมันอยู่ที่ไหน” ภาพิศปรารภ
“คุณจะทำไม” แฉล้มฉงน
“ก็ไปประจานมันสิ มันจะได้ไม่กล้ายุ่งกับสามีคนอื่น” ภาพิศบอก
“วิธีบางทีก็ช่วยไม่ได้หรอกนะถ้าเจอ ผู้หญิงหน้าด้านน่ะ ฉันว่าทางที่ดี..คุณยึดคุณสรวงไว้แหละ ถ้าคุณสรวงเป็นพวกคุณ..ยังไงคุณก็สบาย”
แฉล้มผู้เป็นกุนซือประจำตัวของภาพิศแนะนำ

ทางด้านกรรณรี กำลังออกแรงต้านทาน และสู้สรวงสุดชีวิต
“ปล่อยฉัน!” กรรณนรีผลักสรวงออกสุดแรง สรวงล้มลง กรรณนรีวิ่งหนี
สรวงลุกขึ้นมาเร็วรี่ คว้าตัวกรรณนรีกอดเอาไว้ “เธอยังไปไหนไม่ได้”
กรรณนรีมองสู้ด้วยหน้าตาดุดัน “ตราบใดที่คุณเอาแต่ใช้อารมณ์เราไม่มีทางคุยกันรู้เรื่อง”
“งั้นเธอก็บอกมาสิ...เหตุผลที่เธอยอมมาเป็นผู้หญิงของพ่อฉันคืออะไร?” สรวงมองจ้อง “มันก็ไม่ได้ต่างจากแม่เธอ..เพราะเงิน”
กรรณณรีตบอีกผลัวะ
สรวงโกรธจัด “กรรณรี”
“ถ้าคุณรู้ความจริง ว่าทุกอย่างมันเกิดจากแม่คุณ...คุณจะไม่ดูถูกฉัน ดูถูกแม่ฉันอย่างนี้”
สรวงจับร่างกรรณนรีเขย่าอย่างแรง “งั้นเธอก็บอกฉันมาสิ...มันคืออะไร อย่ามาพูดพล่อยๆปรักปรำแม่ฉัน” น้ำเสียงของสรวงกร้าว “พูดมาสิ พูดมา กรรณนรี” แทบขย้ำ
กรรณนรีน้ำตาคลอเบ้า “ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะคุณสรวง...ถึงฉันพูดไป คุณก็คงไม่ฟัง...เพราะตอนนี้คุณเกลียดฉันแล้ว” กรรณนรีสะบัดสุดแรงวิ่งหนีไป

“กรรณรีๆ” สรวงตามออกไป
กรรณนรีวิ่งร้องไห้มาตามทางหน้าบ้านพัก สรวงตามไปคว้าตัวเอาไว้ คำรามใส่

“อย่ามาทำกับฉันอย่างนี้ บอกฉันมา...แม่ฉันทำอะไร”
กรรณนรีส่ายหน้า บอกเสียงกร้าว “ยังไง คุณก็ไม่พร้อมฟังฉันหรอกค่ะ”
สรวงสวนคำออกมา “เพราะเธอตั้งใจใส่ร้ายแม่ฉัน เธอตั้งใจใส่ร้ายแม่ฉัน เพื่อแย่งคุณพ่อ”
กรรณนรีโมโหตบอีกผลัวะ สรวงมองอย่างโกรธขึ้ง กรรณนรีจะวิ่งหนี สรวงคว้าตัวมากอดแน่น สายตาคู่นั้นมีทั้งความทุกข์ เจ็บช้ำ
“ตบฉันเลยกรรณรี...ถ้าคำพูดของฉันมันทำร้ายหัวใจเธอ แต่ขอให้เธอรู้..สิ่งที่เธอทำ มันทำร้ายหัวใจฉันเหมือนกัน”
กรรณนรีสะเทือนใจ เอื้อมมือมาลูบหน้าสรวงตรงรอยตบ บอกย้ำความรู้สึกด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฉันไม่เคยคิดทำร้ายคุณ...ไม่ว่ายังไง...คนที่ฉันรักที่สุดคือคุณ....สิ่งที่ฉันทำทุกอย่างเพราะปกป้องคุณ”
สรวงดึงร่างกรรณนรีเข้ามากอดไว้แนบแน่น กรรณนรีร้องไห้ สรวงพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไงกรรณรี...ในเมื่อ...ฐานะของเธอตอนนี้...คือผู้หญิงของพ่อฉัน”
สรวงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากกรรณนรี สีหน้ามีแต่ความเจ็บช้ำ กรรณนรีมองมาด้วยแววเจ็บปวดร้าวรานไม่ต่างกัน

เช้ามืดวันต่อมาสรวงขับรถมาส่งกรรณนรี หน้าตึงตลอดเวลา กรรณนรีเดินลงจากรถ สรวงไม่หันมาแล แต่พอกรรณนรีจะเดินเข้าบ้าน สรวงกลับเรียกไว้
“เดี๋ยว”
จังหวะนั้นที่ด้านในบ้าน เกริกกำลังจะเดินออกมาเห็นสองคนพอดี
กรรณนรีเหลียวไปมอง แม้จะโกรธ แต่ก็นึกสงสารสรวง พยายามคุมอารมณ์
“คะ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 11 วันที่ 6 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager